Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ - ตอนที่ 1454 ออกเดินทาง
ทีมนักสำรวจรีบเอาข่าวนี้กลับมาแจ้งยังเนเวอร์วินเทอร์ทันที
“บุกมาเต็มกำลังจริงๆ ด้วย…” หลังฟังไลต์นิ่งรายงานจบ โรแลนด์ก็ถอนหายใจออกมา นี่เป็นการประจันหน้ากันเต็มกำลังครั้งแรกของทั้งสองเผ่าพันธุ์อย่างไม่ต้องสงสัย แล้วก็อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายด้วย ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไรมันก็จะเป็นการกำหนดชะตาชีวิตของมนุษย์และปีศาจหลังจากนี้
“พวกเรา…เอาชนะได้ไหมเพคะ?”
ไลต์นิ่งถามอย่างลังเล เนื้อตัวเธอสกปรกมอมแมม ผมบนหน้าผากจับตัวเป็นก้อนแข็ง ถ้าเข้าไปใกล้ก็จะได้กลิ่นเหม็นเปรี้ยวของเหงื่อ เห็นได้ชัดว่าเพื่อที่จะรีบนำข่าวนี้กลับมาแจ้งเขาแล้ว เธอคงแทบจะไม่ได้พักผ่อนเลย
“ได้สิ” โรแลนด์แสร้งทำเป็นตบไหล่เธออย่างสบายๆ “พวกเราไม่เพียงแต่จะเอาชนะได้ แต่ยังเอาชนะได้แบบเด็ดขาดด้วย”
จำนวนปีศาจที่บุกมานั้นมีจำนวนมากกว่ามนุษย์อย่างไม่ต้องสงสัย นี่แสดงให้เห็นว่าอาณาจักรซีสกายนั้นสร้างความกดดันให้กับพวกมันมากแค่ไหน กองทัพที่หนึ่งมีความได้เปรียบในด้านเทคโนโลยี แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะสามารถกำจัดศัตรูได้โดยไม่เกิดความสูญเสีย ดันที่ปล่อยให้พวกมันเข้ามาในสี่อาณาจักรใหญ่ ต่อให้เอาชนะได้ก็คงเสียหายอย่างหนัก
ในทางเดียวกัน ต่อให้ปีศาจเอาชนะได้ พวกมันก็ต้องเสียหายหนักมากเช่นเดียวกัน ดังนั้นถ้าไม่สามารถหยุดพวกมันเอาไว้นอกเทือกเขาสิ้นวิถีได้ ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดที่จะออกมาก็คือพ่ายแพ้และเสียหายกันทั้งสองฝ่าย
ไลต์นิ่งถอนหายใจออกมาเบาๆ แต่จู่ๆ หลังจากนั้นเธอก็ถามขึ้นมาอย่างอายๆ ว่า “เอ่อ ตัวหม่อมฉันดมแล้วมีกลิ่นแปลกๆ…ใช่ไหมเพคะ?”
โรแลนด์หลุดยิ้มออกมา “ก็นิดหน่อย…แต่ว่ามันเป็นกลิ่นของนักสำรวจน่ะ ดังนั้นไม่ได้เหม็นอะไร” เขาจงใจทำท่าดมกลิ่น “ความจริงแล้ว ข้าคิดว่ามันหอมทีเดียวนะ”
หน้าอีกฝ่ายแดงขึ้นมาทันที เธอรีบคว้าเมซี่ที่พยายามจะดมคอเสื้อของตัวเอง ก่อนจะก้มหน้าเดินออกจากห้องทำงานไป “หม่อม…หม่อมฉันไปอาบน้ำก่อนนะเพคะ!”
