Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน - บทที่ 1345 สถานการณ์บีบบังคับ
ดวงอาทิตย์ขึ้นสู่ท้องฟ้า รุ่งเช้าอากาศยังชื้นแฉะ
ผู้อมตะสองคนของตระกูลฮั่วยืนอยู่บนก้อนเมฆและมองลงไปยังหุบเขาด้านล่าง
หุบเขาเมฆาสีทอง!
หุบเขาแห่งนี้เต็มไปด้วยหมอกหนาทึบ ในยามค่ำคืนหมอกจะบดบังการมองเห็นทั้งหมด แต่เมื่อดวงอาทิตย์ขึ้น แสงแดดจะทำให้หมอกเปลี่ยนเป็นสีทอง
“นี่คือหุบเขาเมฆาสีทอง มันสร้างทรัพยากรบนเส้นทางแห่งโลหะและเส้นทางแห่งเมฆา ตระกูลวูพรากมันไปจากเราเมื่อนานมาแล้ว” ผู้อมตะตระกูลฮั่วถอนหายใจ “แต่ตอนนี้ถึงเวลาที่จะทวงคืนทรัพย์สินของเราแล้ว!”
ผู้อมตะตระกูลฮั่วอีกคนที่ดูคล้ายปีศาจอมตะพยักหน้าก่อนที่ทั้งสองจะบินไปยังหุบเขาเมฆาสีทองอย่างเงียบๆ
ก่อนหน้านี้หุบเขาเมฆาสีทองอยู่ภายใต้การปกครองของตระกูลวู แต่การหายตัวไปของวูหยงทำให้ฟางหยวนออกคำสั่งเรียกผู้อมตะทุกคนกลับตระกูล
ข่าวนี้อาจถูกปิดได้ชั่วระยะเวลาหนึ่งแต่สุดท้ายทุกคนก็สังเกตเห็น
อย่างไรก็ตามตระกูลฮั่วเป็นกองกำลังฝ่ายธรรมะ พวกเขาไม่สามารถโจมตีได้โดยตรง ดังนั้นพวกเขาจึงต้องเอ่ยอ้างว่ากำลังไล่ล่าปีศาจอมตะที่บุกเข้ามาในหุบเขาเมฆาสีทองอย่างอุกอาจ
เมื่อพวกเขายึดหุบเขาเมฆาสีทอง มันจะไม่ใช่เรื่องง่ายที่ตระกูลวูจะทวงคืน
เมื่อเวลานั้นมาถึงตระกูลฮั่วจะหาข้ออ้างมากมายเช่นเราจะช่วยตระกูลวูปกป้องหุบเขาเมฆาสีทอง
ข้ออ้างคือสิ่งสำคัญที่สุดของฝ่ายธรรมะ
เว้นเพียงตระกูลวูจะมีความแข็งแกร่งอันเป็นที่สุดและบังคับให้ตระกูลฮั่วล่าถอยออกไป
ปีศาจอมตะของตระกูลฮั่วโจมตีหุบเขาเมฆาสีทองอย่างต่อเนื่อง
แม้ผู้อมตะตระกูลวูจะจากไปแต่ค่ายกลวิญญาณยังถูกทิ้งไว้เพื่อปกป้องแหล่งทรัพยากรของพวกเขา
ในเวลานี้มันกำลังปลดปล่อยพลังอำนาจออกมาเพื่อป้องกันตัวมันเอง
ผู้อมตะตระกูลฮั่วคำรามและส่งดาบพลังปราณออกมาทำลายทุกสิ่งกีดขวาง
เห็นได้ชัดว่าตระกูลฮั่วเตรียมตัวมาเป็นอย่างดี ค่ายกลวิญญาณของตระกูลวูเป็นเพียงค่ายกลวิญญาณระดับมนุษย์ แล้วมันจะสามารถต่อต้านผู้อมตะระดับเจ็ดได้อย่างไร?
ค่ายกลวิญญาณถูกทำลายในการโจมตีเดียว หมอกสีทองแยกออกและเผยให้เห็นลักษณะที่แท้จริงของหุบเขาแห่งนี้
ผู้อมตะตระกูลฮั่วมองมันด้วยดวงตาส่องประกายก่อนที่คนหนึ่งจะตะโกน “จอมวายร้าย เจ้าจะไปที่ใด?”
ผู้อมตะตระกูลฮั่วอีกคนที่ดูเหมือนปีศาจอมตะพุ่งลงไปยังหุบเขาด้านล่าง
…..
น้ำตกสีม่วงไหลลงมาจากความสูงเกือบร้อยเมตร
มันคือน้ำตกพิษ!
