Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน - ตอนที่ 1066
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1066 รวบรวมทรัพยากรอมตะ
แปลโดย iPAT
เทพโลหิตเป็นแผนการระยะยาวของฟางหยวน
ฟางเจิ้งเป็นขั้นที่สองของแผนการนี้
ขั้นแรกของแผนการคือหลอมรวมวิญญาณอมตะเทพโลหิต ฟางหยวนต้องการหลอมรวมวิญญาณอมตะเทพโลหิตตั้งแต่ชีวิตก่อนหน้า เขากระทั่งวางแผนต่อต้านอสูรสายฟ้าเพื่อให้ได้รับเคล็ดลับการหลอมรวมมัน
หลังจากหลอมรวมวิญญาณอมตะเทพโลหิตและสังเวยญาติที่เกี่ยวข้องทางสายเลือด เขาจะสามารถสร้างเทพโลหิต
ตอนนี้ฟางหยวนมีเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณอมตะเทพโลหิตที่มีความสมบูรณ์เจ็ดสิบส่วน เมื่อเขายังเป็นผีดิบอมตะ เขาขาดแคลนทรัพยากรและไม่ได้พัฒนาเคล็ดลับนี้ให้สมบูรณ์ ตอนนี้แม้เขาจะฟื้นคืนสู่ชีวิต แต่เขาก็ไม่สามารถใช้แสงแห่งปัญญาได้อีกต่อไป
‘แม้ข้าจะไม่สามารถใช้แสงแห่งปัญญา แต่ด้วยความสำเร็จระดับปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งเลือดและเส้นทางแห่งปัญญา ข้าจะสามารถพัฒนาเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณอมตะเทพโลหิต มันเป็นเพียงเรื่องของเวลาและความพยายามเท่านั้น’
‘เพื่อสร้างเทพโลหิต ข้าต้องเปลี่ยนทัศนคติของฟางเจิ้ง อย่างน้อยที่สุดข้าก็ต้องทำให้เขาไม่เกลียดชังข้า มิฉะนั้นเทพโลหิตจะกลายเป็นดาบสองคมที่ย้อนกลับมาทำร้ายตัวข้าเอง’
แท้จริงแล้วมีหลายวิธีที่สามารถส่งอิทธิพลต่อความคิดและจิตใจของบางคน โดยเฉพาะผู้ใช้วิญญาณบนเส้นทางแห่งปัญญา พวกเขายิ่งเชี่ยวชาญในเรื่องนี้
ฟางหยวนมีหลายวิธี ตราบเท่าที่เขาต้องการ เขาสามารถใช้มันเพื่อทำให้ฟางเจิ้งภักดีต่อเขา
แต่การทำเช่นนั้นไม่สามารถเปลี่ยนความรู้สึกที่แท้จริงที่ซ่อนอยู่ในจิตใจ หากเขากลายเป็นเทพโลหิต ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งปัญญาอาจถูกลบออกไป เมื่อเวลานั้นมาถึงความรู้สึกที่แท้จริงของเขาจะกลับมา
ดังนั้นฟางหยวนจึงต้องเปลี่ยนความคิดและมุมมองของฟางเจิ้งอย่างช้าๆ
เห็นได้ชัดว่าการเปลี่ยนมุมมองของฟางเจิ้งเป็นกระบวนการที่ยาวนานและการพัฒนาเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณอมตะเทพโลหิตก็เป็นแผนการที่ยาวไกล อย่างน้อยก็ไม่ใช่เวลานี้
แต่ไม่ว่าจะใช้เวลานานเพียงใด ตราบเท่าที่เขาก้าวไปข้างหน้าทีละขั้นอย่างอดทนและไม่ยอมแพ้ สุดท้ายเขาจะประสบความสำเร็จในที่สุด
ฟางหยวนใช้เวลาว่างฝึกฝนฟางเจิ้งเพื่อบรรลุเป้าหมายอย่างช้าๆ
การเดินทางหนึ่งหมื่นลี้ต้องเริ่มจากก้าวแรกเสมอ
หลังจากเข้าใจสถานการณ์ของฟางเจิ้ง ฟางหยวนกระตุ้นใช้วิญญาณและส่งเจตจำนงปลอมบินออกไปอีกครั้ง
เจตจำนงปลอมบินเข้าสู่จิตใจของฟางเจิ้งและเติมเต็มเจตจำนงปลอมที่ถูกใช้งานไปจากก่อนหน้า
ไม่กี่วันผ่านไปเมื่อฟางหยวนคุ้นเคยกับฝนในร่ม จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาก็มอบทรัพยากรอมตะอีกชนิดหนึ่งให้กับเขา
