Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน - ตอนที่ 1102
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1102 หารือ
แปลโดย iPAT
“ไม่ ไม่” เทียนเซี่ยซินส่ายศีรษะปฏิเสธการคาดเดาของชูตู๋ “เงื่อนงำนี้ถูกสร้างขึ้นด้วยวิธีบนเส้นทางแห่งข้อมูล ข้าเดาว่ามันเป็นมรดกที่แท้จริงบนเส้นทางแห่งข้อมูล แต่สถานที่ตั้งของมรดกนี้ไม่ได้อยู่ในภาคเหนือ มันอยู่ที่ทะเลตะวันออก”
“ทะเลตะวันออก มรดกที่แท้จริงบนเส้นทางแห่งข้อมูล?” ชูตู๋ขมวดคิ้วขณะที่ความหวังของเขาลดลง
หากมันเป็นมรดกที่แท้จริงบนเส้นทางแห่งดาบ มีความหวังไม่มากที่ชูตู๋จะประสบความสำเร็จในการบ่มเพาะ
เหตุผลง่ายมาก เขาเป็นผู้อมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งที่มีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางความแข็งแกร่งจำนวนมาก มันเป็นเรื่องยากที่เขาจะหันไปบ่มเพาะบนเส้นทางสายอื่น
แต่เส้นทางแห่งดาบมีพลังโจมตีที่รุนแรง นอกจากนั้นมันยังเกี่ยวกับตัวตนที่ยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์เช่นโป้ชิง ดังนั้นชูตู๋จึงรู้สึกสนใจและอยากรู้อยากเห็น
อย่างไรก็ตามเมื่อได้ยินว่ามันเป็นมรดกที่แท้จริงบนเส้นทางแห่งข้อมูล ความอยากรู้อยากเห็นของเขาก็จางหายไป
ชูตู๋เข้าใจความสำคัญของข้อมูลเป็นอย่างดี แต่เขาเป็นคนตรงไปตรงมาและชื่นชอบความรุนแรงบนเส้นทางความแข็งแกร่งมากกว่า
เขาเป็นที่รู้จักในนามจักรพรรดิอมตะเพราะความแข็งแกร่งของเขา
แน่นอนว่าชูตู๋ไม่สามารถฝึกฝนทักษะบนเส้นทางแห่งดาบหรือข้อมูล
ในโลกใบนี้ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันหรือกระทั่งอนาคต อาจมีฟางหยวนเพียงผู้เดียวที่สามารถฝึกฝนได้ทุกเส้นทาง!
หากผู้อมตะคนอื่นต้องการฝึกฝนเส้นทางสายที่สอง พวกเขาต้องใช้เวลาและความพยายามเป็นอย่างมาก เว้นเพียงสถานการณ์ที่พวกเขามีวิญญาณอมตะชนิดพิเศษบางอย่าง แต่กรณีนี้มีน้อยมากและมีข้อจำกัดหลายประการ
เมื่อเห็นการแสดงออกของชูตู๋ เทียนเซี่ยซินรู้ทันทีว่าเขากำลังคิดสิ่งใด “พี่ชูอย่างดูแคลนเงื่อนงำนี้ จากการอนุมานของข้า นี่เป็นวิธีบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน มันต้องทำให้ท่านได้เปิดหูเปิดตาอย่างแน่นอน”
การแสดงออกของชูตู๋กลายเป็นจริงจัง
คำกล่าวของเทียนเซี่ยซินเตือนสติเขา
หากเงื่อนงำนี้สลักอยู่บนแผ่นหิน นั่นอาจเป็นเรื่องปกติ แต่สิ่งนี้กลับปรากฏอยู่ในวิญญาณอมตะ นี่เป็นกรณีที่หาได้ยากยิ่ง
สิ่งสำคัญก็คือมันเป็นวิญญาณอมตะระดับเจ็ดบนเส้นทางแห่งดาบ!
เมื่อผู้อมตะบ่มเพาะและก้าวข้ามภัยพิบัติ พวกเขาจะได้รับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าเพิ่มขึ้น ขณะที่วิญญาณอมตะเป็นภาชนะบรรจุร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋า
ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าที่แตกต่างกันจะต่อต้านกัน เงื่อนงำนี้เกิดขึ้นจากร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งข้อมูล แต่มันกลับสามารถสลักอยู่บนภาชนะที่บรรจุร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งดาบและถูกเก็บไว้เป็นเวลานาน มันเหมือนเรือที่ลอยอยู่กลางทะเลโดยไม่ถูกกระแสน้ำพัดพาไป
นี่หมายความว่ามันเป็นวิธีบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่ยอดเยี่ยมมาก!
