Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ - ตอนที่ 1473 ถูกตัดขาด
“งั้นเหรอ เมืองจักรพรรดิพังทลายแล้วสินะ…”
ภายในร้านกาแฟโรสคาเฟ่ วัลคีรีย์ค่อยๆ วางแก้วที่อยู่ในมือลง ก่อนจะหันหน้ามองออกไปนอกหน้าต่าง ในเวลานี้โลกแห่งความฝันกำลังมีฝนตกปรอยๆ หยดน้ำที่อยู่บนหน้าต่างค่อยๆ ไหลมารวมกัน ก่อนจะหลอมรวมเข้ากับภาพสะท้อนของมันที่อยู่บนหน้าต่าง
ในดวงตาของมันดูสับสนอย่างมาก
ความจริงแล้ว ในตอนที่โรแลนด์โทรศัพท์มาหาวัลคีรีย์ เขาก็สัมผัสได้ถึงอารมณ์ที่หวั่นไหวของมัน หลังจากนั้นอีกฝ่ายก็มาหาเขาเร็วอย่างมาก จนทำให้กางเกงของมันเปื้อนน้ำโคลนนิดหน่อย แค่เมื่อได้มาเจอหน้ากันแล้ว มันกลับไม่ถามอะไรเขา ส่วนใหญ่มันจะฟังเขาพูดมากกว่า ท่าทีที่ดูขัดแย้งกันนี้เห็นจากตัววัลคีรีย์ได้ไม่บ่อยนัก
“เนื่องจากเงื่อนไขมีจำกัด พวกเราจึงยังไม่ทันได้ตรวจสอบผลการสู้รบ แต่เมื่อดูจากรายงานที่ได้รับหลังจากการรบแล้ว ตอนนั้นเดอะแมสก์น่าจะอยู่บนพระผู้สร้างด้วย นี่หมายความว่าอุปสรรค์ที่ขัดขวางการเดินทางไปยังบอทธ่อมเลสแลนด์ได้ถูกกำจัดแล้ว พวกเราห่างจากคำตอบอีกเพียงก้าวเดียวเท่านั้น
โรแลนด์ไม่ได้พูดปลอบใดๆ
นี่คือค่าตอบแทนของความพยายามที่จะหยุดพระเจ้า และค่าตอบแทนที่อีกฝ่ายต้องจ่ายนั้นมากกว่าตัวเอง การปลอบใจกลับจะเป็นการแสดงความสมเพชอย่างหนึ่งมากกว่า
ด้วยความหยิ่งในศักดิ์ศรีของวัลคีรีย์ นี่ไม่ใช่สิ่งที่มันอยากได้ยินอย่างแน่นอน
“แน่นอน ข้าไม่รู้ว่าหลังไปถึงที่นั่นแล้วจะเป็นอย่างไร แต่ขอเพียงเราหลุดออกจากสงครามที่ไม่มีวันจบนี้ได้ ข้าจะต้องรักษาสัญญาอย่างแน่นอน หลังจากนี้ก็เป็นเรื่องเบาะแสของเกาะในสายหมอกนั้น เมื่อคิดถึงว่าที่นั่นเคยมีอาณาจักรซีสกายปรากฏตัว…”
“เผ่าพันธุ์ข้าไม่มีทางช่วยเจ้ารบกับอาณาจักรซีสกายแน่นอน” เป็นครั้งแรกที่วัลคีรีย์พูดตัดบทเขา “ถึงแม้จะไม่มีจักรพรรดิแล้ว แต่หัวหน้าแต่ละหน่วยก็ไม่มีทางที่จะยอมรับสถานการณ์ได้เร็วขนาดนั้นแน่ บางทีเฮคซอดอาจจะใช้ชื่อข้าในการรักษาระเบียบภายในกองทัพเอาไว้ได้อยู่ แต่นั่นก็แค่ชั่วคราวเท่านั้น เจ้าต้องอาศัยกำลังของตัวเองในการกำจัดพวกประหลาดที่คลานขึ้นมาจากทะเลพวกนั้นเอง”
เมื่อคิดถึงระยะห่างจากเมืองเนเวอร์วินเทอร์ไปจนถึงหน้าผาทางเหนือของดินแดนรุ่งอรุณ โรแลนด์พลันขมวดคิ้วขึ้นมา กองกำลังหลักบนเกาะลอยฟ้านั้นคือกองทัพอัศวินอากาศ แต่อาศัยเพียงกองกำลังทางอากาศนั้นไม่มีทางยึดพื้นที่ได้
“แต่ถ้าได้รับการสนับสนุนจากราชาซักตัวสองตัวมันก็ไม่แน่” อีกฝ่ายพูดต่อ “อย่างเช่นสกายลอร์ดกับไซเลนท์ดิสแอสเตอร์”
“เจ้าหมายความว่า…”