ในช่วงเวลานี้ฟางหยวนกำลังฝึกฝนทักษะการหลอมรวมวิญญาณเพื่อเตรียมตัวหลอมรวมวิญญาณอมตะเปลี่ยนรูปลักษณ์
เมื่อเขาว่าง เขาจะตรวจสอบมิติช่องว่างจักรพรรดิและจัดการมัน
มิติช่องว่างของผู้อมตะไม่เพียงสามารถสร้างพลังงานอมตะ มันยังสามารถผลิตทรัพยากรจำนวนนับไม่ถ้วน ผู้อมตะต้องเฝ้าดูแลมันตลอดเวลา
หากมิติช่องว่างได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม มันจะเป็นความช่วยเหลือที่ยิ่งใหญ่สำหรับพวกเขา ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าจะให้กำเนิดทรัพยากรที่เหมาะสมที่สุดสำหรับผู้อมตะและจะผลิตอาหารให้แก่วิญญาณอมตะของพวกเขาอีกด้วย สิ่งสำคัญก็คือมีโอกาสที่วิญญาณอมตะดวงใหม่จะถือกำเนิดขึ้นเองในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม
ฟางหยวนตรวจสอบมิติช่องว่างของเขา
มันแบ่งออกเป็นเก้าชั้นฟ้าห้าภูมิภาค
เหตุใดจึงมีการแบ่งชั้นเช่นนี้ มันถูกสร้างขึ้นด้วยความต้องการของเทพปีศาจจิตวิญญาณหรือมันกำเนิดขึ้นเองตามธรรมชาติ? ฟางหยวนไม่สามารถหยั่งรู้เรื่องนี้ ท้ายที่สุดแล้วเขาก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการหลอมรวมวิญญาณทารกอมตะ เขาเป็นเพียงผู้โชคดีที่สามารถฉกชิงมันมาในช่วงเวลาสุดท้ายเท่านั้น
ฟางหยวนตั้งชื่อตามสะดวกโดยอ้างอิงห้าภูมิภาคและสวรรค์ทั้งเก้าแต่เพิ่มคำว่าน้อยไว้ด้านหลังเช่น ภาคเหนือน้อย ทะเลตะวันออกน้อย และอื่นๆ
หลังจากเฝ้าสังเกตการณ์ ฟางหยวนพบความลึกลับบางอย่างของมิติช่องว่างจักรพรรดิ
สิ่งที่เขาค้นพบคือพื้นที่ของสวรรค์ทั้งเก้าและภูมิภาคทั้งห้าไม่เพียงแต่คล้ายกับโลกภายนอก ในแง่ของสภาพแวดล้อม พวกมันก็ไม่ต่างกัน
ตัวอย่างเช่นภาคเหนือน้อย มันเป็นที่ราบทุ่งหญ้าและมีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งวายุมากที่สุด
ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งไฟมีอยู่ในทะเลทรายตะวันตกน้อย ภาคใต้น้อยมีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งปฐพีและเส้นทางแห่งพิษมากที่สุด
หลังจากค้นพบเรื่องนี้ ฟางหยวนจึงนำทรัพยากรต่างๆเก็บไว้ในสถานที่ที่เหมาะสมสำหรับพวกมัน
อสรพิษเพลิงอยู่ในทะเลทรายตะวันตกน้อย
ปลามังกรอยู่ในทะเลตะวันออกน้อย
แมงมุมหน้าคนอยู่ภาคใต้น้อย
ไผ่ลูกศร หญ้าสะเก็ดดาว และอื่นๆถูกวางไว้บนสวรรค์สีน้ำเงินน้อย
สำหรับภาคเหนือน้อย มีอสูรหิมะอยู่ที่นั่น สัตว์อสูรเหล่านี้มากจากภัยพิบัติพิภพครั้งแรกของเขา มันมีทั้งอสูรหิมะเดียวดายและอสูรหิมะบรรพกาล
ฟางหยวนไม่มีเวลาจัดการอสูรหิมะเหล่านี้ ดังนั้นเขาจึงทิ้งพวกมันไว้ที่นี่ เหตุผลเป็นเพราะภาคเหนือน้อยไม่มีทรัพยากรล้ำค่าและยังมีพื้นที่กว้างใหญ่ อสูนหิมะสามารถเคลื่อนไหวไปรอบๆ แต่พวกมันไม่เหมือนค้างคาวมรณะและไม่สามารถเจาะทะลวงมิติ
ปลาฟองอากาศ หมาป่าครีบฉลาม ปลาคราฟศิลปิน เกาะเขาเดี่ยวเดียวดาย มนุษย์หิน เห็ดหลินจือโลหิต ต้นหลิวกระจก และอื่นๆถูกจัดสรรตามความเหมาะสม
