Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ - ตอนที่ 1435 ยึดพระผู้สร้าง
หลังจากนั้นสองวัน ในที่สุดพระผู้สร้างก็ลอยขึ้นไปอยู่ที่ระดับความสูงเกือบ 5,000 เมตร
เมื่อมองดูจากระยะไกล มันเหมือนกับเป็นพิระมิดที่ลอยค้างอยู่บนชั้นเมฆ เงาที่ทอดลงมาบดบังพื้นที่หนึ่งในสามของอาณาจักรดอว์น นี่ทำให้ท้องฟ้ามืดเร็วขึ้นกว่าเดิมหลายชั่วโมง
ถ้าไม่เป็นเพราะเบื้องบนมีการเตรียมพร้อมเอาไว้และออกคำสั่งไม่ให้ประชาชนออกไปนอกอาณาจักรอย่างเคร่งครัด เกรงว่าเพียงแค่ปรากฏการณ์แปลกๆ นี้ก็สามารถทำให้ระเบียบของเมืองพังทลายลงได้แล้ว
จากนั้นพระผู้สร้างก็ค่อยๆ เคลื่อนตัวไไปทางตะวันออกเฉียงใต้ของเกรย์คาสเซิล โครงของเงาขนาดใหญ่ที่เคลื่อนตัวได้ทำให้เกิด ‘เส้นแบ่งกลางวันกลางคืน’ บนดินแดนของมนุษย์อย่างชัดเจน ถึงแม้ไซเลนท์กับสกายลอร์ดจะไม่สามารถควบคุมแกนพลังเวทมนตร์ได้ แต่การปิดประตูปล่อยหมอกแดงกลับไม่ใช่ปัญหาอะไร ซึ่งนี่ถือเป็นข่าวดีเพียงข่าวเดียวในตอนนี้ —- อย่างนั้นมันก็จะได้ไม่สาดหมอกแดงไปทั่วทุกที่เหมือนอย่างตอนแรกแล้ว
นอกจากการสังเกตดูทิศทางการเคลื่อนที่ของพระผู้สร้างแล้ว สโมสรแม่มดกับสำนักบริหารก็ไม่ได้อยู่เฉยเลย ด้วยความร่วมมือกันของทั้งสองฝ่าย ในเวลาสั้นๆ เพียงแค่สองวันก็สามารถส่งแกนพลังเวทมนตร์เครื่องหนึ่งและผู้ควบคุมที่เกี่ยวข้องเดินทางข้ามครึ่งอาณาจักรเกรย์คาสเซิลไปถึงเส้นทางที่แผ่นดินลอยฟ้าจะเคลื่อนที่ผ่าน
หลังเปิดลังที่ปิดอยู่ออก โรแลนด์ก็ได้เจอกับเซลีนภายในโกดังที่อยู่ภายในค่ายชั่วคราว
‘ฟู่ว…ถึงแม้ร่างเปลือกนี้จะไม่จำเป็นต้องหายใจ แต่ความรู้สึกที่ต้องอยู่ในที่แคบๆ แบบนี้ก็ค่อนข้างทรมานเลยทีเดียวเพคะ’ เธอคลายหนวดทั่วทั้งร่างออก เหมือนกำลังบิดขี้เกียจอยู่อย่างไรอย่างนั้น
“ลำบากหน่อยนะ” โรแลนด์พูดอย่างจริงใจ เขาย่อมต้องรู้ว่าความรู้สึกตอนที่ถูกขังอยู่ในลังแคบๆ โดยไม่สามารถขยับได้นั้นไม่ใช่ความรู้สึกที่ดีสักเท่าไร โดยเฉพาะคนที่กลัวที่แคบด้วยแล้ว ความรู้สึกแบบนี้สามารถทำให้เป็นบ้าได้เลยทีเดียว ถ้าไม่เป็นเพราะเหลือเวลาอยู่ไม่มาก ส่วนเครื่องบินบรรทุกระเบิดที่สามารถบรรทุกของขนาดใหญ่ได้ก็กำลังอยู่ระหว่างการประกอบ เขาคงไม่มีทางใช้วิธีนี้มาขนย้ายแม่มดโบราณแน่
