Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน - ตอนที่ 1160
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1160 สัมผัสแห่งโชคล้มเหลว
แปลโดย IPAT
สรุปได้ว่ามิติช่องว่างของฟางหยวนพัฒนาไปมากแล้วแต่ยังสามารถพัฒนาได้อีก
มิติช่องว่างจักรพรรดิมีศักยภาพที่ยิ่งใหญ่ กระทั่งถ้ำสวรรค์ไห่ฟานก็ยังไม่สามารถเปรียบเทียบ
จนถึงตอนนี้อาจกล่าวได้ว่ามันยังพัฒนาได้ไม่ถึงสองในร้อยส่วน
“หากข้าไม่ได้เป็นพยานในเรื่องนี้ด้วยตนเอง ข้าจะเชื่อว่ามีมิติช่องว่างเช่นนี้อยู่ได้อย่างไร”
“เทพปีศาจจิตวิญญาณ นิกายเงา และกองกำลังพันธมิตรผีดิบวางแผนมานานนับแสนปีเพื่อให้ได้รับสิ่งนี้ เมื่อข้าฉกชิงมันมา ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นย่อมไม่สามารถตกลงได้โดยง่าย”
“เห้อ…น่าเสียดาย แม้ข้าจะพบอิงอู๋เซี่ยในการเดินทางครั้งนี้แต่ข้าไม่สามารถทำลายรากฐานของพวกเขา”
ฟางหยวนถอนหายใจ
ในห้องลับ ฟางหยวนนั่งอยู่อย่างเงียบๆ หลังจากปรับลมหายใจ เขากระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะ
สัมผัสแห่งโชค!
หากฟางหยวนมีวิญญาณอมตะตรวจสอบโชค เขาจะเห็นโชคที่อยู่เหนือศีรษะของเขาเกิดการสั่นสะเทือนขึ้น
ฟางหยวนรู้สึกถึงจุดที่คลุมเครือปรากฏขึ้นในใจทีละจุด
…..
ทะเลทรายตะวันตก
ความร้อนแรงของดวงอาทิตย์ทำให้ไอน้ำลอยขึ้นจากพื้นทราย
การดิ้นรนเพื่อหลบหนีจากความตายเกิดขึ้นที่นี่
“หัวขโมย เจ้ากล้าฉกชิงวิญญาณของพวกเราจริงๆ”
“อย่าให้ข้าจับเจ้าได้ ข้าจะฉีกร่างของเจ้าออกเป็นชิ้นๆ!”
“ยอมจำนนและมอบวิญญาณทองคำขัดเงาของพวกเราคืนมา! บางทีพวกเราอาจไว้ชีวิตเจ้า!”
ผู้ใช้วิญญาณกลุ่มใหญ่กำลังไล่ล่าฮันหลี่
ฮันหลี่โชคดีมาก หลังจากเชื่อมต่อโชคกับฟางหยวน โชคของเขายิ่งดีขึ้นไปอีก
เขาสามารถบ่มเพาะและบรรลุถึงระดับสามในเวลานี้
ผู้อาวุโส!
ในกองกำลังของผู้ใช้วิญญาณ ระดับสามถือเป็นผู้อาวุโสและเป็นตัวตนชั้นสูง
อย่างไรก็ตามในสถานการณ์ปัจจุบันเขาถูกไล่ล่าโดยผู้ใช้วิญญาณระดับสามจำนวนสามคนและผู้ใช้วิญญาณระดับสองและหนึ่งอีกจำนวนหนึ่ง
ฮันหลี่ทำได้เพียงวิ่งหนี
พลังวิญญาณของเขาลดลงอย่างรวดเร็ว ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลเลือดไหล
ทุกครั้งที่หายใจ ฮันหลี่จะรู้สึกแสบร้อนราวกับถูกไฟแผดเผา
แต่ความเจ็บปวดดังกล่าวไม่ได้ทำให้เขาหยุดวิ่ง
เขาถือวิญญาณทองคำขัดเงาเอาไว้ในมือ
‘พรสวรรค์ของข้าไม่ดีพอ ที่ผ่านมามันเป็นเพราะโชคและความบังเอิญ แต่ในระยะยาวมันไม่สามารถเชื่อถือ’
‘วิญญาณทองคำขัดเงาสามารถยกระดับพรสวรรค์ มันจะทำให้อนาคตของข้าสดใส!’
