Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน - ตอนที่ 1122
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1122 การทดสอบที่ยากลำบาก
แปลโดย iPAT
ข้อความบนแผ่นหินระบุไว้ ไม่ว่าจะเป็นสมาชิกจากเผ่าหลักหรืออาชญากรที่อยู่ในถ้ำสวรรค์ เมื่อพวกเขาขึ้นไปบนภูเขามรดกอมตะ ทุกคนจะต้องผ่านการทดสอบสุดท้าย
แต่เนื้อหาของการทดสอบสุดท้ายไม่ได้ระบุไว้บนแผ่นหิน พวกเขาต้องถามจิตวิญญาณสวรรค์
จิตวิญญาณสวรรค์ไร้สติแต่มันยังจำคำสั่งของไห่ฟานได้
ดังนั้นฟางหยวนจึงต้องถามมัน
ในไม่ช้าพวกเขาก็ได้ยินเสียงระฆังดังขึ้น
จากนั้นศาลาหินก็เกิดการเปลี่ยนแปลง ข้อความใหม่ปรากฏขึ้น
กลุ่มผู้อมตะอ้าปากค้าง
“มันบอกว่าถ้ำสวรรค์ไห่ฟานคือหนึ่งในมรดกที่แท้จริง ผู้ใดก็ตามที่สามารถรับสืบทอดมรดก เขาจะกลายเป็นเจ้าของถ้ำสวรรค์คนใหม่!”
“แต่การรับสืบทอดมรดกที่แท้จริงต้องผ่านการทดสอบสุดท้าย มันมีอยู่จริงงั้นหรือ?”
“ไม่แปลกใจเลยที่บรรพชนไห่ฟานตั้งกฎว่าหากผู้สืบทอดปรากฏตัว ทุกคนต้องออกมาต้อนรับเขา!”
“บรรพชนช่างคิดการณ์ไกลและวางแผนได้อย่างพิถีพิถัน แม้พวกเราจะเป็นอาชญากร ท่านก็ไม่เคยลืมพวกเรา ท่านยังเป็นห่วงพวกเราที่เป็นบุตรหลาน!”
กลุ่มผู้อมตะพูดคุยและรู้สึกปลื้มปิติต่อไห่ฟานมากขึ้น บางคนแทบไม่สามารถกลั้นน้ำตาเอาไว้
ฟางหยวนมองข้อมูลใหม่และขมวดคิ้วลึก
‘ตราบเท่าที่ข้าผ่านการทดสอบสุดท้าย ข้าจะได้รับมรดกที่แท้จริงของไห่ฟาน แต่มันต้องการให้ข้าได้รับคะแนนเสียงครึ่งหนึ่งของผู้อมตะที่อยู่ในถ้ำสวรรค์! และข้าต้องทำให้สำเร็จภายในเวลาสามปีของที่นี่’
ฟางหยวนลอบส่ายศีรษะอยู่ในใจ
การทดสอบสุดท้ายของไห่ฟานไม่เป็นไปตามความคาดหมายของเขา
เห็นได้ชัดว่าไห่ฟานให้ความสำคัญกับผู้อมตะที่อยู่ที่นี่
ในฐานะคนนอก มันเป็นเรื่องยากมากที่จะได้รับการสนับสนุนจากพวกเขา
แต่ฟางหยวนเข้าใจเจตนาของไห่ฟาน
ไห่ฟานตั้งกฎเหล่านี้เพราะต้องการให้ผู้สืบทอดรับผู้อมตะเหล่านี้กลับสู่เผ่าไห่ ท้ายที่สุดพวกเขาก็มีประโยชน์กับเผ่าไห่
ดังนั้นนี่จึงไม่ใช่เพียงการทดสอบความสามารถของผู้สืบทอดแต่ยังเป็นการทดสอบทักษะทางสังคมและความเป็นผู้นำอีกด้วย
ไห่ฟานใช้มรดกที่แท้จริงเพื่อคัดเลือกผู้นำเผ่าไห่คนต่อไป เขาไม่ได้มองหาเพียงผู้เชี่ยวชาญที่เก่งกาจเท่านั้น
‘ตาแก่ เจ้าตายไปแล้ว เหตุใดต้องวางแผนหลายสิ่งหลายอย่าง ช่างน่ารำคาญนัก!’ ฟางหยวนคิดแต่ภายนอกเขาถอนหายใจกล่าว “บรรพชนไห่ฟานคิดถึงเผ่าไห่ตลอดเวลา ท่านทุ่มเทความพยายามเพื่อเผ่าไห่ ในฐานะบุตรหลาน ข้ารู้สึกซาบซึ้งนัก!”
