Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ - ตอนที่ 1441 เห็นพ้อง
ที่เอเลนอร์บอกว่าทนได้อีกไม่นานนั้น ความจริงแล้วมันก็ไม่ได้สั้นขนาดนั้น
กว่าพระผู้สร้างจะเคลื่อนที่และตกลงในที่หมายนั้นก็ใช้เวลาหลังจากนั้นอีกประมาณสองวัน โรแลนด์เองก็ได้ส่งกองทัพที่หนึ่งออกไปทำการตรวจตราบริเวณชายฝั่งของซีวินด์เชียร์อย่างละเอียดรอบหนึ่ง เพื่อป้องกันไม่ให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตในตอนที่พระผู้สร้างตกลงไปในทะเล
ในเวลาตอนเย็นในอีกสองวันหลังจากนั้น ด้านล่างของแผ่นดินลอยฟ้าได้สัมผัสกับผิวน้ำทะเลเป็นครั้งแรก เมื่อมองจากที่ไกลๆ ภูเขากลับหัวเหมือนตั้งตระหง่านอยู่บนเส้นขอบฟ้า แล้วก็เป็นครั้งสุดท้ายที่มันจะได้เผยโฉมหน้าทั้งหมดของมัน เมื่อภูเขากลับหัวค่อยๆ จมลงไปในทะเลน้ำวน ระดับน้ำทะเลก็เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว หาดทรายที่อยู่นอกท่าเรือจมหายไปในน้ำทะเลอย่างรวดเร็ว เกลียวคลื่นข้ามทำนบกั้นน้ำเข้ามาปะทะกับสิ่งก่อสร้างอื่นๆ อย่างเช่นโกดังตรงท่าเรือ
พวกเศษซากเรือที่ถูกทิ้งเอาไว้ตรงท่าเรือถูกคลื่นทะเลที่มนุษย์สร้างขึ้นมานี้ลากไปลากมา สุดท้ายก็แตกกระจายออกเป็นเช่นเล็กชิ้นน้อย เสียงคลื่นที่ซัดสาดเข้ามาดังขึ้นอย่างต่อเนื่องไม่ขาดสาย ถึงแม้จะอยู่ห่างออกไปหลายกิโลเมตรก็ยังได้ยินเสียงอย่างชัดเจน
โรแลนด์ยืนมองดูภาพพระผู้สร้างจมหายลงไปในทะเลอยู่บนที่สูงที่ปลอดภัย
เพราะภาพที่ยิ่งใหญ่และงดงามแบบนี้คงจะไม่ได้เห็นเป็นครั้งที่สองแล้ว
สิ่งเดียวที่เขารู้สึกเสียใจก็คือไม่มีบทกลอนที่คลอเคลียไปกับภาพเหตุการณ์นี้
ตามธรรมเนียมในประวัติศาสตร์ ในเวลานี้แบบนี้ถ้ามีการท่องกลอนคลอไปด้วย ไม่ว่าระดับการแต่งกลอนจะเป็นอย่างไร มันก็จะต้องถูกบันทึกลงไปในประวัติศาสตร์พร้อมกับภาพที่อยู่ด้านหลังเขาอย่างแน่นอน
สุดท้าย แสงสุดท้ายยามเย็นก็ปรากฏขึ้นมาที่ด้านหลังของพระผู้สร้างเป็นครั้งแรก แสงสะท้อนระยิบระยับของมันเป็นเหมือนแถบแสงที่พาดผ่านแผ่นดินแห่งใหม่นี้แล้วทอดยาวไปถึงพื้นด้านล่างของซีวินด์เชียร์ ราวกับจะเชื่อมทั้งสองที่เข้าด้วยกัน
