Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ - ตอนที่ 1486 แผนเกตเวย์
‘แต่พวกเจ้าไม่คิดที่จะเดินไปยังจุดจบนี้’
ทันใดนั้นเอง เสียงอีกเสียงหนึ่งพลันดังขึ้นมา ขณะเดียวกันยังมีจุดแสงสีทองสองดวงปรากฏขึ้นมา มันดูแล้วเหมือนกับดวงตา
‘ชีวิตเนี่ย…ล้วนแต่มีข้อเสียที่เหมือนกันอยู่อย่างหนึ่ง นั่นก็คือยิ่งก้าวไปข้างหน้าก็จะยิ่งคิดว่าตัวเองพิเศษ’ แสงอ่อนๆ ในเงาสีเทาไม่ได้วูบไหวอีกต่อไป หากแต่ส่องสว่างอยู่นิ่งๆ ‘ผู้คนไม่ได้ถามอีกต่อไปว่าต่อไปจะไปที่ไหน แล้วก็จะไปที่นั่นได้ยังไง — มันไม่ใช่คำถามที่เต็มไปด้วยความเป็นไปได้ต่างๆ อีกต่อไป หากแต่กลายเป็นเป้าหมายๆ หนึ่ง’
‘สิ่งที่พันธนาการโลกนี้เอาไว้คือแรงดึงดูด เมื่อมีมันแล้วอารยธรรมถึงอยู่รอดสืบต่อไปได้ แต่มันก็กลายเป็นกฎเกณฎ์ชั้นต่ำของจักรวาลที่คอยจำกัดการปรากฏขึ้นของความเป็นไปได้อื่นๆ เหมือนกัน หลังดาวแคระเกิดการระเหยจนเหือดแห้ง หลุมดำขนาดเล็กเองก็จะถูกหลุมดำขนาดใหญ่กลืนกิน ขนาดของหลุมดำขนาดใหญ่ต้องใช้กาแล็คซี่มาเป็นหน่วยในการคำนวณ พวกมันกระจายตัวอยู่ทั่วจักรวาล ภายใต้แรงดึงดูด พวกมันอยู่ในสภาวะสมดุลอย่างหนึ่ง เจ้ารู้ไหมว่ามันเหมือนอะไร?’
‘ลูกบอลเล็กๆ ที่กองอยู่บนผ้าปูโต๊ะ’ เงาสีเทาถามเองตอบเอง ‘พวกมันขัดขวางซึ่งกันและกันเอาไว้ แต่กลับไม่ได้ส่งผลใดๆ ต่อการเร่งความเร็วในการขยายตัวของจักรวาลเลย จนกระทั่งตัวมันเหือดแห้งไปและกลายเป็นความว่างเปล่า และในตอนนั้นเอนโทรปีจะขึ้นถึงจุดสูงสุด จักรวาลมีความเสถียรและสงบเงียบ และไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ อีก สำหรับมันแล้ว ในช่วงเวลานี้คือวัยผู้ใหญ่ แต่นั่นไม่ผลลัพธ์ที่พวกเราอยากจะเห็น’
‘ถูกต้อง การมีอยู่ของพวกเราเรียกได้ว่าไม่มีค่าให้พูดถึงสำหรับจักรวาล เป็นเหมือนกับหยดน้ำหยดหนึ่งในมหาสมุทร ต่อให้ไม่มีชีวิต จักรวาลก็ยังคงเป็นจักรวาล พูดอีกอย่างก็คือการปรากฏขึ้นมาของพวกเรานั้นเป็นความบังเอิญอย่างหนึ่ง แต่ในเมื่อพวกเราปรากฏขึ้นมาแล้ว มันก็หมายความว่าพวกเรามีตัวตน ต่อให้เสียงของเราจะเบาแค่ไหน เราก็ต้องส่งเสียงตะโกนที่เป็นของเราออกไป!’
