Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน - บทที่ 1318 ตำนานเทศกาลไหว้พระจันทร์
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1318 ตำนานเทศกาลไหว้พระจันทร์
แปลโดย iPAT
‘เจ้าล้อเล่นใช่หรือไม่? ชาเก้ากลิ่นหอมของข้าไม่สามารถเปรียบเทียบกับน้ำทะเลถ้วยหนึ่งงั้นหรือ?’ ลั่วมู่ซือคำรามอยู่ในใจแต่ภายนอกยังสงบนิ่ง
‘บัดซบ! วูอี้ไห่กำลังเล่นตลก เรากำลังเสนอชา แต่เขาเสนอน้ำทะเล ช่างไร้ยางอายนัก! เทพธิดาซื่อหลิวยังยอมรับเขาอีก นี่มันน่าโมโหเกินไปแล้ว!’ หลุนเฟยลอบกำหมัดแน่นอยู่ใต้โต๊ะ
เทพธิดาเถียนลู่เร่งแก้ไขสถานการณ์ “ดวงจันทร์ขึ้นสูงแล้ว หลังจากดื่มชา หากไร้บทกวี มันคงไม่สมบูรณ์”
ฟางหยวนแสร้งไม่เข้าใจ “เราต้องอ่านบทกวีจริงๆงั้นหรือ?”
ดวงตาของลั่วมู่ซือและหลุนเฟยส่องประกายขึ้นทันที นี่เป็นโอกาสอีกครั้ง
โอกาสที่จะล้มคู่แข่งความรักของพวกเขา!
‘คราวนี้อย่าคิดว่าจะสามารถหลบเลี่ยง ข้าจะผลักเจ้าลงบนพื้นและกระทืบซ้ำอย่างดุเดือด!’
จิตใจของลั่วมู่ซือเต็มไปด้วยความคิดเช่นนี้แต่ภายนอกเขายังยิ้มและแสดงท่าทางที่สง่างาม
เช่นเดียวกับหลุนเฟยที่คิดคล้ายคลึงกัน
อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่รู้ว่าฟางหยวนเป็นคนเช่นไร
แข่งขันบทกวี?
สวรรค์!
นี่มันแย่ยิ่งกว่าการแสดงต่อหน้าผู้เชี่ยวชาญ
ฟางหยวนมาจากดาวโลก เขามีบทกวีดั้งเดิมที่มีชื่อเสียงจำนวนมากอยู่ในหัว พวกมันล้วนเป็นผลงานชิ้นเอกที่สั่นสะเทือนโลกทั้งใบ เขาสามารถใช้หนึ่งในนั้นทำให้สองคนนี้ไม่สามารถกอบกู้ใบหน้าของตนเองได้อีกเลย
“ถูกต้อง เราจะท่องบทกวี มีเรื่องราวอยู่เบื้องหลังสิ่งนี้” เฉียวซื่อหลิวตอบฟางหยวน
“โอ้ โปรดอธิบาย” ฟางหยวนถามต่อ
“นี่เป็นตำนานที่ส่งต่อมาจากรุ่นสู่รุ่นของภาคใต้และยังเป็นที่มาของเทศกาลไหว้พระจันทร์อีกด้วย” เฉียวซื่อหลิวกล่าว
กาลครั้งหนึ่ง ณ หมู่บ้านแห่งหนึ่งในภาคใต้
ชายหนุ่มตกหลุมรักบุตรสาวของผู้ใช้วิญญาณชราและหญิงผู้นี้ก็หลงรักชายหนุ่มเช่นกัน
ชายหนุ่มรวบรวมความกล้าเพื่อขอแต่งงาน แต่เขาพบกับการปฏิเสธของผู้ใช้วิญญาณชรา
“เจ้าเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาขณะที่บุตรสาวของข้าเป็นผู้ใช้วิญญาณที่มีอนาคตสดใส เจ้าจะคู่ควรกับบุตรสาวของข้าได้อย่างไร?”
ชายหนุ่มอ้อนวอนแต่ผู้ใช้วิญญาณชรายังปฏิเสธและเย้ยหยัน “เจ้ากำลังฝันกลางวัน เจ้าคิดว่าข้าจะปล่อยให้บุตรสาวของข้าแต่งงานกับเจ้างั้นหรือ!? เจ้าเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาที่ไม่สามารถชงชา แล้วเจ้าจะมีประโยชน์ใด?”
ชายหนุ่มตอบ “มันก็เป็นเพียงน้ำชามิใช่หรือ? หากข้าสามารถชงชา ท่านจะอนุญาตให้บุตรสาวของท่านแต่งงานกับข้าหรือไม่?”