“จิ๊บ?” เมซี่ยังคงมีสีหน้างุนงง
“ไลต์นิ่ง เมซี่” ในขณะที่ทั้งสองคนกำลังจะออกจากห้องทำงานไป โรแลนด์พลันเรียกพวกเธอเอาไว้ แล้วค่อยๆ พูดว่า “ขอบคุณพวกเจ้ามากนะ พวกเจ้าไปพักผ่อนเถอะ”
“อื้อ…”
“หลังประตูปิดลง เขาก็รีบยกโทรศัพท์ต่อสายไปหาหัวหน้าสำนักบริหารทันที “เรียกหัวหน้ากองทั้งหมดมาประชุม ถึงเวลาเคลื่อนทัพแล้ว”
…..
ภายในห้องประชุม เจ้าหน้าที่ระดับสูงของเนเวอร์วินเทอร์มาประชุมกันพร้อมหน้า
โรแลนด์เอาภาพที่ไลต์นิ่งวาดขึ้นมาแปะไปบนแผนที่ที่อยู่ด้านหลัง ก่อนจะบรรยายสิ่งที่ทีมนักสำรวจไปเจอมาซ้ำอีกรอบหนึ่ง
“ตอนนี้ข้อมูลที่สามารถทำการยืนยันได้มีอยู่สองเรื่อง หนึ่งคือพระผู้สร้างแห่งใหม่มีอยู่จริง มันอยู่ห่างจากสันหลังของทวีปออกไปไม่ถึง 300 กิโลเมตร แถมยังเคลื่อนที่มาทางตะวันออกอย่างต่อเนื่องด้วย สองคือมันพาปีศาจจำนวนมากมาด้วย จำนวนของพวกมันมากจนแผ่นดินลอยฟ้าไม่อาจรองรับได้ ทำให้พวกมันต้องใช้วิธีแบบนี้ในการเคลื่อนทัพ”
“เรื่องแรกข้าคิดว่าคงเข้าใจได้ไม่มาก เพื่อที่จะบุกอาณาจักรวูล์ฟฮาร์ทและอีเทอร์นอลวินเทอร์แล้ว กองทัพตะวันตกของปีศาจไม่เพียงแต่จะสร้างเสาหินโอเบลิสเอาไว้ในเทือกเขาสันหลังของทวีป แต่พวกมันยังวางเส้นทางจนส่งหมอกแดงพาดผ่านดินแดนแห่งรุ่งอรุณเอาไว้ด้วย เมื่อบินเลียบเทือกเขามา ไม่เพียงแต่จะทำให้ไม่หลุดออกนอกเส้นทาง แต่มันยังช่วยแบ่งเบาภาระเรื่องหมอกแดงด้วย ถือได้ว่าเป็นเส้นทางการเคลื่อนที่ที่ดีทีเดียว”
“ส่วนเรื่องจำนวนของปีศาจนั้นยังไม่ทราบแน่ชัด แต่ในเมื่อเป็นการบุกอย่างเต็มที่ จำนวนของปีศาจที่สามารถสู้รบได้น่าจะมีมากถึง 10 ล้านตัว เมื่อดูจากความเร็วในการเคลื่อนที่เข้ามาแล้ว อย่างช้าที่สุดอีกประมาณเดือนนึงพวกมันก็น่าจะมาถึงชายแดนของสี่อาณาจักรใหญ่”
ในตอนที่พูดถึงจำนวนของศัตรู โรแลนด์สังเกตเห็นสีหน้าของหลายๆ คนมีความหวาดกลัว แต่นี่จะไปโทษพวกเขาก็ไม่ได้ หลังผ่านสงครามแห่งโชคชะตามาสองครั้ง มนุษย์เสียหายอย่างมาก ผู้รอดชีวิตมีถึง 10 ล้านหรือเปล่าก็ยังไม่รู้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงนักรบที่สามารถใช้ในการทำศึกเลย สำหรับคนอื่นๆ อย่างบารอฟแล้ว จำนวน 10 ล้านนั้นถือว่ามากมายมหาศาล
“นี่เป็นการโจมตีแบบทุ่มสุดตัวของศัตรู แล้วก็จะเป็นศึกที่ตัดสินชะตาชีวิตของมนุษย์ด้วย เกาะลอยฟ้าเอเลนอร์จะต้องออกเดินทางทันที เพื่อจะหยุดศัตรูเอาไว้ก่อนที่มันจะข้ามเทือกเขาสิ้นวิธีมา”
“แต่ว่า…ฝ่าบาท” บารอฟถามขึ้นมาอย่างลำบากใจ “ศัตรูมีจำนวนมากขนาดนี้ แต่กำลังพลที่เกาะลอยพาไปได้กลับมีจำนวนจำกัดอย่างมาก การบุกออกไปโจมตีมันจะมีความเสี่ยงมากเกินไปหรือเปล่าพ่ะย่ะค่ะ?”
