Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ - ตอนที่ 988
ปืนใหญ่ป้อมหมายเลข 6 เป็นหน่วยปืนใหญ่ที่แวนนามาลาดตระเวนดูก่อนที่จะถูกโจมตี เนื่องจากมันตั้งอยู่ริมสุดของแนวยิงปืนใหญ่ นอกจากหอกของปีศาจที่ถูกขว้างออกมาในสองครั้งแรกแล้ว มันก็แทบจะไม่ถูกโจมตีอะไรเลย เมื่อเทียบกับปืนใหญ่ที่ถูกอสูรสยองชนจนล้มระเนระนาดแล้ว ขอแค่มีคนควบคุม มันก็สามารถยิงออกไปได้เลย
หลังได้รับพิกัดมาไม่ถึงหนึ่งนาที ปืนใหญ่ป้อมก็พ่นเปลวไฟแห่งความโกรธไปทางเป้าหมาย!
ในระยะ 2 กิโลเมตรทำให้วิถีกระสุนถูกกดจนค่อนข้างต่ำเป็นพิเศษ ภายในสนามรบไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือว่าปีศาจต่างก็ได้ยินเสียงหวีดที่เกิดจากการแหวกอากาศของลูกกระสุน
แต่สิ่งที่ต่างกันก็คือ พวกปีศาจพลันส่งเสียงคำรามดังลั่นออกมาทันที!
ราชาแห่งสงครามที่ทำให้พวกมันหวาดกลัวได้กลับมาในสนามรบของพวกมันอีกครั้ง!
ภายในระยะนี้เรียกได้ว่าปืนใหญ่ต้องยิงถูกเป้าหมายอย่างแน่นอน กระสุนหัวระเบิดลูกแรกตกลงไปข้างเท้าของสัตว์ประหลาดแมลงอย่างแม่นยำ การระเบิดอันรุนแรงทำให้ร่างกายครึ่งหนึ่งของมันพลิกขึ้นมา เปลือกนอกแตกกระจัดกระจายปลิวว่อนจนเผยให้เห็นเนื้อที่อยู่ข้างใน
สิ่งที่ถูกกระสุนปืนใหญ่จัดการยังมีพวกปีศาจคุ้มคลั่งที่คอยเฝ้าอยู่ข้างๆ สัตว์ประหลาดแมลง
เมื่อดูจากท่าทางของพวกมันแล้ว เห็นได้ชัดว่าพวกมันกำลังพยายามป้องกันการโจมตีของแม่มด เพียงแต่เมื่อถูกปืนใหญ่ครกคอยโจมตีมาเรื่อยๆ มันจึงต้องไปหลบอยู่ข้างๆ ‘แมงมุมยักษ์’ โดยหวังจะให้เปลือกหินของมันคอยป้องกันเศษสะเก็ดระเบิดที่ปลิวมา
แต่ด้วยลำกล้องปืนที่มีขนาดต่างกัน ทำให้สิ่งที่พวกมันพยายามทำกลายเป็นเรื่องไร้ประโยชน์ พลังที่เกิดจากแรงระเบิดยังคงส่งไปถึงร่างกายพวกมันได้อย่างง่ายดาย
พริบตาคลื่นกระแทกก็ได้บดขยี้อวัยวะภายในและกระดูกของปีศาจคุ้มคลั่งจนเป็นชิ้นๆ ทำเอาร่างกายที่ดูแข็งแรงของพวกมันกระเพื่อมขึ้นมาเหมือนคลื่นน้ำ กระทั่งฝุ่นควันตกลงมาถึงพื้น บริเวณรอบๆ จุดที่ระเบิดตกลงไปจึงมีศพของพวกปีศาจนอนกระจัดกระจายอยู่เต็มไปหมด
“ยิงถูกแล้ว!” ซิลเวียกำหมัดขึ้นมาอย่างดีใจ “เป้าหมายต่อไปคือ….12 องศา 6 ลิปดา ระยะ 2,480 เมตร!”
