Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ - ตอนที่ 1461 ก่อนรุ่งอรุณ
ตอนที่ 1461 ก่อนรุ่งอรุณ
โดย
Ink Stone_Fantasy
เมื่อเข้าใกล้เมืองจักรพรรดิของปีศาจ เกาะลอยฟ้าก็ถูกโจมตีหนักขึ้นเรื่อยๆ
จาดตอนแรกสุดที่โจมตีมาวันละครั้ง ตอนนี้กลายเป็น 4 – 5 ชั่วโมงครั้ง คลื่นการโจมตีครั้งก่อนหน้ายังไม่ทันหายไป คลื่นโจมตีที่สองก็มาอีกครั้ง
มีแต่ช่วงกลางคืน เกาะลอยฟ้าถึงจะอยู่ในความสงบ
การก่อสร้างและการติดตั้งต่างๆ ที่ยังไม่เสร็จล้วนแต่ถูกหยุดเอาไว้ก่อน ทีมก่อสร้างทั้งหมดถูกพาไปอยู่บนรันเวย์ที่กำลังทำการก่อสร้างอยู่ แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีที่ถาโถมเข้ามาเหมือนกับสายน้ำ โรแลนด์ก็ไม่กล้าจะให้อัศวินอากาศไล่ตามไปมากนัก นี่ทำให้ภาระทั้งหมดตกไปอยู่ที่ตัวเอเลนอร์
ส่วนการเปลี่ยนแปลงอีกอย่างหนึ่งก็คือจำนวนของปีศาจระดับสูงเองก็เยอะขึ้นเรื่อยๆ ในนั้นมีทั้งปีศาจระดับสูงที่เพิ่มความแข็งแกร่งให้กับร่างกายตัวเองซึ่งพบเห็นได้บ่อยๆ แล้วก็ปีศาจระดับสูงที่มีความสามารถแปลกๆ ป้อมปืนไร้คนเองก็เกิดความเสียหายเพิ่มขึ้น ที่ทำให้ความกดดันของแนวป้องกันเพิ่มมากขึ้น
เมื่อถึงช่วงบ่ายของวันที่สอง ศัตรูก็ฝ่าเข้ามาถึงด้านในของเกาะลอยฟ้าได้สำเร็จเป็นครั้งแรก หลังจากปีศาจระดับสูงจำนวนหลายตัวใช้มีดเวทมนตร์ทำลายประตู เอเลนอร์เกิดสัญญาณเตือนบุกรุก แม่มดอาญาสิทธิ์ที่สวมชุดเกราะทั้งตัวกลายเป็นแนวป้องกันที่สอง ทั้งสองฝ่ายเปิดฉากต่อสู้กันในทางเดินแคบๆ ภาพเหตุการณ์นี้เหมือนศึกที่เกิดขึ้นในยุคสมัยสมาพันธ์เมื่อหลายร้อยปีก่อน เพียงแต่ตำแหน่งของทั้งสองฝั่งสลับกัน
ในความคิดของอควาเรียส แม่มดอาญาสิทธิ์นั้นเป็นหอกอันแหลมคมที่จะแทงเข้าไปในฐานที่มั่นของปีศาจ แล้วก็เป็นหัวใจสำคัญในการทำลายเสาโอเบลิสและร่างแม่ มีแต่ต้องบุกเข้าไปทำลายศัตรูที่ทำการป้องกันด้วยกำลังทั้งหมดที่มี มนุษย์ถึงจะมีความหวังในการเอาชนะ แต่บนเกาะลอยฟ้า ปีศาจกลับกลายเป็นฝ่ายบุกโจมตี แม่มดอาญาสิทธิ์แค่ป้องกันไม่ให้พวกมันบุกเข้ามาได้ก็พอ
