Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน - ตอนที่ 632
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 632 สุขและทุกข์
แปลโดย iPAT
ไห่ลั่วหลันรู้สึกเจ็บปวดอยู่ในหัวใจ
เขามีความแข็งแกร่งที่น่าประทับใจด้วยท่าไม้ตายระยะไกลบนเส้นทางความแข็งแกร่ง แต่มันยังไม่เพียงพอที่จะปกปิดจุดอ่อนด้านการเคลื่อนไหวของเขา
ไห่ลั่วหลันบ่มเพาะอยู่บนเส้นทางความแข็งแกร่งกับความมืดที่ไม่มีความโดดเด่นด้านการเคลื่อนไหว
แต่ในสถานการณ์ปัจจุบันมีเพียงปรมาจารย์ด้านการบินเท่านั้นที่สามารถอยู่รอด จุดอ่อนของไห่ลั่วหลันถูกเปิดเผยภายใต้การไล่ล่าของมือปีศาจปล้นวิญญาณ
มือปีศาจปล้นวิญญาณขโมยวิญญาณของไห่ลั่วหลันซ้ำแล้วซ้ำอีก
เขาทำลายมือปีศาจปล้นวิญญาณมากมายและไล่ล่าพวกมัน แต่ในเวลาเดียวกันมือปีศาจปล้นวิญญาณอีกนับไม่ถ้วนก็ปรากฎขึ้นและคว้าวิญญาณของเขาไปอีกครั้ง
ตอนนี้ไห่ลั่วหลันไม่ต่างจากหมีที่กำลังคลุ้งคลั่ง การแสดงออกของเขาเต็มไปด้วยความโกรธและดุร้าย
เขารู้ว่าฟางหยวนมีความได้เปรียบในสถานการณ์นี้ แต่เขาไม่สามารถยอมแพ้ เหตุผลก็คือวิญญาณที่อยู่ในมือของฟางหยวนเป็นวิญญาณหลักที่สำคัญมากสำหรับเขา
วิญญาณหลักมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับชีวิตของผู้ใช้วิญญาณ หากวิญญาณหลักถูกทำลาย ผู้ใช้วิญญาณจะได้รับผลกระทบที่ร้ายแรง เมื่อวิญญาณดวงนี้อยู่ในกำมือของฟางหยวน มันก็เหมือนกับเขากุมจุดอ่อนของไห่ลั่วหลันเอาไว้
หากกล่าวถึงวิญญาณหลักดวงนี้ มันถูกขโมยไปโดยมือปีศาจปล้นวิญญาณถึงหกครั้งก่อนจะตกอยู่ในมือของฟางหยวน
วิญญาณหลักอยู่กับศัตรู นี่เป็นสถานการณ์อันตรายสำหรับไห่ลั่วหลันอย่างแท้จริง
ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายเย็นเยียบ
เขาไม่รู้ว่าวิญญาณระดับห้าที่อยู่ในมือเป็นวิญญาณหลักของไห่ลั่วหลัน แต่เขาสามารถบอกความสำคัญของมันได้จากการแสดงออกของชายร่างอ้วน
“ฮืม ต้องการวิญญาณดวงนี้งั้นหรือ? ฝันไปเถอะ” ฟางหยวนกระพือปีกบนแผ่นหลังและทะยานร่างห่างออกไปในพริบตา
ไห่ลั่วหลันพยายามไล่ล่าฟางหยวนอย่างไม่ลดละ ระหว่างกระบวนการนี้ความเกลียดชังของพวกเขาพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ
แต่นี่ไม่ใช่เวลาที่จะสังหารไห่ลั่วหลัน
มือปีศาจปล้นวิญญาณมีมากเกินไป เพียงการหลบหลีกก็ยากลำบากมากพอแล้ว หากฟางหยวนต้องต่อสู้กับไห่ลั่วหลัน เขาจะต้องจ่ายค่าตอบแทนแม้จะประสบความสำเร็จในการสังหารคนผู้นี้ก็ตาม
