Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ - ตอนที่ 1440 หน้าที่ของแต่ละคน
ในตอนที่พระผู้สร้างตกลงมา ด้านล่างก็เกิดความโกลาหลขึ้น
จู่ๆ เฮคซอดพลันเปิดประตูมิติขึ้น แล้วพาตัวเองกับเซโรเชสมาอยู่ตรงหน้าโรแลนด์เพื่อจะพาตัวโรแลนด์ไป
ส่วนแม่มดอาญาสิทธิ์ก็ห้อมล้อมโรแลนด์เอาไว้อย่างแน่นหนา อีกทั้งยังใช้สร้างอาณาเขตปิดกั้นพลังเวทมนตร์ขึ้นมา ทั้งสองฝ่ายต่างไม่มีใครยอมใคร สถานการณ์ตกอยู่ในความตึงเครียดอย่างมาก ถ้าไม่เป็นเพราะไลต์นิ่งเอาข่าวเรื่องที่แผ่นดินลอยฟ้าเริ่มลดความเร็วมาบอกได้ทันเวลา เซโรเชสคงจะชักดาบออกมาจากฝักแล้วเข้าไปสู้กับแม่มดอาญาสิทธิ์แล้ว
นี่ทำให้โรแลนด์รู้แล้วว่าถึงแม้ทั้งสองฝ่ายจะร่วมมือกัน แต่เป้าหมายในเรื่องผลประโยชน์กลับแตกต่างกัน พูดอีกอย่างก็คือนอกจากวัลคีรีย์แล้ว พวกมันเหมือนจะยังไม่เข้าใจถึงอันตรายของพระเจ้าอย่างแท้จริง ตอนนี้ทุกสิ่งที่พวกมันทำก็ล้วนแต่เป็นเพราะตัวไนท์แมร์ที่ยังถูกขังอยู่ในโลกแห่งความฝันเท่านั้น
แต่ไม่ว่ามันจะเป็นอย่างไร การที่พระผู้สร้างได้ลดความเร็วในการตกลงไปก็หมายความว่าเซลีนยึดเอาอำนาจการควบคุมแกนเวทมนตร์มาได้สำเร็จ ในที่สุดหายนะก็ผ่านพ้นไปได้
รายงานที่ถูกส่งมาหลังจากนั้นล้วนแต่เป็นข่าวดี กองทัพที่หนึ่งไม่มีใครเสียชีวิต มีทหารเพียงสามนายที่ล้มลงไปจนได้รับบาดเจ็บตอนที่พระผู้สร้างตกลงไปข้างล่างด้วยความเร็วสูง ปีศาจแมงมุมไม่ได้ปรากฏตัวออกมาอย่างที่คิดเอาไว้ ปีศาจคุ้มคลั่งที่ถูกควบคุมเอาไว้ก็ไม่ได้ก่อความวุ่นวายอะไร ทั้งปฏิบัติการเรียกได้ว่าสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี
กระทั่งในตอนที่เซลีนมาอยู่ตรงหน้าโรแลนด์แล้วไม่ยอมพูดอะไร เขาถึงได้รู้ว่าบางทีเรื่องนี้มันคงมีอะไรมากกว่าที่เขาคิดเอาไว้เสียแล้ว
หากเป็นเวลาปกติ เซลีนคงจะโบกไม้โบกมือแล้วเล่าสิ่งที่ตัวเองเจอในตอนที่ควบคุมพระผู้สร้างออกมาให้เขาฟังแล้ว
และเรื่องจริงมันก็เป็นเหมือนอย่างที่เขาคิดเอาไว้จริงๆ เผลอๆ อาจจะน่าเหลือเชื่อมากกว่าด้วยซ้ำ
เดอะแมสก์ใช้ร่างแม่ของเผ่าพันธุ์และแกนเวทมนตร์เป็นจุดเชื่อมต่อเพื่อสร้าง ‘เครือข่ายปีศาจ’ ที่ข้ามไปบนแผ่นดินทั้งสอง อีกทั้งยังใช้มันควบคุมการตกของพระผู้สร้างจากทางไกล ส่วนบุคคลสำคัญที่เข้ามาแก้ไขเรื่องราวทั้งหมดนี้กลับเป็นแม่มดโบราณที่อยู่ห่างออกไปเป็นพันกิโลเมตร พูดให้ถูกคือเหล่าแม่มดโบราณ
หัวหน้าของพวกเธอคือหนึ่งในสามผู้นำของสมาพันธ์ในอดีต…เอเลนอร์
