Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ - ตอนที่ 1483 เจอกันโดยบังเอิญ
“ทางด้านตะวันออกมีศัตรูกลุ่มใหญ่กำลังมาจิ๊บ! ฝ่าบาทอันนา สถานการณ์ของพระองค์เป็นยังไงบ้างจิ๊บ?”
ภายในรูนสดับมีเสียงเมซี่ดังขึ้นมาอีกครั้ง — ถึงแม้เธอจะไม่ได้ใช้คำพูดที่ฟังดูเร่งเร้า แต่อันนายังคงรู้สึกได้ถึงความวิกฤตของสถานการณ์
เมื่อเวลาเดินไปเรื่อยๆ กองทัพของอาณาจักรซีสกายที่เข้ามาในสนามรบก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ พวกมันแห่มาจากทุกทิศทุกทาง จากนั้นจึงปีนขึ้นมาบนเกาะหมอก แล้วแห่กันเข้ามาหาทหารกองทัพที่หนึ่งโดยไม่ได้สนใจซากศพของเผ่าพันธุ์ตัวเองที่กองอยู่เต็มพื้นเลย ทุ่งหญ้าสีเขียวขจีก่อนหน้านี้ไม่มีอยู่แล้ว สิ่งที่เข้ามาแทนที่คือกลิ่นดินไหม้ที่แสบจมูก ส่วนบนพื้นดินที่อยู่ต่ำลงไป เลือดที่น้ำเงินคล้ำไหลไปกองกันจนกลายเป็นแอ่งน้ำเล็กๆ
สถานการณ์เปลี่ยนจากตอนแรกที่รับมือได้สบายๆ กลายเป็นเริ่มตึงมือในตอนนี้
เมื่อต้องเจอกับการบุกโจมตีโดยไม่สนใจความเป็นความตายของศัตรู กองทัพที่หนึ่งเองก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงความสูญเสียได้ ต่อให้ด้านบนยังมีเอเลนอร์กับอัศวินอากาศคอยให้การสนับสนุนอยู่ แต่ก็ยังมีศัตรูบางตัวที่หลุดเข้ามาได้
อสูรมีดที่สูญเสียความสามารถในการพรางตัวไปยังคงเป็นศัตรูที่ทหารธรรมดายากจะรับมือได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงรังแม่กลายพันธุ์ที่พ่นน้ำกรดที่สามารถหลอมละลายเหล็กกล้าได้กับอสูรกลืนภูเขาที่เป็นเหมือนกับภูเขาขนาดย่อมๆ เลย
ตอนนี้กองทัพยังคงรักษาแนวรบและกันพวกอาณาจักรซีสกายเอาไว้ด้านนอกหลุมลึกได้ แต่ความอันตรายกำลังเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ไม่มีใครรู้ว่าในทะเลยังมีกองทัพของอาณาจักรซีสกายแอบซ่อนอยู่เท่าไร แต่ทันทีที่มีช่องโหว่ปรากฏขึ้น มันอาจจะทำให้สถานการณ์พังทลายได้ เมซี่กำลังเตือนเธอให้รีบแข่งกับเวลา
แต่พวกอันนายังคงหาผู้เฝ้ามองไม่เจอ
“ด้านในไม่เจอ” เธอผ่อนลมหายใจออกมาเบาๆ เพื่อให้เสียงของตัวเองฟังดูสุขุมมากที่สุด “พวกเรากำลังเข้าไปตรวจดูในพื้นที่ที่ลึกเข้าไป”
“ทราบแล้ว สู้ๆ นะจิ๊บ”