แต่ถึงแม้จะตั้งรับอยู่บนเกาะลอยฟ้า ความแข็งแกร่งของพวกเธอก็ไม่ได้ลดลงเลย ในอีกแง่หนึ่ง แม่มดอาญาสิทธิ์นั้นเป็นดาวพิฆาตที่เกิดมาเพื่อจัดการปีศาจระดับสูง ปีศาจที่ถูกปิดกั้นความสามารถเอาไว้ เมื่อต้องมาอยู่ต่อหน้าแม่มดที่เป็นเหมือนกับอมนุษย์และไม่หวาดกลัวต่อความเจ็บปวดนั้นไม่สามารถสร้างความได้เปรียบได้แม้แต่นิดเดียว ยิ่งไปกว่านั้นในมือพวกเธอยังมีปืนอยู่ด้วย
ด้วยเหตุนี้ถึงแม้จะเสียเปรียบในเรื่องจำนวน แต่พวกเธอก็ยังกันศัตรูเอาไว้ด้านนอกพื้นที่ศูนย์กลางได้
ในขณะเดียวกัน บนภาคพื้นดินก็มีร่องรอยของปีศาจปรากฏตัวขึ้นมา ส่วนใหญ่ในนั้นเป็นอสูรยักษ์แมงมุม ตอนแรกนั้นมีอยู่แค่ไม่กี่ตัว แต่ตอนนี้กลับรวมกันจนกลายเป็นเหมือน ‘แอ่งน้ำสีดำ’ เล็กๆ แห่งหนึ่งแล้ว
“เหมือนฝูงมดที่รอซากศพเลย” อกาธามองไปยังภาพด้านล่างเกาะลอยฟ้าพร้อมบ่นงึมงำขึ้นมา “ถ้าพวกเราตกลงไป พวกมันคงจะกรูเข้ามาฉีกเนื้อพวกเราออกเป็นชิ้นๆ แน่”
“ยังมีปีศาจอีกจำนวนมากที่กำลังเดินทางมา ดูเหมือนศัตรูจะอยากล้อมพวกเราเอาไว้นะ” สีหน้าฟิลลิสดูคร่ำเคร่ง “ในอดีตสมาพันธ์คิดจะใช้อมนุษย์ในการเอาชนะปีศาจ แต่ตอนนี้ดูเหมือนความคิดอันนี้มันจะไร้เดียงสาเกินไปแล้ว”
“อื้อ ต่อให้ไม่มีเดอะแมสก์และกองทัพร่างซิมไบออนท์ จำนวนปีศาจขนาดนี้ก็ไม่ใช่สิ่งที่สมาพันธ์จะเอาชนะได้เลย…” แม่มดน้ำแข็งหลับตาลง “พวกเราดูถูกสงครามแห่งโชคชะตาเกินไป”
“แต่อย่างน้อยพวกเจ้าก็ยังมีความหวังอยู่” โรแลนด์ตบบ่าของเธอเพื่อปลอบโยน ไม่ว่าจุดจบของจักรวรรดิแม่มดจะเป็นอย่างไร แต่หลังจากที่มนุษย์ประสบความพ่ายแพ้อย่างราบคาบถึงสองครั้ง พวกเธอก็ยังรักษาเปลวไฟแห่งความหวังเอาไว้อยู่ เพียงแค่จุดนี้ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายแล้ว
“ฝ่าบาท!” ในเวลานี้เฟร์รานได้หอบเอาเอกสารกองหนึ่งเดินเข้ามา “วิถีการเคลื่อนที่ของเกาะลอยฟ้าของปีศาจเกิดการเปลี่ยนแปลง เหมือนว่ามันจะมุ่งหน้ามาทางพวกเราพ่ะย่ะค่ะ!”
“คนที่รายงานเป็นใคร?”