“การเฝ้าอยู่ในเกรย์คาสเซิลต่างๆ ที่เป็นแผนที่มีความเสี่ยงมากที่สุด” เอดิธส์ยืนขึ้นมาพร้อมเหลือบมองดูหัวหน้าสำนักบริหาร “ทุกคนอย่าได้หวาดกลัวจำนวน 10 ล้านของปีศาจคุ้มคลั่ง ถ้าพวกมันแตะเกรย์คาสเซิลไม่ได้ ต่อให้มีจำนวนมากแค่ไหนมันก็ไม่มีประโยชน์ ถ้าใช้สมองคิดดีๆ ก็น่าจะเข้าใจได้ เมืองแบล็คสโตนไม่ใช่ว่าเพิ่งจะมีปีศาจจำนวนมากขนาดนี้ตอนสงครามแห่งโชคชะตาครั้งที่สามเริ่มต้นขึ้น ที่ก่อนหน้านี้พวกมันไม่สามารถข้ามมาได้ ก็เป็นเพราะว่าตัดข้อจำกัดในเรื่องของเส้นทางขนส่งหมอกแดง ดังนั้นเป้าหมายที่แท้จริงของพวกเราจึงมีเพียงหนึ่งเดียว นั่นคือเมืองลอยฟ้าของศัตรู”
พอคำพูดนี้ออกไป บรรยากาศภายในห้องประชุมจึงเกิดการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย เพราะไม่ว่าใครก็ไม่อยากยอมรับว่าตัวเองได้เกิดความหวาดกลัวต่อปีศาจขึ้นมา
“ถูกต้อง” โรแลน์พยายามฝืนยิ้มเอาไว้พร้อมกับพยักหน้าเล็กน้อย “ทันทีที่ไม่มีหมอกแดงจากเสาโอเบลิสเคลื่อนปี ปีศาจก็จะเคลื่อนไหวบนที่ราบลุ่มบริบูรณ์ได้ยาก ยิ่งไปกว่านั้นการที่พวกเราออกเดินทางตอนนี้มันไม่ได้หมายความว่าเราจะปะทะกับพวกมันทันที ช่วงเวลาในระหว่างที่เดินทางน่าจะเพียงพอให้กองทัพได้ใช้เตรียมตัว”
เขายังมีอีกเรื่องหนึ่งที่ไม่ได้พูดออกไป
นั่นคือสกายลอร์ดและไซเลนท์ดิสแอสเตอร์ที่กลับไปรวบรวมกำลังพลที่เมืองสกาย
ในเมื่อพวกปีศาจใช้เส้นทางขนส่งหมอกแดงของกองทัพตะวันตกในการเคลื่อนพล อย่างนั้นก็ไม่มีทางที่เฮคซอดจะไม่รู้ถึงตำแหน่งของเมืองจักรพรรดิ สำหรับจักรพรรดิของเผ่าพันธุ์ปีศาจ ตอนนี้มันได้กลายเป็นผู้ทรยศโดยสมบูรณ์แล้ว ด้วยเหตุนี้การควบคุมกำลังพลเอาไว้ให้มากจึงเป็นวิธีการปกป้องตัวเองที่ดีที่สุด การร่วงตกของเมืองจักรพรรดินั้นคือโอกาสที่ดีที่สุดของมันอย่างไม่ต้องสงสัย เมื่อถึงเวลานั้น เฮคซอดไม่มีทางที่จะอยู่เฉยๆ แน่
เมื่อคิดถึงตรงนี้ โรแลนด์ก็มองไปทางทิลลี “เออใช่ การฝึกซ้อมขึ้นบินกับลงจอดของอัศวินเป็นยังไงบ้าง?”
“ง่ายข้าที่ข้าคิดเอาไว้มาก” ทิลลีพูดอย่างใจเย็น “การขึ้นบินและลงจอดบนเกาะลอยฟ้าไม่ค่อยต่างจากการขึ้นบินลงจอดบนพื้นดินเท่าไร ขอเพียงอากาศเป็นใจ นักเรียนก็สามารถทำการขึ้นบินกับลงจอดได้สบายๆ ปัญหาเพียงอย่างเดียวก็คือที่ผ่านมาแค่มองเห็นเทือกเขาสิ้นวิถีหรือเส้นชายฝั่ง นักบินก็จะสามารถวิเคราะห์ตำแหน่งของตัวเองอย่างคร่าวๆ ได้ จากนั้นก็จะหาสนามบินที่อยู่บนพื้นเจอ แต่หลังจากนี้ทั้งเราแล้วก็ปีศาจจะเคลื่อนที่อยู่ตลอดเวลา บวกกับบนที่ราบลุ่มบริบูรณ์ไม่มีสถานที่ที่ใช้บอกทิศทาง การระบุตำแหน่งในตอนที่บินกลับคงจะต้องมีปัญหาอย่างแน่นอน แต่ว่านี่ก็ไม่ใช่ปัญหาที่แก้ไขไม่ได้ ท่านจัดหาน้ำมันเอาไว้ให้พอก็พอ”
นี่เป็นอีกปัญหาสำคัญในการทำศึกของยานแม่ —- บนสนามรบที่กว้างหลายร้อยกิโลเมตร การบินออกนอกเส้นทางเพียงนิดเดียวมันจะทำให้สุดท้ายแล้วหลุดออกนอกตำแหน่งไปไกลมาก ที่โชคดีก็คือเมื่อเทียบกับทะเลที่หน้าตาเหมือนกันหมดแล้ว บนแผ่นดินต่อให้รกร้างแค่ไหนมันก็ยังมี ‘จุดบอกพิกัด’ ให้ใช้ระบุตำแหน่งอยู่ อย่างเช่น ป่า แม่น้ำหรือยอดเขา โรแลนด์พอจะเดาความคิดของอีกฝ่ายออก ถ้าไม่คุ้นเคยก็ฝึกให้มาก เมื่อบินเยอะแล้วก็จะย่อมต้องรู้ตำแหน่งที่ตัวเองอยู่อย่างแน่นอน
“วางใจได้ เจ้าอยากจะให้พวกเขาบินนานเท่าไรก็ได้” เขารับปาก
ในศึกตัดสินนี้ อัศวินอากาศนั้นจะเป็นกำลังหลักของกองทัพอย่างไม่ต้องสงสัย และก็เป็นเพราะมีกองกำลังทางอากาศอยู่ มนุษย์ถึงได้มีโอกาสที่จะหยุดการโจมตีของเมืองจักรพรรดิปีศาจที่อยู่ห่างออกไปนับพันกิโลเมตร
เมื่อเห็นว่าไม่มีใครพูดอะไร โรแลนด์จึงมองไปรอบๆ พร้อมกับสั่งการออกมาว่า “อย่างนั้น ข้าข้อประกาศให้แผนการสรวงสวรรค์เข้าสู่ช่วงที่สามได้ เกาะลอยฟ้าออกเดินทาง เป้าหมายคือพื้นที่ด้านเหนือของที่ราบลุ่มบริบูรณ์!”
………………………………………………………………………