Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ - ตอนที่ 1442 สายน้ำหลาก
เขตเมืองศักดิ์สิทธิ์เก่า เฮอร์มีส
ในช่วงเวลาหนึ่งเดือนกว่านี้ อารมณ์ความรู้สึกของมาร์เวนเรียกได้ว่าเหวี่ยงขึ้นลงอย่างมาก
นับตั้งแต่ที่สกายลอร์ดพาเข้าขึ้นไปบนพระผู้สร้าง เขาก็ตัดสินใจแล้วเขาจะต้องคว้าโอกาสนี้เอาไว้ให้แน่นๆ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ไม่มีทางปล่อยมือเด็ดขาด
ทั้งอาวุธปืน นกเหล็กอะไรนั้นล้วนแต่ไร้ความหมายเมื่ออยู่ต่อหน้าเมืองบินได้แห่งนี้
นี่ต่างหากถึงจะเป็นปาฏิหาริย์ที่ทำให้คนต้องก้มหน้าบูชา!
หลังจากนั้นเขาเองก็พยายามลืมเรื่องในอดีตและพิสูจน์คุณค่าของตัวเองออกมา เขารวบรวมชาวบ้านมาทำงาน พยายามก่อสร้างจุดจ่ายหมอกแดงอย่างเต็มที่ อีกทั้งยังได้รับคำชมเชยจากสกายลอร์ดมาหลายครั้ง นี่ทำให้สถานะของเขาในหมู่ขุนนางยิ่งมีความมั่นคงขึ้นเรื่อยๆ แล้วก็มีความรู้สึกเหมือนเป็นหัวหน้าของทุกคน
ทว่านับตั้งแต่จดหมายที่ส่งมาจากทางเหนือฉบับนั้นส่งมา ชีวิตอันสุขสงบของมาร์เวนก็ถูกทำลาย
เขาคิดไม่ถึงเลยว่าสกายลอร์ดจะให้ความสำคัญกับกระดาษที่ดูน่าขันแผ่นนี้อย่างมาก หลังจากหายตัวไปหลายสัปดาห์ เรื่องแรกที่สั่งให้เขาทำก็คือให้พวกเขารีบเดินทางไปที่ตีนเขาเฮอร์มีสและอาณาจักรอีเทอร์นอลวินเทอร์เพื่อสิ่งที่ดูเหมือนจะเป็นจดหมายฉบับใหม่ — ส่วนคนส่งเป็นใคร อีกนานแค่ไหนถึงจะส่งมาถึง หรือกระทั่งสถานที่ในการรับจดหมายอยู่ที่ไหนก็ล้วนแต่ไม่รู้
ความจริงแล้วมาร์เวนไม่อยากจะออกไปจากพระผู้สร้างเลย ต่อให้ที่นี่จะเต็มไปด้วยปีศาจ แต่มันก็เป็นปีศาจที่ไม่แย่งชิงตำแหน่งและอำนาจของเขาไป เพียงแต่คำสั่งของราชาปีศาจนั้นยากจะขัดได้ สุดท้ายเขาจึงเลือกที่จะไปยังตีนเขาเฮอร์มีส ส่วนเหตุผลที่เลือกที่นี่ก็แค่เพราะเมืองศักดิ์สิทธิ์เก่าแห่งนี้อยู่ใกล้พระผู้สร้างมากกว่า
ในเวลานี้ทางด้านเหนือของสี่อาณาจักรใหญ่ได้ถูกหมอกแดงปกคลุมเอาไว้หมดแล้ว คนเกรย์คาสเซิลเหมือนจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อสู้กับปีศาจ ตอนที่อยู่ด้านล่างเขาก็ใช้ชีวิตไม่ต่างจากตอนเป็นดยุคเท่าไร ในมือมีชาวบ้านอยู่ในปกครองเป็นจำนวนมาก แล้วก็ยังมีขุนนางบางส่วนที่ติดตามมาด้วย แต่การรอคอยจดหมายฉบับหนึ่งโดนไม่รู้ว่ามันจะส่งมาถึงเมื่อไรนั้นทำให้เขาค่อนข้างร้อนใจ เพื่อที่จะทำภารกิจให้เสร็จในเร็ววันแล้ว มาร์เวนถึงขนาดยอมเสี่ยงขยายขอบเขตการทำงานของเขาออกไปโดยไม่กลัวว่าชาวบ้านจะแอบหลบหนีไป ในช่วงเวลานี้มีเหตุการณ์ที่ชาวบ้านแอบหนีไปหลายต่อหลายครั้ง เขาเองก็จับคนเหล่านั้นมาแขวนคอเพื่อเป็นตัวอย่าง ขณะเดียวกันก็ตบรางวัลให้กับเบาะแสที่มีความเป็นไปได้ แต่สุดท้ายจดหมายฉบับนั้นก็ไม่มาถึง
ถ้าบอกว่าเรื่องที่กล่าวมาข้างต้นนั้นเป็นปัญหาในเรื่องของโชค อย่างนั้นเรื่องราวหลังจากนั้นก็เรียกได้ว่าเหนือความคาดหมายของมาร์เวนไปไกลมาก
จู่ๆ พระผู้สร้างก็ลอยขึ้นสูงแล้วเดินหน้าไปทางตะวันออก ก่อนที่สุดท้ายจะหายลับไปจากสายตาของเขา — นี่ทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวอย่างมาก เมืองแห่งปาฏิหาริย์ที่เดิมลอยอยู่ด้านหลังนั้นเป็นที่พึ่งพิงที่สำคัญที่สุดของเขา เมื่อไม่มีมัน การกินการอยู่ของเขาก็เรียกได้ว่าลำบาก ที่แย่กว่านั้นก็คือสกายลอร์ดไม่เคยโผล่หน้ามาอีกเลย เหมือนกับว่ามันลืมเรื่องจดหมายฉบับไปแล้ว
ไม่นานนัก เขาก็ได้ยินข่าวว่าแผ่นดินลอยฟ้าถูกคนเกรย์คาสเซิลโจมตีจนตกลงมา
ความจริงแล้วภายในใจมาร์เวนไม่เชื่อข่าวลือพวกนี้ — นั่นมันเป็นภูเขาลอยฟ้าที่กว้างหลายสิบกิโลเมตรเลยนะ ถ้าคนเกรย์คาสเซิลมีความสามารถในการทำลายภูเขาจนราบเป็นหน้ากลองจริงๆ ทำไมถึงต้องรอจนถึงตอนนี้ค่อยใช้ออกมาด้วย!
เสียดายที่ไม่ใช่ทุกคนจะฉลาดเหมือนอย่างเขา
ไม่นานผู้คนก็เริ่มหวั่นไหวกับข่าวนี้ เขาพบว่าตัวเองเริ่มควบคุมขุนนางคนอื่นไม่อยู่แล้ว
เรื่องที่ทางสกายลอร์ดยังไม่มีการส่งข่าวอะไรกลับมาก็ยิ่งทำให้สถานการณ์ยิ่งเลวร้ายขึ้น
ภายในใจเขารู้สึกย่ำแย่ขึ้นเรื่อยๆ นอกจากใช้เหล้ากับผู้หญิงมาคลายทุกข์แล้ว เขาก็แทบจะไม่อยากทำอะไรเลย วันเวลาเหมือนจะกลับไปเป็นเหมือนตอนที่เขาอยู่ในเมืองหลวงของอีเทอร์นอลวินเทอร์ในอดีต
“แซค แซค!” ในตอนที่เหล้าองุ่นถูกเทจนหมดแล้ว มาร์เวนก็ตะโกนเรียกชื่อของพ่อบ้าน
“นานท่าน มีอะไรให้ข้ารับใช้หรือขอรับ?” พ่อบ้านรีบเปิดประตูห้องเข้ามา
“คืนนี้หาสาวๆ มาให้ข้าซัก 2 – 3 คน เอาสาวๆ สวยๆ นะ” เขาพูดจาอ้อแอ้
“แต่ว่า เมื่อคืนท่านเพิ่งจะสั่งพวกเขา…”
“นั่นมันเรื่องเมื่อวาน! ข้าเป็นดยุค นี่คืออำนาจของข้า เข้าใจไหม? พวกเขาควรจะมอบทุกอย่างให้ข้า!”