“ถูกต้อง!” ผู้อมตะที่ได้ยินคำกล่าวของเขาตอบสนอง
เดิมทีผู้อมตะกลุ่มนี้รู้สึกังวลมาก หากฟางหยวนได้รับมรดกที่แท้จริงของไห่ฟาน ในฐานะอาชญากรของเผ่าไห่ พวกเขาไม่รู้ว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้นกับตนเอง แต่ตอนนี้ด้วยการจัดเตรียมของไห่ฟาน พวกเขาจึงรู้สึกมั่นใจในสวัสดิภาพของตนเอง
ฟางหยวนถามต่อ “เช่นนั้น…ข้าจะได้รับการสนับสนุนจากพวกท่านได้อย่างไร?”
ดังคาด คำตอบคือความเงียบ
ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปแล้ว
แรกเริ่มพวกเขาต้องระวังฟางหยวน แต่ตอนนี้ฟางหยวนต้องขอความช่วยเหลือจากพวกเขา นี่ทำให้สถานการณ์เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง
กลุ่มผู้อมตะมองหน้ากันแต่ไม่มีผู้ใดเปิดปากกล่าว
มีเพียงสายตาที่มองฟางหยวนเท่านั้นที่เปลี่ยนแปลงไป
ก่อนหน้านี้พวกเขาแสดงออกอย่างอบอุ่นโดยปกปิดเจตนาร้ายเอาไว้ แต่ตอนนี้สายตาของพวกเขากลายเป็นห่างเหินและเย็นชา
ฟางหยวนไม่ได้เร่งรีบ เขายังยืนอยู่ในตำแหน่งเดิมและรอการตอบสนองจากกลุ่มผู้อมตะ
หลังจากชั่วครู่เฉินไคผู้อมตะที่มีประสบการณ์และอายุมากที่สุดจึงเปิดปากกล่าว “เรื่องในวันนี้ดำเนินไปอย่างรวดเร็ว พวกเรายังไม่ได้เตรียมตัว เห้อ…บางทีข้าอาจแก่เกินไป การคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ทำให้ข้าปวดหัวและไม่สามารถประมวลผลได้อย่างรวดเร็ว นายท่านเดินทางไกลมาที่นี่ เหตุใดไม่ไปพักผ่อนสักเล็กน้อยแล้วค่อยพูดคุยเรื่องนี้ในภายหลัง”
‘จิ้งจอกเฒ่า!’ ฟางหยวนลอบก่นด่าอยู่ในใจ
คำกล่าวของเฉินไคได้รับการตอบรับอย่างดีจากกลุ่มผู้อมตะ
ก่อนหน้าพวกเขาไม่ได้อยู่ฝ่ายเดียวกันแต่ตอนนี้พวกเขากลับร่วมมือกันเพื่อจัดการคนนอกเช่นฟางหยวน
ฟางหยวนคาดเดาการตอบสนองนี้ไว้แล้ว เขาพยักหน้าและกล่าวอย่างไม่เต็มใจนัก “ผู้อาวุโสเฉินไคกล่าวมีเหตุผล”
เฉินไคเชิญอย่างอบอุ่นแต่ฟางหยวนไม่ได้ตอบรับอย่างชัดเจน
เขายิ้ม “ในกรณีนี้ข้าคงต้องรบกวนแล้ว”
ที่พักของเฉินไคเหมือนวังที่ยิ่งใหญ่และหรูหรา
มันตั้งอยู่บนยอดเขาลูกหนึ่ง
เฉินไคและผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาอาศัยอยู่ที่นี่
ไม่เพียงพวกเขาแต่ยังมีผู้ใช้วิญญาณและมนุษย์ธรรมดาอีกจำนวนมาก
