Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน - ตอนที่ 1139
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1139 สถานการณ์อันตราย
แปลโดย iPAT
‘มีเวลาไม่มากให้ข้าฝึกฝนท่าไม้ตายกงล้อสายลมแห่งโชค’ ฟางหยวนถอนหายใจ
ในสถานการณ์ปกติ ท่าไม้ตายอมตะกงล้อสายลมแห่งโชคมีโอกาสประสบความสำเร็จแปดสิบถึงเก้าสิบส่วน
แต่ในการต่อสู้จริงสถานการณ์ย่อมแตกต่างออกไป
ตัวอย่างเช่นฟางหยวนต้องใช้ท่าไม้ตายอมตะอาภรณ์โลหิต ท่าไม้ตายอมตะใบหน้าที่คุ้นเคย ท่าไม้ตายอมตะภาพอนาคตสามลมหายใจ และท่าไม้ตายอื่นๆตลอดเวลา สิ่งนี้ต้องใช้พลังจิตมหาศาล
ในสถานการณ์ดังกล่าว การกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะกงล้อสายลมแห่งโชคที่ยังไม่เชี่ยวชาญเพิ่มขึ้น สามารถประสบความสำเร็จสองครั้งก็ถือว่าดีแล้ว
ท่าไม้ตายอมตะส่งผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยม แต่ผู้อมตะต้องใช้พลังจิตสูงมาก ในสนามรบ มันไม่ใช่ว่ายิ่งใช้ท่าไม้ตายอมตะมากเท่าใดก็ยิ่งดีเท่านั้น
หากจิตใจรับภาระหนักเกินไป ผู้อมตะอาจไม่สามารถตอบสนองต่อการโจมตีอย่างกะทันหันของฝ่ายตรงข้ามได้อย่างเหมาะสมหรืออาจตอบสนองได้ไม่ทันเวลา นี่จะนำพวกเขาไปสู่ความพ่ายแพ้หรือความตายและกลายเป็นเรื่องน่าขัน
ในความเป็นจริงมีเรื่องน่าขันเช่นนี้มากมายเกิดขึ้นในประวัติศาสตร์
ตัวอย่างของท่าไม้ตายอมตะที่ทรงพลังแต่ล้มเหลวในการกระตุ้นใช้งานมีอยู่ไม่น้อย
‘เพื่อแก้ปัญหานี้ข้าต้องเพิ่มพลังการต่อสู้ให้มากขึ้นเท่านั้น!’
‘นอกจากการฝึกฝนเพิ่มเติม ข้ายังต้องพัฒนาท่าไม้ตายอมตะเพื่อให้ง่ายต่อการใช้งานมากขึ้น’
ท่าไม้ตายอมตะถูกสร้างขึ้นจากการรวบตัวของวิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วน
การกระตุ้นใช้งานวิญญาณแต่ละดวงต้องใช้ความคิดอย่างน้อยหนึ่งครั้ง การกระตุ้นใช้งานท่าไม้ตายอมตะหนึ่งครั้งจะประสบความสำเร็จเมื่อผู้อมตะใช้ความคิดนับพันหรือนับหมื่นครั้ง!
