Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ - ตอนที่ 1432 ระบบควบคุมการยิงด้วยมนุษย์
“พวกเจ้าน่าจะรู้แล้วว่าเมืองของเรากำลังถูกโจมตีอยู่!” อิสซาเบลล่าปรบมือเพื่อดึงความสนใจของทุกคนมาไว้ที่ตน “แต่ศัตรูไม่ได้มีแค่สัตว์อสูรเท่านั้น เบื้องหลังสัตว์ประหลาดกลุ่มนี้คือศัตรูที่ไม่ได้น่ากลัวน้อยไปกว่าพวกปีศาจเลย จากรายงานข่าวที่น่าเชื่อถือ การโจมตีของพวกมันมีแต่จะยิ่งรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ขนาดเองก็ขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ และพวกมันจะไม่หยุดจนกว่าจะบดขยี้พวกเราได้!
“เมืองเนเวอร์วินเทอร์และกองทัพที่หนึ่ง ย่อมไม่มีทางปล่อยให้พวกมันบุกเข้ามาโจมตีดินแดนแห่งสุดท้ายของมนุษย์ผืนนี้ตามใจชอบ เพียงแต่การรับมือกับศัตรูที่มองเห็นนั้นเป็นเรื่องที่ง่าย ศัตรูที่มองไม่เห็นต่างหากถึงจะเป็นอันตรายอย่างแท้จริง นี่ไม่ใช่การเปรียบเปรยหรือการพูดเกินจริง หากแต่เป็นการบรรยายจากเรื่องที่เกิดขึ้นจริง” มาพูดถึงตรงนี้เธอก็ดีดนิ้วขึ้นมา ทหาร 2-3 คนเลิกผ้าผืนใหญ่ผืนหนึ่งออก
“ฟึบ”
ภายในกลุ่มแม่มดมีเสียงอุทานตกใจดังขึ้นมา
โบแชงเองก็เหมือนกัน
ตอนที่เดินเข้ามาในโรงงานเธอถูกเครื่องจักรเหล็กกล้าขนาดใหญ่ดึงดูดความสนใจเอาไว้ เธอถึงไม่ทันสังเกตเห็นผ้าสีเทาขนาดใหญ่ที่อยู่ตรงข้ามผืนนี้
แล้วสิ่งที่อยู่ด้านล่างผ้าผืนนี้ก็คือสัตว์ประหลาดรูปร่างแปลกประหลาดตัวหนึ่ง!
ร่างกายของมันกึ่งนั่งกึ่งยืน ความสูงของมันเกือบ 2 เมตร กรงเล็บที่เป็นเหมือนเคียวคู่หนึ่งถูกแขวนเอาไว้กลางอากาศ ดูแล้วเหมือนพร้อมจะกระโจนเข้ามาหาพวกเธอได้ทุกเมื่อ
แต่มองดูอย่างละเอียดจะพบว่าบนร่างกายของมันเต็มไปด้วยรอยบาดแผลจำนวนมาก ปากแผลแห่งหนึ่งที่กว้างขนาดนิ้วหัวแม่มือลากยาวตั้งแต่หน้าอกไปจนถึงช่วงท้อง การที่มันไม่ปริแตกออกก็ถือเป็นเรื่องที่แปลกมากแล้ว
โบแชงรู้ว่าเจ้านี่มันตายแล้ว
“สัตว์ประหลาดที่อยู่ตรงหน้าพวกเจ้าตัวนี้ก็คือ ‘ศัตรูที่มองไม่เห็น’ ที่ข้าบอกไปเมื่อครู่นี้” อิสซาเบลล่าพูดเสียงดัง “เวลาที่มันเคลื่อนไหว ร่างกายทั้งหมดของมันจะรวมเป็นหนึ่งกับภาพด้านหลัง ทำให้ดูแล้วเหมือนมันหายตัวไปอย่างไรอย่างนั้น เพื่อที่จะฆ่ามันแล้ว กองทัพที่หนึ่งต้องเสียสละชีวิตทหารไป 30 กว่าคน แถมนี่ยังเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นตอนกลางวันในพื้นที่เปิดโล่งด้วย ถ้าอีกฝ่ายมีจำนวนมากกว่านี้ ถ้าการต่อสู้เกิดขึ้นในเวลากลางคืน ผลลัพธ์ที่ตามมาพวกเจ้าก็น่าจะรู้ว่าจะเป็นอย่างไร!”