‘ถ้าเทียบกับความยากลำบากที่ได้รับมาในอดีตแล้ว เรื่องแค่นี้ไม่ถือว่าลำบากอะไรเพคะ’ เซลีนหมุนซ้ายหมุนขวา ‘จะว่าไปแล้ว การที่ต้องร่วมมือกับปีศาจต่างหากถึงจะเป็นเรื่องที่ทำให้หม่อมฉันตกใจมากกว่าเพคะ — ฝ่าบาท’ เธองอหนวดหลักลง แล้วกดเสียงที่พูดอยู่ในจิตสำนึกในเบาที่สุด ‘พระองค์ทรงแน่ใจนะเพคะว่าจะทำแบบนี้? พวกมันคือศัตรูที่ไร้ความปราณีและความเป็นมนุษย์ การหลอกลวงนั้นถือเป็นเรื่องที่ธรรมดาอย่างมากสำหรับพวกมัน ทูลตามตรง ถ้าไม่เป็นเพราะพระองค์เป็นคนตรัสออกมา อาลิเธียจะต้องปฏิเสธอย่างแน่นอนเพคะ’
‘วางใจได้ ข้ารู้ดีว่าตัวเองกำลังทำอะไร’ โรแลนด์ใช้จิตสำนึกตอบกลับไปอย่างจริงจัง ‘พระผู้สร้างจะตกลงมาบนดินแดนของสี่อาณาจักรใหญ่ไม่ได้เด็ดขาด พวกเรารับความเสียหายนั้นไม่ไหว’
‘เลือกทางที่เสียหายน้อยที่สุด นี่คือเรื่องที่สามผู้นำต้องทำอยู่บ่อยๆ เพคะ’ จู่ๆ เสียงของเซลีนก็นุ่มนวลขึ้น ‘หม่อมฉันเชื่อในการตัดสินใจของพระองค์เพคะ’
‘ยังดีที่คนควบคุมแกนพลังเวทมนตร์ไม่ใช่อาลิเธีย” โรแลนด์ยิ้มแห้งๆ “ไม่อย่างนั้นข้าคงต้องปวดหัวแย่”
‘พระองค์ทรงคิดผิดแล้วเพคะ’ เซลีนยิ้มเล็กน้อย ‘จริงอยู่ที่หลังจากฟังเรื่องนี้แล้วนางจะบ่นออกมาเยอะแยะมากมาย แต่คนจับหม่อมฉันยัดเข้าไปในกล่องก็คืออาลิเธียเพคะ’
โณแลนด์ตกตะลึง ภายในใจเกิดความรู้สึกตื้นตันใจขึ้นมา
‘แล้ว…ปีศาจระดับสูงที่พระองค์ตรัสถึงอยู่ไหนเพคะ? หม่อมฉันอยากจะขึ้นไปบนแผ่นดินลอยฟ้านั้นเต็มทีแล้วเพคะ’
“เอ่อ….” การตอบสนองนี้เหนือความคาดหมายของเขาไปหน่อย” ความจริงเจ้าอยากจะขึ้นไป?”
‘แน่นอนสิเพคะ! นี่เป็นโอกาสที่จะได้วิจัยแกนเวทมนตร์อันใหม่ที่ไม่เคยเจอมาก่อนนะเพคะ! การที่สามารถใช้หินอาญาสิทธิ์มารวบรวมพลังเวทมนตร์แล้วเปลี่ยนมันให้กลายเป็นแรงลอยตัวอันมหาศาล แค่คิดๆ ก็รู้สึกตื่นเต้นแล้วเพคะ!’ น้ำเสียงของเซลีนเปลี่ยนไปทันที ‘ยิ่งไปกว่านั้นนั่นยังเป็นเมืองของปีศาจด้วย นั่นเมืองเลยนะเพคะ! ตลอดช่วงเวลาที่มีสงครามแห่งโชคชะตา ไม่เคยมีมนุษย์ที่สามารถบุกโจมตีเมืองของปีศาจได้แม้แต่เมืองเดียวมาก่อน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องการยึดเมืองเลยเพคะ!’
“เอาล่ะ ที่เจ้าพูดมามันก็มีเหตุผลจริงๆ…” โรแลนด์หมุนตัวเดินไปยังมุมหนึ่งของห้อง “ตามข้ามา”
หลังเดินผ่านประตูที่สร้างขึ้นมาเป็นพิเศษบานหนึ่งเข้าไป เฮคซอดกับเซโรเชสก็กำลังรอปฏิบัติภารกิจอยู่ตรงกลางห้องนั้น รอบกายพวกมันมีแม่มดอาญาสิทธิ์ยืนล้อมอยู่หลายสิบคน ทั้งสองฝ่ายต่างจับจ้องกับไม่วางตา — ถึงแม้จะบอกว่าร่วมมือกัน แต่ก็ไม่มีฝั่งไหนที่จะวางใจอย่างแท้จริงได้
“นี่มัน…” แวบแรกที่มองเห็นเซลีน เฮคซอดก็เลิกคิ้วขึ้นมาอย่างแปลกใจ “ร่างเปลือกของอารยธรรมใต้ดิน? แม่มดรวมร่างกับมันเหรอ?”