“คนเหล่านี้เป็นบุตรหลานของข้าทั้งหมด ฮ่าฮ่า นายท่านโปรดอย่าถือสาพวกเขา คนวัยเช่นข้ามีความสุขกับการดูแลบุตรหลาน” เฉินไคอธิบาย
ฟางหยวนพยักหน้า “นี่แสดงให้เห็นว่าท่านให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์”
เฉินไคมองฟางหยวนด้วยสายตาลึกซึ้ง “ผู้ใดจะไม่ชอบคนที่ให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์และความภักดี ฮ่าฮ่า”
“ฮ่าฮ่าฮ่า” ฟางหยวนหัวเราะเช่นกัน
เมื่อเห็นเฉินไคกับฟางหยวนเข้ากันได้ดี ผู้อมตะอีกสามคนจึงรู้สึกผ่อนคลายลง
ด้วยวิธีนี้ฟางหยวนจึงพักผ่อนอยู่ที่นี่
อย่างไรก็ตามตั้งแต่วันแรก เฉินไคไม่ได้แสดงตัวอีกเลย แต่ฟางหยวนไม่กังวลและรอคอยอยู่อย่างอดทน
สี่วันต่อมา
ในวัง
ฟางหยวนและเฉินเล่อเดินเล่นไปตามเส้นทางที่ทอดยาว
เฉินเล่อเป็นหนึ่งในผู้อมตะหญิงที่งดงาม ในแง่ของสายเลือด นางเป็นหลานสาวสายตรงของเฉินไค
“นายน้อยไห่เจิ้ง ดูดอกบัวดอกนั้น ข้าชอบสีของมัน” เฉินเล่อชี้ไปที่สระบัวและเผยรอยยิ้ม
ทางเดินเส้นนี้ค่อนข้างพิเศษ มันเหมือนสะพานข้ามสระบัวขนาดใหญ่
มีดอกบัวทุกสีลอยอยู่ในสระและสร้างเป็นฉากที่งดงาม
หลายวันมานี้เฉินไคไม่ได้ออกมา มีเพียงเฉินเล่อที่คอยดูแลฟางหยวน
“ข้ารู้สึกมีความสุขนักที่ได้พบคนเช่นเจ้า เล่อเอ๋อ” ฟางหยวนยิ้มขณะยื่นมือออกไปจับมือของเฉินเล่อ
ร่างกายของเฉินเล่อสั่นสะท้านขึ้น นางพยายามดึงมือกลับโดยไม่รู้ตัวแต่มือของฟางหยวนจับมือของนางเอาไว้อย่างแน่นหนา
ใบหน้าของเฉินเล่อกลายเป็นสีแดง แม้นางจะเป็นผู้อมตะแต่ยังค่อนข้างไร้เดียงสา นางพยายามดิ้นรนและพึมพำเบาๆ “นายน้อย ท่าน…”
ฟางหยวนก้าวไปข้างหน้า ร่างกายของเขาแทบสัมผัสกับร่างกายของเฉินเล่อ
เฉินเล่อพยายามก้าวถอยหลังแต่ร่างกายที่ไม่มั่นคงของนางกลับล้มลง
ฟางหยวนคว้าร่างของนางเอาไว้ในอ้อมแขน
“ระวังลื่น” เสียงอันอ่อนโยนดังเข้าหูของเฉินเล่อ เมื่อเฉินเล่อรู้ตัวอีกครั้ง นางก็อยู่ในอ้อมแขนของฟางหยวนเรียบร้อยแล้ว
เฉินเล่อเงยหน้าขึ้นและเห็นรอยยิ้มซุกซนของฟางหยวน
เฉินเล่อรู้สึกอายมาก นางชกหน้าอกของฟางหยวนเบาๆ “นายน้อย ช่างซุกซนนัก ท่านรังแกข้า”
หลังกล่าวจบคำ นางพยายามดิ้นรนออกจากอ้อมกอดของฟางหยวน
ฟางหยวนอ้าปากค้าง เขาก้าวถอยหลังกลับไปและแสดงออกด้วยความเจ็บปวดอย่างรุนแรง
เฉินเล่อเร่งก้าวไปข้างหน้าและถามด้วยความกังวล “นายน้อย ท่านเป็นอย่างไรบ้าง?”