“ขอรับ…ข้าเข้าใจแล้วขอรับ” พ่อบ้านตอบพร้อมก้มหน้า
“เออใช่ คนที่ส่งออกไป…มีข่าวใหม่บ้างไหม?” การที่มาร์เวนไม่เชื่อข่าวซุบซิบตามตรอกซอกซอย ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไปพิสูจน์มันด้วยตัวเอง — ความจริงแล้ว ในตอนที่พระผู้สร้างออกไปจากที่ราบสูงเฮอร์มีส เขาก็ส่งคนตามออกไปหลายกลุ่ม เพื่อที่จะรู้ให้ได้ว่ามันไปที่ไหนกันแน่ เพียงแต่ประสิทธิภาพการทำงานของคนเหล่านี้ค่อนข้างแน่ จนกระทั่งเมื่อวานนี้เพิ่งจะมีคนกลับมาแค่ไม่กี่คน
พ่อบ้านส่ายหน้า “จนถึงตอนนี้เรารู้เพียงแค่ว่าระหว่างทางที่ไปยังเกรย์คาสเซิลไม่มีการต่อสู้กับพระผู้สร้างเกิดขึ้น อีกประมาณสองวันน่าจะมีข่าวที่ชัดเจนแจ้งกลับมาขอรับ”
“ไอพวกหน้าโง่….” มาร์เวนสบถขึ้นมาพร้อมกับเปิดเหล้าขวดใหม่ “เอาล่ะ เจ้าออกไปได้แล้ว”
อย่างนั้นก็รออีกสองวันแล้วกัน
หมอกแดงกำลังสลายตัวไป คนเกรย์คาสเซิลจะกลับมาเมื่อไรก็ไม่รู้ เขาจำเป็นต้องคิดหาทางถอยให้ตัวเอง ถึงแม้เขาจะไม่ได้อยู่ที่นี่ แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าเขาขัดคำสั่งสกายลอร์ด ใครเก็บจดหมายได้มันก็เหมือนกัน อย่างมากเขาก็แค่ได้ความดีความชอบน้อยหน่อยเท่านั้น
แน่นอนว่าอาณาจักรอีเทอร์นอลวินเทอร์นั้นไม่ใช่สถานที่ที่เขาอยากจะไป ที่นั่นได้ถูกพิสูจน์มาแล้วว่าไม่สามารถป้องกันการบุกโจมตีของคนเกรย์คาสเซิลได้
มาร์เวนได้ยินมาจากปีศาจระดับสูงตัวอื่นๆ ว่าพระผู้สร้างอีกแห่งหนึ่งกำลังบินมาทางนี้ ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นเมืองที่จักรพรรดิของปีศาจอยู่ด้วย เห็นได้ชัดว่านั่นเป็นทางถอยที่เหมาะสมอย่างมาก
ขอเพียงเดินทางไปตามเส้นทางที่ปีศาจเคลื่อนย้ายก่อนหน้านี้ก็น่าจะหามันเจอได้ไม่ยาก
เมื่อถึงตอนนั้น เขาจะพาไปแค่ขุนนางที่จงรักภักดีที่สุด
ไม่นานเวลาค่ำคืนก็มาเยือน แต่สาวๆ ของมาร์เวนกลับไม่ปรากฏตัว
นี่ทำให้เขารู้สึกโมโหขึ้นมา ดูเหมือนพ่อบ้านของตัวเองก็เริ่มใช้การไม่ได้แล้วเหมือนกัน
เขาอดทนอยู่ชั่วโมงหนึ่ง ในตอนที่ด้านนอกประตูมีเสียงฝีเท้าดังขึ้นมา คำพูดที่เตรียมต่อว่าก็ไหลทะลักขึ้นมาถึงลำคอของมาร์เวน
แต่คนที่เปิดประตูเข้ามากลับไม่ใช่พ่อบ้าน หากแค่เป็นชาวบ้านที่เนื้อตัวสกปรกกลุ่มหนึ่ง ในมือพวกเขาบางคนถือจอบ บางคนก็คือคานหาบเอาไว้ ดูแล้วเหมือนกับกลุ่มคนหลายๆ กลุ่มมารวมตัวกัน ดยุคมองพวกเขาวิ่งเข้ามาในห้องอย่างไม่อยากจะเชื่อ พรมขนสัตว์ภายในห้องนอนถูกเหยียบย่ำจนเต็มไปด้วยดินโคลน
เมื่อนึกขึ้นมาได้ว่าคฤหาสน์ของตัวเองถูกพวกชั้นต่ำเหยียบย่ำเข้ามา เขาจึงตะโกนเสียงดังออกไป “ทหาร ทหาร!”
