Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ - ตอนที่ 1472 การเฉลิมฉลองและเรื่องที่คาดไม่ถึง
“ชนแก้ว!”
อกาธายกแก้วขึ้นมา
“หมดแก้ว!” เหล่าแม่มดตะโกนขึ้นมาเสียงดัง แก้วสิบกว่าใบถูกยกขึ้นมา ก่อนจะชนเข้าด้วยกัน ในนี้มีทั้งแม่มดทาคิลาที่สูญเสียการรับรสไป แล้วก็มีแม่มดระดับสูงของสมาพันธ์ที่กลายเป็นร่างต้นแบบ โดยเฉพาะเหล่าแม่มดของทาคิลา สำหรับคนที่ผ่านสงครามแห่งโชคชะตาครั้งก่อนมาและต้องแบกรับความสิ้นหวังอย่างมากเอาไว้ ในที่สุดตอนนี้พวกเธอก็ได้ปลดเปลื้องก้อนหินที่กดทับอยู่ภายในใจออกไปเสียที พวกเธอสามารถหัวเราะมีความสุขกับทุกคนได้อย่างเต็มที่ เรียกได้ว่ารอยยิ้มของเธอเปล่งประกายมากกว่าคนอื่นๆ เสียอีก
แต่ใช้ทุกการเสียสละจะได้รับสิ่งตอบแทน แล้วก็ไม่ใช่ทุกการยืนหยัดที่จะมองเห็นแสงสว่างในวันรุ่งขึ้น และก็เป็นเพราะเหตุนี้ ในตอนที่การเสียสละและการยืนหยัดอดทนมาเป็นเวลาหลายร้อยปีไม่สูญเปล่า มันจึงยิ่งทำให้พวกเธอรู้สึกตื้นตันใจ
“เอ่อ…” นาน่ามองดูพวกพาซ่าอย่างสงสัย “พวกท่านดื่มแบบนี้มันรับรู้รสชาติได้จริงๆ เหรอ?”
แม่มดอาญาสิทธิ์นั้นแค่สูญเสียการรับรสไปเท่านั้น แต่วิธีการดื่มของพาซาร์ อาลิเธียและเซลีนนั้นไม่เหมือนกับที่ทุกคนคิดเอาไว้ — พวกเธอม้วนหนวดขึ้นมา แล้วเอาเหล้าเทไปบนหัวตัวเองเหมือนกับอาบน้ำอย่างไรอย่างนั้น
‘ถึงพวกเราจะไม่มีปาก แต่พวกมันก็สามารถใช้หนวดและผิวมาแยกแยะรสชาติและดูดซับน้ำได้ ยิ่งไปกว่านั้นการรับรู้ของพวกเรายังดีกว่าคนธรรมดาด้วย’ พาซาร์ตอบยิ้มๆ ‘นอกจากนี้ ขอบเขตการรับรสชาติของร่างต้นแบบก็ไม่เหมือนกับมนุษย์ ดังนั้นพวกเราจึงสามารถรับรสชาติที่ไม่เคยชิมมาก่อนได้’
“ว้าว..มันเป็นรสยังไงเหรอ? ข้าอยากรู้จัง!” สายตาไลต์นิ่งเป็นประกาย
“จากการวิจัยของสถาบันค้นคว้าศาสตร์ลึกลับ มนุษย์ไม่สามารถเข้าใจในสิ่งที่ตัวเองไม่เคยสัมผัสได้ ดังนั้นถึงแม้นางจะพูดออกมา เจ้าก็ยากที่จะจินตนาการออก” แม่มดน้ำแข็งเทเหล้าให้ตัวเองใหม่อีกครั้ง “ถ้าอยากจะก้าวข้ามขีดจำกัดนี้ไป วิธีเดียวก็คือเปลี่ยนตัวเองให้กลายเป็นร่างต้นแบบ”
‘อกาธา หรือว่าเจ้าคิดจะ…’ เซลีน
“อื้อ เอาไว้ทุกอย่างจบลงแล้ว ข้าอยากจะทำการถ่ายโอนวิญญาณ จากนั้นก็สร้างสถาบันค้นคว้าศาสตร์ลึกลับขึ้นมาใหม่” อกาธาพยักหน้าอย่างสบายๆ “อายุขัยของแม่มดมีไม่ถึงร้อยปี ถ้าหากกลายเป็นร่างต้นแบบ ข้าก็จะสามารถทำงานวิจัยของตัวเองต่อไปได้” พอพูดจบเธอก็หันหน้าไปยิ้มให้ไลต์นิ่ง “คนที่เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นเหมือนอย่างเจ้านั้นเหมาะที่จะเข้ามาอยู่ในสถาบันค้นคว้าศาสตร์ลึกลับอย่างมาก ว่าไง สนใจจะเข้ามาไหม?”
