Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน - บทที่ 1278 พังพอนหางสุนัข
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1278 พังพอนหางสุนัข
แปลโดย iPAT
“บึม!”
เสียงระเบิดดังขึ้นในค่ายกลวิญญาณรอง
ผู้อมตะคลื่นสมุทรไม่แปลกใจอีกต่อไป
ในช่วงเวลานี้เสาแสงลดลงเหลือห้าสิบส่วน
“ค่ายกลวิญญาณนี้น่าสนใจทีเดียว” เป็นเพียงเวลานี้ที่เสียงสายหนึ่งดังเข้าหูผู้อมตะคลื่นสมุทร
“ผู้ใด?” ผู้อมตะคลื่นสมุทรตกใจและเตรียมพร้อมต่อสู้ทันที
“เด็กน้อย อย่ากลัวและอย่าขยับ” เสียงเดิมกล่าวอีกครั้ง
ผู้อมตะคลื่นสมุทรไม่สามารถเคลื่อนไหว
เขารู้สึกราวกับอยู่ในธารน้ำแข็ง
ผู้อมตะคลื่นสมุทรป็นผู้อมตะระดับเจ็ด หนึ่งในแปดผู้อมตะเกาะสวรรค์ของถ้ำสวรรค์นิรันดร แต่เขากลับไม่สามารถตอบสนองก่อนที่เขาจะถูกหยุด
“เจ้าเป็นทายาทของนายท่าน ตราบเท่าที่เจ้าไม่โจมตีข้า ข้าจะไม่กินเจ้า ฮ่าฮ่าฮ่า” เสียงสายเดิมกล่าว
จากนั้นผู้อมตะคลื่นสมุทรก็เห็นอสูรกายที่มีร่างกายใหญ่โตเหมือนเนินเขาปรากฎตัวขึ้น
มันเป็นสัตว์สี่เท้าที่มีขนสีม่วง
มันดูเหมือนพังพอน
ดวงตาของมันเหมือนคริสตัลสีม่วงที่งดงาม สิ่งที่สะดุดตาที่สุดคือหางของมัน
มันไม่ใช่หางพังพอนแต่เป็นหางสุนัข
พังพอนหางสุนัข?
ผู้อมตะคลื่นสมุทรตะลึงก่อนจะนึกถึงการคงอยู่ของสิ่งมีชีวิตชนิดนี้
ในเวลาต่อมาจดหมายจากราชันใต้ก็ถูกส่งมายังมิติช่องว่างของผู้อมตะคลื่นสมุทร สัตว์ประหลาดตัวนี้ถูกส่งมาเพื่อช่วยพวกเขา มันจะจัดการศัตรูของถ้ำสวรรค์นิรันดร
“เจ้าคือพังพอนหางสุนัข ม้าของบรรพชนตะวันเดือดงั้นหรือ?” ผู้อมตะคลื่นสมุทรกล่าวด้วยเสียงตะกุกตะกัก
สัตว์ร้ายพยักหน้าก่อนจะอ้าปากกล่าว “หยุดเรียกข้าว่าม้า ข้ามีชื่อของตนเอง ข้าชื่อเหมาหลี่ชิว เรียกข้าว่าปู่เหมาก็ได้”
“เหมา ปู่เหมา!” อีกด้านหนึ่งผู้อมตะดำรู้สึกพูดไม่ออก
“เอาล่ะ ลืมค่ายกลวิญญาณนี้ไปได้เลย ไปที่แม่น้ำหวนคืนและนำหม่าหงหยุนกับวิญญาณแห่งความรักมา!” เหมาหลี่ชิวกล่าวก่อนจะส่งกรงเล็บของมันออกไป
“บึม!”
ค่ายกลวิญญาณรองที่ผู้อมตะดำสร้างขึ้นอย่างยากลำบากพังทลายลงทันที
“นี่!” ดวงตาของผู้อมตะดำแทบหลุดออกมาจากเบ้า
“หยุดพูดมาก รีบจบเรื่องนี้ ท่านปู่ผู้นี้จะรีบกลับไปนอน!” เหมาหลี่ชิวกล่าวและพ่นลมหายใจออกมา
สัตว์ร้ายบินขึ้นสู่ท้องฟ้าขณะที่ผู้อมตะดำและผู้อมตะคลื่นสมุทรถูกลมหายใจของเหมาหลี่ชิวดึงขึ้นไปพร้อมกัน
“เกิดสิ่งใดขึ้น?”
การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของแม่น้ำหวนคืนทำให้ผู้อมตะทั้งหมดรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
แม่น้ำหวนคืนหยุดไหลเชี่ยวและเริ่มสงบลง
‘แม่น้ำหวนคืนกลับสู่สภาพปกติแล้วงั้นหรือ?’
ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้น
เขารู้สึกได้ถึงแรงกดดันที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น
มีขยะจำนวนนับไม่ถ้วนถูกแม่น้ำพัดพามา เมื่อเห็นสิ่งนี้ผู้อมตะหลายคนเลือกที่จะล่องลอยไปตามกระแสน้ำเพื่อไปยังจุดสิ้นสุดของมัน
นี่เป็นวิธีเดียวที่จะออกจากแม่น้ำหวนคืน
‘สถานการณ์ไม่ดีนัก’ ฟางหยวนยังไม่พบกลุ่มของอิงอู๋เซี่ยและยังเดินหน้าต่อไป
บนท้องฟ้า ไป่เฉินเทียนและผู้อมตะภาคกลางคนอื่นๆกำลังมองลงไปที่แม่น้ำหวนคืน
เดิมทีคนเหล่านี้พยายามว่ายไปข้างหน้า แต่แม่น้ำหวนคืนยังพัดพวกเขากลับไป
ไป่เฉินเทียนตระหนักถึงสถานการณ์ แม้เขาจะสามารถเดินหน้าต่อ แต่ผู้อมะคนอื่นๆทำไม่ได้ สุดท้ายพวกเขาจึงต้องลอยไปตามกระแสน้ำและออกจากแม่น้ำหวนคืนในที่สุด
ด้วยวิธีนี้พวกเขาจึงกลายเป็นคนนอก หากพวกเขาโจมตีแม่น้ำหวนคืน มันจะสะท้อนกลับไปหาพวกเขา
ในไม่ช้าไป่เฉินเทียนก็พบฟางหยวนที่อยู่ในแม่น้ำหวนคืน
“การต่อสู้ของพวกเราสามารถมองข้ามตราบเท่าที่เจ้าส่งมอบวิญญาณความใคร่” ไป่เฉินเทียนส่งเสียงไปหาฟางหยวน
“นี่คือผู้อมตะระดับเจ็ดที่สามารถต่อสู้กับท่านไป่เฉินเทียนได้อย่างเท่าเทียมงั้นหรือ? เขาฝึกฝนมาอย่างไร?” ผู้อมตะภาคกลางคนอื่นๆมองฟางหยวนด้วยความอยากรู้อยากเห็น
ฟางหยวนหัวเราะเสียงเย็นและไม่สนใจไป่เฉินเทียน
กลุ่มผู้อมตะภาคกลางโกรธมาก “ช่างกล้าหาญนัก! เจ้ากล้าดูหมิ่นท่านไป่เฉินเทียนงั้นหรือ?”
ไป่เฉินเทียนก่นเสียงเย็น “เจ้าคิดว่าข้าไม่สามารถทำสิ่งใดหากเจ้าซ่อนตัวอยู่ในแม่น้ำงั้นหรือ?”
“เจ้าควรกังวลเรื่องของตนเองก่อน ที่นี่ไม่ใช่ภาคกลาง” ฟางหยวนตอบกลับอย่างไม่เกรงกลัว
ความกังวลของไป่เฉินเทียนถูกเปิดเผย แต่เขายังแสดงออกด้วยความไม่แยแสและเริ่มบินออกไป
เรื่องของฟางหยวนเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยหากเปรียบเทียบกับจ้าวเหลียนหยุนและหม่าหงหยุน
พังพอนหางสุนัขทำลายค่ายกลวิญญาณรองไปแล้ว ดังนั้นสถานการณ์ของแม่น้ำหวนคืนจึงสามารถสังเกตุเห็นได้โดยง่าย
ขยะถูกกวาดออกไปทั้งหมดแล้ว ตอนนี้มีเพียงผู้อมตะบางส่วนที่ยังอยู่ในแม่น้ำ
มู่หลิงหลาน จ้าวเหลียนหยุน และหม่าหงหยุนอยู่ด้านหน้าสุด
กลุ่มที่สองได้แก่ ปีศาจอมตะเซี่ยหู ราชันภูเขาม่วง และท่านหญิงหว่านซู
กลุ่มที่สามคือ ผู้อมตะระดับแปดเว่ยหลิงหยางและกลุ่มผู้อมตะของภาคกลาง
กลุ่มที่สี่ประกอบด้วย อิงอู๋เซี่ยและสมาชิกนิกายเงา ตลอดไปถึงผู้นำยอดเขาหิมะ
และกลุ่มที่ห้ามีเพียงฟางหยวนผู้เดียว เมื่อเขาถูกแม่น้ำหวนคืนดูดกลืนเข้ามา เขาอยู่ไกลจากแดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะมากที่สุด ดังนั้นเขาจึงตกลงไปส่วนท้ายของแม่น้ำ
สถานการณ์นี้ค่อนข้างน่าสนใจ
“เร็ว ว่ายไปข้างหน้า!” มู่หลิงหลานกล่าวด้วยความกังวลเมื่อมองเห็นปีศาจอมตะเซี่ยหูและราชันภูเขาม่วง
กลุ่มที่สองของปีศาจอมตะเซี่ยหูและราชันภูเขาม่วงกำลังตามจับหม่าหงหยุน
กลุ่มที่สามของเว่ยหลิงหยางไม่ต้องการยอมแพ้ ตราบเท่าที่พวกเขาสามารถขัดขวางปีศาจอมตะเซี่ยหูและราชันภูเขาม่วง หม่าหงหยุนและจ้าวเหลียนหยุนจะมีโอกาสรอด
อิงอู๋เซี่ยและกลุ่มผู้นำยอดเขาหิมะมีความคิดเช่นเดียวกับเว่ยหลิงหยาง พวกเขาอยู่ด้านหลังแต่ยังมีความหวัง
“ดูข้างหลังเร็วเข้า!” ไห่ลั่วหลันตื่นตระหนก
อิงอู๋เซี่ยหันหลังกลับด้วยหัวใจเต้นแรง “เขาตามพวกเรามาถึงที่นี่จริงๆ!”
แม่น้ำหวนคืนสงบลงแล้ว ไม่มีขยะเหลืออยู่ ดังนั้นวิสัยทัศน์ของทุกคนจึงกลับมาชัดเจนอีกครั้ง ด้วยเหตุนี้อิงอู๋เซี่ยจึงสามารถมองเห็นฟางหยวน
ฟางหยวนไม่รู้ถึงการคงอยู่ของราชันภูเขาม่วง
แม้เขาจะมองเห็นปีศาจอมตะเซี่ยหู แต่ราชันภูเขาม่วงมีร่างกายเล็กเกินไป มันยากที่จะมองเห็นได้อย่างชัดเจน
ฟางหยวนไม่รู้ว่าเกิดสิ่งใดขึ้นในแดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะ แม้เขาจะพบไป่เฉินเทียน แต่เขาก็รู้เพียงว่าเกิดการต่อสู้ระหว่างผู้อมตะระดับแปดขึ้นที่นี่ ส่วนฝ่ายใดเป็นฝ่ายได้เปรียบ ไป่เฉินเทียนจะบอกเขางั้นหรือ?
ดังนั้นฟางหยวนจึงไม่ยินดีทิ้งโอกาสสังหารกลุ่มของอิงอู๋เซี่ยเพื่อกำจัดภัยคุกคาม
ดวงตาของอิงอู๋เซี่ยส่องประกายขึ้น เขาตัดสินใจว่ายน้ำเร็วขึ้น
“เขาเป็นศัตรูของเรางั้นหรือ?” ผู้นำยอดเขาหิมะเย้ยหยันฟางหยวน “มาร่วมมือกันฆ่าเขา! สถานการณ์ด้านนอกค่อนข้างซับซ้อน มีผู้อมตะอยู่มากมาย แต่ที่นี่เขาอยู่เพียงลำพัง!”