ถึงแม้พระผู้สร้างจะมีขนาดใหญ่โตมหึมา แต่เมื่อเทียบกับทะเลน้ำวนแล้วมันก็ยังดูเล็กอยู่ กระทั่งมันฝังตัวลงไปในก้นทะเลและกลายเป็นเกาะๆ หนึ่งแล้ว ช้าเร็วน้ำทะเลที่ไม่ได้ข้ามท่าเรือเข้ามาก็จะถอยกลับไป ช่องว่างระหว่างเกาะกับแผ่นดินจะกลายเป็นเส้นทางเดินเรือแห่งใหม่ ขณะเดียวกันมันยังทำให้ระยะห่างระหว่างเกรย์คาสเซิลกับฟยอร์ดหดสั้นลงด้วย โรแลนด์มองเห็นภาพมันกลายเป็นเกาะการค้าที่เจริญรุ่งเรือง
“คิดไม่ถึงเลยว่าอาวุธสุดยอดของปีศาจจะกลายเป็นดินแดนแห่งใหม่ของอาณาจักร” ไนติงเกลที่มาชมเหตุการณ์เป็นเพื่อนเขาอุทานออกมา “หลังจากนี้แผนที่เกรย์คาสเซิลคงต้องทำการแก้ไขอีกแล้ว”
“เทียบกับเรื่องนี้แล้ว ข้าเป็นห่วงเรื่องปีศาจที่อยู่บนนั้นมากกว่าว่าเราควรจะจัดการอย่างไร” ฟิลลิสนั้นสนใจปัญหาที่อยู่ตรงหน้ามากกว่า “ถ้าไม่มีสถานีแจกจ่ายหมอกแดงระหว่างทาง พวกมันก็ไม่มีทางกลับไปถึงสันหลังของทวีปแน่”
“เรื่องพวกนี้เอาไว้ค่อยตกลงกันตอนหารือกันก็แล้วกัน พวกเราเดินมาถึงขั้นนี้แล้ว อย่างน้อยผลที่ออกมาก็ไม่ถือว่าแย่อะไร” ไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆ โรแลนด์นึกถึงถึงโลกแห่งความฝันขึ้นมา ที่นั่น เผ่าพันธุ์ปีศาจล้วนแต่มาจากเกาะที่ห่างไกลแห่งหนึ่ง ซึ่งภาพที่อยู่ตรงหน้ามันให้ความรู้สึกที่คล้ายกันเลย “ส่วนดินแดนแห่งใหม่นี้ก็เรียกมันว่าเกาะคาร์การ์ดก็แล้วกัน”
….
หลังจากนั้นการประชุมทั้งสามฝ่ายก็ไม่ได้มีเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดอะไรเกิดขึ้นมากนัก
หลังจากที่ได้รู้เรื่องแผนการอันน่าตกใจของเดอะแมสก์และรู้ว่าจักรพรรดิทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดแล้ว เฮคซอดก็ดูเหม่อลอยอย่างเห็นได้ชัด คำถามบางคำถามมันถึงขนาดให้เซโรเชสเป็นคนตอบแทน
โรแลนด์เหมือนจะเดาความรู้สึกของมันออก ไม่ว่ายังไงสกายลอน์ดก็ไม่อยากจะเป็นปฏิปักษ์กับจักรพรรดิก่อนที่จะได้หลักฐานที่แน่ชัดมา แต่ตอนนี้จักรพรรดิรู้เรื่องทั้งหมดที่พวกมันทำแล้ว นี่ก็เท่ากับว่าตัวเองไม่มีทางให้ถอยอีก สำหรับเฮคซอดที่ระมัดระวังในทุกๆ เรื่องแล้ว ภายในใจมันจะต้องเกิดความรู้สึกกังวลใจอย่างแน่นอน
เมื่อเทียบกันแล้ว ไซเลนท์กลับมีความสุขุมกว่าเยอะ ราวกับว่าขอเพียงวัลคีรีย์ไม่เป็นไร เรื่องอื่นๆ ก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันมัน
แผนการจัดการกับปีศาจที่หลงเหลืออยู่บนพระผู้สร้างถูกกำหนดออกมาอย่างรวดเร็ว