อย่างไรก็ตามป่าไผ่ลูกศร ทุ่งหญ้าสะเก็ดดาว และอื่นๆที่ถูกย้ายไปยังสวรรค์สีน้ำเงินน้อยกลับผลิตวิญญาณบนเส้นทางแห่งดวงดาวได้น้อยลงอย่างมาก ในขณะเดียวกันอสรพิษเพลิงและปลามังกรก็แพร่พันธุ์ได้น้อยลง แมงมุมหน้าคนยังมีอัตราการถือกำเนิดใกล้เคียงกับก่อนหน้า
ไม่มีข้อสงสัยเกี่ยวกับความยิ่งใหญ่และศักยภาพอันไร้ขีดจำกัดของมิติช่องว่างจักรพรรดิ แต่ตอนนี้มันพึ่งผ่านภัยพิบัติพิภพมาเพียงครั้งเดียว
แม้มันจะมีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าทุกเส้นทาง แต่มันก็มีเส้นทางละประมาณหนึ่งร้อยร่องรอยเท่านั้น
การเติบโตของแมงมุมหน้าคนพึ่งพาร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งปัญญา ปลามังกรใช้ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งวารีและเส้นทางอาหาร ขณะที่รังของอสรพิษเพลิงต้องมีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งไฟมากที่สุด การผลิตวิญญาณบนเส้นทางแห่งดวงดาวในป่าไผ่ลูกศรและทุ่งหญ้าสะเก็ดดาวเกี่ยวกับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งดวงดาว
ก่อนหน้านี้ฟางหยวนวางทรัพยากรเหล่านี้ไว้ในแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หูหรือแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งดวงดาว
แดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หูผ่านภัยพิบัติมาแล้วอย่างน้อยหกครั้ง มันมีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งไฟและวารีมากกว่ามิติช่องว่างจักรพรรดิ ด้านแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งดวงดาว มันเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์บนเส้นทางแห่งดวงดาวตั้งแต่กำเนิด ในจุดนี้มิติช่องว่างจักรพรรดิย่อมไม่สามารถเปรียบเทียบ
อย่างไรก็ตามไม่ใช่ทุกเส้นทางของมิติช่องว่างจักรพรรดิจะมีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าเพียงหนึ่งร้อยร่องรอย
ก่อนหน้านี้ฟางหยวนได้รับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งพลังปราณมากจากผู้อมตะฉีช่าย แต่มันยังไม่ใช่เส้นทางที่มีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าอยู่มากที่สุด
ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าที่มีมากที่สุดในมิติช่องว่างจักรพรรดิในปัจจุบันคือร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งหิมะ
ภัยพิบัติของผู้อมตะเป็นทั้งโชคลาภและหายนะ ยิ่งมันทรงพลังมากเท่าใด ผู้อมตะก็ยิ่งได้รับประโยชน์จากมันมากเท่านั้น
ประโยชน์ที่กล่าวถึงในที่นี่ก็คือร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋า
ฟางหยวนได้รับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าจำนวนมากจากภัยพิบัติพิภพที่ผ่านมา
ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งหิมะมีมากที่สุด อันดับสองคือร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางความแข็งแกร่งและร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง ตามมาด้วยร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งพลังปราณ หลังจากทั้งหมดมันเป็นร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าจากผู้อมตะระดับเจ็ดฉีช่าย
ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าเหล่านี้เริ่มส่งอิทธิพลต่อมิติช่องว่างของฟางหยวนแล้ว
ยังไม่มีความเปลี่ยนแปลงในสี่ภูมิภาคแต่หิมะเริ่มขยายตัวออกไปอย่างช้าๆในภาคเหนือน้อย
สภาพแวดล้อมนี้เอื้อให้ฟางหยวนเพาะปลูกพืชเมืองหนาวหลายชนิด
เช่นเดียวกับสภาพแวดล้อมของแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หู หลังจากผ่านภัยพิบัติ มันสามารถปลูกพืชพันธุ์มากมาย
หลักการสำคัญประการหนึ่งที่ต้องพิจารณาในการจัดการมิติช่องว่างก็คือสภาพแวดล้อมของมัน
ขณะที่ฟางหยวนกำลังเตรียมความพร้อมเพื่อหลอมรวมวิญญาณอมตะเปลี่ยนรูปลักษณ์ ที่ภาคกลางกลุ่มของอิงอู๋เซี่ยก็ไม่ได้นิ่งเฉย
พวกเขาได้รับแสงแรกกำเนิดมาแล้วและกำลังรวบรวมทรัพยากรอมตะอื่นๆ
พวกเขาสามารถหาบางสิ่งจากคลังสมบัติที่เหลืออยู่ของนิกายเงา แต่บางส่วนก็ต้องซื้อหรือแลกเปลี่ยนกับผู้อื่น
อิงอู๋เซี่ยเป็นผู้นำนิกายเงารวมถึงนิกายท้าทายสวรรค์ ดังนั้นทางเลือกแรกของเขาก็คือแลกเปลี่ยนรกับสมาชิกภายในองค์กร
แต่ผู้อมตะเป็นบุคคลที่ไล่ล่าผลประโยชน์ขณะที่นิกายท้าทายสวรรค์มีโครงสร้างที่หละหลวม ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่อิงอู๋เซี่ยจะทำธุรกรรมกับพวกเขา
อิงอู๋เซี่ยและไห่ลั่วหลันเจรจาจนปากแห้งขณะที่ซื่อหนิวกับไท่เป่ยหยุนเฉิงไม่เชี่ยวชาญเรื่องการเจรจา
หลังจากทุ่มเทความพยายามอย่างมาก อิงอู๋เซี่ยก็สามารถรวบรวมวัสดุในการหลอมรวมได้สามชุด
‘หยูมู่ฉานตายไปแล้ว ข้าไม่มีทางเลือกนอกจากต้องใช้วิธีการหลอมรวมวิญญาณของมนุษย์ โอกาสประสบความสำเร็จในการหลอมรวมวิญญาณท่องแดนอมตะค่อนข้างต่ำ ทรัพยากรเพียงสามชุดยังไม่เพียงพอ’
อิงอู๋เซี่ยไม่ได้หยุดซื้อทรัพยากร นอกจากนี้เขายังต้องเสี่ยงกลับไปที่ถ้ำนรกใต้พิภพ
นิกายเงามีค่ายกลวิญญาณขนาดใหญ่อยู่ที่ถ้ำนรกใต้พิภพ มันจะเป็นความช่วยเหลือที่ดีในการหลอมรวมวิญญาณอมตะ
เมื่ออิงอู๋เซี่ยรวบรวมทรัพยากรได้หกชุดผ่านนิกายท้าทายสวรรค์ อุบัติเหตุที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น
สมาชิกของนิกายท้าทายสวรรค์ ปีศาจอมตะกงซุนเหลียงที่ซ่อนตัวอยู่ในหุบเขาหมิงเติ้งถูกซุ่มโจมตีและถูกจับโดยผู้อมตะจากวังสวรรค์! กงซุนเหลียงร้องขอความช่วยเหลือจากนิกายท้าทายสวรรค์ นี่ทำให้เกิดความปั่นป่วนขึ้นทันที
กงซุนเหลียงซ่อนตัวเองเป็นอย่างดีมาตลอดแต่กลับถูกจับ ยิ่งไปกว่านั้นวังสวรรค์ยังเคลื่อนไหวด้วยตนเอง นี่เป็นเรื่องที่น่าตกใจอย่างยิ่ง
สมาชิกส่วนใหญ่ของนิกายท้าทายสวรรค์เป็นผู้คนที่ถูกกดดันโดยสิบนิกายใหญ่ของภาคกลาง เพื่อความอยู่รอด พวกเขาจึงต้องสร้างพันธมิตรอย่างลับๆ ขณะเดียวกันสิบนิกายโบราณของภาคกลางก็เป็นกองกำลังย่อยของวังสวรรค์
เผชิญหน้ากับวังสวรรค์ สมาชิกทุกคนของนิกายท้าทายสวรรค์รู้สึกไม่ปลอดภัยและกลัวกงซุนเหลียงจะเปิดเผยเบาะแสของพวกเขา
