Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ - ตอนที่ 1463 ทิ้งระเบิดจากบนฟ้า
ตอนที่ 1463 ทิ้งระเบิดจากบนฟ้า
โดย
Ink Stone_Fantasy
กู๊ดกำคันบังคับแน่น สายตาจ้องมองไปทางข้างหน้า
มืด…จริงๆ เลย
ท้องฟ้า ก้อนเมฆ พื้นดิน นอกจากแสงไฟที่ไม่เปลี่ยนแล้ว เขาก็มองอะไรไม่เห็นเลย แล้วก็เป็นเพราะว่าจ้องมองนานเกินไป แม้แต่แสงไฟที่หางก็ยังดูเลือนรางขึ้นมา
ตัวเองกำลังเคลื่อนที่อยู่อย่างนั้นเหรอ?
หรือว่าพวกเขายังอยู่ที่เดิมอยู่?
กู๊ดถอดแว่นกันลมออก ก่อนจะเอามือนวดดวงตาที่อ่อนล้า ในเวลานี้เขาถึงได้สังเกตเห็นว่าภายในถุงมือของเขาเหนียวไปหมดแล้ว
เหงื่อออกเหรอเนี่ย…
ครึ่งล่าสุดที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้มันคือเมื่อไร? เกรงว่าคงจะต้องย้อนไปถึงตอนที่ดูหนังเวทมนตร์ล่ะมั้ง…
เขาสูดหายใจลึกๆ พร้อมกับนึกถึงคำพูดของฝ่าบาทขึ้นมา
ก่อนฟ้าสาง คือช่วงที่มืดที่สุด
ก่อนฟ้าสาง…
“มาคุยกันเถอะ ไม่อย่างนั้นข้าคงต้องอึดอัดตายแน่”
ทันใดนั้นเอง กู๊ดเหมือนได้ยินเสียงภายในใจของตัวเองดังขึ้นมา แต่ไม่นานเขาก็รู้ตัวว่านั้นเป็นเสียงของฟินกิ้นที่ดังมาจากช่องวิทยุภายในทีม!
“เฮ้ยๆ ใช้วิทยุมาคุยเล่นกันมันผิดกฎนะ!” เสียงที่คุ้นเคยอีกเสียงหนึ่งดังขึ้นมา นั่นคือเสียงของไฮด์
“กฎขององค์หญิงคือห้ามใช้วิทยุคุยกันตอนที่ทำการรบอยู่ เพราะมันอาจจะไปรบกวนการส่งข่าวสารสำคัญได้ ตอนนี้พวกเรายังไม่ได้เข้าสู่สนามรบ อสูรสยองก็ไม่สามารถบินในเวลากลางคืนได้” ฟินกิ้นตอบ “อีกฝ่ายช่องที่ข้าใช้ก็เป็นช่องภายในทีม มันไม่ดังไปถึงหูองค์หญิงซักหน่อย”
“….” ภายในหูฟังเงียบไปชั่วขณะ
“ก็ได้ ข้ายอมรับว่าได้ยินเสียงคนพูดมันรู้สึกดีจริงๆ” เสียงอีกคนหนึ่งดังขึ้นมา “ว่าไงเพื่อน เจ้าอยากจะคุยอะไร?”
“อะไรก็ได้ ไม่อย่างนั้นทุกคนลองมานับดูไหมว่าตัวเองมองเห็นไฟท้ายของเครื่องบินกี่ลำ? บอกตามตรง ข้าใกล้จะแยกไม่ออกแล้วว่าอันไหนเป็นไฟ อันไหนเป็นดาว”
“ใช่ พูดอะไรมาก็ได้”
“ข้ามองเห็นหกลำ”
“ของข้าสี่”
“อย่างนั้นเจ้าน่าจะอยู่ตรงปีกของขบวน ระวังหลุดออกจากกลุ่มล่ะ”
ไม่นานภายในช่องสื่อสารก็คึกคักขึ้นม เห็นได้ชัดว่าการที่ไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน แล้วก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะไปที่ไหนนั้นได้สร้างความเครียดให้กับทุกคนอย่างมาก — อย่างน้อยตอนที่บินทะลุชั้นเมฆเมื่อครั้งที่แล้วก็ยังเป็นก้อนเมฆที่ลอยเข้ามา ถึงแม้จะหลุดออกจากกลุ่มไปก็ยังกลับไปเองได้ แต่ครั้งนี้ไม่เพียงแต่จะยากที่จะสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวของตัวเอง แต่ทันทีที่หลุดออกมาจากกลุ่มไป ถ้าอาศัยเพียงแค่ตาเปล่านั้นไม่มีทางที่จะหาเกาะลอยฟ้าเอเลนอร์เจอในความมืดแน่นอน
เมื่อฟังเสียงเพื่อนพูดคุยกัน กู๊ดก็รู้สึกผ่อนคลายขึ้นโดยไม่รู้ตัว
“ว่าไง คุยกันแบบนี้ทำให้พวกเจ้ารู้สึกผ่อนคลายขึ้นหน่อยไหม?”