เส้นทางแห่งปัญญาเป็นเส้นทางที่มีความเชี่ยวชาญในการแก้ปัญหานี้
ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาจะสามารถใช้ท่าไม้ตายที่ซับซ้อนมากกว่าผู้อมตะบนเส้นทางสายอื่น
‘ท่ามกลางมรดกบนเส้นทางแห่งปัญญาที่ข้ามีอยู่ มรดกของตงฟางชางฟานมีความเชี่ยวชาญด้านการอนุมาน มันไม่เหมาะสมกับการควบคุมวิญญาณหรือกระตุ้นการทำงานท่าไม้ตาย แต่ตอนนี้ข้ากลายเป็นปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งปัญญา รากฐานนี้เพียงพอที่จะแก้ไขปัญหาทั้งหมด’
หลังจากฟางหยวนปล่อยสุนัขอินทรีย์บรรพกาลไป เขาก็ตรวจสอบข้อบกพร่องของตนเองระหว่างทางกลับและตัดสินใจว่าเขาจะต้องก้าวเดินบนเส้นทางแห่งปัญญาต่อไป
ฟางหยวนบินลงมาบนพื้นและตบหน้าท้องของตนเอง
ทางเข้ามิติช่องว่างจักรพรรดิเปิดออกเล็กน้อยและสามารถมองเห็นทิวทัศน์บางส่วนที่อยู่ภายใน
ผมที่หกจ้องตาไม่กระพริบ
อย่างไรก็ตามเขามองเห็นเพียงสถานที่รกร้างเท่านั้น
มันคือภาคเหนือน้อย
ผมที่หกถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อเห็นสิ่งนี้
‘ดูเหมือนเขาจะมุ่งเน้นไปที่การเพิ่มพลังการต่อสู้และยังไม่สามารถจัดการมิติช่องว่างได้ดีพอ นี่ไม่ใช่เรื่องแปลก หลังจากทั้งหมดมิติช่องว่างจักรพรรดิจะพบภัยพิบัติพิภพทุกสองเดือน’
ผมที่หกไม่รู้ว่าฟางหยวนได้ปล้นสะดมทรัพยากรของถ้ำสวรรค์ไห่ฟานมาจนหมดสิ้น เขาคิดว่าฟางหยวนยังคงเป็นคนอนาถา เขาไม่รู้ว่าพื้นที่ส่วนอื่นๆของมิติช่องว่างจักรพรรดิเต็มไปด้วยทรัพยากรที่อุดมสมบูรณ์
‘นี่เป็นพลังการต่อสู้ระดับเจ็ด’ ดวงตาของผมที่หกกระตุกเมื่อเขามองไปที่อสูรปีไก่ ‘ฟางหยวนเป็นผู้อมตะระดับหกแต่มีความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับผู้อมตะระดับเจ็ด เรื่องนี้ข้าต้องรายงานท่านอิงอู๋เซี่ย!’
อสูรปีไก่มีความสุขเมื่อฟางหยวนเลี้ยงมันด้วยวิญญาณปีจำนวนมาก
ในที่สุดมันก็กระพือปีกและกระโดกลับไปยังสายธารแห่งกาลเวลา
สำหรับสุนัขอินทรีย์ทั้งหมดที่นอนหมดสติอยู่บนพื้น ฟางหยวนเก็บมันไว้ในมิติช่องว่างจักรพรรดิ
“ภารกิจนี้ควรถูกพิจารณาว่าประสบความสำเร็จถูกต้องหรือไม่?” ฟางหยวนเผยรอยยิ้มบางและถามกลุ่มผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขน
กลุ่มผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนพยักหน้าและแสดงออกด้วยความเต็มใจ
นี่คือข้อเท็จจริง
โดยปราศจากฟางหยวน ชีวิตของพวกเขาจะตกอยู่ในอันตราย
ผมที่สิบสองอ้าปากราวกับต้องการกล่าวบางสิ่ง แต่แม้เขาจะขยับปากหลายครั้ง เขาก็ไม่สามารถกล่าวสิ่งใดออกมา
เขานึกถึงการแสดงออกก่อนหน้าของตนเองและรู้สึกละลายใจ
ผมที่หกสังเกตการแสดงออกของคนอื่นๆและเผยรอยยิ้มชั่วร้าย “ผู้อาวุโสฟางหยวนยอดเยี่ยมจริงๆ ท่านสามารถเอาชนะฝูงสุนัขอินทรีย์ได้ด้วยตนเอง หากพวกเราไม่ได้เห็นกับตา ผู้ใดจะเชื่อ หากท่านเคลื่อนไหวเร็วกว่านี้ สุนัขดาวตกเพลิงหรือไม่ว่าจะเป็นสิ่งใดก็คงไม่ใช่เรื่องยากถูกต้องหรือไม่?”