ผู้ใช้วิญญาณขรารู้สึกปวดหัว
เขารู้ว่าบุตรสาวของเขาก็รักชายผู้นี้เช่นกัน การทุบตีชายหนุ่มอย่างรุนแรงจะทำให้บุตรสาวของเขาเกลียดชังเขา
“หากเจ้าสามารถชงชาได้ตามความคาดหวังของข้า ข้าจะให้โอกาสเจ้า”
ชายหนุ่มดีใจและตกลงทันที “ข้าจะทำให้สำเร็จ!”
บุตรสาวของผู้ใช้วิญญาณชรากังวลมากเมื่อได้ยินเรื่องนี้ “ครอบครัวของข้ามีชื่อเสียงในเรื่องชา เจ้าต้องชงชาให้ท่านพ่อของข้าพึงพอใจ เจ้าเป็นเพียงมนุษย์ที่ไม่มีความสามารถของผู้ใช้วิญญาณ แล้วเจ้าจะชงชาเลิศรสได้อย่างไร?”
ชายหนุ่มตอบ “อย่ากังวล ผู้ใดบอกว่ามนุษย์ไม่สามารถชงชา ข้าขอบอกหลักการสามข้อกับเจ้า”
“ข้อแรก กฎของป่า ปลาใหญ่กินปลาเล็กและปลาเล็กกินกุ้ง”
หลังกล่าวจบคำชายหนุ่มเดินไปที่ลำธารและจับปลาตัวใหญ่ขึ้นมา เขาผ่าร่างของปลาตัวใหญ่และนำปลาตัวเล็กออกมาจากภายใน จากนั้นเขาก็ผ่าร่างของปลาตัวเล็กและดึงกุ้งออกมาจากภายใน
“ข้อสอง มนุษย์จำเป็นต้องกินและขับถ่าย”
ชายหนุ่มกินกุ้งและถ่ายออกมา
“ข้อสาม อุจจาระสามารถหล่อเลี้ยงพืชให้เติบโตขึ้น”
ชายหนุ่มฝังอุจจาระของตนไว้ใต้ดินและแน่นอนว่ามันทำให้ต้นไม้ผลิบาน
ชายหนุ่มดึงดอกไม้ชนิดหนึ่งขึ้นมาและนำมันไปแช่ในแอ่งน้ำเล็กๆทำให้มันกลายเป็นน้ำชา
ผู้ใช้วิญญาณชราไม่สามารถกล่าวสิ่งใดเป็นเวลานานหลังจากจิบชาชนิดนี้
บุตรสาวของเขากล่าว “ท่านพ่อ ท่าจะไม่ผิดคำพูดใช่หรือไม่?”
ผู้ใช้วิญญาณชราต้องพยักหน้าด้วยความไม่เต็มใจ “เจ้าหนู เจ้าผ่านการทดสอบแรกแล้ว แต่ยังเป็นไปไม่ได้ที่มนุษย์ธรรมดาจะแต่งงานกับบุตรสาวของข้า เจ้าหยาบคายเกินไปและขาดพรสวรรค์ เจ้าท่องบทกวีไม่ได้”
ชายหนุ่มเกาศีรษะและกล่าวด้วยความกังวล “แม้ข้าจะไม่เคยท่องบทกวีมาก่อน แต่ข้าสามารถทดลอง”
ผู้ใช้วิญญาณชราเย้ยหยัน “เจ้า?”
ชายหนุ่มถามกลับ “เหตุใดข้าจะทำไม่ได้?”
“หนุ่มน้อย การท่องบทกวีไม่ใช่การสวดมนต์เพียงไม่กี่ประโยค พวกเราผู้ใช้วิญญาณสามารถทำให้สวรรค์พิภพเปลี่ยนไปได้ด้วยการท่องบทกวี เราสามารถทำให้มนุษย์กระโดดขึ้นสู่อากาศด้วยความปิติยินดี เจ้าทำได้หรือไม่?”
ชายหนุ่มกล่าวเสียงต่ำ “จะรู้ได้อย่างไรหากไม่ทดลอง?”