“พี่ชู ข้าขอเจรจากับท่านได้หรือไม่?” เทียนเซี่ยซินเร่งถาม
ชูตู๋เผยรอยยิ้มบาง เขาไม่ใช่ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา แต่เขาเข้าใจสิ่งที่เทียนเซี่ยซินต้องการกล่าว
ชูตู๋โบกมือ “น้องเทียน อย่าได้ตำหนิข้า วิญญาณอมตะดวงนี้ไม่ใช่ของข้าตั้งแต่แรก มันเป็นของสหายที่หายตัวไปของข้า ข้ารู้สึกกังวลและต้องการค้นหาเขาเท่านั้น”
การอนุมานของผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาไม่ได้เกิดจากอากาศ พวกเขาต้องค้นหาคำตอบจากเบาะแสที่มีอยู่ ยิ่งมากเท่าใดก็ยิ่งง่ายเท่านั้น
ดังนั้นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาทุกคนจึงต้องการทักษะบนเส้นทางแห่งข้อมูล
เดิมทีเทียนเซี่ยซินไม่สนใจวิธีบนเส้นทางแห่งข้อมูลส่วนใหญ่เพราะเขามีมรดกบนเส้นทางแห่งปัญญาที่ไม่ธรรมดาอยู่แล้ว แต่เนื่องจากมรดกที่แท้จริงบนเส้นทางแห่งข้อมูลนี้มีคุณภาพสูงเกินไป กระทั่งเขาก็ไม่สามารถปฏิเสธ
“ข้าเข้าใจแล้ว ข้าหุนหันเกินไปจริงๆ” ถูกปฏิเสธโดยชูตู๋ เทียนเซี่ยซินรู้สึกหดหู่ แต่เขาก็ยังคืนวิญญาณอมตะดาบบินให้กับชูตู๋
วิญญาณอมตะระดับเจ็ดถูกใช้เป็นเบาะแสในการอนุมาน มันไม่ใช่ค่าตอบแทน
แน่นอนว่าชูตู๋ต้องจ่ายค่าตอบแทนราคาแพงให้กับเทียนเซี่ยซิน
“การอนุมานไม่สำเร็จ ตามกฎ ข้าจะรับค่าตอบแทนเพียงครึ่งหนึ่ง” เทียนเซี่ยซินมองวิญญาณอมตะดาบบินในมือของชูตู๋และถอนหายใจ
ชูตู๋ส่ายศีรษะหัวเราะ “ไม่จำเป็น แม้เป้าหมายของข้าจะไม่บรรลุ แต่น้องเทียนเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาอันดับหนึ่งของภาคเหนือ มันคุ้มค่ากับราคาที่ข้าต้องจ่ายแล้ว ลาก่อน”
ชูตู๋เป็นผู้บ่มเพาะสันโดษแต่เขาไม่ขาดทักษะทางสังคม
เทียนเซี่ยซินเป็นหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญบนเส้นทางแห่งปัญญาเพียงไม่กี่คนของภาคเหนือขณะที่ชูตู๋อาจต้องการความช่วยเหลือจากเขาอีกครั้งในอนาคต แล้วเขาจะทำให้ความสัมพันธ์นี้แย่ลงได้อย่างไร
“นี่…” เทียนเซี่ยซินลังเล
แต่ชูตู๋จากไปอย่างรวดเร็วโดยไม่ลังเล
แท้จริงแล้วชูตู๋ค่อนข้างมีความสุข
เดิมทีวิญญาณอมตะดาบบินระดับเจ็ดก็มีค่ามากอยู่แล้ว แต่ตอนนี้มันยังมีเบาะแสเกี่ยวกับมรดกที่แท้จริงบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่โดดเด่น นี่ทำให้ชูตู๋รู้สึกว่าฟางหยวนจะไม่มีวันละทิ้งวิญญาณอมตะดวงนี้และสามารถใช้มันกดดันฟางหยวน
‘ข้าต้องได้รับวิธีดึงความหมายที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่งออกมาไม่ว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้น!’ ชูตู๋รู้สึกมีความหวัง
เทียนเซี่ยซินถอนหายใจเมื่อเห็นชูตู๋หายไปจากมุมมองสายตา
หากเป็นผู้อมตะคนอื่น เทียนเซี่ยซินจะแย่งวิญญาณอมตะดาบบินมาโดยตรง แต่นี่คือจักรพรรดิอมตะชูตู๋!
