Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน - ตอนที่ 963
ภูเขาอี้เทียน
แปลโดย iPAT
ดาบแสงพุ่งผ่านอากาศด้วยความเร็วสูง
อย่างไรก็ตามการเดินทางไปยังสระสวรรค์ซึ่งเป็นที่ตั้งของนิกายบัวสวรรค์ยังต้องใช้เวลาไม่น้อย
“หือ?” แสงดาบสลายไปและเผยให้เห็นร่างของผีดิบอมตะโป้ชิงกับหยูมู่ฉาน
ร่างของโป้ชิงที่ถูกบังคับโดยโม่เหยาขมวดคิ้วก่อนจะส่งดาบแสงพุ่งออกไปรอบๆ
ดาบแสงตัดผ่านอากาศและเผยให้เห็นสภาพแวดล้อมที่แท้จริง แต่ในเวลาต่อมาฉากมายาก็ถูกสร้างขึ้นอีกครั้ง
“นี่คือคฤหาสน์วิญญาณสวนลวงตาของนิกายบัวสวรรค์ มันถูกสร้างขึ้นเมื่อสามร้อยปีก่อนโดยปีศาจอตะมายา ฮวงเซี่ยว” หยูมู่ฉานอธิบาย
ผีดิบอมตะโป้ชิงพยักหน้าและถอนหายใจ “ทุกยุคสมัยมีอัจฉริยะกำเนิดขึ้นเสมอ ดูเหมือนอัจฉิรยะหลายคนจะถือกำเนิดขึ้นหลังจากร่างหลักของข้าจากไป”
หยูมู่ฉานกล่าว “ปีศาจอมตะมายาตายไปแล้ว คฤหาสน์วิญญาณอมตะของเขาถูกยึดครองโดยนิกายบัวสวรรค์ จากการตรวจสอบของพวกเรา ผู้ควบคุมคฤหาสน์วิญญาณอมตะหลังนี้ต้องมีระดับการบ่มเพาะที่สูงมาก”
ขณะที่เขากล่าวถึงเรื่องนี้ เจ้าวังสวรรค์ ไป่เฉินเทียน และเหลียนจิวเฉินก็ปรากฏตัวขึ้นในที่สุด
“การหลบหนีจากโชคชะตาเป็นเรื่องผิดบาป ตอนนี้พวกเจ้ายังคิดวางแผนโจมตีนิกายภายใต้การปกครองของวังสวรรค์ นี่เป็นเรื่องที่ไม่สามารถให้อภัย!” เจ้าวังตะโกนเสียงดังออกมาทันที
“พูดมาก!” ผีดิบอมตะโป้ชิงสะบัดแขนเสื้อส่งดาบแสงออกไปอย่างรวดเร็ว
เจ้าวัง ไป่เฉินเทียน และเหลียนจิวเฉินคำรามพร้อมกับกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะของพวกเขา
ดาบแสงทำลายท่าไม้ตายของพวกเขาแต่มันก็อ่อนแรงลงเล็กน้อยก่อนจะบรรลุถึงตัวผู้อมตะทั้งสาม
พวกเขาหายตัวไปและสามารถหลบหนีจากดาบแสง
“ขี้ขลาด!” ผีดิบอมตะโป้ชิงเย้ยหยัย
ในความเป็นจริงผู้อมตะทั้งสามจากวังสวรรค์คือผู้ควบคุมคฤหาสน์วิญญาณอมตะสวนลวงตา พวกเขาต้องการใช้สิ่งนี้จับกุมโป้ชิงกับหยูมู่ฉาน
…..
หลายวันผ่านไป
ภาคใต้ บนภูเขาไร้นามแห่งหนึ่ง
“ตูม ตูม ตูม!”
เสียงระเบิดดังขึ้นสามครั้ง เซียวเมิ้งถูกส่งลอยกลับหลังพร้อมกับเลือดที่พุ่งออกมาจากปาก
“บึม!”
เขาไม่ได้ล้มลงบนพื้นแต่ปะทะกับกลุ่มผู้อาวุโสที่อยู่ด้านหลังทำให้พวกเขาตกอยู่ในสภาพที่น่าอเนจอนาถ
พ่ายแพ้อย่างยับเยิน!
ใบหน้าของเซียวเมิ้งซีดขาวราวกระดาษ เขาเบิกตาโตมองไปยังเซียวซานด้วยความโกรธและเกลียดชัง
ด้านหลังเซียวซานมีผู้ใช้วิญญาณปีศาจสองคนยืนอยู่ ทั้งสองต่างเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับห้า คนหนึ่งอ้วนสูง อีกคนผอมเตี้ย
หลายวันก่อนเซียวซานเดินเข้าไปในถ้ำซึ่งเป็นเขตหวงห้ามของตระกูลเซียว เซียวเมิ้งจึงต้องการใช้โอกาสนี้ยึดอำนาจและสังหารเซียวซาน
เซียวซานวิ่งหนีขณะที่เซียวเมิ้งและกลุ่มผู้อาวุโสไล่ล่า
การไล่ล่าครั้งนี้นำพวกเขามาถึงภูเขาไร้นามแห่งหนึ่ง เซียวซานตกอยู่ในสถานการณ์สิ้นหวัง ขณะที่เขากำลังจะถูกสังหารโดยเซียวเมิ้ง ผู้ใช้วิญญาณปีศาจทั้งสองกลับบินลงมาช่วยเขาเอาไว้
เซียวเมิ้งผลักกลุ่มผู้อาวุโสออกไปและลุกขึ้นยืนตะโกน “เซียวซาน เจ้าคนชั่ว เจ้าเป็นผู้นำตระกูลฝ่ายธรรมะแต่กลับร่วมมือกับฝ่ายปีศาจ!”
เซียวซานหัวเราะเสียงดังและส่ายศีรษะ “เซียวเมิ้ง ข้ามองเจ้าผิดไป เพียงเพื่ออำนาจ เจ้าสามารถสังหารข้าได้จริงๆ จิตใจของเจ้าช่างชั่วช้านัก น่าขันที่ข้าดีต่อเจ้ามาตลอด เจ้าเป็นญาติสนิทคนเดียวบนโลกใบนี้ของข้า แต่เจ้ายังกล้าบิดเบือนความจริงและทำร้ายข้า อย่างไรก็ตามข้าเชื่อว่าทุกคนจะสามารถแยกแยะความจริงได้อย่างง่ายดาย”
“ท่านเซียวเมิ้ง ศัตรูแข็งแกร่งเกินไป พวกเราต้องถอย!”
“ถูกต้อง พวกเรายังมีเวลา”
“เซียวซานได้รับบาดเจ็บสาหัสแต่ผู้ใช้วิญญาณระดับห้าอีกสองคนยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์ที่สุด”
กลุ่มผู้อาวุโสพยายามเกลี้ยกล่อมเซียวเมิ้งอย่างแผ่วเบา
“พรวด!” เซียวเมิ้งกระอักเลือดออกมาและกล่าวด้วยความรังเกียจ “พวกเขาไม่ต่างจากสุนัขจรจัด แม้ระดับการบ่มเพาะจะสูงแต่พวกเขามีวิญญาณไม่มากนัก พวกเจ้าจะกลัวสิ่งใด?”
แม้เขาจะกล่าวออกมาเช่นนี้แต่เขาก็รู้ว่าเขาไม่สามารถสังหารเซียวซานได้ในวันนี้
เขาครุ่นคิด ‘ตอนนี้ข้าถือไพ่เหนือกว่า ข้ามีหลักฐานเพื่อเอ่ยอ้างความชอบธรรม หลังจากกลับภูเขาแสง ข้าจะสามารถรับสืบทอดตำแหน่งผู้นำ เมื่อเวลานั้นมาถึง ข้าจะออกประกาศจับเซียวซาน ตอนนี้เขาไม่มีตระกูลหนุนหลัง เขาทำได้เพียงหลบหนี ความแข็งแกร่งของเขาจะลดลงเรื่อยๆ มันจะฉลาดกว่าหากข้ารอเวลาที่เหมาะสมและฆ่าเขา!’
ด้วยความคิดนี้ เซียวเมิ้งจึงไม่ดื้อรั้นอยู่ต่อ
“เซียวซาน เจ้าทรยศต่อฝ่ายธรรมะ เจ้าต้องตายอย่างสุนัข ตอนนี้ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า แต่ข้าจะมารับมันในอนาคตอย่างแน่นอน!”