“วังสวรรค์บัดซบ!” อิงอู๋เซี่ยทำได้เพียงสบถ
เนื่องจากเหตุการณ์นี้ สมาชิกคนอื่นๆของนิกายท้าทายสวรรค์จึงซ่อนตัวและไม่กล้าติดต่อสื่อสารกับเขาอีกต่อไป
อิงอู๋เซี่ยรู้ว่าพวกเขาไม่เพียงแค่รู้สึกกลัววังสวรรค์ ยิ่งไปกว่านี้พวกเขายังสงสัยในตัวผู้นำคนนี้ หลังจากกงซุนเหลียงให้อิงอู๋เซี่ยยืมวิญญาณอมตะ เขากลับพบหายนะขณะที่วิญญาณอมตะของเขายังอยู่กับอิงอู๋เซี่ย นอกจากนั้นอิงอู๋เซี่ยในฐานะผู้นำยังไม่ช่วยกงซุนเหลียง เรื่องนี้ส่งผลกระทบต่อจิตใจของสมาชิกนิกายเป็นอย่างมาก
กงซุนเหลียงถูกจับตัว นี่ทำให้อิงอู๋เซี่ยขาดแหล่งรวบรวมทรัพยากรที่ดีที่สุด
ดังนั้นพวกเขาจึงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องซื้อวัสดุในการหลอมรวมจากสวรรค์สีเหลืองเท่านั้น
อย่างไรก็ตามธุรกรรมในสวรรค์สีเหลืองไม่ใช่ความลับและมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง
‘กงซุนเหลียงถูกจับ วังสวรรค์จะค้นพบสถานที่แห่งนี้ไม่เร็วก็ช้า เจ้าวังตายไปแล้ว แต่เทพธิดาจื่อเว่ยตื่นขึ้น ข้าต้องรีบหลอมรวมวิญญาณท่องแดนอมตะโดยเร็วที่สุด!’
อิงอู๋เซี่ยรู้สึกถึงความเร่งรีบมากขึ้นเรื่อยๆ
สถานการณ์ของเขาแย่ลงทุกวัน
นิกายเงาใช้สมบัติเกือบทั้งหมดเพื่อหลอมรวมวิญญาณทารกอมตะ พวกเขากระทั่งเสียสละกองกำลังพันธมิตรผีดิบ
ซื่อหนิวอาจเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดแต่มิติช่องว่างของเขาไม่ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม
ไห่ลั่วหลันและไท่เป่ยหยุนเฉิงพึ่งเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้ ทรัพยากรของพวกเขามีอยู่อย่างจำกัด
แม้สวรรค์สีเหลืองจะเป็นตลาดขนาดใหญ่ แต่อิงอู๋เซี่ยต้องใช้ความมั่งคั่งที่เหลืออยู่อย่างระมัดระวัง
เพื่อรวบรวมทรัพยากรสิบชุด อิงอู๋เซี่ยแทบหลั่งน้ำตา
‘ข้าต้องประสบความสำเร็จในการหลอมรวมวิญญาณท่องแดนอมตะ!’ อิงอู๋เซี่ยกรีดร้องอยู่ภายใน
สถานการณ์ของเขาเต็มไปด้วยความยากลำบากขณะที่ฟางหยวนดำเนินการได้อย่างราบรื่น
ฟางหยวนพูดคุยกับจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาไว้แล้ว หากการหลอมรวมวิญญาณอมตะเปลี่ยนรูปลักษณ์ไม่ประสบความสำเร็จในครั้งแรก พวกเขาจะพยายามต่อไป
สำหรับค่าใช้จ่ายในการหลอมรวมวิญญาณอมตะครั้งที่สองหรือสาม ฟางหยวนต้องเป็นคนแบกรับทั้งหมด
แต่เขามีความมั่งคั่งเพียงพอ
การผลิตทรัพยากรในมิติช่องว่างของฟางหยวนลดลงแต่รายได้ของเขากลับเพิ่มขึ้นหลายเท่า!
เหตุผล?
มันเกี่ยวกับเวลาในมิติช่องว่างของเขาที่เร็วกว่าโลกภายนอกถึงหกสิบเท่า
นั่นหมายความว่าอย่างไร?
หนึ่งวันของโลกภายนอกคือสองเดือนในมิติช่องว่างจักรพรรดิ!
เมื่อเวลาเดินเร็วขึ้น ทรัพยากรก็ถูกผลิตเร็วขึ้น
อย่างไรก็ตามฟางหยวนจะขายทรัพยากรเหล่านี้เพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น เพราะเขาตั้งใจจำนงภูเขาตงฮันกับจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา ด้วยวิธีนี้ฟางหยวนจะสามารถชำระหนี้ทั้งหมด