“ตอนนี้พวกเราตั้งชื่อให้มันว่าอสูรมีด และจนถึงตอนนี้ในพื้นที่บุกเบิกก็มีบันทึกเกี่ยวกับอสูรมีดที่ได้รับการยืนยันมาแล้ว 5 ครั้ง ในการบันทึกแต่ละครั้งจะมีทหารบาดเจ็บและล้มตายเป็นจำนวนมาก ส่วนเจ้าตัวนี้ก็เป็นตัวอย่างที่ถูกตัดขาดเป็นชิ้นๆ ก่อนแล้วให้ทหารลากกลับมา จากนั้นจึงให้แอ๊กเซียถ่ายภาพย้อนกลับแล้วประกอบร่างมันขึ้นมาใหม่ มันคือเป้าหมายที่พวกเราจะต้องป้องกันหลังจากนี้อย่างไม่ต้องสงสัย”
“อย่างนั้นพวกเราทำอะไรได้บ้าง?” เอมี่ยกมือขึ้นถาม
“ถามได้ดีมาก” อิสซาเบลล่าพยักหน้า “อสูรมีดไม่ใช่ปีศาจหรือว่าสัตว์อสูรพันธุ์ผสม แต่พวกมันมีจุดหนึ่งที่คล้ายกันอยู่ นั่นคือพลังเวทมนตร์ ในสายตาคนธรรมดาแล้วบางทีอาจจะหาร่องรอยของพวกมันได้ยาก แต่สำหรับแม่มดแล้ว ขอเพียงผ่านการฝึกซ้อม ก็จะทำให้พวกมันไม่มีที่ให้หลบซ่อนตัวได้อีก และของสิ่งเดียวที่พวกเจ้าต้องเรียนรู้ที่จะใช้งานก็คือเจ้านี่” เธอหยิบเอาแผ่นโลหะที่ส่องประกายสีเงินขึ้นมา 2 แผ่น “รูนหินเวทมนตร์”
หลังฟังอีกฝ่ายอธิบายอย่างละเอียดจนจบแล้ว ในที่สุดโบแชงก็เข้าใจจุดประสงค์ของการตั้งทีมพิเศษทีมนี้ขึ้นมา
รูนทั้ง 2 อันคือ ‘รูนกรีดร้อง’ กับ ‘รูนเสียงสะท้อน’ โดยรูนกรีดร้องเดิมใช้สำหรับป้องกันปีศาจ ส่วนรูนเสียงสะท้อนนั้นมักจะใช้ในการค้นหาซากโบราณสถาน แต่หลังจากที่ทำการปรับเปลี่ยนแล้ว พวกมันก็กลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่ใช้ตอบโต้อสูรมีด
ขอบเขตการใช้งานของรูนกรีดร้องอยู่ที่ประมาณ 2-3 กิโลเมตร ขอเพียงตรวจพบว่ามีสิ่งมีชีวิตที่มีพลังเวทมนตร์กำลังเข้ามา มันก็จะส่งเสียงแจ้งเตือน แม่มดที่ได้รับการแจ้งเตือนจำเป็นต้องแยกแยะว่าเสียงนั้นเกิดขึ้นจากอสูรมีดหรือไม่ ทันทีที่ยืนยันเป้าหมายได้แล้ว ก็จะเปลี่ยนไปใช้รูนเสียงสะท้อนในการระบุตำแหน่งศัตรู ในเวลานี้ระหว่างตัวเป้าหมายและรูนจะมี ‘เส้นชี้นำ’ ปรากฏขึ้นมา และสามารถระบุโครงร่างของศัตรูได้ ขอเพียงยิงไปตามเส้นชี้นำ ก็จะสามารถหยุดการเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ถึงแม้หลักการจะฟังดูแล้วง่าย แต่เวลาที่ทำมันจริงๆแล้วกลับมีความซับซ้อนอย่างมาก
อันดับแรกคือรูนสดับที่ทำการปรับเปลี่ยนมาจะมีปฏิกิริยาต่อสัตว์สูญพันธุ์ผสมเช่นเดียวกัน แม่มดจำเป็นต้องอาศัยประสบการณ์ของตัวเองในการแยกแยะถึงความต่างของเสียง ในตอนที่เจอกับฝูงสัตว์อสูรขนาดใหญ่ ในเสียงเตือนจะต้องเต็มไปด้วยเสียงวุ่นวายเป็นจำนวนมากอย่างแน่นอน ดังนั้นการอาศัยเพียงการฟังเพียงอย่างเดียวจึงยากที่จะป้องกันอย่างสมบูรณ์ได้
อันดับต่อมาคือการรับรู้ของมันจะถูกสภาพแวดล้อมรอบๆ อย่างเช่น เนินเขา ก้อนหิน ต้นไม้ทำให้อ่อนแรงลง โดยเฉพาะโลหะ แผ่นโลหะแผ่นหนึ่งสามารถทำให้ขอบเขตการใช้งานของมันลดลงไปหลายร้อยเมตร ดังนั้นมันจึงจำเป็นต้องถูกติดตั้งเอาไว้ในพื้นที่เปิดโล่งที่อยู่ด้านหน้าที่สุด
แต่เส้นชี้นำของรูนเสียงสะท้อนกลับไม่ถูกขัดขวางจากวัตถุรอบๆข้าง ปัญหาที่สำคัญที่สุดของมันก็คือมีเพียงแม่มดเท่านั้นถึงจะมองเห็นเส้นเล็กๆ ที่เกิดจากพลังเวทมนตร์นี้ได้ นอกจากนี้ในตอนที่เป้าหมายไม่ได้อยู่ในพื้นที่ที่มองเห็นได้ด้วยสายตา พวกเธอก็จะไม่มีวิธีอื่นในการยืนยันเป้าหมายที่ตัวเองล็อคเป้าเอาไว้ได้
“ข้าสามารถสอนพวกเจ้าใช้รูนได้ แต่ข้าไม่สามารถสอนพวกเจ้าปกป้องตัวเองได้” อิสซาเบลล่าพูดช้าๆชัดๆ “เพราะฝ่าบาททรงได้จัดตำแหน่งที่เหมาะสมเอาไว้ให้พวกเจ้าแล้ว นั่นก็คือหัวหน้าทีมรถศึก!”