แต่มาร์เวนก็ไม่ได้รับการตอบรับใดๆ กลับมา
สิ่งที่ขัดจังหวะเขาขึ้นมาคือศีรษะที่เปื้อนเลือดศีรษะหนึ่ง นั่นเป็นศีรษะของแซคผู้ซึ่งเป็นพ่อบ้านของเขา
อาการเมาของมาร์เวนสร่างไปกว่าครึ่ง
“พวกเจ้าจะทำอะไร!?”
“ทุกคนถูกเจ้ากดขี่มามากพอแล้ว มาร์เวน ไพค์!” คนที่เป็นหัวหน้าตะโกนขึ้นมา “เพื่อคำสั่งบ้าๆ ของเจ้าแล้ว หลายคนต้องทำงานจนเหนื่อยตายอยู่ในเหมืองหิน แต่เจ้ากลับไม่ถามไถ่ซักคำ แม้แต่เงินค่าแรงที่ควรจะให้ก็หักไป! พวกเราไม่ใช่คนใช้ของเจ้า แล้วก็ไม่ใช่ทาสของเจ้าด้วย!”
“ขุนนางไม่ได้สูงกว่าชาวบ้านธรรมดา คนเกรย์คาสเซิลพูดถูก!”
“กลางวันต้องทำงานให้พวกสัตว์ประหลาด ตกกลางคืนยังต้องส่งลูกเมียมาให้อีก เจ้านั่นแหละที่เป็นปีศาจ!”
“ตอนนี้มัดมือมัดเท้าแล้วตามพวกข้าไปที่เกรย์คาสเซิลซะ ไม่อย่างนั้นเจ้าก็อย่าได้คิดจะออกไปจากห้องนี้เลย!”
บ้าเอ้ย มาร์เวนคิดอย่างเจ็บแค้น เจ้าพวกนี้ถูกความคิดของคนเกรย์คาสเซิลเข้าครอบงำแล้ว รู้อย่างนี้ เขาไม่น่าส่งพวกเขาไปให้ไปหาข่าวที่นอกเมืองศักดิ์สิทธิ์เก่าเลย
“ข้าคือดยุค พวกเจ้ากล้าลงมืองั้นเหรอ?” ด้านพูดเตือนพร้อมกับชักมีดดาบที่อยู่ข้างโต๊ะออกมา เมื่อเทียบกับ ‘อาวุธ’ ในมืออีกฝ่ายแล้ว ดาบเล่มนี้เห็นได้ชัดว่าคมมากกว่า ในเมื่อพวกเขาสามารถบุกเข้ามาที่นี่ได้โดยที่เขาไม่รู้ตัวเลย ก็แสดงว่าพวกทหารและคนรับใช้ต่างก็หักหลังเขากันหมดแล้ว เขาจำเป็นต้องหนีออกไปจากที่นี่ จากนั้นติดต่อกับขุนนางคนอื่น แล้วค่อยรวบรวมอัศวินกลับมากำจัดชาวบ้านพวกนี้!
ชื่อของดยุคทำให้ทุกคนต่างหยุดชะงักไปชั่วครู่ เขาไม่ได้ตัวเปล่าๆ เหมือนอย่างพ่อบ้าน ตระกูลไพค์ปกครองรีเฟลคสโนว์มาหลายชั่วอายุคน สำหรับชาวบ้านของอีเทอร์นอลวินเทอร์แล้ว สถานะของเขานั้นเรียกได้ว่าสูงส่งจนไม่มีทางเอื้อมถึง มาร์เวนเองก็มองเห็นในจุดนี้ เขาถึงได้จงใจวางท่าทีสูงส่ง เขาไม่เชื่อว่าจะมีใครที่กล้าลงมือจริงๆ
แต่ทันใดนั้นเอง ก้อนหินก้อนหนึ่งได้ลอยออกมาจากความมืด ก่อนจะกระแทกใส่แก้มของเขา
ความเจ็บปวดทำเอามาร์เวนหยุดนิ่งอยู่กับที่
พวกมันกล้าลงมือจริงๆ เหรอเนี่ย?
ชายแก่ผมขาวคนหนึ่งพุ่งออกมาจากกลุ่มคน ก่อนจะตะโกนร่ำไห้แล้วพุ่งใส่เขา “เจ้าปีศาจ คืนลูกสาวข้ามานะ—-!”
มาร์เวนยกดาบขึ้นมาแทงไปที่หน้าอกอีกฝ่าย
ในตอนที่เขารู้ตัวอีกที พวกชาวบ้านก็กรูกันมาห้องล้อมเขาเอาไว้แล้ว — การตายของชายแก่เหมือนเป็นการเปิดประตูออก อารมณ์ที่เหล่าชาวบ้านอัดอั้นเอาไว้เป็นเวลานานถูกปลดปล่อยออกมา
จอบ คานไม้กระหน่ำตีไปบนร่างของมาร์เวนราวกับห่าฝน เขาเหมือนจะได้ยินเสียงกระดูกของตัวเองหัก
“ไอพวกสารเลว หยุดเดี๋ยวนี้นะ!”
“ไม่ หยุดก่อน…อย่า อย่าตีข้า…”
“แค่กๆ ขอร้องล่ะ…”
เสียงค่อยๆ เบาลง
กระทั่งดยุคกลายเป็นเหมือนก้อนเนื้อเละๆ แล้ว ทุกคนถึงได้หยุดมือลง
“พวกเราฆ่าขุนนาง…” มีคนพูดเสียงสั่นขึ้นมา
“แล้วยังไง ราชาของเกรย์คาสเซิลไม่ยอมรับขุนนาง ยิ่งไปกว่านั้นเขายังเคยเป็นศัตรูกับเกรย์คาสเซิลด้วย”
“ถ้าขุนนางคนอื่นของอีเทอร์นอลวินเทอร์รู้เข้าจะทำยังไง? พวกเขามีม้ามีชุดเกราะ ถ้าพวกเขาตามมาล่ะ…”
“ยังไงก็มาถึงขั้นนี้แล้ว จะทำยังไงได้ล่ะ” คนที่เป็นหัวหน้ามองไปรอบๆ “คนที่ถูกกดขี่ไม่ได้มีแค่พวกเขา สู้ฉวยโอกาสตอนที่ปีศาจไม่อยู่”
“สู้ตายกับพวกมัน” อีกคนพูดเสียงเบาๆ ขึ้นมา
“สู้ตายกับพวกมัน
“สู้ตายกับพวกมัน จากนั้นไปที่เกรย์คาสเซิล!” ไม่นาน เสียงนี้ก็แผ่กระจายออกไปกลายเป็นเหมือนสัญญาณที่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน กลายเป็นเหมือนสายน้ำที่หลากออกไปยังพื้นที่ที่มืดมิดที่อยู่นอกห้อง
…………………………………………………………..