‘ข้าต้องเดิมพันด้วยชีวิตเพื่อให้ได้รับโอกาส!’
ฮันหลี่หอบหายใจอย่างหนักหน่วงแต่ขาของเขายังเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว
ดวงตาของเขาลุกไหม้ไปด้วยเปลวไฟ
…..
ภาคใต้
น้ำไหลลงจากภูเขา
เย่ฟานตะโกนเสียงดังขณะที่ร่างกายของเขาขยายใหญ่ขึ้นสองเท่า
แสงหลากสีส่องประกายออกมาจากมัดกล้ามเนื้อและดวงตาของเขาทำให้เขาดูยิ่งใหญ่และงามสง่า
ภายใต้สายตาที่ตกตะลึงของคู่ต่อสู้ เขาส่งหมัดที่ทรงพลังออกไป
“บึม!”
เย่ฟานก้าวไปข้างหน้า ทุกที่ที่เขาเคลื่อนผ่าน หินใต้เท้าของเขาจะแตกเป็นเสี่ยงๆ ศัตรูของเขาถูกบังคับให้ถอยหลังและไม่มีโอกาสตอบโต้
“พรวด! ฮืม…เย่ฟานแห่งตระกูลเฉิง เจ้าแข็งแกร่งสมคำเล่าลือ ครั้งนี้พวกเราสิบแปดพี่น้องแห่งหมู่บ้านสุรายอมรับความพ่ายแพ้!” ผู้นำฝ่ายตรงข้ามกระอักเลือดอยู่บนพื้น แม้เขาจะต้องการลุกขึ้นแต่เขาก็ไม่สามารถทำได้
ผู้ใช้วิญญาณอีกสิบเจ็ดคนนอนอยู่บนพื้นเช่นกัน บางคนหมดสติ บางคนส่งเสียงฮึดฮัดด้วยความไม่พอใจแต่พวกเขาก็ไม่สามารถต่อสู้ได้อีก
เย่ฟานค่อยๆปรับลมหายใจขณะที่ร่างกายของเขาหดเล็กลง
เขามองคู่ต่อสู้และกล่าวอย่างใจเย็น “ตามกฎ สิบแปดพี่น้องแห่งหมู่บ้านสุราจะไม่สามารถก้าวขึ้นมาบนภูเขาลูกนี้ได้อีก สถานที่แห่งนี้เป็นของตระกูลเฉิงแล้ว”
“ฮืม อย่ากังวล พวกเราอาจเป็นผู้บ่มเพาะสันโดษ แต่พวกเราก็รักษาคำพูด!” ผู้นำกลุ่มตอบกลับอย่างหนักแน่น
เย่ฟานพยักหน้าก่อนจะส่งแสงสีเขียวหยกพุ่งไปยังสิบแปดพี่น้องแห่งหมู่บ้านสุรา
แรกเริ่มพวกเขารู้สึกวิตกกังวลแต่หลังจากไม่นานพวกเขากลับพบว่าอาการบาดเจ็บของตนเองฟื้นฟูขึ้นอย่างรวดเร็ว
ในไม่ช้าสิบแปดพี่น้องแห่งหมู่บ้านสุราก็สามารถลุกขึ้นและเคลื่อนไหวได้อีกครั้ง
สิบแปดพี่น้องแห่งหมู่บ้านสุรามองเย่ฟานด้วยการแสดงออกที่ผ่อนคลายลง
ตั้งแต่เย่ฟานได้รับมรดกจากผู้อมตะตระกูลเฉิง ทั้งระดับการบ่มเพาะและพลังการต่อสู้ของเขาพุ่งสูงขึ้นมาก
หลังจากเฉิงซินซื่อกลายเป็นผู้นำตระกูลเฉิง นางต้องรับมือกับปัญหามากมายทั้งภายในและภายนอก มันเป็นเย่ฟานที่ยืนขึ้นและช่วยแก้ปัญหาต่างๆให้นาง ตอนนี้เย่ฟานออกมาท้าทายสิบแปดพี่น้องแห่งหมู่บ้านสุราเพื่อช่วยเปิดเส้นทางการค้าให้กับตระกูลเฉิงและลดแรงกดกันทางการเมืองภายในให้กับเฉิงซินซื่อ