หลังกล่าวจบคำ เซียวเมิ้งและกลุ่มผู้อาวุโสเร่งล่าถอยอย่างระมัดระวัง
เขาได้รับบาดเจ็บแต่เขายังมีพลังเหลืออยู่
ผู้ใช้วิญญาณปีศาจทั้งสองมีวิญญาณในการครอบครองไม่มากนัก ดังนั้นพวกเขาจึงไม่กล้าไล่ล่าโดยประมาท
“พี่เซียว เราพบกันอีกครั้ง” เห็นกลุ่มของเซียวเมิ้งจากไป ผู้ใช้วิญญาณปีศาจอ้วนสูงชื่อ ซันเพิ่งหู จึงเปิดปากกล่าวด้วยหยดน้ำในดวงตา
ผู้ใช้วิญญาณปีศาจผอมเตี้ยชื่อ จ้าวซิงซิง พยุงร่างเซียวซานและกระตุ้นใช้วิญญาณสายรักษา “อย่าพึ่งกล่าวถึงอดีต รักษาอาการบาดเจ็บของพี่เซียวก่อน”
อาการบาดเจ็บของเซียวซานได้รับการรักษาอย่างรวดเร็วโดยผู้ใช้วิญญาณปีศาจทั้งสอง
เซียวซานถอนหายใจ “โชคดีที่พวกเจ้าอยู่ที่นี่ มิฉะนั้นข้าคงตายไปแล้ว แต่น้องชายของข้าช่างโหดเหี้ยมนัก เขาจะไล่ล่าข้าอีกและจะไม่หยุดจนกว่าข้าจะตาย ข้าสามารถรักษาอาการบาดเจ็บเหล่านี้ด้วยตนเอง พวกเจ้าไปเถอะ ข้าไม่ต้องการให้พวกเจ้ามีส่วนร่วม”
“ท่านกำลังกล่าวสิ่งใด? ครั้งนั้นหากไม่ได้รับความช่วยเหลือจากท่าน ข้าคงตายไปแล้ว ชีวิตของข้าเป็นท่าน!”
“ถูกต้อง ในอดีตข้าเคยสังหารศัตรูเพื่อแก้แค้นแต่ถูกจับโดยคนตระกูลเซียว เมื่อท่านได้ยินเรื่องราวของข้า ท่านกลับปล่อยข้าไป ความเมตตานี้ยังอยู่ในใจของข้าเสมอ”
ซันเพิ่งหูกับจ้าวซิงซิงกล่าวด้วยความจริงใจ
“เราทั้งคู่จะไม่ทอดทิ้งท่าน!”
“หากเซียวเมิ้งต้องการต่อสู้ เราก็จะสู้จนถึงที่สุด!”
ทั้งสองแสดงทัศนคติที่แน่วแน่
เซียวซานรู้สึกซาบซึ้งใจทนแทบไม่สามารถกลั้นน้ำตา “เห้อ…หลายปีผ่านไป ข้าเข้าใจเรื่องนี้อย่างชัดเจน ผู้ใดกล่าวว่าฝ่ายปีศาจเป็นคนชั่วไร้ปรานี? ในความเป็นจริงคนหน้าซื่อใจคดที่แสร้งแสดงความเมตตาอันจอมปลอมกลับมีอยู่ทุกหนทุกแห่งในฝ่ายธรรมะ”
“พี่เซียวกล่าวถูกต้องแล้ว! พวกเราฝ่ายปีศาจมีธรรมชาติที่ตรงไปตรงมาขณะที่ฝ่ายธรรมะมักใช้ข้ออ้างเพื่อกำจัดพวกเรา หากฝ่ายธรรมะไม่ต้อนรับท่าน พวกเราจะรวมกลุ่มและเดินทางไปทั่วโลก!” ซันเพิ่งหูกล่าวอย่างหนักแน่น
เซียวซานเงียบ
เขายังมีความคิดและอุดมการณ์ของฝ่ายธรรมะฝังอยู่ในใจ เขาไม่ต้องการเข้าสู่เส้นทางสายปีศาจ
เขารู้ว่ามีวิญญาณอมตะดวงหนึ่งอยู่ในร่าง เขายังต้องการกลับตระกูลเซียว
เห็นการแสดงออกของเซียวซาน จ้าวซิงซิงจึงเปิดปากกล่าว “พี่ใหญ่ ท่านอาจไม่เข้าใจ เมื่อผู้คนได้ยินว่าท่านถูกขับออกจากตระกูล ญาติของท่านจะไล่ล่าท่าน มีเพียงคนที่ดีต่อท่านด้วยหัวใจที่แท้จริงจึงจะอยู่เคียงข้าท่าน หลายปีที่ผ่านมาท่านช่วยเหลือผู้คนไว้มากมาย โดยไม่คำนึงถึงฝ่ายธรรมะหรือปีศาจ ทุกคนยินดีที่จะต่อสู้เพื่อท่าน!”
เซียวซานขมวดคิ้วแต่ยังไม่ตอบสนอง
ในจังหวะนี้เสียงสายหนึ่งดังขึ้นในใจของเซียวซานอีกครั้ง “โง่เง่า! เหตุใดต้องสนว่าฝ่ายธรรมะหรือปีศาจ? เมื่อเจ้าได้รับมรดกอมตะของข้า เจ้าก็มีคุณสมบัติที่จะสร้างตระกูลเซียวขึ้นมาใหม่และนำตระกูลสู่ความรุ่งโรจน์ด้วยตัวของเจ้าเอง! เอาล่ะ ข้าจะมอบภารกิจให้เจ้า ฟังให้ดี…”
เซียวซานรู้สึกตื่นเต้นและตั้งใจฟัง
เสียงในใจบอกว่าหากเขาผ่านการทดสอบนี้เขาจะได้รับมรดกอมตะที่แท้จริงและสามารถก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ
‘รวบรวมผู้ใช้วิญญาณบนภูเขาลูกนี้และสร้างหมู่บ้านที่มีป้อมปราการเพื่อต่อสู้กับศัตรูที่บุกรุก ตราบเท่าที่สามารถรักษาที่มั่นได้เป็นเวลาหนึ่งร้อยวัน ข้าจะได้รับมรดกอมตะและกลายเป็นผู้อมตะ!’
เซียวซานกำหมัดแน่นขณะที่ดวงตาส่องประกายด้วยความคาดหวัง
“ดี มาพยายามด้วยกัน! คนที่เรียกตนเองว่าฝ่ายธรรมะคอยดูให้ดี!” เซียวซานกล่าวอย่างกล้าหาญ
ซันเพิ่งหูและจ้าวซิงซิงดีใจมาก
หลังจากพูดคุยกินดื่มกันสักพัก พวกเขาก็เริ่มเกิดความรู้สึกใกล้ชิด
เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม เซียวซานจึงแนะนำให้พวกเขาสาบานเป็นพี่น้อง
ซันเพิ่งหูและจ้าวซิงซิงอุทานว่านี่เป็นความคิดที่วิเศษมาก
พวกเขาหยดเลือดลงในชามและใช้วิญญาณสาบานเป็นพี่น้อง
หลังจากคนทั้งสามกลายเป็นพี่น้องร่วมสาบาน ใบหน้าของเซียวซานจึงเต็มไปด้วยชีวิตชีวา
เขายืนเผชิญหน้ากับลมภูเขาและถอนหายใจ “เซียวซานฝ่ายธรรมะตายไปแล้วเมื่อวานนี้ คนที่ยืนอยู่ที่นี่คือเซียวซานฝ่ายปีศาจ ที่นี่คือสถานที่แห่งโชคชะตา มันคือลิขิตสวรรค์ ข้าจะสร้างหมู่บ้านใหม่บนภูเขาลูกนี้ เราจะต้อนรับผู้ใช้วิญญาณปีศาจและทำงานร่วมกันเพื่อต่อต้านฝ่ายธรรมะ!”
ใบหน้าของซันเพิ่งหูกลายเป็นแดงก่ำด้วยความตื่นเต้น “พี่ใหญ่ ท่านเป็นวีรบุรุษที่ยิ่งใหญ่และมีคุณธรรมสูง นี่เป็นการกระทำที่ยอดเยี่ยมนัก!”
จ้าวซิงซิงกล่าวด้วยใบหน้าไร้ปรานี “ข้าถูกฝ่ายธรรมะไล่ล่าไปทุกหนทุกแห่งตลอดหลายปีที่ผ่านมา ข้าต้องใช้ชีวิตอยู่กับการหลบหนี นี่ไม่ใช่สิ่งที่ข้าต้องการ พี่ใหญ่ ข้าจะสนับสนุนท่านอย่างสุดความสามารถ!”