“แต่ถ้ากลายเป็นร่างต้นแบบก็บินไม่ได้ใช่ไหมล่ะ?” ไลต์นิ่งครุ่นคิดไปเล็กน้อย “ข้ายังสำรวจโลกนี้ไม่หมดเลย เอาไว้วันไหนที่ข้าบินไม่ไหวแล้ว ข้าอาจจะลองคิดๆ ดู”
“เฮ้อ…คิดอะไรกันเนี่ย พูดอย่างกับว่าสงครามแห่งโชคชะตาจบลงแล้วอย่างนั้นแหละ” โลก้าดื่มเหล้าแก้วใหญ่จนหมด ก่อนจะถอนหายใจออกมา “ตอนนี้แค่เอาชนะปีศาจได้เท่านั้น อีกด้านหนึ่งของทวีปยังมีศัตรูที่แข็งแกร่งอยู่นะ! ใครจะไปรับประกันได้ว่าพอไปถึงบอทธ่อมเลสแลนด์แล้วจะจบสงครามลงได้ ดังนั้นวันนี้ก็แค่ดื่มให้เต็มที่ก็พอแล้ว!” เธอพูดพร้อมกับคลำถังเหล้าที่อยู่ข้างๆ “เอ๋? เหล้าหมดแล้ว…เหล้าถังใหม่ล่ะ?”
“ทุกคนเพลาๆ หน่อยดีกว่า วันนี้อีฟลินทำเหล้าเยอะมากแล้ว” มอลลี่สั่งการให้ผู้ช่วยวิเศษเหล้าถังเหล้าเปล่าออกไป “เพราะคืนนี้คนทั้งเกาะต่างก็กำลังฉลองอยู่ ต่อให้นางพยายามทำเต็มที่ก็ยังทำไม่ทัน”
ไม่ว่าจะเป็นเครื่องดื่มยุ่งเหยิงหรือว่าเหล้าก็ล้วนแต่เป็นของที่เอาไว้ให้ทำให้มีความสุข มันย่อมไม่สามารถอาแรงงานคนที่ล้ำค่ามาใช้ในการขนส่งมันก่อนออกเดินทางได้ ด้วยเหตุนี้วิธีที่ง่ายที่สุดก็คือพาอีฟลินขึ้นมาด้วย — ขอเพียงมีน้ำ เธอก็จะสามารถผลิตเหล้าออกมาได้ตลอดเวลา แต่ในตอนที่ทุกคนต่างเฉลิมฉลองในชัยชนะ เห็นได้ชัดว่าปริมาณที่มีมันไม่พอ
“พรืด” จู่ๆ อันนาที่นั่งอยู่หัวโต๊ะพลันหัวเราะออกมา
“ทำไมเหรอ?” ทุกคนพลันมองไปที่เธอ
“เปล่า…ไม่มีอะไร ข้าเพียงแค่คิดถึงเรื่องน่าสนใจเรื่องหนึ่งเท่านั้น” อันนาส่ายหัว “ฝ่าบาททรงแลนด์เคยตรัสอยู่บ่อยๆ ว่าพระองค์ทรงไม่เข้าใจว่าทำไมถึงในการจำลองการวิวัฒนาการของอารยธรรมถึงมองเหล้าเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมาก ต่อให้อาหารและเสื้อผ้ามีไม่พอ แต่ขอเพียงมีเหล้า ความสุขและความพึงพอใจก็จะเพิ่มขึ้นอย่างมาก แต่ถ้ามีแค่ของกินกับเสื้อผ้าล่ะก็ ผู้คนกลับจะก่อปัญหาขึ้นมา ฟังดูแล้วไม่มีเหตุผลเลย แต่ตอนนี้ดูแล้วเหมือนจะไม่ใช่ว่าไม่มีเหตุผลไปซะทีเดียว”
“อ๊ากก…มาอีกแล้ว คำพูดประหลาดของท่านพี่” ทิลลีกรอกตา
ทุกคนพากันส่งเสียงหัวเราะออกมา
“เออใช่ ฝ่าบาทยังทรงทำงานอยู่อีกเหรอ? ตอนนี้วางงานลงก่อนน่าจะไม่เป็นไรหรือเปล่า?” เวนดี้พูด
งานเลี้ยงตอนกลางคืนโรแลนด์เพียงแค่ปรากฏตัวตอนเริ่มงานเท่านั้น หลังจากประกาศเปิดงานเล็กๆ น้อยๆ เขาก็กลับไปยังห้องทำงานของตัวเอง — จากที่เขาบอกมา อีกไม่นานปีศาจน่าจะติดต่อมา เขาขำเป็นต้องจัดการงานในมือให้เรียบร้อย ถึงจะมั่นใจได้ว่าแผนการหลังจากนี้จะประสบความสำเร็จ เอาไว้ทำงานพวกนี้เสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาน่าจะมาฉลองกับทุกคน
“เดี๋ยวข้าจะไปเร่งพระองค์แล้วกัน” อันนาลุกขึ้นยืน