ยิ่งไปกว่านั้นไห่ลั่วหลันผู้นี้ยังครอบครองสุดยอดกายาเทพยุทธ์ที่แท้จริง หากเขาถูกบังคับให้เข้าสู่ทางตัน เขาอาจระเบิดตัวเองและทำให้ฟางหยวนประสบกับเคราะห์ร้าย
“มาดูกันว่าเจ้าจะตามข้าได้นานเท่าใด?” ฟางหยวนเย้ยหยันและพยายามปรับแต่งวิญญาณที่อยู่ในมือ
ในไม่ช้าฟางหยวนก็สามารถสลัดไห่ลั่วหลั่นทิ้งไว้ข้างหลัง ขณะเดียวกันเขาก็เพ่งจิตเข้าไปในมิติช่องว่างของตน ตั้งแต่ฟางหยวนออกมาจากมิติช่องว่างของไท่เป่ยหยุนเฉิง เขาดูดกลืนพลังงานสวรรค์พิภพเข้าไปอย่างต่อเนื่อง
โลกใบเล็กของเขาเติบโตขึ้นโดยมีท้องฟ้าสีส้มและภูเขาสีขาว ทัศนียภาพของแดนศักดิ์สิทธิ์มีความสัมพันธ์กับเส้นทางการบ่มเพาะของผู้ใช้วิญญาณ มันเกิดจากสิ่งที่พวกเขาสะสมมาตลอด
นี่เป็นครั้งแรกที่ฟางหยวนกลายเป็นผู้อมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่ง เขามีความเข้าใจมิติช่องว่างของตนเพียงผิวเผินเท่านั้น หากเขาต้องการทำความเข้าใจมันอย่างลึกซึ้ง เขาต้องศึกษาวิจัยมันในอนาคต
‘ตอนนี้การไหลของเวลามีอัตราส่วนหนึ่งต่อสิบสองของโลกภายนอก หนึ่งวันของโลกภายนอกเท่ากับสิบสองวันของแดนศักดิ์สิทธิ์…’ ฟางหยวนประเมิน
จนถึงเวลานี้เขาดูดซับพลังงานสวรรค์พิภพที่อยู่ในมิติเก็บสมบัติจนเกือบหมดสิ้นแล้ว
กระบวนการสุดท้ายก็คือรอให้มิติช่องว่างก่อตัวขึ้นอย่างสมบูรณ์แบบ เมื่อเขากลายเป็นผู้อมตะ พลังการต่อสู้ของเขาจะเพิ่มสูงขึ้นอีกมาก
“ข้าจะฝากวิญญาณของข้าไว้กับเจ้าชั่วคราว แล้วข้าจะกลับมารับคืนภายหลัง!” ไห่ลั่วหลันกรีดร้องเมื่อไม่สามารถติดตามฟางหยวน
เขาถูกกีดขวางโดยมือปีศาจปล้นวิญญาณและถูกฉกชิงวิญญาณไปอย่างต่อเนื่อง เรื่องนี้ส่งผลกระทบต่อการไล่ล่าฟางหยวนเป็นอย่างมาก
ไห่ลั่วหลันรู้สึกสิ้นหวัง หากเขายังไล่ล่าต่อไปและทำให้ฟางหยวนตระหนักว่ามันเป็นวิญญาณหลักของเขา สถานการณ์ของไห่ลั่วหลันจะเลวร้ายลงไปอีกมาก
‘ข้าต้องหลบหลีกมือปีศาจและค่อยๆเข้าใกล้เขาในภายหลัง’ ไห่ลั่วหลันกัดฟันแน่นและมองฟางหยวนด้วยความเกลียดชัง
เมื่อเวลาผ่านไปมือปีศาจปล้นวิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วนก็ยึดครองมิติเก็บสมบัติเอาไว้อย่างสมบูรณ์
ไม่ว่าจะเป็นผู้ใช้วิญญาณหรือมรดกที่แท้จริง ทั้งสองก็ไม่มีทางเลือกนอกจากพยายามหลบหนีเท่านั้น
‘วิญญาณกาลเวลา…’ ฟางหยวนถูกกดดันอย่างหนักหน่วง
วิญญาณกาลเวลากลืนกินสายธารแห่งกาลเวลาเข้าไปอย่างต่อเนื่อง มันสร้างแรงกดดันให้กับทะเลวิญญาณที่หนึ่งของเขาและทำให้กำแพงวิญญาณเริ่มปรากฎรอยแตกร้าว