“ข้าคิดว่าได้เวลาถอยแล้ว” จู่ๆ เฮคซอดพลันพูดขึ้นมา “สาวน้อย สิ่งที่เจ้ากับเผ่าพันธุ์ของเจ้าทำนั้นทำให้ข้ารู้สึกตกใจจริงๆ บุกเข้ามาในถิ่นของศัตรูแล้วยังยืนหยัดสู้จนมาถึงตอนนี้ได้ แค่นี้ก็เรียกได้ว่าเป็นการต่อสู้ที่ประสบความสำเร็จแล้ว แต่การดึงดันต่อไปมันไม่แน่ว่าจะได้ผลตอบแทนกลับมา ตอนนี้ผู้เฝ้ามองยังไม่ปรากฏตัว ก็หมายความว่าตอนนี้มันไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว”
“หรือไม่มันแค่ไม่อยากจะโดนปืนใหญ่ยิง ก็เลยไปหาที่ซ่อนตัว” ไนติงเกลพูดแย้ง “ถ้าตอนนี้ล้มเลิก ทุกอย่างก็จะไม่สามารถแก้ไขได้อีก”
“บอกไว้ก่อนนะ ถึงแม้ข้าจะรับปากร่วมมือกับพวกเจ้า แต่มันไม่ได้หมายความว่าข้าจะสู้ตายอยู่ที่นี่” สกายลอร์ดพูดตรงๆ “ถ้าสถานการณ์มันแย่จนไม่สามารถแก้ไขได้ ข้าจะออกไปจากที่นี่ก่อน เมื่อถึงตอนนั้นทหารเหล่านี้จะไม่มีที่ให้ถอยไปไหนอีก เจ้าแน่ใจนะว่าจะทำแบบนี้?” เมื่อเป็นสายตาของอันนาที่มองมา มันจึงอดพูดเสริมอีกประโยคไม่ได้ “แต่แน่นอน….ข้าจะทำแบบนี้ก็ต่อเมื่อไม่มีวิธีอื่นแล้ว”
“ข้าจะไม่บังคับให้เจ้าอยู่ แล้วก็ไม่มีความสามารถจะไปบังคับด้วย” อันนาพูดตรงๆ “แต่มีเรื่องหนึ่งที่ข้าอยากให้เจ้ารู้ไว้ ถ้าแผนการล้มเหลวก็หมายถึงจะไม่มีอนาคตอีก กว่าอาณาจักรซีสกายจะกลืนกินโลกทั้งใบอาจจะต้องใช้เวลานาน ส่วนมนุษย์ที่อยู่ที่นี่ก็ไม่มีวันที่จะได้เห็นวันนั้น แต่สำหรับพวกเจ้าที่มีอายุยืนยาวแล้ว นั่นกลับเป็นชะตาชีวิตที่พวกเจ้าต้องเผชิญ — เจ้าอยากจะอยู่ในโลกแบบนี้จริงๆ เหรอ?”
“….” เฮคซอดเป็นใบ้ไปทันที
“ยังไม่ถึงขีดจำกัด” ในเวลานี้ ไซเลนท์ดิสแอสเตอร์พลันพูดขึ้นมา
“อะไรนะ?”
“ข้าเคยสู้กับมนุษย์ นี่ยังไม่ใช่ขีดจำกัดของพวกเขา ถ้าเป็นกองทัพนั่นล่ะก็ น่าจะรับมือได้นานกว่านี้” มันยื่นมือออกไปชักดาบสีดำที่อยู่ด้านหลัง “ยิ่งไปกว่านั้น ข้ายังไม่ได้ลงมือเลย”
“ระวัง ฝ่าบาทอันนา! ด้านหน้าพระองค์มีสัตว์ประหลาดของอาณาจักรซีสกายกำลังเข้าไปหาเพคะ” แทบจะในเวลาเดียวกัน ในรูนสดับพลันมีเสียงเตือนของซิลเวียดังขึ้นมา “หม่อมฉันแจ้งไปทางหน่วยหุ้มเกราะสองหน่วยที่อยู่ใกล้ที่สุดแล้ว แต่ว่าพวกเขากำลังรับมือกับศัตรูอยู่ น่าจะมาช่วยช้าหน่อยเพคะ!”