ผู้นำกลุ่มสิบแปดพี่น้องป้องหมัดขึ้น “เย่ฟาน เจ้าแข็งแกร่งมาก ครั้งนี้เจ้าปล่อยพวกเราไป พวกเราจะไม่ลืมความเมตตานี้ แต่หากเจ้าต้องการเปิดเส้นทางการค้า พวกเรายังเป็นเพียงอุปสรรคแรก ยังมีอีกสองอุปสรรครอเจ้าอยู่ด้านหน้า”
“ข้าเข้าใจ ผู้ใช้วิญญาณหลังจากนี้แข็งแกร่งกว่าพวกเจ้าทุกคนรวมกัน” เย่ฟานพยักหน้า
ตระกูลเฉิงเป็นกองกำลังใหญ่ แน่นอนว่าเย่ฟานย่อมมีข้อมูลเหล่านี้
แต่คำกล่าวต่อไปของผู้นำกลุ่มสิบแปดพี่น้องกลับทำให้การแสดงออกของเย่ฟานเปลี่ยนไป “เย่ฟาน เจ้าต้องระวังตัว อุปสรรคข้างหน้าเปลี่ยนไปไม่นานนี้ ปีศาจขาวปรากฏตัวขึ้นและเอาชนะผู้บ่มเพาะสันโดษเหล่านั้น หากเจ้ามาที่นี่ช้ากว่านี้ พวกเราคงต้องยอมจำนนต่อปีศาจขาวเช่นกัน”
“ปีศาจขาว เจ้าหมายถึงปีศาจดำและปีศาจขาวงั้นหรือ?” ดวงตาของเย่ฟานส่องประกายขึ้น
ผู้นำกลุ่มสิบแปดพี่น้องพยักหน้า “หากไม่ใช่ปีศาจขาวที่มีชื่อเสียง เหตุใดผู้บ่มเพาะสันโดษเหล่านั้นจึงพ่ายแพ้? นางแข็งแกร่งมาก เจ้าต้องคิดให้รอบคอบหากต้องการต่อสู้กับนาง”
ภาพของเฉิงซินซื่อปรากฏขึ้นในความคิดของเย่ฟานก่อนที่ภาพของไห่ถูจะติดตามมา
“ไม่!” ร่างของเย่ฟานสั่นสะท้านขึ้น เขาตะโกนเสียงดัง “ข้าจะไป!”
…..
ภาคกลาง
ในถ้ำไร้นาม
“อย่าเข้ามา…อย่าเข้ามา!” เสื้อผ้าของหงอี้ฉีกขาดและเผยให้เห็นหน้าอกที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อ
ผู้ใช้วิญญาณหญิงร่างอ้วนหัวเราะเบาๆขณะที่นางเดินเข้าไปหาหงอี้ “ที่รัก อย่าหลบหนีอีกเลย ยอมรับชะตากรรมและมาเป็นของข้า ฮ่าฮ่าฮ่า”
หลังกล่าวจบคำเสื้อผ้าของหงอี้ก็ถูกปลดเปลื้องออกทั้งหมด
ผู้ใช้วิญญาณหญิงกระโดดเข้าไปและกดทับร่างกายของเขาเอาไว้
“ไม่!” หงอี้กรีดร้องด้วยความหวาดกลัว
ในช่วงเวลาวิกฤต เขาสามารถปลดปล่อยศักยภาพออกมาได้เป็นสองเท่า เขาทำลายผนึกที่อยู่บนร่างกายของตนและผลักผู้ใช้วิญญาณหญิงออกไป
“เป็นไปไม่ได้! เจ้าทำลายตราประทับทาสของข้าได้อย่างไร?” ผู้ใช้วิญญาณหญิงทั้งโกรธและตกใจ
“นั่นเป็นเพราะข้าอยู่ที่นี่” ผู้ใช้วิญญาณเผ่ามนุษย์จิ๋วปรากฏตัวขึ้นบนไหล่ของหงอี้
“ในที่สุดเจ้าก็ออกมา!” หงอี้แทบหลั่งน้ำตา
“เราได้ของแล้ว ไปกันเถอะ!” มนุษย์จิ๋วกระซิบ
การแสดงออกของผู้ใช้วิญญาณหญิงเปลี่ยนไป นางรู้สึกถึงบางสิ่งที่ผิดปกติ “อา…เป็นเช่นนี้! พวกเจ้ามาที่นี่เพื่อขโมยน้ำทิพย์แห่งความสุขสมของข้า!”