โรแลนด์ไม่มีทางเห็นด้วยที่พวกมันจะตั้งเส้นทางขนส่งหมอกแดงไปตามชายแดนของสี่อาณาจักรใหญ่ ราชาทั้งสองเองก็ไม่ได้สนใจความเป็นความตายของพวกร่างชั้นต่ำ ด้วยเหตุนี้พวกร่างชั้นต่ำที่ไม่มีพลังเวทมนตร์จึงจะอยู่บนเกาะต่อไปเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับแผนการก่อสร้างหลังจากนี้ ส่วนปีศาจคุ้มคลั่งที่พันกว่าตัวก็จะเข้าสู่สภาวะจำศีลเพื่อประหยัดหมอกแดง เอาไว้เมื่อมีโอกาสที่เหมาะสมค่อยทำการเคลื่อนย้ายต่อไป
ในเวลานี้เสาหินโอเบลิสอยู่ในสภาพที่ตายไปแล้ว มีเพียงแค่ทะเลสาบหมอกแดงเท่านั้นที่พอจะมีละอองชีวิตให้พวกปีศาจได้ใช้ อีกทั้งมันยังจะค่อยๆ หมดไปด้วย สำหรับปีศาจที่ต้องพึ่งพาหมอกแดงแล้ว ที่นี่ได้กลายเป็นเกาะร้างแห่งหนึ่ง ดังนั้นหลังจากที่ช่วยทำการเคลื่อนย้ายร่างมาเธอร์ออฟโซลแล้ว เฮคซอดก็จะพาไซเลนท์กลับไปยังเมืองสกายเพื่อชิงเอาอำนาจในการควบคุมกองกำลังที่เหลือเอาไว้
ในเมื่อความเคลื่อนไหวของตัวเองทั้งหมดถูกจักรพรรดิรับรู้แล้ว อย่างนั้นในมือมีกองกำลังเอาไว้หน่อยมันก็ไม่เสียหายอะไร
เมื่อดูจากท่าทีของอีกฝ่ายแล้ว มันเหมือนจะไม่อยากเป็นศัตรูกับจักรพรรดิตรงๆ โรแลนด์เองก็ไม่คิดที่บีบบังคับมัน เพราะถ้าไปกลับคำพูดก่อนที่สงครามจะเริ่มมันอาจจะก่อให้เกิดหายนะได้
ส่วนเรื่องสุดท้ายก็คือนาซเพล
การหารือครั้งนี้ไม่ใช่แค่เพียงเซลีนกับเซโรเชสเท่านั้น กระทั่งราชาทั้งสองก็มีความเห็นตรงกันว่าอีกฝ่ายต้องตาย
จากคำพูดที่เฮคซอดว่ามา ต่อให้มันวิวัฒนาการไปจนกระทั่งสมบูรณ์แบบจริงๆ มันก็ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับเผ่าพันธุ์ เส้นทางที่มันเลือกก็เพื่อการมีอยู่ของตัวเองเท่านั้น ทันทีที่มันทำสำเร็จ เผ่าพันธุ์ก็จะเหลือเพียงแค่ชื่อ พูดอีกอย่างก็คือ….เผ่าพันธุ์จะกลายเป็นสิ่งมีชีวิตคนละชนิดกับมัน
“ปัญหาอยู่ที่ว่าตอนนี้มันสามารถใช้ ‘เครือข่าย’ ในการเปลี่ยนร่างกายได้ แล้วข้าควรจะกำจัดมันอย่างไรดี?” โรแลนด์ถามปัญหาสำคัญออกมา
‘ถ้ารอจนกระทั่งแผนการของมันสำเร็จ การจะกำจัดมันก็คงเป็นเรื่องยาก แต่ตอนนี้แผนการของมันยังดำเนินไปไม่ถึงขั้นนั้น’ เซลีนถ่ายทอดคำพูดของเอเลนอร์ออกมา ‘ก่อนที่จะตัดขาดการเชื่อมต่อกับมัน ข้าสามารถรับรู้ได้ว่าจุดเชื่อมแต่ละจุดนั้นมีระดับความแข็งแกร่งที่ต่างกันอยู่มาก และจุดเชื่อมต่อที่สามารถเทียบกับพระผู้สร้างได้ก็มีอยู่แค่แห่งหรือสองแห่งเท่านั้น’