เงาสีเทาสว่างขึ้นมาอีกครั้ง
‘ก็เหมือนกับที่พวกเราสลัดแรงดึงดูดทิ้งไป แล้วกระโดดขึ้นไปบนท้องฟ้าอย่างไรอย่างนั้น ครั้งนี้…พวกเราจะหนีออกไปจากกรง แล้วออกไปดูดินแดนแห่งใหม่อีกครั้ง’
‘และวิธีการของพวกเจ้าก็คือใช้ประโยชน์จากแรงดึงดูด’ เสียงของดวงตาสุขุมอย่างมาก ไม่ได้มีอาการหวั่นไหวจากคำพูดของอีกฝ่ายปรากฏขึ้นมาให้เห็นเลย
‘ถูกต้อง แรงดึงดูดจะทำให้อวกาศยุบตัว นี่เป็นโอกาสที่จะมีชีวิตเพียงหนึ่งเดียว ในตอนที่เอาลูกบอลเล็กๆ บนผ้าปูโต๊ะมารวมอยู่ที่จุดๆ หนึ่ง แทนที่จะปล่อยให้มันกระจายตัวตามธรรมชาติ แรงดึงดูดจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่แตกต่างกันออกไป — มันเป็นกฏระเบียบที่ถูกสร้างขึ้นมาซึ่งขัดแย้งกับเอนโทรปี แล้วก็เป็นสัญลักษณ์ที่เป็นเอกลักษณ์ของชีวิต!’
‘ในตอนที่แรงดึงดูดอันนี้แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ความโค้งที่อยู่ใกล้อวกาศก็จะค่อยๆ ขยายใหญ่ขึ้น เหมือนกับผู้ปูโต๊ะที่ถูกลูกบอลกดจนยุบลงไปอย่างไรอย่างนั้น — มันไม่ได้หมายความว่าจะขยายใหญ่ได้โดยไม่มีขีดจำกัด ในตอนที่มันขยายตัวจนเลยจุดๆ หนึ่งไป วัตถุทรงกลมนี้ก็จะกลายเป็นภาวะเอกฐานใหม่และเกิดการระเบิดออก หรือไม่ก็…จักรวาลจะถูกฉีกจนเป็นรอยแตก’
ในตอนที่มันพูดถึงตรงนี้ โรแลนด์เหมือนได้ยินเสียงกลองทึบๆ ดังขึ้นมา นั่นถือเสียงจักรวาลที่ถูกเคาะ อวกาศที่บิดเบี้ยวอย่างรุนแรงดูดตัวกลับทันทีที่ถูกแทงทะลุ การสั่นสะเทือนของมันรุนแรงจนทำให้เกิดคลื่นแรงดึงดูดที่สั่นสะเทือนโลกได้
‘รอยแตกนี้จะกลายเป็นโอกาสในการมีชีวิตใหม่ มันเชื่อมต่อกับพื้นที่ที่อยู่นอกจักรวาล ไม่มีใครรู้ว่าที่นั่นมีอะไร แต่อย่างน้อยมันก็ไม่มีความสมดุลที่ไร้ชีวิตชีวิตอยู่ พลังงานจะไหลต่อไปอีกนานแสนนาน’
‘นี่…คือเส้นทางที่พวกเราเลือก’
‘และวันนี้—‘
‘ก็คือก้าวใหม่ที่ชีวิตก้าวออกไป!’