หงอี้ เย่ฟาน ฮันหลี่…
แม้ฟางหยวนจะมองไม่เห็นสถานการณ์ของพวกเขา แต่เขาก็สัมผัสได้ถึงสถานที่ที่พวกเขาอยู่
เนื่องจากการเชื่อมต่อของโชค มันทำให้ความสามารถในการตรวจจับของท่าไม้ตายอมตะสัมผัสแห่งโชคมีประสิทธิภาพมากขึ้นและสามารถตรวจสอบข้ามภูมิภาค
อย่างไรก็ตามฟางหยวนกลับไม่พบการคงอยู่ของไห่ลั่วหลันและอิงอู๋เซี่ย
จากสิ่งนี้ฟางหยวนสรุปว่าอิงอู๋เซี่ยมีวิธีซ่อนการเชื่อมต่อของโชคระหว่างพวกเขา
‘แม้อิงอู๋เซี่ยจะมีวิธีการบางอย่างแต่เขายังต้องพบปัญหามากมายในอนาคต’
ไม่มีวิญญาณอมตะที่แข็งแกร่งที่สุด มีเพียงผู้อมตะที่แข็งแกร่งที่สุด
ผู้อมตะคือจุดสำคัญที่สุด
ในความคิดเห็นของฟางหยวน อิงอู๋เซี่ยเติบโตขึ้นมาก สติปัญญาของอิงอู๋เซี่ยน่ากลัวกว่าวิญญาณอมตะที่เขาครอบครอง
‘อีกฝ่ายสามารถต่อต้านท่าไม้ตายอมตะสัมผัสแห่งโชค ในอนาคตข้าไม่จำเป็นต้องใช้ท่าไม้ตายนี้บ่อยนัก’
ท้ายที่สุดแล้วมันก็เป็นท่าไม้ตายอมตะที่ต้องจ่ายด้วยพลังงานอมตะ
หากกระตุ้นใช้งานบ่อยๆ กระทั่งฟางหยวนก็อาจไม่สามารถแบกรับค่าใช้จ่าย
การเดินทางไปยังทะเลตะวันออกของฟางหยวนในครั้งนี้ถือว่าค่อนข้างประสบความสำเร็จ แต่องุ่นเขียวอมตะในคลังของเขาก็ลดลงเช่นกัน
จากมุมมองของฟางหยวน สถานการณ์ที่ดีที่สุดคือเขาสามารถตรวจสอบตำแหน่งที่อยู่ของอิงอู๋เซี่ยและกดดันฝ่ายตรงข้ามหรือกระทั้งสังหาร
แต่สถานการณ์ปัจจุบันไม่เป็นไปตามความต้องการของเขา
ฟางหยวนคิดและเลือกทางเลือกที่ดีที่สุดในเวลานี้ นั่นคือให้ความสำคัญกับการเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตนเอง
แต่ลึกๆเขารู้สึกว่า ‘มรดกของไห่ฟานมีเพียงหนึ่งเดียวขณะที่กองกำลังของนิกายเงายังเหลืออยู่ในห้าภูมิภาค ครั้งต่อไปที่ข้าพบอิงอู๋เซี่ย เขาอาจเหนือกว่าข้าไปแล้ว’
นิกายเงาไม่ขาดแคลนทรัพยากรและกำลังคน
ตอนนี้ฟางหยวนทำได้ดีที่สุดเพียงพัฒนาตนเองและหวังว่าครั้งต่อไปที่พบศัตรู เขาจะไม่ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง
ฟางหยวนนำวิญญาณอมตะสัมผัสแห่งเต๋าออกมา
วิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้แข็งแรงขึ้นแล้วหลังจากได้รับความช่วยเหลือจากฟางหยวน
ฟางหยวนสูดหายใจลึกก่อนจะกระตุ้นใช้งานมัน