“พี่น้องที่ดี!” เซียวซานโอบไหล่คนทั้งสอง “ฝ่ายปีศาจเต็มไปด้วยความหวาดระแวง หากเราจะทำสิ่งนี้ เราต้องลดละอคติให้มากที่สุดเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือและความภักดี พวกเราสามพี่น้องจะสร้างหมู่บ้านที่มีชื่อว่าหมู่บ้านอี้เทียน! ภูเขาลูกนี้จะมีชื่อว่าภูเขาอี้เทียน!”
ฟางหยวนถอนหายใจเมื่อสังเกตเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น
ภูเขาไร้นามที่ซ่อนคฤหาสน์วิญญาณอมตะสนามรบแห่งความโกลาหลและผีดิบอมตะสุดยอดกายาเทพยุทธ์ที่แท้จริงระดับแปดก็คือภูเขาอี้เทียน!
ในความเป็นจริงฟางหยวนจำได้ตั้งแต่เห็นมันครั้งแรก
มันเป็นเพียงแค่เขาไม่คิดว่าเหตุผลที่แท้จริงของการต่อสู้บนภูเขาอี้เทียนจะเป็นเช่นนี้
‘ตอนนั้นสถานะของข้ายังต่ำเกินไป วิสัยทัศน์ของข้าถูกจำกัด มีรายละเอียดมากมายที่ซ่อนอยู่ในประวัติศาสตร์ แต่ผู้ใดได้รับคฤหาสน์วิญญาณอมตะสนามรบแห่งความโกลาหลในชีวิตก่อนหน้าของข้า?’
ฟางหยวนเต็มไปด้วยความสงสัยและความปรารถนา
แต่เขาไม่มีความตั้งใจที่จะแข่งขันกับผู้อมตะคนอื่นๆในการปรับแต่งคฤหาสน์วิญญาณอมตะ
แน่นอนว่าเขาจะไม่ประสบความสำเร็จ
การต่อสู้ที่แท้จริงบนภูเขาอี้เทียนคือการต่อสู้ระหว่างเจตจำนงเพื่อปรับแต่งคฤหาสน์วิญญาณอมตะ การต่อสู้เป็นหมู่คณะจะค่อยๆเปลี่ยนเป็นการต่อสู้ส่วนตัว คนที่เหลือรอดเป็นคนสุดท้ายจะได้ครอบครองคฤหาสน์วิญญาณอมตะสนามรบแห่งความโกลาหล
อย่างไรก็ตามเขตต้องข้ามของผู้อมตะขยายออกไปเป็นรัศมีหลายหมื่นลี้เรียบร้อยแล้ว ดังนั้นสิ่งแรกที่พวกเขาต้องทำก็คือเลือกมนุษย์เพื่อเป็นตัวแทน
มันจะกลายเป็นสนามรบของผู้ใช้วิญญาณระดับมนุษย์
ร่างกายของมนุษย์เหล่านั้นจะถูกดัดแปลงโดยวิธีการบนเส้นทางแห่งปัญญา
กล่าวโดยสรุป ผู้อมตะจะเลือกมนุษย์บางคนและเปลี่ยนพวกเขาให้เป็นเครื่องมือที่ใช้ปรับแต่งคฤหาสน์วิญญาณอมตะสนามรบแห่งความโกลาหล
เซียวซานเป็นบุคคลที่ผู้อมตะตระกูลเซียวเลือก
ในร่างกายของเขาไม่เพียงมีวิญญาณอมตะฝังอยู่แต่ยังมีกระทั่งพลังงานอมตะและเจตจำนงจำนวนมากของผู้อาวุโสสูงสุดตระกูลเซียว
เนื่องจากเซียวซานเป็นเพียงผู้ใช้วิญญาณระดับมนุษย์ ดังนั้นเขาจึงไม่ตระหนักถึงความจริงเหล่านี้
นอกจากเซียวซาน เซียวเมิ้งก็เป็นตัวหมากของผู้อมตะตระกูลเซียวเช่นกัน มิฉะนั้นพวกเขาจะไล่ล่ากันมาจนถึงภูเขาอี้เทียนโดยบังเอิญได้อย่างไร
กระทั่งผู้ใช้วิญญาณระดับห้าที่เป็นตัวตนบนจุดสูงสุดของโลกผู้ใช้วิญญาณมนุษย์ก็ยังถูกขังอยู่ในความมืดและถูกชักใยโดยผู้อมตะบางคนโดยไม่รู้ตัว