ฟางหยวนสูดหายใจลึก “กล่าวตามตรง ไม่นานมานี้ข้าเข้าร่วมในการต่อสู้ที่รุนแรง ไม่ใช่เรื่องง่ายที่ข้าจะกลายเป็นผู้รับสืบทอดมรดกที่แท้จริงของบรรพชนไห่ฟาน ผู้อมตะหลายคนในเผ่าไม่เต็มใจที่จะเห็นมันเกิดขึ้น”
“นายน้อย ท่านได้รับบาดเจ็บงั้นหรือ? เหตุใดไม่บอกข้า?” เฉินเล่อกระทืบเท้า ความอับอายของนางหายไปแล้ว นางมองไปที่หน้าอกของฟางหยวนและถาม “ท่านยังเจ็บอยู่หรือไม่?”
“มันเป็นอาการบาดเจ็บเล็กๆน้อยๆ ไม่ใช่ปัญหา แต่ด้วยพลังงานแห่งเต๋าที่ค่อนข้างมากของข้า มันทำให้อาการบาดเจ็บฝังลึก” ฟาหงยวนเผยรอยยิ้มก่อนจะเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “อย่างไรก็ตามท่านปู่ของเจ้าหลอมรวมวิญญาณและได้รับบาดเจ็บสาหัส เขาอยู่ในสถานการณ์เดียวกันกับข้าถูกต้องหรือไม่? มิฉะนั้นเหตุใดเขาไม่ออกมาพบข้าในช่วงสองสามวันนี้?”
ความตื่นตระหนกปรากฏขึ้นในดวงตาของเฉินเล่อ นางกลายเป็นพูดตะกุกตะกักขณะพยายามตอบคำถามของฟางหยวนอย่างยากลำบาก
เฉินไคปฏิเสธที่จะออกมาพบฟางหยวนโดยใช้ข้ออ้างว่าได้รับบาดเจ็บจากความล้มเหลวในการหลอมรวมวิญญาณ
แน่นอนว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง
ทั้งสองฝ่ายต่างรู้เหตุผลแต่พวกเขาไม่ได้กล่าวออกมาโดยตรง
ในคืนนั้นผู้อมตะทั้งสี่รวมถึงเฉินไคมารวมตัวกันอย่างลับๆ
เฉินเล่อรายงาน “ท่านปู่ นายน้อยไห่เจิ้งถามข้าเกี่ยวกับอาการบาดเจ็บของท่านในวันนี้”
“โอ้ เขาหมดความอดทนในที่สุด…” เฉินไคยิ้ม
“ครั้งนี้ข้าสามารถกลบเกลื่อนมัน เขาไม่มีข้อสงสัย แต่เมื่อเวลาผ่านไป ข้าเกรงว่า…” เฉินเล่อรู้สึกกังวล
ผู้อมตะอีกสามคนมองหน้ากัน
เฉินเล่อได้รับการปกป้องอย่างดีจากครอบครัวของนาง นางไม่ใช่คนแข็งกระด้างไร้ความรู้สึกและยังไร้เดียงสา นางไม่รู้ว่าฟางหยวนรู้เรื่องนี้อย่างชัดเจน ความจริงที่ว่าเขาถามเกี่ยวกับอาการบาดเจ็บของเฉินไคเป็นการแจ้งเตือนอย่างอ่อนโยนที่สุด
ผู้อมตะเฒ่าเฉินไคครุ่นคิดก่อนจะเปิดปากกล่าว “ดูเหมือนถึงเวลาที่เราต้องคุยกับไห่เจิ้งผู้นี้อย่างจริงจังแล้ว”