“หรือว่าพวกเจ้าไม่เคยลองทำดู?” โรแลนด์ถามอย่างแปลกใจ
“มีแต่นาซเพลเท่านั้นที่ยินดีเปลี่ยนตัวเองให้กลายเป็นสัตว์ประหลาด” สกายลอร์ดเหมือนจะไม่อยากพูดเรื่องนี้ต่อไป “ในเมื่อเตรียมพร้อมแล้วก็เริ่มกันเถอะ”
“รายละเอียดของภารกิจได้คุยกันไปก่อนหน้านี้แล้ว ตอนนี้ทุกคนมาอยู่กันพร้อมหน้า ข้าก็จะย้ำถึงขั้นตอนสำคัญให้ฟังอีกครั้ง” โรแลนด์กวาดตามองไปร้อบ “แกนเวทมนตร์ที่ควบคุมพระผู้สร้างอยู่ที่ด้านล่างของเสาโอเบลิส ที่นั่นเต็มไปด้วยหมอกแดง ดังนั้นคนที่จะรับผิดชอบภารกิจนี้คือแม่มดอาญาสิทธิ์และกองทัพที่หนึ่ง ศัตรูที่อาจจะอยู่ในนั้นคือร่างซิมไบออนท์ หรือก็คือปีศาจแมงมุม ดังนั้นห้ามทำอะไรวู่วามเด็ดขาด — กองทัพที่หนึ่งจะตั้งจุดป้องกันในตำแหน่งที่สำคัญๆ เอาไว้ กระทั่งบริเวณรอบๆ ปลอดภัยแล้วถึงจะสามารถสัมผัสกับแกนเวทมนตร์ได้ หน้าที่หลักๆ ของแม่มดอาญาสิทธิ์คือปกป้องเซลีน ในจุดนี้ข้าต้องฝากเจ้าด้วย” สายตาเขาไปหยุดอยู่ที่ฟิลลิสกับโซอี้
ทั้งสองคนทำวันทยาหัตถ์พร้อมตอบออกมาพร้อมกัน “เพคะ”
จากที่เฮคซอดบอกมา เนื่องจากแผนการที่สองได้เริ่มดำเนินการล่วงหน้า ตอนนี้จึงยังมีร่างชั้นต่ำอยู่หลายแสนกับปีศาจคุ้มคลั่งอีกนับพันที่หนีออกมาไม่ทัน เดิมพวกมันฟังคำสั่งของราชาอยู่แล้ว ดังนั้นจึงไม่เป็นปัญหาอะไร ส่วนปีศาจระดับสูงที่ฟังคำสั่งของเดอะแมสก์ก็ถูกไซเลนท์พูดกล่อม มีเพียงแค่ปีศาจแมงมุมที่ถูกเดอะแมสก์สร้างขึ้นมาเท่านั้นที่ไม่สามารถควบคุมได้ — ถึงแม้เฮคซอดจะปิดประตูลานเพาะเลี้ยงไปแล้ว แต่ก็ไม่มีใครรู้ว่ายังมีปีศาจแมงมุมที่คอยเดินคุ้มกันอยู่ในเมืองอีกกี่ตัว
“อย่างนั้น…ออกเดินทางได้!”
โรแลนด์ออกคำสั่ง
เฮคซอดดีดนิ้ว ฉากเวทมนตร์ที่มืดสลัวผืนหนึ่งปรากฏขึ้นที่ด้านหลังของมัน ขณะเดียวกันสิ่งที่ไหลทะลักออกมายังมีหมอกแดงบางๆ ด้วย
ราชาทั้งสองหายไปในประตูมิติก่อน
จากนั้นก็เป็นแม่มดอาญาสิทธิ์และเซลีน
จากนั้นประตูด้านข้างโกดังพลันเปิดออก ทหารพันนายพร้อมอาวุธครบมือก็ทยอยเดินเข้าไปในประตูมิติ
ปฏิบัติการยึดเมืองเริ่มต้นขึ้นแล้ว!
…..