ทันใดนั้นเอง เสียงขององค์หญิงพลันดังแทรกเข้ามา ภายในช่องสื่อสารเงียบลงแทบจะในทันที
เห็นได้ชัดว่าต้องมีคนเอาเรื่องที่พวกเขาคุยเล่นกันภายในช่องไปบอกเจ้าหญิงทิลลี
“เอ่อ องค์หญิง นี่เป็นความผิดของกระหม่อม…” กู๊ดออกรับผิด
“ไม่ ข้าหมายความว่าถ้ามันได้ผลล่ะก็ ข้าก็จะได้คุยเป็นเพื่อนพวกเจ้าด้วย” ทว่าทิลลีกลับไม่ได้มีท่าทีต่อว่าแม้แต่น้อย “แต่อย่าลืมมองดูเพื่อนของตัวเองล่ะ จะได้ไม่ต้องลำบากไลต์นิ่งกับเมซี่”
ทุกคนงุนงงไปเล็กน้อย จากนั้นจึงส่งเสียงเฮขึ้นมา
“พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะไม่คลาดสายตาแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ!”
“องค์หญิง ได้โปรดวางพระทัยพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมรู้สึกภาพตรงหน้าของกระหม่อม!”
“พอได้แล้ว จะเลียแข้งเลียขาก็ดูตัวเองบ้าง เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นนกฮูกหรือไง?”
ท่ามกลางเสียงหัวเราะ แม้แต่หน่วยบนเครื่องบินทิ้งระเบิดก็เข้ามาพูดคุยในช่องด้วย
“องค์หญิง นี่คือคุนเผิง กระหม่อมขอถามพระองค์คำถามนึงได้ไหมพ่ะย่ะค่ะ?”
“อื้อ”
“ระเบิดที่อยู่ในห้องเก็บระเบิดของพวกกระหม่อมคือแสงแห่งอาทิตย์ใช่ไหมพ่ะย่ะค่ะ? แต่ทำไมมันถึงไม่เหมือนกับระเบิดที่อยู่บนพีซอาร์คเลยพ่ะย่ะค่ะ? ของพวกเขาทั้งใหญ่ทั้งหลม แต่ของพวกกระหม่อมกลับเหมือนถัง”
กู๊ดรู้ทันที นี่เป็นคำถามที่จะถูกจารึกเอาไว้ในประวัติศาสตร์อย่างแน่นอน
“เพราะว่าของพวกเจ้ามันเป็นระเบิดที่กองวิศวกรรมรีบสร้างขึ้นมา โครงสร้างที่ใช้สร้างก็เป็นโครงสร้างง่ายๆ ในแง่อานุภาพทำลายล้าง ถึงแม้จะไม่เหมือนกับระเบิดอีกลูกหนึ่ง แต่มันก็รุนแรงพอที่จะใช้ทำลายแนวป้องกันชั้นแรกของศัตรูได้” ทิลลีอธิบาย “แต่จะว่าไปแล้ว ฝ่าบาทโรแลนด์ก็เหมือนจะพอใจกับผลลัพธ์อันนี้มาก แถมยังบอกอีกว่าเป็นความบังเอิญทางประวัติศาสตร์อะไรซักอย่างนี่แหละ…”
“องค์หญิง กระหม่อมไม่เข้าใจ..”
“ไม่เข้าใจมันก็ถูกแล้ว” จู่ๆ เสียงขององค์หญิงพลันอ่อนโยนขึ้นมา “เขาเป็นคนแปลกๆ แบบนี้แหละ”
เวลาเหมือนเดินไปอย่างรวดเร็ว
แม้แต่ความมืดสุดลูกหูลูกตาที่อยู่ตรงหน้าก็ดูไม่ได้อึดอัดเหมือนอย่างก่อนหน้านี้แล้ว
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร เสียงที่ฟังดูประหลาดใจเสียงหนึ่งพลันดังขึ้นมากลบเสียงพูดคุยของทุกคนเอาไว้ “รีบดูทางขวามือของพวกเจ้าเร็ว!”