“ให้พวกเขาดูแลตัวเองให้ดีก็พอ” ไนติงเกลก้าวออกไปข้างหน้า “ที่นี่เดี๋ยวพวกข้าจัดการเอง”
“ถูกต้อง เรื่องแบบนี้ ข้าไม่มีทางยอมแพ้ปีศาจหรอก” เหล่าแม่มดอาญาสิทธิ์พากันยกปืนลูกซองในมือขึ้นมา
ไม่นาน กองทัพสัตว์ประหลาดที่ประกอบไปด้วยอสูรมีดและรังแม่ก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าทุกคน นอกจากนี้ยังมีอสูรกลืนภูเขาตัวยักษ์อยู่อีกสองตัวด้านหลัง
ไซเลนท์ดิสแอสเตอร์พุ่งเข้าไปหาศัตรูก่อน
ด้วยการเรียกพลังของมัน บนท้องฟ้าพลันมีก้อนเมฆจับกลุ่มเป็นก่อน แสงสีทองแลบแปลบปลาบอย่างต่อเนื่อง จากนั้นจึงรวมตัวกันแล้วผ่าลงมาจากฟ้าแล้วสาดลงรอบๆ ตัวมัน!
การโจมตีครั้งนี้ทำให้สัตว์ประหลาดหลายสิบตัวกลายเป็นฝุ่น
หลังจากนั้นไนติงเกลก็ตามมันออกไป เธอใช้ประโยชน์จากเส้นที่เปลี่ยนแปลงก้าวกระโดดออกไปร้อยกว่าเมตร แล้วไปปรากฏตัวอยู่ด้านหลังอสูรมีดที่อยู่แถวหน้า ในตอนที่อีกฝ่ายรู้ตัวแล้วหันกลับมา สิ่งที่รอพวกมันอยู่ก็คือกระสุนปืนที่พุ่งออกมาจากปากกระบอกปืน
จากนั้นเธอก็หมุนตัวแล้วก้าวออกไปต่อโดยไม่เหลียวมองดูผลงานของตัวเอง — ไม่รู้ว่าเธอคิดไปเองหรือเปล่า แต่เธอรู้สึกเหมือนโลกแห่งหมอกมายาจะเป็นมิตรกับเธอมากขึ้น มันมักจะส่งเส้นโครงร่างมาให้เธอได้อย่างพอเหมาะพอเจาะในเวลาที่เธอต้องการ ในเวลาแค่ชั่วพริบตา เธอก็พาถึงตรงหน้ารังแม่
นี่คือเป้าหมายที่ไนติงเกลเล็งเอาไว้ตั้งแต่แรก
มันไม่เหมือนกับพวกสัตว์ประหลาดชั้นต่ำอย่างอสูรมีด รังแม่สามารถฟักเอามีดและขาออกมาได้อย่างต่อเนื่อง ถือเป็นกำลังหลักของอาณาจักรซีสกาย การฆ่ามันหมายถึงการทอนกำลังของศัตรูให้อ่อนแอลง
ยิ่งไปกว่านั้นนี่ไม่ใช่รังแม่ตัวแรกที่เธอเจอด้วย
คนปกติเวลาที่เจอกับสัตว์ประหลาดตัวยักษ์แบบนี้มักจะรู้สึกมือเท้าอ่อนแรง แต่เธอไม่เป็น
ไนติงเกล ‘ทะลุ’ เข้าไปในผิวนอกที่ประกอบขึ้นจากเนื้อเยื่อและกระดูกอย่างช่ำช่อง จากนั้นจึงเป็นลำไส้ ปอดและหัวใจ สุดท้ายจึงมาถึงยัง ‘ดวงตา’ ซึ่งเป็นพื้นที่ใจกลางของศัตรู ถึงแม้มันจะแตกต่างไปจากรังแม่ที่กลืนกินปีศาจดวงตาของปีศาจเข้าไป แต่ในด้านโครงสร้างพวกมันยังคงเหมือนกันอยู่ สำหรับสัตว์ประหลาดเหล่านี้แล้ว ดวงตาขนาดยักษ์ที่แอบซ่อนอยู่ในร่างกายนั้นเหมือนกับเป็นสมองของพวกมัน
เธอเอาปืนยัดเข้าในดวงตาของอีกฝ่าย จากนั้นจึงเหนี่ยวไก!