“นางอยากจะเจอข้างั้นเหรอ?” โรแลนด์ถาม
‘พูดให้ถูกคือหม่อมฉันอยากให้พระองค์ได้เจอนางเพคะ’ เซลีนเล่าความกังวลใจของตัวเองออกมา ‘ถึงแม้นางจะบอกว่าตัวเองไม่ใช่สามผู้นำที่ดี แต่ความเสียสละและการอุทิศตนที่นางทำเพื่อสมาพันธ์ เหล่าพี่น้องทุกคนล้วนแต่ประจักษ์ดี…ตอนนี้นางได้กลับมาเห็นแสงสว่างอีกครั้ง หม่อมฉันไม่อยากให้นางหายไปแบบนี้เพคะ’
“พระผู้สร้างลอยต่อไปไม่ได้แล้วงั้นเหรอ…” โรแลนด์เหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ ถ้าไม่มีหินอาญาสิทธิ์ เสาโอเบลิสก็จะผุพังลงไปอย่างรวดเร็ว เรื่องนี้ทางสถาบันค้นคว้าศาสตร์ลึกลับได้เคยทำการพิสูจน์มาแล้ว ส่วนมาเธอร์ออฟโซลที่เป็นรากฐานของเสาทั้งหมดก็ต้องตายตามมันไปด้วยอย่างไม่ต้องสงสัย อย่างนั้นสิ่งสำคัญก็อยู่ที่การหาแหล่งกำเนิดเวทมนตร์แห่งใหม่ให้มันก่อนที่มันจะตาย
เรื่องแบบนี้เขาเองก็ไม่เคยทำมาก่อน ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับร่างแม่ของปีศาจเองก็แทบจะเป็นศูนย์ ถ้าหากเป็นเมื่อประมาณหนึ่งปีก่อน เขาคงจะทำอะไรไม่ได้ แต่ตอนนี้เขามีความช่วยเหลือจากวัลคีรีย์และเฮคซอด บางทีเขาอาจจะเปลี่ยนแปลงเรื่องนี้ได้ก็ได้
‘ฝ่าบาท….’
“วางใจได้” โรแลนด์พูดปลอบ “อีกฝ่ายเป็นผู้กล้าที่ช่วยเหลือเกรย์คาสเซิลและอาณาจักรดอว์นเอาไว้ ต่อให้เจ้าไม่พูด ข้าก็ต้องพยายามที่จะช่วยเหลือนางเอาไว้อย่างแน่นอน”
ในเมื่อทางด้านเทคโนโลยีนั้นน่าจะเป็นไปได้ อย่างนั้นปัญหาที่สำคัญที่สุดตอนนี้ก็คือเปลี่ยนแปลงความคิดของอีกฝ่าย นี่ก็เป็นหลักการเดียวกับการรักษาพยาบาล คนที่ในใจมีความศรัทธาก็มักจะมีโอกาสรอดมากกว่าคนที่ยอมแพ้
ซึ่งในเรื่องฝีปากนั้น โรแลนด์มั่นใจว่าเขาไม่เป็นรองใคร
….
เมื่อขึ้นไปบนพระผู้สร้าง เขาก็ไปยืนอยู่หน้าแกนพลังเวทมนตร์ที่กำลังหมุนอยู่ จากนั้นจึงหันไปพยักหน้าให้เซลีน
นี่ไม่เหมือนกับโลกแห่งจิตสำนึก โรแลนด์ไม่สามารถเชื่อมต่อกับมันได้ตรงๆ เหมือนอย่างร่างเปลือก ด้วยเหตุนี้เขาจำเป็นต้องให้เซลีนเป็นตัวเชื่อมต่อถึงจะสามารถพูดคุยกับเอเลนอร์ได้
อีกฝ่ายยื่นหนวดหลักออกมา ก่อนจะค่อยๆ แทงเข้าไปในแกนเวทมนตร์ ไม่นาน เสียงๆ หนึ่งที่เขาไม่เคยได้ยินมาก่อนก็ดังขึ้นมาในหัวของเขา
‘ข้าขอเดาว่าเจ้าก็คือราชาของมนุษย์คนนั้น’
‘โรแลนด์ วิมเบิลดัน’ เขาหลับตาลง ก่อนจะใช้น้ำเสียงสบายๆ พูดกลับไปในหัว ‘ยินดีที่ได้รู้จัก ข้ารู้สึกดีใจอย่างมากที่เจ้าสามารถหลุดออกมาจากร่างศูนย์กลางได้ เอเลนอร์แห่งสามผู้นำ’