ได้ยินเรื่องนี้ การแสดงออกของกลุ่มผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนเปลี่ยนไปเล็กน้อย พวกเราเกิดความรู้สึกที่ซับซ้อน
“ข้ามีปัญหาของตนเอง ข้าไม่สามารถอธิบายให้เจ้าฟัง ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งรู้เรื่องนี้ดี” ฟางหยวนหัวเราะเบาๆ จากนั้นเขาก็กวาดตามองทุกคนก่อนจะหยุดสายตาที่ผมที่สิบสอง “เอาล่ะ จบเรื่องแล้ว เรากลับกันเถอะ”
ด้วยค่ายกลวิญญาณขนส่ง พวกเขาสามารถกลับแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาได้อย่างรวดเร็ว
หลังจากได้รับรายงาน ท่าทีของจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาก็ผ่อนคลายลง
เขาไม่ตกใจกับความแข็งแกร่งของฟางหยวน
เพราะเขารู้ว่าฟางหยวนเคยครอบครองวิญญาณกาลเวลาและเป็นผู้กลับชาติมาเกิด ผู้อมตะระดับหกที่มีพลังการต่อสู้เทียบเท่ากับผู้อมตะระดับเจ็ดหาได้ยาก แต่สำหรับฟางหยวน มันสามารถทำความเข้าใจ
หลังจากปรับปรุงความสัมพันธ์กับจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาและได้รับแต้มผลงาน ฟางหยวนสามารถยืมวิญญาณสำหรับท่าไม้ตายอมตะมิติภัยพิบัติได้อย่างราบรื่น
วันต่อมาฟางหยวนฝึกฝนอยู่อย่างสงบ
เขาบ่มเพาะจิตวิญญาณเป็นหลักโดยใช้ภูเขาตงฮันและหุบเขาเหล่าโป เขาลอบฝึกฝนท่าไม้ตายใหม่อย่างลับๆ เขายังใช้เวลาว่างดูแลสุนัขดาวตกเพลิงที่เพิ่งได้รับมารวมถึงฝูงสุนัขอินทรีย์
สัตว์อสูรเหล่านี้จำเป็นต้องปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่
ไม่ว่าพวกมันจะอยู่ที่ใด พวกมันก็ยังต้องใช้ชีวิตต่อไป
นี่เป็นสัญชาตญาณของสิ่งมีชีวิต
สำหรับทรัพยากรจำนวนนับไม่ถ้วนที่เคลื่อนย้ายมาจากถ้ำสวรรค์ไห่ฟาน ฟาหงยวนวางทรัพยากรส่วนใหญ่ไว้ที่ภาคใต้น้อย
เหตุผลเป็นเพราะภาคใต้น้อยมีสภาพแวดล้อมคล้ายกับถ้ำสวรรค์ไห่ฟานมากที่สุด
อย่างไรก็ตามร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าในมิติช่องว่างของฟางหยวนยังไม่สามารถเปรียบเทียบกับถ้ำสวรรค์ไห่ฟาน ดังนั้นทรัพยากรจำนวนมากจึงลดผลิตลงขณะที่บางส่วนกำลังจะตาย
ด้วยเหตุนี้ฟางหยวนจึงต้องกำจัดพวกมันโดยการขายออกไปอย่างรวดเร็วที่สุด
นอกเหนือจากการทำธุรกรรมกับจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา เขายังติดต่อสวรรค์สีเหลือง
ในช่วงเวลาสั้นๆฟางหยวนได้รับหินวิญญาณอมตะจำนวนมาก หลังจากเปลี่ยนบางส่วนให้เป็นองุ่นเขียวอมตะ ฟางหยวนจึงสามารถผ่อนคลาย
‘องุ่นเขียวอมตะของข้ามีมากพอแล้ว ข้าไม่ต้องกังวลแม้ข้าจะกระตุ้นใช้งานท่าไม้ตายคลื่นดาบสามชั้นนับร้อยครั้ง!’