“คุณหนูไลต์นิ่งของทีมนักสำรวจพ่ะย่ะค่ะ นางบอกว่าอีกฝ่ายยังขยายขอบเขตการลาดตระเวนของอสูรสยองด้วยพ่ะย่ะค่ะ นางกับเมซี่ไม่สามารถบินสอดแนมบริเวณใกล้เคียงได้อีกแล้ว สุดท้ายคุณหนูไลต์นิ่งบอกว่าเมืองจักรพรรดิที่อยู่ด้านล่างมีปฏิกิริยาเวทมนตร์ที่รุนแรงไหลทะลักออกมา ขนาดนางที่ไม่ถนัดในการรับรู้ถึงพลังเวทมนตร์ก็ยังสัมผัสได้ถึงไอเวทมนตร์ที่ร้อนแรงอันนั้นพ่ะย่ะค่ะ”
โรแลนด์สบตากับอกาธาทันที
“เจ้าคิดว่ามันคืออะไร?”
“หม่อมฉันไม่ทราบ…” อีกฝ่ายส่ายหัว “แต่ในเมื่อพลังเวทมนตร์จับตัวกันถึงระดับนี้ เกรงว่ามันคงจะไม่ใช่ของธรรมดาๆ แน่พ่ะย่ะค่ะ”
“ข้าก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน” โรแลนด์เห็นด้วย
ช่างน่าตกใจจริงๆ
ทั้งร่างซิมไบออนท์ การเพิ่มจำนวนของปีศาจระดับสูง พระผู้สร้าง…ในช่วงเวลาหลายร้อยปีที่ผ่านมานี้ ปีศาจมีการพัฒนาอยู่ตลอดเวลา ถึงแม้ในศึกพระผู้สร้างตอนแรกพวกมันจะยังใช้หอกกระดูกธรรมดาอยู่ แต่ในเวลานี้กลับเปลี่ยนเป็นหอกที่สามารถระเบิดได้ ถึงแม้ไม่ใช่ปีศาจทุกตัวจะมีใช้ อีกทั้งสิ่งที่มันใช้ก็ไม่ใช่ดินปืนของมนุษย์ แต่นั่นจะต้องเป็นสิ่งที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากมนุษย์อย่างแน่นอน
ในอดีตผู้คนมักจะพูดว่าสงครามเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาที่ดีที่สุดของอารยธรรม ดูเหมือนมันจะจริงอยู่บ้างนะเนี่ย โรแลนด์มองไปบนท้องฟ้าที่เป็นสีเหลือง พระเจ้า…นี่คือสิ่งที่เจ้าอยากจะเห็นจริงๆ งั้นเหรอ?
ถ้าหากฝืนการโจมตีเข้าไป พวกเขาไม่มีโอกาสที่จะชนะแน่ ในเวลานี้เกาะลอยฟ้านั้นเป็นเหมือนเรือที่แล่นทวนน้ำ ส่วนกระแสน้ำสีดำที่ไหลทะลักเข้ามาก็คือปีศาจนับล้านๆ ตัว ถ้าศัตรูมีจำนวนเพิ่มมากกว่านี้อีกสองสามเท่า ภายในเกาะจะต้องบาดเจ็บล้มตายกันอย่างมากแน่
ยิ่งไปกว่านั้นพลังเวทมนตร์อันรุนแรงที่ไหลทะลักออกมาจากเมืองจักรพรรดิกับการที่พวกมันเป็นฝ่ายบุกเข้ามาหาแล้ว พวกมันน่าจะแอบซ่อนไพ่ตายอะไรเอาไว้อย่างแน่นอน
แต่ว่า…เขาก็ไม่ได้คิดที่จะแลกกับอีกฝ่ายแบบซึ่งๆ หน้าตั้งแต่แรกแล้ว
ตำแหน่งของเกาะลอยฟ้าบนแผนที่อยู่ห่างจากปลายเส้นแดงที่ทำสัญลักษณ์เอาไว้อีกนิดเดียว แต่ในเมื่อปีศาจยินดีที่จะเป็นฝ่ายร่นระยะทางตรงนี้เข้ามาเอง เขาก็จะได้ประหยัดเวลา
“แจ้งทุกคนให้ไปรวมตัวกันที่ห้องประชุม” โรแลนด์หันไปสั่งเฟร์ราน “ถึงเวลาแล้ว”
ทุกคนที่อยู่ในฐานบัญชาการวางงานในมือลงพร้อมกับหันมามองทางนี้
ภายในห้องตรึงเครียดขึ้นมาทันที
“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท” เฟร์รานยืดตัวตรงพร้อมทำวันทยหัตถ์
….