เทียนเซี่ยซินไม่กล้าต่อต้านชูตู๋
เมื่อเวลาผ่านไป ความปั่นป่วนในภาคเหนือทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ
พื้นที่รอบๆเผ่าไห่เต็มไปด้วยผู้คน
เป็นดังที่ฟางหยวนคาดการณ์ดอาไว้ เผ่าไห่เพียงเผ่าเดียวจะสามารถต่อต้านผู้อมตะทั้งหมดของภาคเหนือได้อย่างไร
แม้ผู้อมตะเผ่าไห่จะพยายามต่อต้าน แต่พวกเขายังเพลี่ยงพล้ำทีละน้อย ไม่มีความหวังที่จะได้รับชัยชนะ กลิ่นคาวเลือดดึงดูดฉลามที่หิวโหยให้เข้ามาปล้นสะดมทรัพยากรของเผ่าไห่มากขึ้นและมากขึ้น
แดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็กของเผ่าไห่
ตอนนี้ผู้อมตะของเผ่าไห่มารวมตัวกันภายใต้บรรยากาศที่มืดมน
ผู้อาวุโสสูงสุดทั้งสี่ของเผ่าไห่นั่งอยู่ในตำแหน่งสูงสุด ไห่เจิ้งถูกจับโดยฟางหยวน ไห่ไป่ได้รับบาดเจ็บสาหัส ขณะที่ผู้อมตะอีกหกคนของเผ่าไห่ต่างได้รับบาดเจ็บในระดับที่แตกต่างกัน
“เผ่าไห่กำลังเผชิญหน้ากับวิกฤตการณ์ พวกเราเป็นเสาหลักของเผ่า ตอนนี้พวกเราต้องหารือกันว่าจะทำอย่างไรให้เผ่าไห่รอดพ้นจากสถานการณ์นี้?” ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งเริ่มกล่าวเป็นคนแรก
ผู้อมตะเผ่าไห่คนอื่นๆมองหน้ากันแต่ไม่มีผู้ใดเปิดปากกล่าว
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเขามารวมตัวกัน
ในการประชุมครั้งก่อนพวกเขาต่างแสดงความคิดเห็นอย่างแข็งขัน บางคนแนะนำว่าพวกเขาควรตอบโต้กลับอย่างรุนแรงและกำจัดผู้ร้ายที่พยายามฉกชิงทรัพย์สินของเผ่าไห่ แน่นอนว่าเป้าหมายของพวกเขาคือสันติภาพ
แต่สันติภาพจะได้มาหลังจากการต่อสู้
ผู้อมตะเผ่าไห่ไม่ใช่คนโง่ พวกเขาเข้าใจเรื่องนี้
แต่น่าเสียดายแม้พวกเขาจะเข้าใจ พวกเขาก็ไม่สามารถต่อต้านศัตรูจำนวนมหาศาล แม้พวกเขาจะตอบโต้ แต่พวกเขากลับถูกผลักดันให้ล่าถอย ผู้อมตะเผ่าไห่เกือบทั้งหมดได้รับบาดเจ็บและกระทั่งเสียชีวิตไปแล้วหนึ่งคน
ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งถอนหายใจ “หากไม่ใช่เพราะค่ายกลวิญญาณรูปแบบการต่อสู้โบราณความโกรธเกรี้ยวของยักษ์เขียวไม่สามารถแยกส่วน สถานการณ์ของเราจะดีกว่านี้”
เผ่าไห่มีทรัพยากรมากมาย แต่ผู้อมตะเผ่าไห่มีจำกัด นอกจากนั้นส่วนใหญ่ยังเป็นเพียงผู้อมตะระดับหก เมื่อถูกโจมตีโดยกองกำลังใหญ่ เผ่าไห่จึงไม่สามารถควบคุมสถานการณ์
“ทั้งหมดเป็นเพราะไห่เจิ้ง! เขาเป็นคนบาปของตระกูล! ก่อนหน้าบุตรสาวของเขาก่อนเรื่องวุ่นวาย ต่อมาเขายังทำให้พวกเราสูญเสียคฤหาสน์วิญญาณอมตะคุกทมิฬ เขาสมควรตายโดยปราศจากความเห็นใจ!” ผู้อมตะเผ่าไห่บางคนตะโกนดุด่าด้วยความโกรธ
“ถูกต้อง!”
“ไห่เจิ้ง เจ้าคนบาป!”