‘เสียดายที่เจ้าไม่มีโอกาสได้เห็นตัวจริงของข้า ตอนนี้ร่างกายของข้าเป็นแค่ปีศาจที่น่ารังเกียจเท่านั้น’
‘นั่นมันก็แค่ตอนนี้เท่านั้น ในเมื่อจิตสำนึกของเจ้าสามารถเข้ามาที่นี่ได้ อย่างนั้นก็ต้องมีซักวันที่จะสามารถเข้าไปในโลกแห่งจิตสำนึกได้ ที่นั่นเจ้าไม่เพียงแต่จะกลับไปเป็นรูปร่างเดิม แต่เจ้ายังจะได้เจอพี่น้องของเจ้าในอดีตด้วย’
‘โลกแห่งความฝันเหรอ…ก่อนหน้านี้ข้าเคยได้ยินเซลีนเล่าให้ฟัง นั่นมันเป็นสถานที่ที่น่าเหลือเชื่อจริงๆ’ เอเลนอร์ชะงักไปเล็กน้อย ‘แต่นางน่าจะบอกเจ้าแล้ว อีกไม่นานสายแร่ที่เห็นหัวใจสำคัญของเมืองแห่งนี้ก็จะถูกใช้ไปจนหมด ข้ารอถึงตอนนั้นไม่ไหวหรอก’
‘แค่เปลี่ยนสถานที่ก็พอ’ โรแลนด์พูดตรงๆ
‘อะไรนะ?’
‘เมืองเนเวอร์วินเทอร์ก็มีสายแร่หินอาญาสิทธิ์อยู่ ข้าสามารถย้ายเจ้าไปที่นั่นได้ จริงอยู่ที่มันมีความยากในด้านเทคโนโลยีอยู่ อย่างเช่นจะเอาเจ้าขึ้นมาจากทะเลสาบหมอกแดงได้อย่างไร แล้วจะขนเจ้ากลับมายังเมืองเนเวอร์วินเทอร์โดยไม่มีหมอกแดงได้อย่างไร แต่ข้าเชื่อว่าถ้าหากมีการเตรียมตัวพร้อม มันจะต้องกลายเป็นจริงได้แน่’
‘เพียงแค่ค่าตอบแทนมันก็ไม่ใช่น้อยๆ’ เอเลนอร์เหมือนจะหัวเราะออกมาเบาๆ ‘การทำแบบนี้มันไม่ได้มีประโยชน์อะไรสำหรับเจ้าเลย เซลีนไปให้สัญญาอะไรกับเจ้าไว้อย่างนั้นเหรอ?’
‘ท่านเอเลนอร์ ข้าไม่ได้ทำแบบนั้น…’ เซลีนพูดแย้ง
‘ทำไมถึงจะไม่มีประโยชน์ล่ะ!’ โรแลนด์พูดตัดบทเธอ ‘การมีอยู่ของเจ้านั้นมีความสำคัญอย่างมากสำหรับมนุษย์ เพียงแต่เจ้าไม่รู้ตัวเท่านั้น’
เอเลนอร์ตกตะลึงไปเล็กน้อย ‘สำคัญ…อย่างมาก?’
‘เดอะแมสก์สามารถเข้ามาควบคุมแกนพลังเวทมนต์ผ่านทาง ‘เครือข่าย’ ได้ เรื่องนี้ไม่มีอะไรต้องสงสัยอีก หลังจากนี้แกนเวทมนตร์จะกลายเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการศึกษาพลังเวทมนตร์ และตอนนี้ก็มีแต่เจ้าเพียงคนเดียวเท่านั้นที่สามารถไล่มันออกไปได้ เพียงแค่เรื่องนี้ก็ถือว่ามีความสำคัญอย่างมากแล้ว’ โรแลนด์พูดตรงๆ ‘แต่แน่นอนว่ามันยังไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุด —‘
จู่ๆ เขาพลันลดความเร็วในการพูดลง แล้วพูดช้าๆ ชัดๆ ว่า ‘ถ้ามนุษย์มีแผ่นดินลอยฟ้าแบบนี้บ้าง ความได้เปรียบบนสนามรบจะต้องมาอยู่ทางฝ่ายเราอย่างแน่นอน!’
ครั้งนี้ไม่เพียงแต่เอเลนอร์เท่านั้น กระทั่งเซลีนก็พลอยตกตะลึงไปด้วย
‘พระองค์ทรงต้องการสร้างพระผู้สร้างขึ้นมาอย่างนั้นเหรอเพคะ?’