เพื่อลดแรงกดดัน ฟางหยวนต้องชำระล้างทะเลวิญญาณที่หนึ่งให้สะอาดหมดจนและไม่ทิ้งสิ่งใดเอาไว้ภายใน
‘โชคดีที่ข้าวางแผนและเตรียมการมานานแล้ว ข้าซื้อผีเสื้อขอทานเอาไว้เป็นจำนวนมาก แต่ถึงกระนั้นข้าก็ยังต้องระวัง หากพลังวิญญาณของข้าหมด ข้าจะตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย’
ผีเสื้อขอทานเป็นวิญญาณที่ใช้กักเก็บพลังวิญญาณ
พวกมันอยู่ในรูปลักษณ์ของผีเสื้อและมีรูพลุนจำนวนมากอยู่บนปีกเหมือนเสื้อผ้าขี้ริ้วของขอทาน
ยิ่งมีรูพลุนมากเท่าใด พวกมันก็ยิ่งเก็บพลังวิญญาณได้มากเท่านั้น
แน่นอนว่าฟางหยวนซื้อมันมาจากสวรรค์สีเหลือง มันมีตั้งแต่ระดับสองถึงห้า ฟางหยวนซื้อพวกมันมานับพันตัวและนำพวกมันติดตัวมาด้วย
คนธรรมดาไม่สามารถซื้อวิญญาณเหล่านี้ แต่ด้วยทรัพยากรของแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หู มันไม่ใช่เรื่องยากสำหรับฟางหยวน
ไม่เพียงผีเสื้อขอทาน เขายังมีวิญญาณชนิดอื่นอีกมากมาย
ฟางหยวนเก็บวิญญาณปีกอินทรีย์ที่ใช้งานอยู่และกระตุ้นใช้วิญญาณปีกอินทรีย์ดวงใหม่
นี่เป็นเพราะความปั่นป่วนของปราณสวรรค์พิภพ
หากเขาใช้วิญญาณดวงเดิมนานเกินไป มันจะได้รับบาดเจ็บและอาจแตกดับไป ดังนั้นเขาจึงต้องสลับวิญญาณอย่างต่อเนื่อง
ทั้งหมดต้องขอบคุณแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หูที่มอบทรัพยากรให้เขาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
ฟันเฟืองของปราณสวรรค์พิภพเป็นหนึ่งในอุปสรรคของการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ
เมื่อไท่เป่ยหยุนเฉิงพยายามก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ ความยากลำบากชนิดนี้ทำให้วิญญาณของเขาตายไปเป็นจำนวนมาก หากไม่ได้รับการสนับสนุนจากฟางหยวนในภายหลัง เขาจะไม่เหลือวิญญาณให้ใช้งานอีกต่อไป
แม้ผู้ใช้วิญญาณจะสามารถกลายเป็นผู้อมตะ แต่วิญญาณของพวกเขาก็อาจถูกทำลายทั้งหมด
การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมีความเสี่ยงและค่าใช้จ่ายที่ไม่ธรรมดา
กลับมาที่ฟางหยวน เขาเปลี่ยนร่างเป็นผีดิบสวรรค์ก่อนจะพุ่งเข้าโจมตีมือปีศาจปล้นวิญญาณอย่างหนักหน่วง
“ปัง”
ฟางหยวนไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดขณะที่มือปีศาจปล้นวิญญาณแตกสลายไปและทำให้เขาได้รับวิญญาณดวงใหม่
เขารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งเมื่อเห็นวิญญาณดวงนี้