“รถศึกเตะกล้าที่ถูกเรียกว่ารถถังชนิดนี้คืออาวุธชนิดใหม่ที่กองอุตสาหกรรมสร้างขึ้นมา พวกมันมีความสามารถทั้งการโจมตีและการป้องกัน ต่อให้ถูกสัตว์อสูรผสมพร้อมโจมตีก็สามารถถอยออกมาได้ไม่ยาก ปืนใหญ่สนามกระบอกสั้นที่ติดตั้งอยู่ด้านบนสามารถบดขยี้ศัตรูทั้งหมดได้ ในฐานะที่เป็นหัวหน้าทีม พวกเจ้าไม่จำเป็นต้องควบคุมเครื่องจักรที่ซับซ้อนนี้ด้วยตัวเอง แค่คอยระบุทิศทางให้กับคนขับและคนยิงปืนใหญ่ก็พอ”
“แต่แน่นอน ในเวลาที่จำเป็นพวกเจ้าเองก็สามารถทำการเล็งและยิงปืนใหญ่ด้วยตัวเองได้เลย ฝ่าบาททรงเรียกระบบนี้ว่าระบบควบคุมการยิงแบบไล่ล่า และพวกเจ้าก็คือหัวใจสำคัญของระบบนี้”
บัญชาการและขับเจ้ายักษ์นี่งั้นหรือ…
เมื่อนึกถึงภาพเจ้านี่บดขยี้ไปมาบนตัวสัตว์อสูร โบแชงพลันเกิดความรู้สึกอยากจะลองขับมันขึ้นมา
“ในช่วงเวลา 4-5 วันหลังจากนี้ พวกเจ้าจะเข้ารับการฝึกพร้อมกับพลรถถังของกองทัพที่หนึ่ง เพื่อที่จะได้เข้าใจหลักการทำงานพื้นฐานของมัน แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดยังคงเป็นการเรียนรู้การใช้รูนและวิธีแยกแยะศัตรู” อิสซาเบลล่ากล่าวสรุปสุดท้ายว่า “เวลาเหลือไม่มากแล้ว ก็หวังว่าทุกคนจะทุ่มเทอย่างเต็มที่ และผ่านการคัดเลือกกลายเป็นหนึ่งในสมาชิกของหน่วยรถถังหุ้มเกราะหน่วยแรกของเกรย์คาสเซิล”
…….
พื้นที่ทางเหนือของอาณาจักรดอว์น
ในตอนที่มองเห็นโรแลนด์เดินออกมาจากปากฟรานส์ ทุกคนพลันรู้สึกโล่งใจ โดยเฉพาะสมาชิกของทีมที่ปรึกษา สีหน้าของทุกคนเหมือนยกภูเขาออกจากอก ถึงแม้แผนการนี้ฝ่าบาทจัดส่งเป็นคนเสนอออกมา แต่รายละเอียดและขั้นตอนการปฏิบัติต่างๆ ล้วนแต่เป็นทีมที่ปรึกษาที่เป็นคนกำหนดขึ้นมา ถ้าหากฝ่าบาททรงเป็นอะไรไป ก็เขาคงยากที่จะหนีความผิดได้
ยกเว้นเอดิธส์เพียงคนเดียวเท่านั้น
เธอถือเป็นสมาชิกเพียงคนเดียวในทีมที่ปรึกษาที่ยังสามารถพูดคุยกับโรแลนด์ได้ด้วยสีหน้าที่เป็นปกติ
“ไม่ทราบว่าผลการพูดคุยเป็นอย่างไรบ้างเพคะ?”