หลังกล่าวจบประโยค กลุ่มผู้นำยอดเขาหิมะก็เตรียมพร้อมโจมตี
อิงอู๋เซี่ยเตรียมเคลื่อนไหวเช่นกัน
หากพวกเขาสามารถสังหารฟางหยวนได้ในเวลานี้ พวกเขาอาจได้รับร่างทารกอมตะกลับคืน นี่เป็นโอกาสที่ดี
‘อย่างไรก็ตาม…ร่างทารกอมตะไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะรับมือ ข้าควรไปพบท่านสีม่วงก่อน ร่างหลักของเรายังอยู่ในอาณาจักรแห่งความฝัน’ อิงอู๋เซี่ยคิดและตัดสินใจ
“มากับเรา เราจะไปพบท่านเซี่ยหู คนผู้นี้ไม่สำคัญ ศัตรูที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเราคือผู้อมตะภาคกลาง” อิงอู๋เซี่ยไม่ได้เปิดเผยตัวตนของฟางหยวน แต่เขาประสบความสำเร็จในการโน้มน้าวกลุ่มผู้นำยอดเขาหิมะ
“ถูกต้อง ไปรวมกลุ่มกับนายท่านเซี่ยหูกันเถอะ!” ผู้นำยอดเขาหิมะไม่สามารถออกจากแม่น้ำหวนคืนในช่วงเวลานี้
เพราะผู้อมตะระดับแปดของภาคกลางบินอยู่บนท้องฟ้า หากพวกเขาออกไป พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับผู้อมตะระดับแปด ดังนั้นการอยู่ในแม่น้ำหวนคืนย่อมปลอดภัยกว่า
แต่ในไม่ช้าพวกเขาก็ตระหนักว่าการว่ายอยู่ในแม่น้ำหวนคืนไม่ใช่เรื่องง่าย
ในสภาพแวดล้อมพิเศษนี้ พวกเขาไม่สามารถก้าวไปข้างหน้าและถูกผลักกลับไปอย่างต่อเนื่อง
ในตำนาน มนุษย์คนแรกล้มเหลวในแม่น้ำหวนคืนเช่นกัน
ไม่มีผู้ใดคิดว่าตนเองจะประสบความสำเร็จในสิ่งที่มนุษย์คนแรกยังล้มเหลว แต่ในสถานการณ์นี้ผู้อมตะทุกคนล้วนมีเหตุผลของตนเองที่จะอยู่ในแม่น้ำหวนคืน
“หม่าหงหยุน…อย่าคิดว่าจะสามารถหลบหนี!” ปีศาจอมตะเซี่ยหูกล่าวเสียงเย็นโดยมีท่านหญิงหว่านซูอยู่ข้างกาย
“เร็ว เร็วอีก พวกเขากำลังจะตามทัน!” มู่หลิงหลานและหม่าหงหยุนลากจ้าวเหลียนหยุนไปข้างหน้า
“เทพธิดาจ้าวอดทนไว้ พวกเราจะไปถึงในไม่ช้า!” เว่ยหลิงหยางตะโกน
ด้านอิงอู๋เซี่ย เขารู้สึกปวดหัวกับฟางหยวนที่ไล่ล่ามาจากด้านหลัง เขาพยายามว่ายไปข้างหน้าให้เร็วขึ้น
“อิงอู๋เซี่ย!” ฟางหยวนลดระยะห่างของเขากับอิงอู๋เซี่ยได้อย่างรวดเร็ว
ในไม่ช้าคนแรกที่ไม่สามารถอดทนได้ก็ปรากฏตัวขึ้น
มันคือหนึ่งในผู้นำยอดเขาหิมะ
เขาใช้พละกำลังทั้งหมดไปแล้ว ตอนนี้เขาทำได้เพียงปล่อยตัวลอยไปตามกระแสน้ำเท่านั้น
ฟางหยวนหลีกเลี่ยงคนผู้นี้
ตอนนี้ไม่ใช่เวลาสำหรับสิ่งนี้ หากเขาหยุด เขาจะถูกผลักถอยหลังเช่นกัน แม้เขาจะสามารถสังหารศัตรู แต่ความก้าวหน้าของเขาก็จะได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก
“ระวัง!” บนท้องฟ้า ไป่เฉินเทียนตะโกน
“ในที่สุดข้าก็ตามทัน เจ้าหนู” ปีศาจอมตะเซี่ยหูอยู่ข้างหลังกลุ่มของจ้าวเหลียนหยุนแล้ว
จ้าวเหลียนหยุนรู้ว่าตนเองไม่มีพละกำลังเหลืออยู่ หากเป็นเช่นนี้ต่อไป นางจะเป็นภาระของหม่าหงหยุน
นางมองหม่าหงหยุนด้วยความรักเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะดิ้นรนออกจากมือของเขาและทิ้งตัวลอยกลับหลังไปทางปีศาจอมตะเซี่ยหู