ผู้อมตะเผ่าไห่สบถสาปแช่งอย่างพร้อมเพรียง
การละทิ้งคฤหาสน์วิญญาณอมตะคุกทมิฬของไห่เจิ้งเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ มิฉะนั้นด้วยการคงอยู่ของคฤหาสน์วิญญาณอมตะคุกทมิฬและค่ายกลวิญญาณรูปแบบการต่อสู้โบราณความโกรธเกรี้ยวของยักษ์เขียว สถานการณ์ของเผ่าไห่จะไม่เลวร้ายเช่นนี้
ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งเงียบ
คุกทมิฬเป็นของเขา แต่เขาให้ไห่เจิ้งยืม เมื่อไห่เจิ้งทำคุกทมิฬสูญหาย ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งจึงต้องยอมรับการตำหนิที่ไว้ใจคนผิด
เดิมทีไห่เจิ้งได้รับความไว้วางใจจากผู้อาวุโสสูงสุดทั้งสี่เป็นอย่างมากและมีอำนาจตัดสินใจเรื่องต่างๆของเผ่า
ดังนั้นคำวิจารณ์และการดุด่าของผู้อมตะเผ่าไห่ยังแสดงถึงความไม่พอใจต่อผู้อาวุโสสูงสุดทั้งสี่อย่างอ้อมๆ
หลังจากไม่นานผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่สามก็ไม่สามารถอดทนได้อีกต่อไป “พอแล้ว! ตอนนี้เรื่องได้เกิดขึ้นแล้ว คำสาปแช่งไม่มีประโยชน์ เราอยู่ในสถานการณ์วิกฤต หากคำสาปแช่งช่วยเราได้ ข้าคงทำไปนานแล้ว พวกเราต่างเป็นสมาชิกของเผ่าไห่ พวกเรามีสายเลือดเดียวกัน หากเผ่าถูกกำจัด ทุกคนก็ไม่สามารถอยู่รอด!”
เสียงวิพากษ์วิจารณ์หยุดลงทันที
ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่สี่กล่าวต่อ “เกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบัน หากผู้ใดมีความคิดเห็น โปรดกล่าวออกมา”
ทุกคนเงียบ
ความแข็งแกร่งของสองฝ่ายแตกต่างกันมากเกินไป ไม่มีกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพในสถานการณ์นี้
“ข้ามีความคิดบางอย่าง” ผู้อมตะระดับหกผู้หนึ่งเปิดปากกล่าว
ทุกคนมองไปที่ไห่ไป่
เขาเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งไม้ เมื่อเขายังเยาว์ เขาถูกเรียกว่ามนุษย์หินของเผ่าไห่ เขาเป็นคนพูดน้อย โดยปกติเขาจะอยู่กับไห่เจิ้งและมีความสัมพันธ์ที่ดี
“เรากำลังฟังอยู่”
“ข้าอยากรู้ว่าเจ้าจะมีความคิดเห็นใด?”
กลุ่มผู้อมตะกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา พวกเขาเกลียดชังไห่เจิ้งและขยายไปถึงไห่ไป่
การแสดงออกของไห่ไป่ยังไม่เปลี่ยนแปลง เขากล่าวอย่างเคร่งขรึม “ในสถานการณ์นี้ข้าไม่จำเป็นต้องพูดมาก พวกท่านย่อมตระหนักดี ฝ่ายธรรมะ ฝ่ายปีศาจ และกระทั่งผู้บ่มเพาะสันโดษต่างเข้าร่วม เหตุผลเดียวของพวกเขาคือผลประโยชน์”
“ความอยู่รอดของเผ่าเป็นเรื่องสำคัญที่สุด ตราบเท่าที่เผ่าอยู่รอด ไม่ว่าทรัพยากร ผลประโยชน์ หรือชื่อเสียงล้วนไม่สำคัญ ตอนนี้เราควรยอมแพ้”
“เจ้าต้องการให้เรายอมจำนนงั้นหรือ? ไห่ลั่วหลันและไห่เจิ้งทำลายแดนศักดิ์สิทธิ์เมืองหลวง เจ้าคิดว่าตระกูลฮวงจินจะยอมปล่อยพวกเราไปง่ายๆเช่นนั้นหรือ?” ผู้อมตะบางคนเย้ยหยัน
ไห่ไป่ส่ายศีรษะ “ตระกูลฮวงจินจะไม่ปล่อยพวกเรา แต่มีคนผู้หนึ่งสามารถช่วยเหลื่อเผ่าไห่ให้รอดพ้นจากวิกฤตการณ์นี้”
“ผู้ใด?”
ไห่ไป่เอ่ยชื่อ
ทุกคนตกใจเมื่อได้ยิน