“ไม่มีปัญหา การยิงสนับสนุนจะไปถึงเดี๋ยวนี้!”
ในขณะเดียวกัน ปีศาจที่ถูกปืนครกโจมตีก็ได้เดินเข้ามาถึงระยะ 1 กิโลเมตรก่อนจะถึงแนวรบของแม่มดแล้ว
ในขณะที่ทุกคนต่างคิดว่าสงครามกำลังจะมาถึงจุดตัดสินแพ้ชนะนั้น จู่ๆ การโจมตีของศัตรูกลับหงุดชะงักไป
เหตุการณ์ทั้งหมดดำเนินไปไม่ถึง 10 นาที
ปีศาจคุ้มคลั่งที่อยู่หน้าสุดเข้ามาถึงระยะ 500 เมตรก่อนจะถึงเนินนอร์ธบาวด์ ซึ่งนั้นเป็นหน้ารั้วลวดหนามแถวแรก
แต่พวกมันก็ทำได้เพียงเท่านั้น
เมื่อไม่มีอสูรสยองคอยสร้างความกดดัน หน่วยปืนกลทั้งหมดในแนวหน้า รวมไปถึงปืนกลที่ใช้ต่อต้านอสูรสยองต่างก็หันปากกระบอกปืนไปยังศัตรูที่แห่กันเข้ามา
ทั่วทั้งสนามรบพลันเดือดพล่านขึ้นมาทันที
แสนยานุภาพที่กองทัพที่หนึ่งมีอยู่ในแตกต่างจากตอนทำศึกที่สันเขาโคลด์วินด์อย่างไม่อาจเทียบได้ ในตอนนั้นปืนกลหนักที่มีจำนวนจำกัดล้วนแต่ถูกไปเอาติดตั้งไว้ในบังเกอร์ทั้งหมด แถมยังเล็งเฉพาะเป้าหมายที่ดูจะเป็นอันตรายที่สุดเท่านั้นด้วย แต่ตอนนี้พวกมันสามารถกราดกระสุนยิงใส่ศัตรูที่ก้าวเข้ามาในระยะยิงได้อย่างอิสระ
และในระยะ 500 เมตรก็เรียกได้ว่าเป็นลานสังหารของทีมแม่นปืนที่ซุ่มอยู่ในหลุมเพาะแถวแรก
สำหรับปีศาจแล้ว ปกติพวกมันเคยไม่เคยมองเครื่องกีดขวางอย่างพวกลวดหนามนี้อยู่ในสายตาเลย ร่างกายของพวกมันแข็งแกร่งพอที่จะเหยียบข้ามลวดหนามไปได้ หรือไม่ก็กระชากเอาเสาไม้ที่ใช้ยึดลวดหนามออกมาเลย
แต่ในสายตาของทีมสไนเปอร์แล้ว การทำแบบนี้ไม่ได้ต่างอะไรจากการฆ่าตัวตายเลย
ในตอนที่ปีศาจพบว่าไม่ว่าพวกมันจะทำยังไงก็ไม่สามารถเข้าไปถึงระยะปาหอกได้ ภายในจิตใจของพวกมันก็เริ่มรู้สึกพังทลายลงอย่างไม่อาจควบคุมได้ นี่ไม่ได้เกี่ยวกับระเบียบวินัยหรือขวัญกำลังใจ หากแต่เป็นความสิ้นหวังที่เกิดจากสัญชาตญาณของสัตว์ป่ามากกว่า
หลังศพนับพันของพวกมันนอนเกลื่อนอยู่หน้าแนวป้องกัน พวกมันที่เหลือก็หมุนตัวหนีกลับไปเหมือนสายน้ำ แต่ปืนกลก็ยังคงยิงต่อไปเรื่อยๆ จึงกระทั่งปากกระบอกปืนร้อนจนแดงขึ้นมา
ถ้าเทียบกับการต่อสู้อย่างดุเดือดของแนวหลังแล้ว แนวหน้ากลับดูค่อนข้างสบายกว่า
ในที่สุดซิลเวียก็รู้สึกเบาใจลง เกรงว่าคงมีแต่เธอเท่านั้นที่รู้ว่าการต่อสู้กันของ ‘ไพ่ตาย’ ของทั้งสองฝ่ายในระยะสองกิโลเมตรนั้นอันตรายขนาดไหน เธอเห็นวังวนเวทมนตร์ของสัตว์ประหลาดแมลงถูกชาร์จจนเต็มขึ้นมาอีกครั้ง ในขณะที่มันกำลังจะปล่อยพลังเวทมนตร์ออกมา ปืนใหญ่ป้อมหมายเลข 1 และ 3 ที่ทำการซ่อมแซมเสร็จแล้วก็ยิงออกมาพอดี
ถ้าช้ากว่านี้อีกเพียงเสี้ยววินาที เสาหินที่พวกมันยิงมาจะต้องสร้างความเสียหายให้กับกองทัพที่หนึ่งอย่างมากแน่นอน
แต่ไม่ว่ายังไง สุดท้ายมนุษย์ก็เป็นฝ่ายชนะในศึกครั้งนี้ หลังเวลาผ่านมา 400 ปี มนุษย์ก็ได้ก้าวเข้ามาในดินแดนที่ถูกลืมเลือนนี้อีกครั้งและเอาชนะปีศาจได้ในที่สุด
…..
หลังจากนั้นอีก 4 วันโรแลนด์ถึงจะได้รับรายงานอย่างละเอียด
เนื่องจากมีศพของปีศาจนอนเกลื่อนอยู่เป็นจำนวนมาก กองทัพที่หนึ่งจึงต้องใช้เวลาอยู่นานกว่าจะเก็บกวาดสนามรบจนเรียบร้อย จากประสบการณ์ของแม่มดทาคิลา สิ่งแรกที่ต้องทำก็คือการทำลายศพของปีศาจแล้วก็เอาหินเวทมนตร์ออกมา
โดยเฉพาะหินเวทมนตร์ ถ้าหากไม่สามารถเอาหินเวทมนตร์ออกมาจากร่างของศัตรูได้ อย่างนั้นก็ไม่อาจถือเป็นชัยชนะที่สมบูรณ์ได้ ถ้าอีกฝ่ายเก็บมันกลับไปได้ล่ะก็ ไม่นานหินเวทมนตร์เหล่านั้นก็จะไปปรากฏอยู่บนตัวปีศาจตัวใหม่
ผลจากการนับที่ออกมาเป็นที่น่าตกใจอย่างมาก มีปีศาจ 6,000 กว่าตัวนอนตายในการโจมตีครั้งนี้ ตัวเลขอันนี้มากกว่าจำนวนทหารของกองทัพที่หนึ่งที่เข้าร่วมศึกในครั้งนี้ซะอีก
ทว่าในจำนวนนี้มีปีศาจไม่ถึงครึ่งที่ตายเพราะปืนใหญ่กับปืนกล ปีศาจส่วนใหญ่ตายเพราะหมอกแดงถูกตัดขาด พวกมันจึงนอนตายเกลื่อนกลาดอยู่บนทาง
นี่ไม่ได้เป็นเพราะว่าปีศาจไม่ได้เตรียมตัวมาแต่อย่างใด ในระหว่างที่ทำการนับศพปีศาจ กองทัพที่หนึ่งพบอสูรแห่งสงครามสองคันที่ถูกดัดแปลงให้กลายเป็นเครื่องมือในการขนหมอกแดง นี่ยังไม่รวมถึงอสูรแห่งสงครามคันอื่นที่ถูกระเบิดจนเป็นชิ้นๆ ถ้ามนุษย์ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบล่ะก็ พวกมันคงจะค่อยๆ เติมหมอกแดงให้กับพวกปีศาจ แต่การพ่ายแพ้ได้ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างแตกสลายไปเหมือนฟองสบู่ เพียงแค่หมอกแดงที่พกติดตัวมานั้นแทบจะไม่พอให้พวกมันใช้เดินทางจากค่ายสังเกตการณ์กลับไปยังซากเมืองทาคิลาแล้ว
“ถ้าข้าจำไม่ผิดล่ะก็ แม่มดเองก็ใช้อสูรแห่งสงครามพวกนั้นได้ใช่ไหม?” โรแลนด์พูดใส่รูนสดับ
“ใช่เพคะ หัวใจในการขับเคลื่อนเจ้าสิ่งนี้คือหินเวทมนตร์ ขอเพียงฝึกนิดหน่อยก็จะสามารถบังคับมันได้เพคะ” คนที่ตอบคำถามเปลี่ยนจากขวานเหล็กกลายเป็นโซอี้ “ถึงแม้มันจะเคลื่อนที่ได้ค่อนข้างช้า แต่มันสามารถบรรทุกของได้จำนวนไม่น้อย ในสมัยสมาพันธ์เคยใช้มันในการขนส่งทางไกลแทนม้าเพคะ”
เอาพวกมันไปให้กองโยธาธิการใช้ก็ไม่เลวเหมือนกัน โรแลนด์คิดในใจ ทีมก่อสร้างกำลังขาดรถที่ใช้ในการขนส่งอยู่พอดี ความเร็วที่ช้ากลับจะเป็นข้อดีเวลาที่ใช้มันในเมือง
แต่เสียดายที่หินเวทมนตร์ที่ใช้ในการขว้างซึ่งยึดมาได้มากที่สุดกลับไม่มีประโยชน์เท่าไร มันจำเป็นต้องรวมเข้ากับร่างของสิ่งมีชีวิตถึงจะใช้เวทมนตร์ออกมาได้ เรียกได้ว่าเป็นหินเวทมนตร์ที่ใช้ได้แต่เฉพาะในหมู่ปีศาจ ปกติพวกแม่มดจะยึดมาแล้วทำลายทิ้ง
“เออใช่ แล้วปีศาจมันหลบการตรวจสอบของซิลเวียไปได้ยังไง?”
“เรื่องนี้ให้หม่อมฉันเป็นคนตอบเองเพคะ” อกาธากระแอมเล็กน้อย “หลังการต่อสู้จบลง พวกเราได้ทำการตรวจสอบดูภายในค่ายสังเกตการณ์ของพวกมันจนทั่ว แล้วก็ได้เจออุโมงค์ใต้ดินเส้นหนึ่งเพคะ มันเชื่อมต่อกับถ้ำแห่งหนึ่งที่อยู่ห่างออกไป 2 กิโลเมตร และที่นั่นพวกเราก็พบกับค่ายใต้ดินที่ปีศาจสร้างขึ้นมา ในนั้นไม่เพียงแต่จะมีหอสำหรับเก็บหมอกแดงอยู่ แต่ยังมีเสาหินอาญาสิทธิ์อยู่แท่งหนึ่งด้วยเพคะ ขนาดของค่ายแห่งนี้ใหญ่กว่าค่ายสังเกตการณ์ที่เป็นเหยื่อล่อมาก ความจริงแล้วนี่ต่างหากที่เป็นที่พักที่แท้จริงของพวกปีศาจ”
โรแลนด์ขมวดคิ้วขึ้นมา “หินอาญาสิทธิ์ที่สามารถปกปิดค่ายทั้งค่ายได้งั้นเหรอ?”
“ถูกต้องเพคะ” อกาธาพูดช้าลง “เส้นผ่าศูนย์กลางเกือบ 5 เมตร สูงประมาณ 10 เมตร ผิวเป็นมันวาวเหมือนกับแท่งน้ำแข็งที่ถูกมีดดาบตัดจนเรียบ นี่เป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในยุคสมัยสมาพันธ์ ถ้าไม่ได้มาเห็นด้วยตาตัวเอง เกรงว่าหม่อมฉันคงไม่มีทางเชื่อแน่เพคะ”
……………………………………………………………………………