Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน - ตอนที่ 1097
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1097 ความยากลำบาก
แปลโดย iPAT
ภัยพิบัติบุปผาวายุและภัยพิบัติจันทราหิมะเป็นสองภัยพิบัติพิภพที่แตกต่างกัน
แต่เมื่อภัยพิบัติบุปผาวายุและภัยพิบัติจันทราหิมะมารวมกัน พวกมันจะกลายเป็นภัยพิบัติสวรรค์ พลังอำนาจของพวกมันจะเพิ่มสูงขึ้น บุปผาวายุมีความเร็วและพลังโจมตีที่ยากจะรับมือขณะที่แสงจากจันทราหิมะจะทำให้การเคลื่อนไหวของผู้อมตะช้าลง ทั้งสองถือเป็นการจัดคู่ที่สมบูรณ์แบบ
ฟางหยวนรู้สึกกดดันมาก
แท้จริงแล้วความแข็งแกร่งของฟางหยวนในปัจจุบันโดยเฉพาะหลังจากทำธุรกรรมกับนิกายเงาและสามารถครอบครองท่าไม้ตายอมตะหมื่นตัวตนรวมถึงท่าไม้ตายอมตะคลื่นดาบสามชั้น พลังการต่อสู้ของเขาบรรลุถึงระดับเจ็ด มันไม่ใช่เรื่องยากที่เขาจะก้าวข้ามภัยพิบัติสวรรค์
สิ่งที่ทำให้ฟางหยวนรู้สึกหนักใจไม่ใช่ภัยพิบัติในเวลานี้แต่เป็นอนาคตของเขา
เมื่อผู้อมตะก้าวข้ามภัยพิบัติ พวกเขาจะแข็งแกร่งขึ้น ตามทฤษฎี ภัยพิบัติพิภพครั้งที่สองจะรุนแรงกว่าครั้งแรก
แต่ภัยพิบัติพิภพครั้งที่สองของฟางหยวนกลับเทียบเท่าภัยพิบัติสวรรค์ แล้วภัยพิบัติครั้งต่อๆไปของเขาจะทรงพลังถึงระดับใด?
ผู้อมตะระดับหกต้องเผชิญหน้ากับภัยพิบัติพิภพทุกสิบปีและภัยพิบัติสวรรค์ทุกร้อยปี หลังจากสามร้อยปีพวกเขาจะบรรลุระดับเจ็ด
นั่นหมายความว่าพวกเขาจะพบภัยพิบัติพิภพยี่สิบเจ็ดครั้งและภัยพิบัติสวรรค์สามครั้ง
สำหรับฟางหยวน หลังจากภัยพิบัติพิภพครั้งนี้ เขายังต้องเผชิญหน้ากับภัยพิบัติพิภพอีกยี่สิบห้าครั้งและภัยพิบัติสวรรค์อีกสามครั้ง
หากภัยพิบัติพิภพครั้งที่สองของเขาอยู่ในระดับเดียวกับภัยพิบัติสวรรค์ แล้วอนาคตของเขาจะเป็นเช่นไร? มีความเป็นไปได้ที่ภัยพิบัติพิภพครั้งต่อไปของเขาจะเทียบเท่ากับภัยพิบัติใหญ่!
แสงจันทร์ทำให้ใบหน้าของฟางหยวนดูซีดขาว
แม้แต่ความคิดของเขาก็ยังช้าลง
จันทราหิมะไม่เพียงทำให้การเคลื่อนไหวของผู้อมตะช้าลงแต่ยังรวมถึงความคิดของพวกเขาด้วย
ฟางหยวนใช้วิธีบนเส้นทางแห่งปัญญาเพื่อปกป้องจิตใจของตน
เขาเป็นปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งปัญญา เขาสามารถทำเรื่องนี้ได้อย่างง่ายดาย
‘สิ่งนี้ไม่ควรเกิดขึ้น ในการทำธุรกรรมกับนิกายเงา ผมที่หกบอกข้าว่ากระทั่งภัยพิบัติพิภพจะทรงพลังขึ้น พวกมันก็มีขีดจำกัด ตราบเท่าที่มันเป็นภัยพิบัติพิภพ พลังอำนาจของมันก็ยังอยู่ในระดับของภัยพิบัติพิภพ เขาโกหกข้างั้นหรือ? เขามอบข้อมูลเท็จให้แก่ข้าหรือไม่?’ ฟางหยวนขมวดคิ้วลึก
ไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้ที่นิกายเงาจะหลอกฟางหยวน
แต่เมื่อคิดถึงมุมมองของนิกายเงา พวกเขาไม่มีความจำเป็นต้องทำเช่นนั้น
นี่เป็นเรื่องที่สามารถตรวจสอบได้ง่าย นิกายเงาต้องการจับฟางหยวนเพื่อหลอมรวมวิญญาณทารกอมตะอีกครั้ง แล้วพวกเขาจะโกหกฟางหยวนและปล่อยให้เขาตายไปในภัยพิบัติงั้นหรือ?
‘บางทีอาจมีความเป็นไปได้อื่น…’ ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายเย็นชา
เขาเงยหน้ามองท้องฟ้ายามค่ำคืนราวกับหมาป่าเดียวดาย
ท่าไม้ตายอมตะ คลื่นดาบสามชั้น!
ท่าไม้ตายอมตะ กำปั้นยักษ์หมื่นตัวตน!
เขาระเบิดการโจมตีที่ทรงพลังที่สุดออกมาอย่างกะทันหัน
คลื่นดาบพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าท้าทายแรงโน้มถ่วง กำปั้นยักษ์ทะลวงผ่านอากาศและแยกลมพายุออกด้วยพลังอำนาจมหาศาล
การโจมตีทั้งสองพุ่งไปยังจันทร์เสี้ยวที่อยู่บนท้องฟ้า
“เค้ง…เค้ง…”
บุปผาวายุจำนวนนับไม่ถ้วนรวมตัวกันต่อต้านคลื่นดาบสามชั้นและกำปั้นยักษ์หมื่นตัวตน
ในไม่ช้าทั้งสองฝ่ายก็พังทลายลง
แต่มีบางสิ่งที่ดูแปลกประหลาด
ก่อนหน้านี้บุปผาวายุพุ่งเป้าไปที่ภูเขาตงฮันเท่านั้น พวกมันต้องการทำลายแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์พิภพที่มีชื่อเสียง พวกมันไม่สนใจคลื่นดาบสามชั้นและกำปั้นยักษ์หมื่นตัวตนของฟางหยวนและกระทั่งพยายามหลีกเลี่ยง
แต่ตอนนี้บุปผาวายุกลับพุ่งเข้าเผชิญหน้ากับการโจมตีของฟางหยวนโดยตรง
ดูเหมือนบุปผาวายุเหล่านี้พยายามปกป้องดวงจันทร์ที่อยู่บนท้องฟ้า
การดำรงอยู่ของจันทราหิมะสร้างแรงกดดันให้กับฟางหยวนเป็นอย่างมาก ไม่แปลกที่บุปผาวายุจะต้องการปกป้องมัน
แต่ฟางหยวนกลับรู้สึกตื่นเต้น
หมื่นตัวตน!
หมื่นตัวตน!
หมื่นตัวตน!
ภูตมนุษย์บนเส้นทางความแข็งแกร่งจำนวนมากพุ่งออกไปราวกับคลื่นยักษ์
ฟางหยวนใช้ท่าไม้ตายอมตะหมื่นตัวตนสามครั้งและทำให้ภูเขาตงฮันที่เคยว่างเปล่ากลายเป็นสถานที่แออัด
ฟางหยวนจำนวนนับไม่ถ้วนบินขึ้นสู่อากาศ บางส่วนกระโดดลงจากภูเขา
แต่แตกต่างจากครั้งก่อน ร่างจริงของฟางหยวนแฝงตัวอยู่ในกลุ่มภูตมนุษย์ที่วิ่งลงจากภูเขาตงฮัน
บุปผาวายุพยายามโจมตีภูตมนุษย์บนเส้นทางความแข็งแกร่ง
แต่ภูตมนุษย์ของฟางหยวนมีมากเกินไป
ด้วยการใช้ภูตมนุษย์จำนวนมากพร้อมกับท่าไม้ตายใบหน้าที่คุ้นเคยและวิญญาณอมตะขีดจำกัดความมืด ฟางหยวนบินขึ้นสู่ท้องฟ้าได้สำเร็จ
‘เวลานี้!’
วิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติ!
ฟางหยวนเลือกจังหวะเวลาที่เหมาะสมและกระตุ้นใช้วิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติบินขึ้นสู่ท้องฟ้าราวกับมังกรวารีทะยานขึ้นจากมหาสมุทร
เมื่อเข้าใกล้จันทราหิมะ ฟางหยวนกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะคลื่นดาบสามชั้นและท่าไม้ตายอมตะกำปั้นยักษ์หมื่นตัวตนอีกครั้ง
เจตจำนงสวรรค์เผยจุดอ่อนขณะที่บุปผาวายุกำลังโจมตีภูตมนุษย์ของฟางหยวน
นี่ทำให้ฟางหยวนทำลายจันทราหิมะได้สำเร็จ!
ความหมายที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่งจำนวนมากพุ่งเข้าสู่จิตใจของฟางหยวนอย่างรวดเร็ว
ฟางหยวนราวกับต้นไม้ที่ได้รับน้ำและดูดซับความหมายที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่งเอาไว้ทั้งหมด
ทันใดนั้นเขารู้สึกราวกับตนเองเป็นดวงจันทร์ที่แขวนอยู่บนท้องฟ้าและส่องแสงลงมาอย่างเงียบเชียบขณะที่ตนเองมองไปยังสิ่งมีชีวิตที่อยู่บนโลกใบนี้
ระดับความสำเร็จบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงของเขาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว!
เส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงไม่ใช่เพียงสัตว์หรือพืชเท่านั้นแต่ยังรวมถึงภูเขา แม่น้ำ สายลม ดวงจันทร์ และปรากฏการณ์ทางธรรมชาติทั้งหมด
ความหมายที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่งทำให้ฟางหยวนได้รับประโยชน์อย่างมาก
เขาหัวเราะเสียงดังอย่างมีความสุข
มันกลายเป็นว่าภัยพิบัติจันทราหิมะและบุปผาวายุเป็นเพียงการรวมตัวกันอย่างหยาบๆ มันไม่ใช่ภัยพิบัติสวรรค์ที่แท้จริง
ภัยพิบัติพิภพครั้งที่สองยังคงอยู่ในขอบเขตของภัยพิบัติพิภพ ไม่ว่าเจตจำนงสวรรค์จะโกรธเกรี้ยวมากเท่าใด ไม่ว่ามันจะต้องการกำจัดฟางหยวนมากเพียงใด มันก็ไม่สามารถทำลายกฎเกณฑ์ของมันเอง
สายลมคำรามราวกับเจตจำนงสวรรค์กำลังรู้สึกอับอายที่ถูกเปิดเผยแผนการของมัน
บุปผาวายุจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งเข้าโจมตีฟางหยวน
ฟางหยวนใช้ภูตมนุษย์บนเส้นทางความแข็งแกร่งจำนวนมากปกปิดตัวตน
บุปผาวายุทำลายภูตมนุษย์ของฟางหยวนอย่างบ้าคลั่ง
แต่มันไม่สามารถทำสิ่งใดร่างจริงของฟางหยวนที่ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางภูตมนุษย์จำนวนมหาศาล สุดท้ายฟางหยวนก็สามารถกลับไปยังภูเขาตงฮันอีกครั้ง
ด้วยการปกป้องจากภูเขาตงฮัน ฟางหยวนจะปลอดภัยมากขึ้น
เมื่อเขาหยุดใช้ท่าไม้ตายอมตะใบหน้าที่คุ้นเคย ร่างกายของฟางหยวนพลันสั่นสะท้านขึ้น
มีบาดแผลขนาดใหญ่อยู่บนแผ่นหลังของเขา
แต่เนื่องจากพลังอำนาจของวิญญาณอมตะเปลี่ยนรูปลักษณ์ บาดแผลของเขาจึงถูกซ่อนไว้
‘การป้องกันของข้ายังอ่อนแอเกินไป’ ฟางหยวนถอนหายใจและเริ่มรักษาตัวเอง
เขาไม่ได้ใช้วิญญาณอมตะบุรุษคนก่อนหน้า
วิญญาณดวงนี้เป็นวิญญาณอมตะ มันต้องใช้พลังงานอมตะ นอกจากนั้นมันยังทำได้เพียงทำให้เขากลับไปอยู่ในสภาพไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้เท่านั้น
ฟางหยวนได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีของบุปผาวายุเมื่อเขาบินขึ้นสู่ท้องฟ้า
ในช่วงเวลานั้นเขาไม่สามารถใช้วิญญาณอมตะบุรุษคนก่อนหน้า มิฉะนั้นมันจะเป็นการเปิดเผยตำแหน่งของเขา
‘โชคดีที่ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าในร่างของข้าไม่ขัดแย้งกัน นอกจากนั้นวิธีของมนุษย์ยังใช้กับข้าได้ดี’ ฟางหยวนรู้สึกถึงข้อได้เปรียบอันยิ่งใหญ่นี้
โดยปกติแล้วอาการบาดเจ็บของผู้อมตะยากที่จะรักษา เนื่องจากร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋ามักจะขัดแย้งกันและลดประสิทธิภาพในการรักษา เมื่อใช้ท่าไม้ตายอมตะสายรักษา พวกเขาต้องพิจารณาถึงร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าว่าขัดแย้งกันหรือไม่
ฟางหยวนไม่มีปัญหานี้ เขายังสามารถใช้วิธีรักษาระดับมนุษย์เพื่อลดค่าใช้จ่าย
ฟางหยวนไม่มีพลังงานอมตะมากเท่ากับครั้งก่อน
เหตุผลหลักคือการปิดตัวของสวรรค์สีเหลือง
เป็นเพียงเวลานี้ที่แสงอันเย็นเยียบส่องลงมาและปกคลุมภูเขาตงฮันเอาไว้อีกครั้ง
ฟางหยวนเงยหน้าขึ้นไปและแทบกรีดร้องออกมาด้วยความตกใจ
มีจันทราหิมะอีกสามดวงปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า!
เขาเร่งใช้วิธีบนเส้นทางแห่งปัญญาปกป้องจิตใจของตนเอง
นอกจากนี้เขายังต้องปกป้องร่างกายโดยใช้ท่าไม้ตายระดับมนุษย์เพื่อรักษาอุณหภูมิของร่างกายให้อยู่ในสภาวะปกติ
จำนวนจันทราหิมะที่เพิ่มขึ้นส่งผลกระทบต่อฟางหยวนเป็นอย่างมาก
สิ่งนี้ทำลายแผนการที่จะเฝ้ามองการต่อสู้อยู่บนภูเขาตงฮันของเขา
ฟางหยวนตระหนักว่านี่เป็นช่วงเวลาแห่งชีวิตและความตาย!
ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าใด จันทราหิมะก็ยิ่งเพิ่มจำนวนขึ้นขณะที่ความหวังที่จะก้าวข้ามภัยพิบัติครั้งนี้ก็จะลดน้อยลง
เขาต้องตอบโต้อย่างรวดเร็ว มิฉะนั้นเขาอาจตกลงสู่สถานการณ์ที่สิ้นหวังและไม่เหลือทางรอด
ผู้อมตะคนอื่นอาจลังเล แต่ฟางหยวนมีประสบการณ์มากมาย หลังจากตระหนักถึงปัญหา เขากระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะหมื่นตัวตนอีกครั้งอย่างไม่ลังเล
ภูตมนุษย์บนเส้นทงความแข็งแกร่งจำนวนมากหลอกล่อบุปผาวายุขณะที่ร่างจริงของฟางหยวนแฝงตัวอยู่ท่ามกลางพวกมันและพยายามทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า
หลังจากบินขึ้นสู่ท้องฟ้า พลังอำนาจของจันทราหิมะยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นเพราะมันไม่ถูกสะกดข่มโดยร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณจากภูเขาตงฮันอีกต่อไป
นี่เป็นการต่อสู้ที่เข้มข้น!
ฟางหยวนต้องทำลายจันทราหิมะทั้งสามแต่แสงจันทร์กลับกดดันเขามากกว่าบุปผาวายุ ยิ่งที่เลวร้ายกว่าก็คือจันทราหิมะดวงที่สี่กำลังจะก่อตัวขึ้น
เจตจำนงสวรรค์ทำทุกอย่างเพื่อหยุดและสังหารฟางหยวน
ดวงจันทร์หนึ่งดวง ดวงจันทร์สองดวง ดวงจันทร์สามดวง ฟาหงยวนทำลายพวกมันอย่างยากลำบาก
แต่ยังมีจันทราหิมะปรากฏขึ้นเรื่อยๆ
แสงจันทร์ทำให้ฟางหยวนรู้สึกเย็นเยียบอยู่ภายในใจ ความจริงที่โหดร้ายทำให้แขนขาของเขากลายเป็นด้านชา
โอกาสรอดชีวิตลดน้อยลงแต่การแสดงออกของฟางหยวนยังแน่วแน่ เขาต่อสู้กับภัยพิบัติโดยไม่ย่อท้อ
พลังงานอมตะของเขาลดลงอย่างรวดเร็ว ทุกครั้งที่เขาใช้ท่าไม้ตายอมตะ เขาต้องระวังเรื่องค่าใช้จ่ายและไตร่ตรองอย่างรอบคอบ