หลังจากนั้นไม่กี่นาที เจ้าหน้าที่ระดับสูงก็มารวมตัวกันที่ชั้นบนของสะพานเรือ
พระอาทิตย์กำลังค่อยๆ ตกลงพื้นดิน เส้นขอบฟ้ากลายเป็นสีแดง ขณะที่บนลานบินก็มีซากศพปีศาจนอนกองอยู่เต็มไปหมด ทำให้แต่งเติมรังสีฆ่าฟันเข้าไปในแสงอาทิตย์ยามเย็น
“คืนนี้ ศัตรูจะเข้ามาในอาณาเขตโจมตีสุดท้ายของพวกเรา”
โรแลนด์มองดูผู้เข้าร่วมประชุมทีละคน พวกเขานั่งล้อมโต๊ะยาวโดยแบ่งออกเป็นสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งคือเหล่าแม่มด ประกอบไปด้วยอันนา เวนดี้ อกาธา ฟิลลิส…อีกฝ่ายหนึ่งคือผู้บังคับบัญชาของกองทัพ ขวานเหล็ก เอดิธส์ ไบรอัน เฟร์ราน…ดวงตาทุกคู่ต่างเต็มไปเป็นความเชื่อมั่น ถึงแม้ศัตรูจะบุกมาอย่างมืดฟ้ามัวดิน แต่ก็ไม่มีใครที่จะแสดงท่าที่ว่าจะถอยหรือหวาดกลัวแม้แต่คนเดียว
“แผนการนี้ข้าไม่จำเป็นต้องพูดซ้ำอีกครั้ง นับตั้งแต่ที่มันถือกำเนิดขึ้นมา ทุกคนก็ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของมัน แล้วก็ได้มองเห็นมันตั้งแต่เริ่มจนมาถึงตอนนี้” โรแลนด์ค่อยๆ พูด “ถึงแม้คนที่เสนอแผนการนี้ขึ้นมาจะเป็นข้า แต่ถ้าไม่มีความพยายามของทุกคน มันก็ไม่มีทางเป็นจริงได้”
การสร้างกระสุนตัวอย่าง การคำนวณพารามิเตอร์ต่างๆ การทดสอบทิ้งระเบิดจากบนอากาศ ถึงแม้จะมีศูนย์ออกแบบเกรย์คาสเซิลคอยช่วยเหลืออยู่ แต่เขาก็ทำตามขั้นตอนทุกๆ อย่างตั้งแต่การทดสอบตัวอย่างจนกลายมาเป็นอาวุธที่ใช้ได้จริงเพื่อที่จะป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นในระหว่างที่ทำการรบ
“เพื่อที่จะลดโอกาสในการถูกพบเห็นให้มากที่สุด และเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสียดายโดยไม่จำเป็นระหว่างทาง ฝูงบินจะออกเดินทางประมาณตีห้า การบินในเวลากลางคืนเต็มไปด้วยความเสี่ยง ต่ข้าเชื่อว่าทิลลีจะสามารถนำอัศวินอากาศออกปฏิบัติการได้ ถ้าทุกอย่างราบรื่น รุ่งเช้าพรุ่งนี้ท้องฟ้าจะมี ‘พระอาทิตย์’ ดวงใหม่ปรากฏขึ้นมา”
เมื่อเห็นว่าภายในห้องประชุมไม่มีใครแย้งอะไรขึ้นมา โรแลนด์จึงลุกขึ้นแล้วพูดว่า “อย่างนั้น ข้าขอประกาศให้เริ่มดำเนินการตามแผนแสงแห่งอาทิตย์ได้!” เขาชะงักไปเล็กน้อย “จำเอาไว้ ช่วงเวลาที่มืดมิดที่สุดคือช่วงก่อนรุ่งอรุณ”
……………………………………………………..