‘นี่คือ…ภายในเมืองปีศาจงั้นเหรอ…’ เซลีนอุทานออกมา นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้มาเหยียบในพื้นที่ศูนย์กลางของศัตรูและสำรวจเสาโอเบลิสในระยะใกล้ขนาดนี้ ถึงแม้จะรู้ว่ามันมีขนาดใหญ่อย่างมาก แต่ในตอนที่ได้มาเห็นมันในระยะใกล้ๆ เธอก็ยังอดรู้สึกตกตะลึงไม่ได้
โดยเฉพาะในตอนที่พวกเธออยู่ที่ด้านล่างหลุมยักษ์ หอหมอกแดงที่กว้างหลายร้อยเมตรที่พุ่งทะลุขึ้นมาจากทะเลสาบหมอกนี้แดงเหมือนเป็นเสาที่ยืดยาวขึ้นไปบนท้องฟ้า
“เจ้าคิดจะทำอะไร?” ฟิลลิสถามออกมาพร้อมกับมองไปรอบๆ อย่างตื่นตัว
‘อันดับแรกก็เชื่อมการรับรู้เข้ากับแกนเวทมนตร์ที่เป็นตัวควบคุมเสียก่อน’ เธอมองดูแกนเวทมนตร์ที่หมุนวนรอบเสาหินอยู่ด้านบนพร้อมพูดออกมา ‘เราสามารถทำให้แกนพลังเวทมนตร์แสดงพลังที่แตกต่างกันออกมาได้ด้วยการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของมัน ส่วนจะใช้ ‘สังเกต’ หรือ ‘สมดุล’ ในการเชื่อมต่อมัน อันนี้ก็ต้องรอดูก่อนถึงจะรู้ได้’
“สมดุล? นั่นมันชื่อหินเวทมนตร์ไม่ใช่เหรอ?”
‘ในอีกแง่หนึ่งแล้ว แกนพลังเวทมนตร์กับหินเวทมนตร์นั้นไม่ได้ต่างกันเท่าไร สิ่งที่ต่างกันมากที่สุดนั้นอยู่ที่ขนาดและระดับความซับซ้อนเท่านั้น ความจริงแล้ว หลังจากที่ข้าได้อ่านรายงานการวิจัยของอิสซาเบลลา ข้ากลับรู้สึกว่าแม่มดกับพวกมันนั้นไม่ได้ต่างกันเท่านั้น — ที่จริงแล้วพวกเราต่างกำลังใช้วิธีเดียวกันในการขับเคลื่อนพลังเวทมนตร์อยู่’
ฟิลลิสเงียบไปครู่ ก่อนจะข้ามประเด็นนี้ไป “หลังจากเชื่อมต่อแล้วล่ะ?”
‘ทันทีที่เชื่อมต่อแล้ว ข้าก็ะสามารถวิเคราะห์โครงสร้างแกนพลังเวทมนตร์ของปีศาจได้ ก็เหมือนกับการใช้หินเวทมนตร์ในการวิเคราะห์พลังของแม่มดอย่างนั้นแหละ ฝ่าบาททรงต้องการให้มันตกลงไปบนพื้นอย่างนุ่มนวล อย่างนั้นเราก็น่าจะใช้วิธีชะลอความเร็วในการทำงานของแกนเวทมนตร์เพื่อทำให้มันตกลงบนพื้นอย่างช้าๆ ได้ ซึ่งวิธีนี้มันง่ายกว่าการสร้างความสามารถขึ้นมาใหม่มาก’
“เลดี้ฟิลลิส ท่านเซลีน’ ไบรอันเดินเข้ามา “กองทัพที่หนึ่งตั้งแนวป้องกันเสร็จเรียบร้อยแล้วขอรับ ต่อไปก็ฝากพวกท่านด้วยนะขอรับ”
เซลีนพยักหนวดหลัก จากนั้นก็เอาหนวดหลักแทงเข้าไปในแกนพลังเวทมนตร์ที่พกมาด้วย
ไม่นาน ด้านในแกนพลังเวทมนตร์ก็เปล่งแสงสีน้ำเงินที่สว่างเจิดจ้าออกมา จากนั้นมันก็ค่อยๆ ตั้งขึ้นมาแล้วลอยขึ้นไปในอากาศ
เส้นลำแสงเล็กๆ ค่อยๆ ปรากฏออกมา ก่อนจะค่อยๆ เคลื่อนที่เข้าไปหาเสาหินโอเบลิส — ภาพที่แปลกประหลาดนี้ได้ดึงดูดสายตาทุกคนเอาไว้ มันเป็นเหมือนกับใยแมงมุมที่ลอยอยู่เหนือทะเลสาบหมอกแดง ดูแล้วคล้ายกับว่ามันอยู่ตรงนั้นมาแต่แรกแล้ว เพียงแต่เพิ่งจะปรากฏขึ้นมาให้เห็นในตอนนี้เท่านั้น
………………………………………………………………………