นี่เป็นวิญญาณอมตะดวงที่สามที่เขาได้รับตั้งแต่ออกมาจากมิติช่องว่างของไท่เป่ยหยุนเฉิง เขายังไม่มีเวลาตรวจสอบแต่เก็บมันไว้กระเป๋าหลังจากกำหราบมัน
สถานการณ์ของเขาค่อนข้างอันตราย ไม่ว่าจะเป็นวิญญาณกาลเวลาหรือมือปีศาจปล้นวิญญาณ เขายังต้องมีสมาธิกับการบินและต้องสนใจพลังวิญญาณรวมถึงสภาพของวิญญาณที่ใช้งานอยู่
แต่เขาไม่สามารถปฏิเสธการเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่ครั้งนี้
ฟางหยวนเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับการอยู่ร่วมกันของความสุขและความทุกข์
อย่างไรก็ตามความสามารถในการบินของเขาช่วยได้มากในสถานการณ์นี้
“หม่าหงหยุนอยู่ที่ใด?” หลังจากเก็บเกี่ยววิญญาณอมตะสามดวง ฟางหยวนจึงระลึกถึงหม่าหงหยุนและเร่งกวาดตามองไปรอบๆ
มรดกบนเส้นทางแห่งโชคเป็นมรดกสูงสุดที่อยู่ในความสนใจของเขามาตลอด
ย้อนกลับไปเทพอมตะตะวันเดือดพึ่งพาสิ่งนี้ในการปกครองโลกหล้า
เห็นได้ชัดว่าวิญญาณบนเส้นทางแห่งโชคคือมรดกที่แท้จริงของเขา ตอนนี้ด้วยการยืมมือปีศาจปล้นวิญญาณ บางทีเขาอาจได้รับโอกาสที่หาได้ยาก
อย่างไรก็ตามแม้จะค้นหาจนทั่ว เขาก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงาของมรดกบนเส้นทางแห่งโชค
มรดกบนเส้นทางแห่งโชคคุ้มครองหม่าหงหยุนกับจ้าวเหลียนหยุน แต่มันยังเป็นวิญญาณป่า หากมันพบภัยคุกคามที่ร้ายแรง มันจะเคลื่อนไหวด้วยสัญชาตญาณเอาชีวิตรอด
มิติเก็บสมบัติที่แท้จริงเต็มไปด้วยมือปีศาจปล้นวิญญาณ สิ่งนี้เป็นอุปสรรคและปิดบังวิสัยทัศน์ของฟางหยวน
ฟางหยวนต้องหลบเลี่ยงมือปีศาจปล้นวิญญาณ ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถค้นหาได้ดังใจหมายขณะที่ทั้งสองฝ่ายต่างเคลื่อนไหว มันจึงกลายเป็นเรื่องยากที่พวกเขาจะพบกัน
รอยแตกร้าวของมิติเก็บสมบัติขยายตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นั่นทำให้มือปีศาจปล้นวิญญาณพุ่งเข้ามาอย่างไม่หยุดยั้ง
สถานการณ์เลวร้ายลงเรื่อยๆ ฟางหยวนพบกับความสูญเสียมากขึ้นเช่นกัน
ด้านหนึ่งเขาต้องเผชิญหน้ากับฟันเฟืองของปราณสวรรค์พิภพ หลังจากชั่วระยะเวลาหนึ่ง วิญญาณของเขาก็มาถึงขีดจำกัดและเริ่มเสียชีวิต
อีกด้านหนึ่งเขายังต้องต่อสู้กับมือปีศาจปล้นวิญญาณที่เพิ่มจำนวนขึ้นและปิดกั้นเส้นทางหลบหนีทั้งหมดของเขา ฟางหยวนยังถูกจับกุมถึงสองหรือสามครั้ง
แต่ทุกครั้งที่เขาถูกจับ เขาจะเลือกมือปีศาจปล้นวิญญาณที่มีนิ้วน้อยที่สุดเสมอ