กู๊ดมองออกไปทันที หลังจากนั้นครู่หนึ่งเขาถึงได้สังเกตเห็นว่าท่ามกลางความวุ่นวายมีแสงสีเทาแถบหนึ่งสว่างขึ้นมา —- มันแทรกอยู่ระหว่างท้องฟ้าอันมืดมิด คนปกติยากที่จะสังเกตเห็นความแตกต่างมันได้ แต่การปรากฏขึ้นมาของมันกลับดูแล้วเหมือนสีย้อมที่สาดกระจายออกมา ทำให้ท้องฟ้าที่มีแต่ความมืดก่อนหน้านี้เกิดการเปลี่ยนแปลง ชายขอบของขอบฟ้าที่ได้รับอิทธิพลจากสีเทานี้พลันมีสีน้ำเงินม่วงปรากฏขึ้นมา
นั่นมันสัญญาณก่อนฟ้าจะสาง
“ตั้งสมาธิไว้!” ทิลลีตะโกน “พวกเราใกล้ถึงแล้ว”
…..
ขณะเดียวกัน บนซีกัล
ซิลเวียมองเห็นพระผู้สร้างอย่างคร่าวๆ ผ่านทางท้องฟ้าที่มืดมิด
เพื่อป้องกันไม่ให้ปีศาจดวงตาพบพวกเธอก่อน ตลอดทางเธอจึงจำกัดขอบเขตของพลังเอาไว้แค่บนท้องฟ้าด้วยการจับตาดูไม่ให้ฝูงบินออกนอกเส้นทางเท่านั้น จนกระทั่งใกล้เวลารุ่งสาง เธอถึงจะค่อยๆ มองไปบนพื้นดิน
และความจริงก็ได้พิสูจน์ให้เห็น ไม่ว่าเป็นการคำนวณเส้นทางการบินก่อนหน้าหรือว่าการปฏิบัติตามแผนในช่วงหลัง ทุกคนก็ล้วนแต่ทำหน้าที่ของตนเองได้อย่างดีเยี่ยม ในเวลาไม่กี่นาที พวกเธอก็รับรู้ได้ถึงพลังเวทมนตร์อันน่าตกตะลึงที่แผ่ออกมาจากพระผู้สร้างที่อยู่ไกลออกไปนอกทัศนวิสัย
เมื่อระยะทางหดสั้นขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุดป้อมปราการขนาดยักษ์ที่ห่อหุ้มหินสีดำแห่งนี้ก็ปรากฏขึ้นขอบเขตการสังเกตการณ์ของเธอ
ในเวลานี้เอง วัตถุทรงปริซึมขนาดใหญ่กำลังลอยอยู่นิ่งๆ บนท้องฟ้า — น่าจะเพื่อประหยัดพลังเวทมนตร์ มันจึงลอยห่างจากภาคพื้นดินเพียงแค่ไม่กี่สิบเมตรเท่านั้น ส่วนทางด้านหลังของมันคือกองทัพปีศาจจำนวนมหาศาลที่กำลังตั้งค่ายอยู่ เพียงแค่ความยาวของมันก็ยาวถึงหลายกิโลเมตร
นี่เป็นโอกาสที่ดี
เธอรู้ว่าน่าจะเป็นเพราะมีกองทัพภาคพื้นดินที่ตามอยู่ข้างหลัง พระผู้สร้างจึงต้องหยุดเคลื่อนไหวในเวลากลางคืนด้วย เช่นนี้แล้วเป้าหมายขนาดใหญ่ก็จะอยู่ในสภาพหยุดนิ่ง การทิ้งระเบิดแทบจะไม่มีทางพลาดเลย ที่สำคัญกว่านั้นก็คือในเวลานี้ฟ้ายังไม่สาง บริเวณรอบนอกแทบจะไม่มีอสูรสยองคอยลาดตระเวนอยู่เลย นี่จึงเป็นโอกาสดีที่พวกเธอจะโจมตีครั้งแรก
ซิลเวียหยิบเอาไมโครโฟนขึ้นมาแจ้งตัวเลขข้อมูลต่างๆ ของเป้าหมายให้กับหน่วยทิ้งระเบิด อีกด้านหนึ่งก็สังเกตดูทางฝั่งศัตรู ภายใต้ทัศนวิสัยที่เป็นรูปทรงกลมของเธอ สถาการณ์ในสนามรบทั้งหมดค่อยๆ ปรากฏขึ้นมา สิ่งที่อยู่เหนือขึ้นไปด้านบนประมาณ 7,000 เมตรคือเครื่องบินทิ้งระเบิดสองลำ นั้นเป็นน่านฟ้าที่อสูรสยองต้องใช้เวลาอยู่นานกว่าจะบินขึ้นไปถึง และที่ระดับความสูง 2,500 – 3,000 เมตรก็มีฝูงบินปีกสองชั้นกระจายตัวอยู่ พวกเขาตั้งขบวนกลายเป็นตาข่ายป้องกันอันแน่นหนา และในเวลานี้ฝูงบินก็อยู่ห่างจากพระผู้สร้างไม่ถึง 10 กิโลเมตร คุนเผิงใช้เวลาแค่ไม่กี่นาทีก็สามารถทิ้งระเบิดลูกแรกได้แล้ว