“กองทัพตะวันตกอยู่ภายใต้การควบคุมของเฮคซอด นี่หมายความว่าเจ้าสามารถใช้สันหลังของทวีปเชื่อมต่อพื้นที่ทางเหนือและใต้ได้ เมื่อมีประตูมิติ มันก็ไม่ถือเป็นเส้นทางที่ยาวอะไร” ในตอนที่พูดถึงตรงนี้ สีหน้าของไนท์แมร์ได้กลับมาเป็นปกติแล้ว “ดังนั้นขอเพียงเจ้ารีบเคลื่อนกองกำลังไปยังทางเหนือของอีเทอร์นอลวินเทอร์ก็น่าจะตามเกาะลอยฟ้าได้ทัน”
“งั้นเหรอ…วิธีเหมือนจะเป็นไปได้นะเนี่ย” ในเมื่อวัลคีรีย์เอ่ยปากมาเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่ามันคงคิดจะคุยกับเฮคซอดเองอย่างไม่ต้องสงสัย แบบนี้แผนการนี้ก็มีความเป็นไปได้สูง ถึงแม้จะไม่ถึงกับร่วมมือสู้อาณาจักรซีสกายด้วยกัน แต่การที่สามารถมาถึงขั้นนี้ได้ มันก็ถือเป็นผลลัพธ์ที่ดีมากแล้ว “ขอบคุณมากนะ” โรแลนด์พยักหน้า
“ข้าเคยบอกแล้ว ทั้งหมดนี้ข้าทำเพื่อเผ่าพันธุ์ เจ้าไม่จำเป็นต้องขอบคุณ”
“ข้ารู้ แต่สุดท้ายมนุษย์ก็พลอยได้รับประโยชน์ไปด้วย ดังนั้นไม่ว่าเจ้าจะต้องการหรือไม่ ข้าก็จะพูดออกไป”
“แล้วแต่เจ้าเถอะ”
ทั้งสองคนจ้องมองกันอยู่ครู่ ภายในร้านกาแฟเงียบลงไป
“….เจ้าอยากจะพูดแค่นี้เหรอ?” หลังจากนั้นครู่หนึ่ง วัลคีรีย์จึงถามขึ้นมา
“ความจริงก็คิดจะพูดหลายอย่าง แต่ข้าคิดว่าเจ้าไม่น่าจะอยากฟัง” โรแลนด์ตอบอย่างสบายๆ
“เหอะ” มันทำสีหน้าเหมือนจะบอกว่า ‘ก็ดีที่รู้’ ออกมา “อย่างนั้นเจ้าไปทำงานของเจ้าต่อเถอะ ข้าคิดว่าเจ้าน่าจะมีเรื่องให้ต้องจัดการอีกเยอะใช่ไหมล่ะ?”
“ก็จริง” การพูดกับคนฉลาดมักจะไม่มีอะไรยุ่งยาก โรแลนด์มองดูนาฬิกาที่แขวนอยู่บนกำแพง นับตั้งแต่ที่เข้ามาในโลกแห่งความฝันก็เป็นเวลา 3 ชั่วโมง 20 นาทีแล้ว เมื่อคำนวณตามเวลาที่ต่างกันของทั้งสองโลกแล้ว งานเลี้ยงน่าจะยังไม่เลิก “อย่างนั้นข้าไปก่อนล่ะ…หืม?”
ทันใดนั้นเขาพลันสังเกตเห็นว่าในซอยเหมือนจะมีความผิดปกติอะไรบางอย่าง
เห็นๆ อยู่ว่าฝนกำลังตกลงมาปรอยๆ แต่ผู้คนกลับเดินออกมาจากในร้านไปรวมตัวกันอยู่บนถนน คนที่ถือร่มอยู่ก็วางร่มลงพร้อมกับหยิบเอาโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋า สายตาของพวกเขาต่างจ้องมองไปบนฟ้า เหมือนกับบนนั้นมีอะไรน่าเหลือเชื่ออยู่
“พวกเขากำลังทำอะไร?” วัลคีรีย์เองก็สังเกตเห็นเหมือนกัน
“ไม่รู้สิ เดี๋ยวข้าออกไปดูหน่อย” โรแลนด์พูดจบก็เดินออกไปนอกร้านกาแฟ แต่ไม่นานเขาก็ต้องยืนตกตะลึงอยู่ตรงหน้าประตู เขามองเห็นอีกฟากหนึ่งมีลำแสงสีแดงเส้นเล็กๆ พุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า แล้วก็เชื่อมโยงเข้ากับรูปทรงหกเหลี้ยวจำนวนนับไม่ถ้วนจนกลายเป็นเหมือน ‘ร่มขนาดใหญ่’ ที่ปกคลุมอยู่ด้านบน
“นั่นมันอะไร? การแสดงไฟแบบใหม่เหรอ?”
“แต่มันใหญ่เกินไปหน่อยมั้ง!”
“ไม่รู้ว่าไฟนั้นพุ่งขึ้นมาจากตรงไหน ใจกลางเมืองก็ไม่ได้อยู่ทางนั้นนี่นา”
“ลองไปดูบนถนนใหญ่ไหม?”