“เอาล่ะ เช่นนั้นก็ทดลอง แล้วอย่ากล่าวว่าข้าไม่ให้โอกาส หากล้มเหลว เจ้าต้องจากไปและไม่กลับมาพบบุตรสาวของข้าอีก”
ชายหนุ่มไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมรับเงื่อนไข เขาเริ่มเดินไปรอบๆและนึกถึงบทกวีที่เคยอ่าน
แต่เขาไม่เคยท่องบทกวีมาก่อน เขาไม่รู้ว่าควรเริ่มต้นอย่างไร
ในช่วงเวลานี้เขาเห็นมดอยู่บนพื้น เขาเห็นนกและดวงอาทิตย์ตกที่นอกหน้าต่าง ทันใดนั้นเขาก็ตบศีรษะของตนเอง
เขาเริ่มท่อง “นกกระจอกบินต่ำและอสรพิษเลื้อยคลาน มดกลับบ้านเมื่อยามฝนตก”
ภาคใต้มีฝนกตกบ่อยครั้งแม้ตอนนี้จะเป็นฤดูใบไม้ผลิก็ตาม
ชายหนุ่มพึ่งกล่าวจบ ฝนก็โปรยปรายลงมาจากท้องฟ้า
การแสดงออกของผู้ใช้วิญญาณชราเปลี่ยนไป
ชายหนุ่มกล่าวต่อ “ฝนฤดูใบไม้ผลิหยดหนึ่งเหมือนน้ำมัน มากเกินไปจะทำให้เราสับสน”
ฝนเริ่มตกหนักขึ้น ท้องฟ้าเริ่มมืดลง
การแสดงออกของผู้ใช้วิญญาณชราดูไม่น่ามองเล็กน้อย
ชายหนุ่มคว้าศีรษะของตนและเกา “ต้นไม้ผลิบานเมื่อเริ่มทำการเกษตร เส้นผมร่วงหล่นราวกับเมล็ดพันธุ์ที่กระจัดกระจาย”
เมื่อถึงจุดนี้ชายหนุ่มก็ไม่สามารถสร้างสรรค์บทกวีได้อีก
“ข้าควรให้เวลาเจ้ามากกว่านี้” ผู้ใช้วิญญาณชราเย้ยหยัน
ดวงตาของชายหนุ่มส่องประกายขึ้นทันที เขาชี้นิ้วไปที่ผู้ใช้วิญญาณชรา “นายท่านนำธัญพืชทั้งหมดออกไป ท้องที่หิวโหยของเราล้วนเจ็บปวด”
ผู้ใช้วิญญาณชรากระทืบเท้าด้วยความโกรธและผุดลุกขึ้นยืนพร้อมกับโยนถ้วยชาในมือลงบนพื้น
จากนั้นเขาก็ชี้นิ้วไปที่ชายหนุ่มและตะโกน “เป็นมนุษย์ธรรมดาแต่กลับกล้าหาญนัก!”
แต่บุตรสาวของเขากลับหัวเราะและปรบมือ “ยอดเยี่ยม! กวีบทนี้สามารถเปลี่ยนแปลงสวรรค์พิภพและยังทำให้ทำให้ท่านพ่อกระโดดขึ้นได้อีกด้วย”
ผู้ใช้วิญญาณชราโกรธที่เห็นบุตรสาวเชิญชูชายหนุ่ม แต่เขาก็ไม่สามารถทำสิ่งใด
“ดี ดี ดี ถือว่าผ่านการทดสอบที่สอง แต่ยังมีบททดสอบสุดท้าย หากเจ้าต้องการแต่งงานกับบุตรสาวของข้า แล้วของหมั้นอยู่ที่ใด? เจ้าสามารถนำของขวัญที่ทำให้ข้าพอใจมาได้หรือไม่?”
ชายหนุ่มก้มศีรษะลงด้วยความหดหู่ เขาอาศัยอยู่ในกระท่อมมุงจาก นอนบนเสื่อฟาง และมีเสื้อผ้าเก่าๆเพียงชุดเดียว
“ข้าจะใช้ทรัพย์สินทั้งหมดของข้าเป็นของหมั้น” ชายหนุ่มกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ให้ข้าดูก่อน!” ผู้ใช้วิญญาณชรากล่าว
ชายหนุ่มนำผู้ใช้วิญญาณชราไปที่บ้านของเขา
จากนั้นเขาก็กล่าวว่า “ทั้งหมดนี้คือทรัพย์สินของข้า”
“กระท่อมหลังเก่าที่มีรูอยู่ทุกหนทุกแห่ง?” ผู้ใช้วิญญาณชราชี้นิ้วไปที่กระท่อมด้วยความรังเกียจ
“เสื่อฟางที่กำลังแตกใบ?” ผู้ใช้วิญญาณชราโยนเสื่อฟางลงบนพื้น
“หินพวกนี้คืออุจจาระงั้นหรือ?” ผู้ใช้วิญญาณชราเตะหินและทำลายมัน
ชายหนุ่มก้มศีรษะลง
ทุกประโยคที่ผู้ใช้วิญญาณชรากล่าวทำให้ศีรษะของชายหนุ่มก้มต่ำลงเรื่อยๆ
แต่จังหวะที่ผู้ใช้วิญญาณชราเตะก้อนหินจนแตก วิญญาณที่งดงามราวกับดวงจันทร์กลับบินออกมา
ผู้ใช้วิญญาณชราตะลึง
ชายหนุ่มก็เช่นกัน เขาหยิบก้อนหินขึ้นมาจากเนินเขาแบบสุ่มโดยไม่ได้ตั้งใจคัดเลือก
บุตรสาวของผู้ใช้วิญญาณชรากรีดร้องอย่างมีความสุข “วิญญาณดวงนี้เพียงพอแล้วสำหรับเป็นของหมั้นใช่หรือไม่?”