พอเงาสีเทาพูดจบ ลำแสงพลันเปล่งประกายออกมาจากร่างกายของมัน จนส่องสว่างไปทั่วทั้งอวกาศ — หมู่ดาว กาแล็คซี่และเนบิวล่าต่างปรากฏตัวออกมาพร้อมกัน — ความมืดกลายเป็นสีสันที่สดใสงดงามทันที
จากนั้นโรแลนด์ก็ได้เห็นภาพที่น่าเหลือเชื่อ
ท่ามกลางดวงดาวที่นับไม่ถ้วน กองเรือรบจำนวนมากตั้งเรียงรายเป็นแถว — รูปร่างและขนาดของพวกมันไม่เหมือนกัน บางลำมีขนาดใหญ่กว่าดาวฤกษ์เสียอีก วัตถุที่ไม่ได้เกิดขึ้นมาจากธรรมชาติเหล่านี้ตั้งเรียงเป็นรูปสี่เหลี่ยมยาวเหยียดออกไปสุดลูกหูลูกตา
เมื่อเห็นภาพที่ยิ่งใหญ่นี้ เขาพลันรู้สึกได้ถึงความตกตะลึงอย่างที่ยากจะอธิบายได้
ไม่จำเป็นต้องใช้คำพูดมากมายมานิยาม กองเรือรบที่ตั้งเรียงรายอย่างเป็นระเบียบนี้คือระเบียบอย่างหนึ่ง มันแสดงให้เห็นถึงการลดลงของเอนโทรปี มีแต่สิ่งมีชีวิตเท่านั้นถึงจะต่อต้านกฎเกณฑ์ของจักรวาลได้ แล้วก็มีแต่สิ่งมีชีวิตเท่านั้นที่จะใช้ร่างอันเล็กจ้อยในการท้าทายการเปลี่ยนแปลงอันยิ่งใหญ่
พูดอีกอย่างก็คือการมีชีวิตอยู่ก็คือการฝืนลิขิตของพระเจ้า!
‘อารยธรรม 176,425 อารยธรรมมีข้อตกลงร่วมกันว่าจะทำงานที่ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์นี้ให้สำเร็จ พวกเราจะเคลื่อนย้ายกาแล็คซี่นับแสนล้านกาแล็คซี่ แล้วเอาสสารหนึ่งในหมื่นของจักรวาลมารวมเข้าด้วยกันเพื่อสร้างรอยแตกแรงดึงดูดขึ้นมา ทันทีที่สำเร็จ โลกก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง — และงานที่ว่านี้ก็คือแผนการเกตเวย์!’
‘แผนการนี้มีความเสี่ยงอยู่นะ’ ดวงตาพูดเตือน
‘ด้านหนึ่งคือความเสี่ยง อีกด้านคือความเงียบอันเป็นนิรันด์ที่ไร้ความหวัง จะเลือกแบบไหนยังต้องคิดอีกเหรอ?’ แสงที่เงาสีเทาเปล่งออกมาทั้งอ่อนโยนและมั่นคง ‘ข้าเคยบอกแล้ว สิ่งมีชีวิตมักจะคิดว่าตัวเองนั้นไม่ธรรมดา แต่เพียงแค่นี้มันยังไม่พอที่จะทำแผนการให้สำเร็จได้ มันจำเป็นต้องมีคนที่วางแผนจัดการแผนการในภาพรวมทั้งหมดมาคอยจัดการเรื่องทรัพยากรและภารกิจต่างๆ ด้วย ถึงแม้จะผ่านไปกี่ล้านปีมันก็ยังเป็นเช่นนี้อยู่ ข้าต้องการความช่วยเหลือจากเจ้าเพื่อทำให้เป้าหมายนี้กลายเป็นจริง’
‘วางใจได้’ ดวงตากะพริบตา ‘นั่นคือเหตุผลของการคงอยู่ของข้า’
…..