‘แล้วทำไมจะไม่ได้ล่ะ? พวกเราไม่จำเป็นต้องเริ่มใหม่จากศูนย์ ที่นี่เองก็มีแกนเวทมนตร์ที่เดอะแมสก์ปรับเอาไว้เรียบร้อย แล้วก็มีผู้ควบคุมที่เหมาะสมด้วย เมื่อเทียบกันแล้ว สิ่งที่เราขาดอยู่ก็มีแค่เพียงเสาหินโอเบลิสเท่านั้น’ โรแลนด์ผายมือออก ‘แต่ข้าไม่ได้ต้องการยกแผ่นดินขนาดใหญ่เท่านี้ขึ้นมา แผ่นดินขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางแค่ 1 – 2 กิโลเมตรก็เพียงพอที่จะยกเครื่องบินทิ้งระเบิดขึ้นมาได้แล้ว เผลอๆ ยังสามารถพาทหารกองทัพนึงไปยังบอทธ่อมเลสแลนด์ได้ด้วย สิ่งสำคัญคือเจ้าสามารถทำความเข้าใจโครงสร้างของแกนเวทมนตร์พวกนี้ได้ แล้วก็เอามันไปใช้บนสายแร่หินอาญาสิทธิ์แห่งใหม่ — ข้ารู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องง่าย ถ้าสุดท้ายแล้วไม่สำเร็จ ข้าก็ไม่คิดว่าเจ้าด้อยกว่าเดอะแมสก์หรอกนะ อย่างน้อยเจ้าก็พยายามเต็มที่แล้วใช่ไหมล่ะ?’
คิดว่าตัวเองเป็นสามผู้นำที่ไม่ดีอย่างนั้นเหรอ? ไม่เป็นไร แค่เปลี่ยนเป้าหมายให้เจ้าใหม่ก็พอ กระทั่งวิธีการสร้างแรงจูงใจก็เตรียมเอาไว้ แถมยังว่ากันแบบไม่ปิดบังด้วย พูดขนาดนี้แล้ว เจ้าคงจะไม่ปฏิเสธอีกหรอกนะ?
ภายในหัวเขาพลันเงียบลง
ผ่านไปครู่ใหญ่ เอเลนอร์จึงถอนใจออกมา ‘ข้าพอจะเข้าใจแล้วว่า ‘ราชาที่ไม่เหมือนราชา’ มันหมายความว่าอย่างไร’
‘เอ่อ? มันคืออะไร?’
‘เปล่า ข้าไม่ได้พูดอะไร’ ในน้ำเสียงของอีกฝ่ายเหมือนพยายามจะกลบเกลื่อนอะไรอยู่ ‘เพียงแต่คุณโรแลนด์ เจ้าเหมือนจะลืมเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งไป ทั้งหมดที่เจ้าคิดเอาไว้นี้ล้วนแต่ตั้งอยู่บนสมมติฐานว่าสามารถเคลื่อนย้ายร่างมาร์เธอออฟโซลร่างนี้ไปได้สำเร็จ ข้ารู้ว่ามันไม่ง่าย แต่ถ้าสุดท้ายไม่ประสบความสำเร็จ ข้าก็ไม่มีทางโทษเจ้าเหมือนกัน’
‘ท่านเอเลนอร์!’ เซลีนพูดอย่างดีใจ
‘แน่นอน’ โรแลนด์ยิ้มมุมปากขึ้นมา ‘พวกเราต่างก็มีหน้าที่ของตัวเองอยู่นี่นา’
‘อย่างนั้นก็รีบเลือกจุดตกเถอะ เจ้านี้ใกล้จะลอยไม่ไหวแล้ว’
‘ข้าคิดเอาไว้เรียบร้อยแล้ว’ เขาลืมตามองไปทางตะวันออกเฉียงใต้ ไม่ว่าพระผู้สร้างจะตกลงไปบนตำแหน่งไหนในเกรย์คาสเซิลก็ล้วนแต่จะกลายเป็นอุปสรรคขนาดใหญ่ มีแค่มหาสมุทรเท่านั้นถึงจะรับยอดเขากลับหัวนี้เอาไว้ได้ ถ้าเลือกจุดตกได้เหมาะสม มันกลับจะกลายเป็นการเพิ่มเกาะให้กับเกรย์คาสเซิลอีกแห่งหนึ่ง ‘ให้มันตกแถวซีวินด์เชียร์แล้วกัน’
……………………………………………………………………..