ฟางหยวนไม่เคยมีองุ่นเขียวอมตะในการครอบครองมากมายเช่นนี้มาก่อน
สิ่งนี้ทำให้เขามั่นใจมากขึ้นในการเผชิญหน้ากับภัยพิบัติพิภพครั้งที่สี่
เวลาผ่านไป ในที่สุดก็ถึงเวลาของภัยพิบัติพิภพครั้งที่สี่
เขาออกจากแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาและไปที่แดนน้ำแข็งของภาคเหนือ
หลังจากเลือกสถานที่ เขาวางมิติช่องว่างลงและดูดซับปราณสวรรค์พิภพ
ครั้งนี้ระยะเวลาของการดูดซับปราณสวรรค์พิภพนานกว่าเดิมหลายสิบเท่า!
เหตุผลก็คือทรัพยากรที่อยู่ในมิติช่องว่างของฟางหยวนเพิ่มขึ้นหลายร้อยเท่าและต้องการใช้ปราณสวรรค์พิภพเป็นปริมาณมาก
ฟางหยวนกระตุ้นใช้งานท่าไม้ตายอมตะมิติภัยพิบัติได้อย่างราบรื่น
ทุกอย่างดำเนินไปโดยปราศจากปัญหา
หลังจากเสร็จสิ้นการเตรียมการ ฟางหยวนก็เฝ้ารอการมาถึงของภัยพิบัติพิภพครั้งที่สี่
เขายังอยู่ที่ภาคเหนือน้อย
เกล็ดน้ำแข็งค่อยๆร่วงหล่นลงมา
“นี่คือ…ภัยพิบัติฝนเกล็ดน้ำเกลือ?”
ฟางหยวนตกตะลึง
เขาประหลาดใจเล็กน้อย
ภัยพิบัตินี้ไม่รุนแรงและเป็นภัยพิบัติที่สามารถก้าวข้ามได้อย่างง่ายดาย
ฝนเกล็ดน้ำเกลือร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้าอย่างช้าๆ กระบวนการทั้งหมดเงียบสงบและปราศจากลม
เกล็ดน้ำแข็งละลายกลายเป็นของเหลวอยู่บนพื้น
หญ้าและดอกไม้ป่าจมอยู่ใต้น้ำเกลือและเหี่ยวแห้งลงก่อนจะล้มตายไปอย่างรวดเร็ว
“มันพยายามทำลายระบบนิเวศของภาคเหนือน้อยงั้นหรือ?” ฟางหยวนรู้สึกงุนงงเล็กน้อย เขาไม่ได้เคลื่อนไหวและมองดูอยู่ด้านข้างเท่านั้น
แม้จะเกิดความสูญเสียบ้างแต่ทรัพยากรส่วนใหญ่ของเขาอยู่ที่ภาคใต้น้อย
ภาคเหนือน้อยเป็นสถานที่ที่ฟางหยวนใช้เผชิญหน้ากับภัยพิบัติ เขาสามารถแบกรับความสูญเสียเหล่านี้ได้อย่างสมบูรณ์
หลังจากนั้นไม่นานมนุษย์หิมะก็ปรากฏตัวขึ้นจากทะเลน้ำเกลือ
สิ่งนี้เกิดจากความหมายที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่ง
ตราบเท่าที่ฟางหยวนสามารถสังหารมนุษย์หิมะเหล่านี้ เขาจะได้รับความหมายที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่งและสามารถยกระดับความสำเร็จบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงและเส้นทางความแข็งแกร่งขึ้นได้อย่างรวดเร็ว
ครั้งนี้ไม่เหมือนก่อนหน้าที่ฟางหยวนร่วมมือกับชูตู๋ ครั้งนี้เขาต้องกำจัดพวกมันด้วยตนเอง
ฟางหยวนเคลื่อนไหวทันที
แต่มนุษย์หิมะที่พึ่งปรากฏตัวขึ้นกลับเริ่มหลอมละลายลงด้วยอิทธิพลของน้ำเกลือ เจตจำนงสวรรค์เผยความตั้งใจของมันออกมาในเวลานี้
มันต้องการลดผลประโยชน์ของฟางหยวนให้ได้มากที่สุด!