“อย่างนั้นฝากเจ้าด้วยนะ” เวนดี้พูดยิ้มๆ
ถ้ำที่แม่มดฉลองกันนั้นอยู่ไม่ห่างจากที่ทำงานของโรแลนด์เท่าไร หลังเดินผ่านทางเดินแคบๆ เส้นหนึ่งไป เธอก็เจอพื้นที่ทำงานที่อยู่ด้านหลังฐานบัญชาการ — ความจริงไม่ใช่แค่โรแลนด์เท่านั้นที่กำลังยุ่งอยู่ แต่ในห้องทำงานของฐานบัญชาการและทีมที่ปรึกษาก็มีเสียงฝีเท้าดังอยู่ตลอดเวลา เห็นได้ชัดว่าพวกเขาก็รู้ดีว่าการเดินทางไปยังบอทธ่อมเลสแลนด์หลังจากนี้ต่างหากถึงจะเป็นส่วนที่สำคัญที่สุดของแผนการนี้
แน่นอน ที่เธอมาหาโรแลนด์ไม่ใช่แค่เพื่อจะให้เขาพักผ่อนเพียงอย่างเดียว ในเวลานี้ไนติงเกลเองก็เฝ้าอยู่ข้างกายเขา และตัวเองก็เคยรับปากไปแล้วว่าหลังจบศึกนี้จะเป็นเวลาที่พวกเธอนัดหมายกัน
เมื่อคิดถึงตรงนี้ อันนาก็เคาะประตู
“เข้ามาสิ ประตูไม่ได้ล็อค” คนที่ตอบเธอคือไนติงเกล
เมื่อเห็นอันนา เธอก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย แม้แต่สีหน้าก็ดูไม่เป็นธรรมชาติขึ้นมา “เอ่อ ทำไมเจ้าถึงมาได้…”
“ก็เรื่องที่เรานัดกันไว้น่ะสิ”
“ตะ ตอนนี้เหรอ? เดี๋ยวสิ…ข้ายังไม่ได้เตรียมตัวเลย…”
อันนายิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา “ซะที่ไหนล่ะ ข้าแค่มาตามเขาไปดื่มเหล่าแทนคนอื่นเท่านั้น”
“อย่างนี้นี่เอง…” ไนติงเกลถอนใจเล็กน้อย แต่เธอกลับยังมีความรู้สึกเหมือนผิดหวังเล็กน้อยอยู่
“แต่การนัดหมายมันก็เป็นส่วนหนึ่ง จะพูดตอนนี้เลยก็ไม่มีปัญหา” อันนามองไปทางโรแลนด์ที่กำลังนอนฟุบอยู่ที่โต๊ะ “เขายังอยู่ในโลกแห่งความฝันเหรอ?”
ไนติงเกลใช้เวลาอยู่พักหนึ่งถึงได้รู้ว่าอันนาตั้งใจที่จะพูดจริงๆ เธอจึงได้แค่ตอบกลับไปอย่างจนปัญญาว่า “อื้อ เข้าบอกว่าต้องตรวจสอบความคืบหน้าของโปรเจคใหม่ของสถาบันออกแบบเกรย์คาสเซิลหน่อย แล้วก็ยังต้องคุยเรื่องหลังจากนี้กับราชาปีศาจตัวนั้นด้วย ใช้เวลาไม่นานก็น่าจะกลับมาแล้วล่ะ ถ้าเจ้าอยากจะเรียกเขาล่ะก็ แค่สะกิดเขาก็ได้แล้ว — เขาเคยบอกว่าตัดการเชื่อมต่อกับโลกแห่งความฝันได้ตลอดเวลา เพราะยังไงเวลามันก็ไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงอยู่แล้ว”
อันนาพยักหน้า ก่อนจะยื่นมือไปเขย่าตัวโรแลนด์เบาๆ
แต่อีกฝ่ายกลับไม่มีการตอบสนองใดๆ
“แปลก เมื่อก่อนเรียกแค่นี้เขาก็น่าจะตื่นแล้วนี่นา หรือว่าหลายวันมานี้เขาเหนื่อยมากเกินไป?” ไนติงเกลเขย่าแขนโณแลนด์ แค่อีกฝ่ายก็ยังไม่ตื่น
เธอพยายามออกแรงเพิ่มด้วยการดันตัวเขาขึ้นมา แต่อีกฝ่ายกลับหงายตัวไปด้านหลังจนพิงกับพนักเก้าอี้ แขนทั้งสองข้างห้อยตกลงมาข้างตัวอย่างไร้เรี่ยวแรง เหมือนกับหมดสติไปอย่างไรอย่างนั้น
ทั้งสองคนหน้าเปลี่ยนสีทันที!
………………………………………………………