สัตว์ประหลาดยังไม่ทันได้ใช้หนวดปัดตัวเธอออกไป ก็ถูกระเบิดจนสมองกระจุย รังแม่ที่สูญเสียความสามารถในการควบคุมร่างกายจึงไม่สามารถใช้พลังเวทมนตร์ได้อีก ส่วนร่างกายขนาดใหญ่ที่ต้องอาศัยพลังเวทมนตร์ในการพยุงเอาไว้ก็ล้มครืนลง
….
อันนายืนอยู่ที่เดิมพร้อมกับค่อยๆ กำหมัดขึ้นมา
เธอไม่ได้หนักแน่นเหมือนอย่างที่ทุกคนคิดเอาไว้ เมื่อห้าปีก่อนเธอเป็นแค่เด็กสาวธรรมดาที่เกิดอยู่ในเมืองชายแดนเล็กๆ แล้วจะให้เธอไปเผชิญหน้ากับทุกๆ เรื่องโดยไม่รู้สึกอะไรได้ยังไง? เธอเองก็เคยคิดถอยนับครั้งไม่ถ้วน แต่พอคิดถึงว่าโรแลนด์อาจจะต้องหลับไปตลอดกาล เธอก็เลยสะกดความกลัวและกัดฟันยืนหยัดเอาไว้
แต่ตอนนี้ อันนาพบว่าความกลัวภายในใจของเธอลดน้อยลงไปกว่าเดิมไม่น้อย
ภาพทุกคนที่กำลังต่อสู้ทำให้สายตาของเธอเริ่มพร่ามัว เธอไม่ได้สู้อยู่คนเดียวตามลำพัง — ยังมีอีกหลายคนที่ยืนอยู่ข้างเธอ แล้วก็มุ่งไปข้างหน้าด้วยเป้าหมายเดียวกันกับเธอ
เธอเข้าใจความหมายของสงครามแห่งโชคชะตาอีกครั้ง
เส้นทางที่ถูกกำหนดเอาไว้คือโชคชะตาแบบหนึ่ง
แต่การต่อสู้ดิ้นรนให้หลุดพ้นจากพันธนาการก็เป็นโชคชะตาอีกแบบหนึ่ง
สิ่งที่แตกต่างกันก็คือชะตาชีวิตอย่างหลังคือสิ่งที่ตัวเองกำหนดขึ้นมา
ในเวลานี้ บนพื้นทะเลที่หากออกไปหลายสิบกิโลเมตรทางเหนือพลันมีแสลงสว่างที่เจิดจ้าสว่างขึ้นมา — มันขยายตัวอย่างรวดเร็ว ก่อนจะทำให้เส้นขอบฟ้าที่ขมุกขมัวกลายเป็นสีน้ำเงินระยิบระยับ
นั่นคือภารกิจการโจมตีสกัดของคุนเผิง
ตามแผนการแล้ว แสงแห่งอาทิตย์ที่เร่งสร้างขึ้นมาในเวลาครึ่งเดือนลูกนี้จะใช้ในการสกัดกองหนุนของอาณาจักรซีสกาย การที่มันระเบิดขึ้นมาก็หมายความว่ามีกองกำลังจำนวนมหาศาลของศัตรูกำลังแห่มา สถานการณ์อยู่ในช่วงเวลาวิกฤติอย่างไม่ต้องสงสัย
ในเวลานี้อันนาไม่มีความรู้สึกไม่สบายใจอย่างในตอนแรกแล้ว
เธอยืนรับเสียงระเบิดที่ดังสนั่นโดยไม่ถอยหนีแม้แต่ก้าวเดียว
ทันใดนั้นเอง หญิงสาวคนหนึ่งพลันปรากฏขึ้นตรงหน้าของอันนา — เธอสวมชุดสีขาว ผมที่ยาสลวยของเธอถูกคลื่นอากาศพัดจนฟุ้งกระจายขึ้นมา บดบังแสงอันเจิดจ้าของระเบิดเอาไว้ด้านหลัง
“กลับไปซะเถอะ ที่นี่ไม่ใช่ที่ๆ พวกเจ้าควรจะมา” หญิงสาวพูดเสียงเบาๆ
……………………………………………………