ฟางหยวนตระหนักถึงเรื่องนี้และรีบพุ่งเข้าโจมตีมนุษย์หิมะ
ภูตมนุษย์บนเส้นทางความแข็งแกร่งจำนวนมากถูกเรียกออกมา
สิ่งมีชีวิตใดๆก็ตามที่สามารถสังหารมนุษย์หิมะจะได้รับความหมายที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่ง
หลังจากทำลายมนุษย์หิมะ ความหมายที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่งไหลเข้าสู่จิตใจของฟางหยวนราวกับน้ำป่าไหลเชี่ยว
สำหรับฝนน้ำเกลือ มันไม่ใช่สิ่งที่ฟางหยวนจะสามารถกำจัดออกไปได้โดยตรง
ภัยพิบัติพิภพครั้งนี้ดำเนินไปอย่างยาวนาน แม้จะรวมเวลาทั้งหมดของภัยพิบัติพิภพสามครั้งก่อนหน้า มันก็ยังไม่ถึงหนึ่งในสิบส่วนของภับพิบัติพิภพครั้งนี้
สามวันต่อมา ระดับน้ำเกลือเริ่มลดลงเล็กน้อย
“นี่คือการแข่งขันความอดทนงั้นหรือ?” ฟางหยวนขมวดคิ้ว
หลายวันผ่านไปในที่สุดฝนน้ำเกลือก็หยุดลง
ฟางหยวนมองน้ำเกลือที่อยู่บนพื้นและรู้สึกสงสัย
ตามตรรกะ ภัยพิบัติพิภพครั้งที่สี่ควรจะรุนแรงกว่าครั้งก่อนหน้า แต่ในความเป็นจริงมันกลับไม่รุนแรงนัก ตั้งแต่ต้นจนจบฟางหยวนไม่รู้สึกถึงภัยคุกคามใดๆ
เขาสามารถทำลายมนุษย์หิมะเกือบทั้งหมดและได้รับผลประโยชน์มากมาย
ราวกับสวรรค์ต้องการปล่อยเขาไป
“ก่อนหน้านี้ข้าใช้ท่าไม้ตายบนเส้นทางแห่งกาลเวลาที่ไท่ชิว มันเป็นการทดสอบความสามารถของเจตจำนงสวรรค์ แต่ผลลัพธ์ของมันคือภัยพิบัติฝนเกล็ดน้ำเกลือ”
“ไม่ว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้นตอนนี้ภัยพิบัติพิภพครั้งที่สี่ของข้าก็จบลงแล้ว”
“ข้าจะเก็บกวาดน้ำเกลือเหล่านี้ในภายหลังและใช้เจตจำนงของตนเองชำระล้างพวกมัน”
ภัยพิบัติพิภพครั้งนี้กลายเป็นเรื่องง่ายดายอย่างไม่คาดคิด ฟางหยวนไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย
ฟางหยวนเก็บมิติช่องว่างจักรพรรดิเข้าไปและเตรียมตัวกลับแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา
แต่ในขณะนี้!
สถานการณ์กลับเปลี่ยนแปลงไปอย่างกะทันหัน ฟางหยวนก้าวเข้าสู่ท่าไม้ตายเขตแดนปริศนาโดยไม่คาดคิด
ผู้อมตะเก้าคนปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับสัตว์อสูรร่างมังกรที่มองฟางหยวนด้วยความเป็นปฎิปักษ์
สัตว์อสูรแรกกำเนิด!
หัวใจของฟางหยวนจมดิ่งลงทันที นี่ทำให้เขาเข้าใจทุกสิ่ง ‘ภัยพิบัติมนุษย์! เจตจำนงสวรรค์ตั้งใจถ่วงเวลาเพื่อให้ข้าพบกับสถานการณ์นี้!’
ฟางหยวนตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย