Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน - ตอนที่ 1062
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1062 จุดอ่อนของชูตู๋
แปลโดย iPAT
เมื่อได้ยินว่าฟางหยวนต้องการวิญญาณอมตะดาบบินกลับคืน ชูตู๋ยิ้มและกล่าว “ตราบเท่าที่เราประสบความสำเร็จในการทำธุรกรรม ไม่เพียงข้าจะส่งคืนวิญญาณอมตะของเจ้า ข้ายังจะมอบค่าตอบแทนที่น่าพอใจให้เจ้าอีกด้วย”
แน่นอนว่าเขาต้องเก็บวิญญาณอมตะดาบบินเอาไว้เพื่อควบคุมฟางหยวน
ชูตู๋จะคืนมันได้อย่างไร
เขาแสดงออกด้วยความอบอุ่นและเป็นมิตร แต่เขาเข้าใจสถานการณ์อย่างชัดเจน
ฟางหยวนหัวเราะและไม่รู้สึกผิดหวัง
เขารู้คำตอบอยู่แล้ว ดังนั้นการแสดงออกของเขาจึงเปลี่ยนเป็นเย็นชา “ท่านชูตู๋ ท่านไม่มีความจริงใจ! เช่นนั้นก็ลืมเรื่องนี้ไปได้เลย!”
หลังกล่าวจบคำ เขาใช้วิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าทันที
“สหาย โปรดรอก่อน!” การแสดงออกของชูตู๋เปลี่ยนไป เขารีบไล่ตาม
ฟางหยวนเคลื่อนที่เป็นเส้นตรงขึ้นสู่ท้องฟ้า หลังจากชั่วครู่ร่างของชูตู๋จึงปรากฏขึ้นด้านหลัง
‘ท่าไม้ตายอมตะสายเคลื่อนไหว…’
ฟางหยวนมองกลับไปและรู้สึกถึงกลิ่นอายของวิญญาณจำนวนมากที่ปะทุออกมาจากร่างของชูตู๋
นอกจากนั้นมันยังเป็นท่าไม้ตายอมตะสายเคลื่อนไหวระดับเจ็ดที่เร็วกว่าวิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติ!
หัวใจของฟางหยวนจมดิ่งลง สถานการณ์นี้ไม่เป็นผลดีต่อเขา
ในความเป็นจริงเขาคาดหวังกับวิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติค่อนข้างมาก หลังจากทั้งหมดกระทั่งสัตว์อสูรเมฆาบรรพกาลก็ไม่สามารถติดตามความเร็วของเขา
แต่ผู้ใดจะคิดว่าจักรพรรดิอมตะชูตู๋จะมีท่าไม้ตายอมตะด้านการบินที่รวดเร็วกว่าวิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติ
‘ข้าเกรงว่าในช่วงร้อยปีที่ผ่านมาชูตู๋จะได้รับความหมายที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่งมากมายและมีความสำเร็จบนเส้นทางความแข็งแกร่งที่เกินกว่าจะจินตนาการถึง’
‘เมื่อวิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติไม่มีประโยชน์ เช่นนั้นก็ลองใช้ท่าไม้ตายอมตะแม่น้ำเลือด’
ฟางหยวนหยุดใช้วิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติและเปลี่ยนเป็นท่าไม้ตายอมตะแม่น้ำเลือด
กระแสเลือดพุ่งผ่านท้องฟ้าราวกับอสรพิษสีแดงที่เลื้อยคลานอยู่กลางอากาศ
ฟางหยยวนหันหลังกลับและบินไปทางด้านซ้าย
การเคลื่อนไหวของเขาเป็นไปได้อย่างราบรื่น นี่ทำให้เขารู้สึกพอใจ ‘ข้าลดวิญญาณระดับมนุษย์ลง มันช่วยลดความล้มเหลวขณะที่ข้าสามารถใช้มันได้เร็วขึ้น ทั้งหมดต้องขอบคุณการฝึกฝนอย่างหนักของข้า’
ความคิดเหล่านี้พุ่งผ่านจิตใจของฟางหยวนแต่ความสนใจส่วนใหญ่ของเขายังอยู่ที่จักรพรรดิอมตะชูตู๋
ฟางหยวนเปลี่ยนทิศทางเพื่อตรวจสอบการตอบสนองของชูตู๋
‘หากชูตู๋สามารถติดตามข้า ข้าจะหยุดและเจรจากับเขา’
ฟางหยวนวางแผนสำหรับสถานการณ์เลวร้ายที่สุด แต่ชูตู๋เหมือนรถไฟหัวกระสุนที่พุ่งผ่านฟางหยวนไป
หลังจากหลายสิบลี้ ความเร็วของชูตู๋ก็เริ่มลดลงจนหยุดนิ่ง
จากนั้นเขาก็ระเบิดความเร็วพุ่งเข้าหาฟางหยวนอีกครั้ง
ความเร็วของเขาสูงขึ้นเรื่อยๆกระทั่งเหนือกว่าความเร็วของวิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติ
ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้นขณะที่เขาใช้ท่าไม้ตายอมตะแม่น้ำเลือดเปลี่ยนทิศทาง
สถานการณ์เดิมเกิดขึ้นอีกหน
จักรพรรดิอมตะชูตู๋บินผ่านเขาไป
ฟางหยวนมีความสุขมาก
เขากังวลเกี่ยวกับวิธีการบินเป็นเส้นตรงของวิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติ ดังนั้นเขาจึงคิดค้นท่าไม้ตายอมตะแม่น้ำเลือดเพื่อปิดจุดอ่อนนี้
อย่างไรก็ตามจุดอ่อนนี้ยิ่งร้ายแรงกว่าสำหรับจักรพรรดิอมตะชูตู๋
สถานการณ์เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน ฟางหยวนคิดอย่างรวดเร็วก่อนตัดสินใจหยุดเคลื่อนไหว
มันง่ายมากที่จะหลบหนีจากชูตู๋ ตราบเท่าที่เขาระวังตัว เขาจะไม่ล้มเหลว
“น่าสนใจ” ฟางหยวนพึมพำ
ชูตู๋มีความสุขเมื่อเห็นฟางหยวนหยุดบิน เขาคิด ‘ดูเหมือนวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งดาบที่อยู่กับข้ายังมีประโยชน์ เขากำลังพิจารณามันอีกครั้ง!’
ฟางหยวนรอให้ชูตู๋บินเข้ามาหาก่อนจะยกมือขึ้น “หยุดและมาคุยกันในระยะห่างนี้’
ฟางหยวนระวังตัวมาก แม้เขาจะมีข้อได้เปรียบด้านการเคลื่อนไหวแต่มันจะดีกว่าหากรักษาระยะห่างเอาไว้
ชูตู๋หยุดและเผยรอยยิ้มน่าสงสารเล็กน้อย
ฟางหยวนกล่าว “พี่ชูช่างน่าเหลือเชื่อนัก ข้าได้เปิดหูเปิดตาจริงๆ ท่าไม้ตายนี้ยอดเยี่ยมมาก กระทั่งวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งดาบของข้ายังไม่สามารถเปรียบเทียบ”
“ท่าไม้ตายนี้เรีกยว่าการเดินทางด้วยความแข็งแกร่งของตนเอง ข้าสร้างมันขึ้นมาหลังจากใช้ความพยายามอย่างหนัก มันสามารถเพิ่มความเร็วของข้าโดยใช้ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางความแข็งแกร่ง แต่มันมีจุดอ่อนที่ไม่สามารถเปลี่ยนทิศทาง ข้าไม่ได้ฝึกฝนมันมามากพอ ข้าใช้มันในวันนี้เพราะความตื่นตระหนก ช่างน่าอับอายนัก” ชูตู๋ยอมรับความอ่อนแอของตนเองอย่างตรงไปตรงมา
ฟางหยวนพยักหน้าด้วยการแสดงออกที่จริงจัง “พี่ชูทรงพลังมากในการต่อสู้ มีไม่กี่คนที่สามารถบังคับให้พี่ชูใช้ท่าไม้ตายนี้เพื่อล่าถอย”
“ขอบคุณสำหรับคำชม โลกของผู้อมตะกว้างใหญ่ ชื่อเสียงของข้ายังไม่ถือเป็นสิ่งใด แต่ยิ่งข้าฝึกฝนมากเท่าใด ข้าก็ยิ่งตระหนักถึงความไม่ดีพอของตนเอง ภาคเหนือมีผู้อมตะระดับแปดห้าคน ท่ามกลางผู้อมตะระดับเจ็ด น้องชายเป็นหนึ่งในคนที่ทำให้ข้าต้องระวังตัว แต่น่าละอายใจนักที่ข้าไม่รู้กระทั่งชื่อเสียงอันทรงเกียรติของน้องชาย” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น
คำกล่าวของชูตู๋ไม่เพียงสุภาพมากขึ้นแต่มันยังเป็นความคิดที่แท้จริงของเขา
ฟางหยวนไม่รู้รายละเอียดเกี่ยวกับจักรพรรดิอมตะชูตู๋มากนัก แต่ชูตู๋ยิ่งรู้เรื่องของฟางหยวนน้อยกว่า
หลังจากฟางหยวนใช้วิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติ ความเร็วของเขาทำให้ชูตู๋ตกใจ
ชูตู๋เป็นผู้อมตะระดับเจ็ดที่มีประสบการณ์ เขามีวิธีการเคลื่อนไหวมากมาย แต่หากเปรียบเทียบกับวิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติ พวกมันยังด้อยกว่า มีเพียงท่าไม้ตายอมตะการเดินทางด้วยความแข็งแกร่งของตนเองเท่านั้นที่สามารถใช้งานในสถานการณ์นี้
การคาดเดาของฟางหยวนถูกต้อง ท่าไม้ตายอมตะการเดินทางด้วยความแข็งแกร่งของตนเองถูกสร้างขึ้นเพื่อหลบหนี
ชูตู๋เก็บตัวมาตลอดหลายปี ข้อมูลของเขาจึงไม่ถูกเผยแพร่ออกไป
ขณะที่ฟางหยวนพยายามตรวจสอบข้อมูลของชูตู๋ ชูตู๋ก็พยายามตรวจสอบฟางหยวนเช่นกัน
แต่เขาไม่มีกำไร
ในมุมมองของเขา ฟางหยวนเหมือนกระโดดออกมาจากความว่างเปล่า บุคคลเช่นนี้ไม่เคยปรากฏมาก่อนในภาคเหนือ
ยังไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องอื่น เพียงกลิ่นอายของฟางหยวนก็แปลกมากแล้ว เดิมทีชูตู๋คิดว่าฟางหยวนเป็นผู้อมตะระดับหกแต่ตอนนี้ฟางหยวนกลับปลดปล่อยกลิ่นอายของผู้อมตะระดับเจ็ด
อย่างไรก็ตามกลิ่นอายของฟางหยวนบอกว่าเขาเป็นผู้อมตะของภาคเหนืออย่างชัดเจน
แต่เขาฝึกฝนบนเส้นทางแห่งเลือดหรือเส้นทางแห่งดาบ?
นี่คือคำถามที่ชูตู๋อยากรู้มาก
หลังจากทั้งหมดเส้นทางทั้งสองไม่เกี่ยวข้องกันแม้แต่น้อย! หากเป็นเส้นทางแห่งจิตวิญญาณ เส้นทางแห่งทาส เส้นทางแห่งกฎ หรือเส้นทางแห่งปัญญา มันยังเป็นเรื่องที่เข้าใจได้
แต่เส้นทางแห่งเลือดกับเส้นทางแห่งดาบ?
เขาไม่กลัวว่าพวกมันจะต่อต้านกันงั้นหรือ?
ไม่เพียงฟางหยวนจะมีวิญญาณอมตะระดับเจ็บบนเส้นทางแห่งดาบ เขายังมีท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งเลือด นี่ทำให้ชูตู๋อ้าปากค้างด้วยความตกใจ
นอกจากนั้นหากเขาบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งเลือดหรือเส้นทางแห่งดาบ เหตุใดเขายังต้องการความหมายที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่ง?
ชูตู๋เค้นสมองคิดอย่างหนักก่อนจะจบลงด้วยความล้มเหลว
สิ่งสำคัญอีกประการก็คือการดึงความหมายที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่งออกมาควรต้องใช้วิธีบนเส้นทางแห่งปัญญา
นั่นหมายความว่าความสำเร็จบนเส้นทางแห่งปัญญาของเขาก็ไม่ต่ำต้อยเช่นกัน!
ในการติดตามครั้งนี้ แม้จะเป็นช่วงเวลาที่สั้นมาก แต่ชูตู๋ก็ไม่สามารถตามจับฟางหยวน
เมื่อเห็นฟางหยวนไม่หลบหนีไปแต่หยุด ชูตู๋รู้สึกหัวใจเต้นแรงด้วยความตื่นเต้น
ความแข็งแกร่งตัดสินทุกสิ่ง ดังนั้นตอนนี้ชูตู๋จึงปฏิบัติต่อฟางหยวนอย่างเท่าเทียม
ฟางหยวนเงียบก่อนจะเปิดปากกล่าวอีกครั้ง “แท้จริงแล้วมันเป็นไปไม่ได้ที่จะทำธุรกรรม…”
ชูตู๋ไม่ได้ตอบแต่ดวงตาของเขาลุกเป็นไฟ
แต่หลังจากนั้นฟางหยวนกลับหยุดกล่าวและแสดงออกราวกับกำลังคิดบางสิ่ง
ชูตู๋ไม่สามารถอดทนได้อีกและเป็นฝ่ายเปิดปากถาม “ข้าเชื่อว่าด้วยความมั่งคั่งของข้าจะทำให้เจ้าพอใจอย่างแน่นอน”
ฟางหยวนมองชูตู๋ก่อนกล่าว “ท่านไม่ได้เข้าร่วมการประมูลครั้งใหญ่ของภาคเหนือเมื่อเร็วๆนี้งั้นหรือ?”
การแสดงออกของชูตู๋สงบลง เขาถาม “เจ้าเข้าร่วมการประมูลด้วยงั้นหรือ?”
“ถูกต้อง” ฟางหยวนยอมรับ ‘ระหว่างการประมูล ข้ากระทั่งใช้ประโยชน์จากเจ้า’ แน่นอนว่าประโยคหลังอยู่ในความคิดของฟางหยวนเท่านั้น
“เจ้าต้องการสิ่งใด?” ชูตู๋กระตุ้น
“เป็นเรื่องยากที่จะกล่าวออกมา” ฟางหยวนถอนหายใจ เขาขมวดคิ้วและแสดงออกด้วยท่าทางลำบากใจ
ชูตู๋รู้สึกไม่สามารถอดทน
หากเป็นผู้อื่น เขาคงลงมือไปแล้ว
“ไม่มีสิ่งใดที่ไม่สามารถกล่าว แม้ข้าจะไม่มีในเวลานี้ แต่ข้าจะพยายามหามาให้เจ้า” ชูตู๋กล่าว
เขาตัดสินใจที่จะไม่สนค่าใช้จ่าย
ฟางหยวนถอนหายใจอีกครั้ง “ข้าพูดเช่นนั้นเพราะข้ายังไม่ได้คิดว่าจะแลกเปลี่ยนสิ่งใดกับพี่ชู”
ชูตู๋โกรธมาก
ฟางหยวนแสดงท่าทางลำบากใจเพียงเพราะเขายังไม่ได้ตัดสินใจงั้นหรือ?
ชูตู๋ขมวดคิ้วและกล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “เจ้าอยู่ที่นี่เพียงเพราะต้องการล้อข้าเล่นงั้นหรือ?”
“พี่ชูอย่าพึ่งโกรธ ไม่ใช่อย่างแน่นอน!” ฟางหยวนเร่งกล่าว “ผู้อมตะต้องผ่านภัยพิบัติเป็นครั้งคราว พวกเรามีความต้องการอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ข้าเพียงยังไม่ได้คิดว่าสิ่งใดจะมีประโยชน์ต่อการบ่มเพาะของข้ามากที่สุดเท่านั้น สำหรับตอนนี้ ให้เวลาข้าคิดอย่างถี่ถ้วน แล้วข้าจะกลับมาตอบพี่ชูภายหลัง”
ใบหน้าของชูตู๋กลายเป็นน่าเกลียด แต่หลังจากไตร่ตรอง เขาต้องพยักหน้ายอมรับอย่างช่วยไม่ได้ “ตกลง”