“ราบรื่นกว่าที่คิดเอาไว้” โรแลนด์พูดอย่างสบายๆ หลังจากที่ได้พูดคุยกับวัลคีรีย์ในวันนั้นเขาก็ทำการตัดสินใจออกมา แต่การจะเข้าไปในโลกแห่งความฝันตามวิธีปกตินั้นมีความเสี่ยงอย่างมาก อีกทั้งยังเต็มไปด้วยความไม่แน่นอนสำหรับทั้งสองฝ่าย ด้วยเหตุนี้เขาจึงคิดที่จะใช้วิธีที่ตรงไปตรงมาที่สุดรายการพาอีกฝ่ายมาเจอหน้ากัน นั่นคือการลากอีกฝ่ายเข้ามาในโลกแห่งความฝันโดยไม่บอกล่วงหน้าให้รู้ตัว
และความจริงก็ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าพื้นดินนานๆนั้นไม่ได้ส่งผลกระทบต่อเสาลำแสงเลยแม้แต่นิดเดียว และในตอนที่ทั้งสองฝ่าย ‘หลับตา’ ปีศาจดวงตาก็ไม่สามารถทำประโยชน์อะไรได้ ตอนนั้นข้างกายเขายังมีแม่มดอาญาสิทธิ์อยู่อีก 4 – 5 คน ต่อให้เฮคซอดเจอร่องรอยของเขา มันก็ไม่สามารถทำอะไรเขาได้
เพียงแต่วิธีเดียวกันไม่สามารถใช้ซ้ำกันหลายครั้งได้ หลังพวกมันกลับไปแล้ว พวกมันน่าจะรู้แล้วว่าตัวเองอยู่ไม่ไกลจากเนินเขาเท่าไรนัก ถ้าพวกมันเตรียมตัวเอวไว้ล่วงหน้า ต่อให้อยู่ลึกลงไปใต้ดินก็ไม่อาจพูดว่าปลอดภัยแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ได้
“หลังจากนี้ถ้ามีอะไรคืบหน้า ปีศาจน่าจะใช้วิธีส่งจดหมายติดต่อมา” โรแลนด์หันไปสั่งการขวานเหล็ก “ทิ้งกองทหารรักษาการณ์เอาไว้ในพื้นที่นี้กองหนึ่ง หากอีกฝ่ายมีความเคลื่อนไหวอะไร ให้รีบมาแจ้งข้าทันที นอกจากนี้ พวกมันยังคงเป็นศัตรูของเรา โดยเฉพาะปีศาจแมงมุม ทันทีที่มันข้ามเส้นเฝ้าระวังเข้ามา ให้จัดการมันโดยไม่ต้องออมมือ”
“พ่ะย่ะค่ะ” ผู้บังคับบัญชาการพยักหน้า
เกรงว่าหลังจากนี้คงจะไม่ได้คุยกับราชาของปีศาจไปอีกพักใหญ่เลย โรแลนด์คิดในใจ ในโลกแห่งความฝัน เขาเหมือนจะสังเกตเห็นว่าความสัมพันธ์ของวัลคีรีย์กับราชาที่ชื่อเซโรเชสตนนั้นไม่ใช่ธรรมดาเลย ตอนแรกเขาค่อนข้างผิดหวังเมื่อเห็นว่าปีศาจที่มาเอาจดหมายไม่ใช่เฮคซอด แต่ตอนนี้ดูแล้วเหมือนผลลัพธ์จะดีกว่าที่เขาคิดเอาไว้เสียอีก
เพราะว่าสิ่งที่เรื่องนี้ต้องการมากที่สุดก็คือความเชื่อใจ
แต่หลังจากนั้นเพียงสองชั่วโมง โรแลนด์ก็ได้รับข่าวสองข่าวที่ทำให้เขาต้องตกตะลึง
พระผู้สร้างจู่ๆ ก็มีความเคลื่อนไหวผิดปกติ จากที่ไลต์นิ่งรายงานมาก มันลอยตรงขึ้นไปยังท้องฟ้าด้านบนอย่างช้าๆ ปลายด้านล่างสุดของมันอยู่ห่างจากพื้นดินมากกว่า 300 เมตร นี่เหมือนจะผิดไปจากสมมติฐานของทีมที่ปรึกษาที่บอกกว่าระดับความสูงของแผ่นดินลอยฟ้ามีความสัมพันธ์อย่างมากกับการเผาผลาญพลังเวทมนตร์
ส่วนเรื่องที่สองคือทีมของฟิชบอลเจอราชาปีศาจอยู่บนเนินเขา เพียงแต่ครั้งนี้มีสองตัว
……………………………………………………………….