ผู้ใช้วิญญาณชราไม่สามารถโต้แย้ง เขาไม่สามารถกล่าวสิ่งใดออกมาได้อีกและในที่สุดเขาก็ทำได้เพียงปล่อยให้บุตรสาวของตนแต่งงานกับชายหนุ่มผู้นี้เท่านั้น
ฟางหยวนเคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนแล้ว
มันเป็นความขัดแย้งระหว่างมนุษย์กับผู้ใช้วิญญาณและจบลงด้วยชัยชนะของมนุษย์
มันแสดงให้เห็นถึงความกระหายในชีวิตที่ดีขึ้นของมนุษย์เช่นเดียวกับการแสวงหาความสุข
เฉียวซื่อหลิวเล่าเรื่องนี้ให้ฟางหยวนฟังและอธิบายเกี่ยวกับประเพณีของเทศกาลไหว้พระจันทร์อย่างผ่อนคลาย ทั้งยังบอกเหตุผลที่เทศกาลไหว้พระจันทร์ของภาคใต้ไม่ว่าจะเป็นผู้ใช้วิญญาณหรือมนุษย์จะต้องชงชา ท่องบทกวี และผ่าหิน
“เป็นเรื่องราวที่น่าสนใจ ขอบคุณเทพธิดาซื่อหลิวที่ตอบข้อสงสัยของข้า” ฟางหยวนกล่าวอย่างสุภาพ
เฉียวซื่อหลิวยิ้ม “เหตุใดต้องสุภาพนัก เรียกข้าว่าซื่อหลิว”
“หือ?” ดวงตาของลั่วมู่ซือเบิกกว้าง
ทัศนคติของเฉียวซื่อหลิวที่มีต่อวูอี้ไห่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับวิธีที่นางปฏิบัติต่อชายหนุ่มอีกสองคน
“เราดื่มชาแล้ว ตอนนี้มาท่องบทกวีกันเถอะ” หลุนเฟยกล่าวและมองฟางหยวนด้วยสายตาที่เย็นชา
ดวงตาที่งดงามของเฉียวซื่อหลิวหันไปทางหลุนเฟย “หลุนเฟย เจ้าช่างกระตือรือร้นนัก เช่นนั้นข้าของฟังผลงานของเจ้าเป็นคนแรก”
หลุนเฟยหัวเราะอย่างมีความสุข เขาเร่งตอบ “เช่นนั้นข้าก็ขอเสนอผลงานทั่วๆไปของข้า”
เขายืนขึ้นและค่อยๆเดินออกไปนอกศาลาขณะท่องบทกวี
ก้าวเข้าสู่สังคมในฐานะเด็กหนุ่มที่โง่เขลา
ข้าเดินไปข้างหน้าด้วยตนเองทีละก้าว
แต่คืนนี้ข้าไม่ได้ดื่มเพียงลำพัง
เพราะความฝันที่งดงามของข้าอยู่ใต้แสงจันทรา
หลุนเฟยในชุดสีฟ้าท่องบทกวีของเขาอย่างช้าๆ
หลังจากท่องบทกวีจนจบ เขาก็เดินกลับเข้าไปข้างใน
เฉียวซื่อหลิวสัมผัสได้ถึงความหลงใหลที่อยู่ในดวงตาของหลุนเฟย ดังนั้นนางจึงเร่งเบี่ยงสายตาไปทางฟางหยวน
อย่างไรก็ตามฟางหยวนไม่ได้มองนางและไม่แสดงความเกลียดชังต่อหลุนเฟย เขาเพียงดื่มชาอย่างเงียบๆเท่านั้น
นี่ทำให้เกิดร่องรอยของความผิดหวังขึ้นในดวงตาของเฉียวซื่อหลิว