การตกผ่านไปอย่างยาวนาน
ยาวนานจนอันนาเริ่มสงสัยในการตัดสินใจของตัวเอง
ท้องฟ้าที่อยู่ด้านบนหายไปแล้ว ถึงแม้เธอจะจุดไฟที่ปลายนิ้วขึ้นมา มันก็ยังไม่สามารถส่องผ่านความมืดที่ไร้ขอบเขตนี้ได้
ความลึกของบอทธ่อมเลสแลนด์ลึกเกินกว่าที่เธอจะจินตนาการถึง
อันนารู้สึกว่าตัวเองกำลังทะลุเข้ายังใจกลางของพื้นดิน
ความเร็วอันมหาศาลทำให้หูของเธอไม่ได้ยินเสียงอะไรเลยนอกจากเสียงลม
ถ้าเดาไม่ผิดล่ะก็ พริบตาที่ตกลงไปบนพื้น เธอคงจะกลายเป็นแพนเค้กในทันทีแน่
ถ้าโชคดีพอ เธอก็จะไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดใดๆ ทุกอย่างจะจบลงก่อนที่เธอจะรู้สึกตัว
เมื่อคิดถึงตรงนี้ อันนาจึงกอดโรแลนด์แน่นยิ่งขึ้น
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร จู่ๆ เธอพลันรู้สึกว่ากระแสอากาศที่พัดผ่านข้างแก้มไปเหมือนจะเบาบางลง
การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้เธอตื่นตัวขึ้นมาทันที!
ผ่านไปอีกหลายนาที ใจกลางหลุมลึกที่อยู่ด้านล่างเริ่มมีแสงสว่างลางๆ ปรากฏขึ้นมา แต่ไม่นานเธอก็มั่นใจว่านั่นไม่ใช่สิ่งที่เธอคิดไปเอง แสงสว่างเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ เมื่อระยะห่างหดสั้นลง
แล้วก็ในตอนนี้เอง เธอรู้สึกเหมือนตัวเองตกลงไปกลางอากาศที่มีความเหนียว ความเร็วในการตกลงไปเริ่มลดลงอย่างรวดเร็วจนทำให้เกิดความรู้สึกวิงเวียนขึ้นมา
วินาทีที่เท้าของอันนาแตะลงพื้น ความเร็วก็กลับไปเท่ากับเสี้ยววินาทีแรกที่ตกลงมาพอดี
เธอแทบจะไม่รู้สึกถึงการกระแทกเลย
“ตุบ” ด้านหลังมีเสียงเบาๆ ดังขึ้นมา
อันนาหันกลับไปมองอย่างแปลกใจ ก่อนจะพบว่าอีกฝ่ายคือไนติงเกล “ทำไมเจ้าถึง…”
“ครั้งนี้ข้าจะไม่ลังเลแล้วก็ตามหลังอีกแล้ว” ไนติงเกลปัดกางเกง ก่อนจะยืดตัวขึ้นมา “ยิ่งไปกว่านั้นข้าจะวางใจปล่อยให้เจ้ามาคนเดียวได้ยังไง”
“ตุบ!” เสียงตกลงพื้นเสียงที่ตามดังขึ้นมา ครั้งนี้เป็นไซเลนท์ดิสแอสเตอร์
“เอ่อ…” ไนติงเกลรีบมายืนอยู่ด้านหน้าอันนาทันที
กลับเป็นอันนาที่มีความสุขุมมากกว่า “ไม่เป็นไร นางมาเพราะไนท์แมร์”
“ข้าแค่ทำตามที่ตกลงกันไว้” เซโรเชสพูดจบก็มองซ้ายมองขวา “ดูเหมือนเจ้าจะเดาถูกนะ”
“อื้อ ที่นี่ต่างหากถึงจะเป็นหน้าตาที่แท้จริงของโลกแห่งจิตสำนึก” อันนาพยักหน้า
ตำแหน่งที่พวกเธอยืนอยู่ไม่ใช่ก้อนหินหรือว่าดิน หากแต่เป็นพื้นที่เป็นโลหะ มันดูเป็นมันวาวอย่างมาก ขณะเดียวกันด้านในยังมีแสงที่ดูกระจ่างเปล่งประกายออกมาด้วย ทั้งแข็งแรงแล้วก็โปร่งใส ดูแล้วไม่เหมือนกับวัตถุที่เป็นของโลกนี้เลย
……………………………………………………………………………