แต่ทันใดนั้นเอง ปีศาจระดับสูงแปลกๆ ตัวหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในสายตาของเธอ ถึงแม้จะอยู่ห่างไกลขนาดนี้ แค่สายตาทั้งสองกลับประสานกัน ปีศาจหยุดเคลื่อนไหวทันที ก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปบนท้องฟ้า
“นั่นมันปีศาจดวงตา มันมองเห็นพวกเราแล้ว!” ซิลเวียตกใจขึ้นมา ถึงแม้เธอจะรู้อยู่แล้วว่าปีศาจจะต้องวางกองกำลังปีศาจดวงตาเอาไว้เป็นจำนวนมากเพื่อทำการตรวจตรา การถูกพวกมันพบเป็นเรื่องที่ช้าเร็วก็ต้องเกิดขึ้น แต่ในตอนที่เวลานั้นมาถึงจริงๆ เธอก็ยังรู้สึกตกใจอยู่ดี
“ถึงจะเห็นตอนนี้มันก็สายไปแล้ว” แอนเดรียกระตุ้นรูนสดับพร้อมกับแจ้งไปทางทิลลีว่า “เครื่องบินทิ้งระเบิดกำลังเข้าสู่ตำแหน่งทิ้งระเบิด คอยหลบด้วย”
“รับทราบ”
“แล้วก็ ฝ่าบาทสังเกตเห็นฝูงบินแล้วเหมือนกัน” เธอจงใจทำเป็นแจ้งอย่างสบายใจ
“งั้นเหรอ ข้ารอเวลานี้มานานแล้ว” ทิลลีพูดจบก็หมุนวิทยุไปยังช่องรวมทั้งหน่วย “ทุกคนโปรดทราบ ตอนนี้ให้เลี้ยวไปทางปีกขวาสิบองศา เตรียมตัวเข้าปะทะ”
ฝูงบินขนาดใหญ่เริ่มทำการเลี้ยวทันที ในเวลานี้สีเทาตรงขอบฟ้าค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีขาว สีบนท้องฟ้ายังคงเป็นมืดอยู่ แต่อย่างน้อยก็ไม่ได้ดำจนกระทั่งมองอะไรไม่เห็น มันเป็นสีน้ำเงินเข้มจนเกือบจะเป็นสีดำ หมู่ดาวบนท้องฟ้าเริ่มจางหายไป บนปีกเริ่มสีสะท้อนขึ้นมา
มีเพียงคุนเผิงเท่านั้นที่ไม่เปลี่ยนทิศทาง มันจำเป็นต้องรักษาระดับการบินเอาไว้ก่อนทิ้งระเบิด
คุนเผิงและพีซอาร์คล้วนแต่เป็นเครื่องบินชนิดพิเศษที่ออกแบบมาเพื่อทำการทิ้งระเบิด ซึ่งแตกต่างจากฟิวรี่ออฟเฮฟเวนที่สามารถทำการรบได้ด้วย บนตัวเครื่องมีอุปกรณที่ใช้สำหรับการเล็งทิ้งระเบิด อีกทั้งยังมีความสามารถในการเพิ่มแรงดันเพื่อทำให้ระดับความสูงในการบินของมันสูงกว่าเครื่องบินปีกสองชั้นทั่วๆ ไป
ถึงแม้ทัศนวิสัยในเวลากลางคืนจะแย่ อีกทั้งด้านล่างยังมีชั้นเมฆบางๆ อยู่ แต่เมื่อมีซิลเวียคอยบอกพิกัดต่างๆ การสังเกตการณ์จึงไม่ใช่สิ่งที่สำคัญขนาดนั้นอีกต่อไป คนทิ้งระเบิดแค่คำนวณวิถีการตกของระเบิดอย่างง่ายๆ ก่อนจะส่งสัญญาณมือบอกกัปตันเพื่อให้ทำการทิ้งระเบิดได้
“เปิดประตู ทิ้งระเบิดได้!”
เมื่อคันบังคับถูกดึงขึ้น ด้านล่างตัวเครื่องก็มีเสียงทึบๆ ดังขึ้น นั่นคือเสียงระเบิดอันหนักอึ้งแยกตัวออกจากโครงยึดระเบิด ในตอนที่วัตถุขนาดใหญ่ที่หนักกว่า 4 ตันร่วงตกลงไป ตัวเครื่องบินพลันโคลงเคลงเล็กน้อยก่อนจะกลับมาเป็นปกติ
ในเวลานี้ระเบิดได้กลายเป็นจุดสีดำที่ดูไม่สะดุดตา ภายใต้การดึงของแรงดึงดูด มันกำลังร่วงลงไปหาพระผู้สร้างอย่างรวดเร็ว
……………………………………………………………..