ทุกที่เต็มไปด้วยเสียงพูดคุยของผู้คน คำแนะนำว่าให้ไปดูใกล้ๆ ได้รับการเห็นด้วยอย่างรวดเร็ว ฝูงคนเริ่มเคลื่อนตัวออกไปนอกชุมชน จากนั้นก็มีผู้สงสัยคนอื่นๆ เข้าร่วมกลุ่มด้วย ทำให้ในซอยเล็กๆ พลันเหมือนสายน้ำหลาดทันที
“นั่นไม่ใช่แสงไฟ” วัลคีรีย์ที่ตามออกมาพูดด้วยน้ำเสียงสงสัย
“ข้าก็คิดอย่างนั้น” โรแลนด์ขมวดคิ้ว ถึงแม้บนหัวจะยังมีเมฆฝนปกคลุมอยู่ แต่ตอนนี้มันก็ยังเป็นเวลากลางวัน ไม่มีแสงไฟไหนที่จะสว่างถึงขนาดนี้ได้ นิ่งไปกว่านั้นเส้นสีแดงเหล่านั้นยังสว่างแบบวูบวาบ เหมือนกับว่าด้านในมีอะไรกำลังไหลอยู่ ดูแล้วคล้ายกับเส้นเลือด
และสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีมากที่สุดก็คือแผ่นหกเหลี่ยมที่เป็นเหมือนรังผึ้งเหล่านั้น ตอนที่เทวทูตโจมตีซีโร่เขาเองก็เคยเห็นภาพคล้ายๆ กันแบบนี้มาแล้ว เพียงแต่ตอนนั้นมันเป็นเหมือนกระจก แต่ตอนนี้มันกลับเหมือนแผ่นโปร่งแสง
โรแลนด์โทรศัพท์ไปหาการ์เซีย คำตอบที่ได้รับคือศูนย์พักพื้นยังไม่ถูกโจมตี ซีโร่เองก็ปลอดภัยดี นี่ทำให้เขารู้สึกโล่งใจขึ้นมาเล็กน้อย
ในตอนที่สายเพิ่งตัดไป โทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง
คนที่โทรมาคือเฟยอวี่หาน
“ฮัลโหล ตอนนี้นายอยู่ไหน? สมาคมมีประกาศฉุกเฉินให้ผู้ฝึกยุทธ์ทุกคนกลับไปรวมตัวกันที่ฐานบัญชาการตอนนี้เลย”
“เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”
“จู่ๆ เมืองสกายซิตี้ก็ขาดการติดต่อกับโลกภายนอกไป รายละเอียดตอนนี้กำลังทำการตรวจสอบอยู่ แต่ว่า…นายเห็นแสงสีแดงบนฟ้าหรือยัง? มันถูกยิงออกมาจากเมืองสกายซิตี้”
โรแลนด์ตกตะลึงไปทันที เมืองสกายซิตี้อยู่ห่างจากที่นี่ไปอีกซีกโลกหนึ่ง จะเป็นไปได้ยังไงก็จะมองเห็นแสงนั้นได้ด้วยตาเปล่า? นี่มันเลยความโค้งของโลกแล้ว!
เขาอดนึกถึงพระจันทร์สีแดงที่มองเห็นได้ไม่ว่าจะอยู่มุมไหนของโลกขึ้นมาไม่ได้
“….ฉันรู้แล้ว”
“เออใช่ วัลคีรีย์ก็อยู่ตรงนั้นด้วยใช่ไหม? เรียกเธอมาด้วย”
เดี๋ยวๆ…เธอรู้ได้ยังไงว่าไนท์แมร์อยู่ที่นี่? แต่โรแลนด์ยังไม่ทันจะเอ่ยปากพูดอะไร อีกฝ่ายก็ตัดสายทิ้งไปเสียแล้ว
“สมาคมโทรมาเหรอ?” วัลคีรีย์ถาม
“อื้อ ปรากฏการณ์แปลกๆ นี้น่าจะเกี่ยวข้องกับเทวทูต” โรแลนด์แสดงสีหน้าสงสัยออกมา เขาคิดจะออกจากโลกแห่งความฝันไปก่อน เรื่องนี้เหมือนจะไม่ใช่ปัญหาที่จะจัดการได้ในระยะเวลาสั้นๆ เอาไว้จบงานเลี้ยงแล้วค่อยมาจัดการก็ยังไม่สาย ยิ่งไปกว่านั้นข้างนอกยังมีแม่มดอาญาสิทธิ์ที่พร้อมให้การสนับสนุนทุกเมื่อ ไม่เหมือนตอนนี้ที่มีแค่หลิงกับดาเนนที่เฝ้าอยู่ในร้านกาแฟ
แต่ความรู้สึกมึนงงอย่างที่คุ้นเคยก็ไม่ปรากฏขึ้นมา
เขากะพริบตาอย่างแปลกใจ ก่อนจะลองดูอีกครั้ง แต่ภาพรอบตัวก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง เหมือนกับว่าไม่มีโลกอีกโลกหนึ่งอยู่อย่างไรอย่างนั้น
…………………………………………………………………………..