‘เจ้าตัวเมีย — แม่มดโบราณคนนี้พูดถูก” หลังถูกแม่มดอาญาสิทธิ์จำนวนมากถลึงตาใส่ เฮคซอดก็เปลี่ยนคำพูดอย่างรวดเร็ว “นาซเพลแอบทำเรื่องทั้งหมดนี้โดยไม่ให้จักรพรรดิรู้ มันถึงไม่น่าจะมีโอกาสไปทำการปรับเปลี่ยนมาเธอร์ออฟโซลของแต่ละเมืองให้อยู่ในระดับเดียวกันได้ ซึ่งจุดเชื่อมต่อที่ยังไม่ได้ทำการปรับเปลี่ยนเหล้านั้นก็น่าจะไม่สามารถส่งจิตสำนึกออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ ยิ่งไปกว่านั้นหอคอยแห่งการให้กำเนิดที่ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ก็จะถูกอาณาจักรซีสกายทำลายลงทีละอัน ดังนั้นสถานที่ที่มันจะไปได้ถึงมีอยู่ไม่มาก ตอนนี้ข้าเดาว่าเดอะแมสก์น่าจะอยู่ที่เมืองจักรพรรดิ”
ช่างเป็นสไตล์ของเฮคซอดจริงๆ
โรแลนด์คิดในใจ ถ้าอยากจะทำลายนาซเพล ก็จำเป็นต้องทำลายเมืองจักรพรรดิ และในเมืองจักรพรรดินอกจากเดอะแมสก์แล้ว จักรพรรดิเองก็อยู่ในนั้นด้วย — ถึงแม้มันจะแสดงออกให้เห็นว่าไม่อยากจะเป็นปฏิปักษ์กับจักรพรรดิ แต่ในคำแนะนำนี้มันกลับผลักให้จักรพรรดิกลายเป็นเป้าด้วย
แต่ว่าแผนการนี้ก็ถูกใจโรแลนด์อย่างมากเหมือนกัน
เขาไม่อยากให้ในดินแดนของตัวเองมีเหตุการณ์พระผู้สร้างตกลงมาอีกครั้งหนึ่ง
การฉวยโอกาสโจทตีเมืองจักรพรรดิที่กำลังลอยตามมาให้ร่วงตกลงในที่ราบลุ่มบริบูรณ์ก่อนที่ศัตรูจะเปิดจากโจมตีกลับอย่างเต็มที่นั้นเป็นวิธีที่ช่วยลดความเสี่ยงให้ต่ำที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย สิ่งที่สำคัญกว่านั้นก็คือการปรากฏตัวของเอเลนอร์นั้นได้เพิ่มความเป็นไปได้ให้กับแผนการนี้อย่างมาก
ทันทีที่เขาได้เกาะลอยฟ้ามา เขาก็จะสามารถร่นระยะทางการบินของกองทัพอัศวินอากาศได้ ในจุดนี้ถือเป็นประโยชน์สำหรับเครื่องบินทิ้งระเบิดขนาดใหญ่อย่างมาก — จุดที่ยากที่สุดของโปรเจคนี้อยู่ที่การสร้างเครื่องยนต์พลังงานสูงรุ่นใหม่ขึ้นมา จากแผนการที่ทางศูนย์ออกแบบเกรย์คาสเซิลให้พา ตั้งแต่การสร้าง การประกอบ ไปจนถึงการทดลองบิน อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาประมาณหนึ่งปี แต่เมื่อลานบินเคลื่อนที่ที่อยู่กลางอากาศ เครื่องยนต์ของมันก็พอจะเปลี่ยนเป็นเครื่องยนต์สิบสี่สูบของฟินิกส์ได้ เช่นนี้แล้ว อีกไม่นานโปรเจคเครื่องบินทิ้งระเบิดก็จะเป็นรูปเป็นร่างออกมาให้ได้เห็นกัน
……………………………………………………………….