บนภูเขาใกล้กับน้ำตกแห่งนี้มีหมู่บ้านที่ตระกูลวูดูแลอยู่
“ตาย ตาย!” ผู้ใช้วิญญาณจำนวนมากพุ่งเข้าสู่ภูเขา
ผู้ใช้วิญญาณของตระกูลวูล่าถอยไปถึงแนวป้องกันสุดท้าย
หัวหน้าหมู่บ้านผู้ใช้วิญญาณระดับสี่ของตระกูลวูตะโกน “ตระกูลหยางช่างน่ารังเกียจนัก พวกเจ้ากล้าโจมตีตระกูลวูจริงๆ!”
“ฮืม เราอดทนกับพวกเจ้ามานานแล้ว พ่อแม่ของข้าเพียงต้องการวิญญาณเพื่อนำไปรักษาพิษ แต่พวกเขากลับเสียชีวิตบนภูเขาลูกนี้ วันนี้พวกเราจะทวงบัญชีแค้น!” ผู้ใช้วิญญาณของตระกูลหยางพุ่งเข้าโจมตีด้วยความโกรธ
“บัดซบ!” ผู้ใช้วิญญาณของตระกูลวูอยู่ในตำแหน่งป้องกันขณะที่ตระกูลหยางเตรียมตัวมาเป็นอย่างดีและนำกองกำลังขนาดใหญ่บุกเข้ามา
ผู้ใช้วิญญาณของตระกูลวูพ่ายแพ้และทำได้เพียงหลบหนีเท่านั้น
ผู้ใช้วิญญาณตระกูลหยางโห่ร้องอยู่ท่ามกลางซากปรักหักพัง
บนท้องฟ้าผู้อมตะตระกูลหยางกำลังเฝ้ามองสิ่งนี้ด้วยใบหน้าที่มีความสุข
นี่คือพื้นที่ทับซ้อนของตระกูลหยางและตระกูลวู ตระกูลหยางวางแผนมานานแล้ว พวกเขาส่งกลุ่มผู้ใช้วิญญาณของตระกูลหยางมาที่นี่เพื่อสร้างความขัดแย้ง
ด้วยเหตุนี้ตระกูลหยางจึงสามารถบุกเข้ายึดครองอาณาเขตของตระกูลวูได้อย่างเปิดเผย
ด้วยกฎของฝ่ายธรรมะ สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงความขัดแย้งของมนุษย์
น้ำตกพิษเป็นแหล่งทรัพยากรระดับมนุษย์ มันสร้างวิญญาณระดับมนุษย์บนเส้นทางแห่งพิษ สิ่งนี้ไม่มีความสำคัญต่อผู้อมตะ
แต่นี่เป็นเพียงก้าวแรก ตระกูลหยางต้องการก้าวต่อไปจนถึงแหล่งทรัพยากรที่ล้ำค่าอย่างแท้จริง นั่นคือภูเขาซากศพ!
…..
“ครืน…”
เสียงคลื่นน้ำดังเข้าหูของผู้อมตะตระกูลเหยา
เขายืนอยู่บนยอดเขาจักรพรรดิผีดิบและมองไปที่แม่น้ำมังกรแดง
สถานที่แห่งนี้เคยเป็นของผู้อมตะระดับแปดจักรพรรดิผีดิบหยูติงเทียนมาก่อน หลังจากเขาเสียชีวิต มันกลายเป็นสถานที่รกร้าง
แต่ผู้ใดจะคิดว่าเมื่อเวลาผ่านไป มันจะกลายเป็นภูเขาผีดิบ
มีผีดิบจำนวนมากอาศัยอยู่ที่นี่ พวกมันยังให้กำเนิดวิญญาณผีดิบบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงตลอดไปถึงวิญญาณปราณผีดิบบนเส้นทางแห่งพลังปราณ
ก่อนหน้านี้กองกำลังพันธมิตรผีดิบของภาคใต้ต้องการซื้อภูเขาลูกนี้จากตระกูลวู แต่ตระกูลวูปฏิเสธ
“ตอนนี้มันเป็นของตระกูลเหยาแล้ว!” ผู้อมตะตระกูลเหยาตื่นเต้นมาก
ข่าวเรื่องวูหยงเสียชีวิตแพร่กระจายออกไป
หลังจากนั้นกองกำลังใหญ่หลายกองกำลังจึงร่วมมือกันและกระทำการเหล่านี้
ตระกูลเหยา ตระกูลหยาง และตระกูลฮั่ว พวกเขาเป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น
…..
สำนักงานใหญ่ของตระกูลวูตกอยู่ในความโกลาหล
“บัดซบ! สามตระกูลนี้ช่างกล้าหาญนัก!”
“เราสูญเสียทรัพยากรไปสามแห่งในครั้งเดียว โดยเฉพาะภูเขาผีดิบ นี่เป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ ในอดีตตระกูลวูต้องใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อให้ได้มันมา”
“ตอบโต้ เขาต้องตอบโต้! เรามีคฤหาสน์วิญญาณอมตะ เราต้องเกรงกลัวสิ่งใด?”
ผู้อมตะตระกูลวูตะโกนด้วยความวิตกกังวล บางคนถกเถียง บางคนคัดค้าน บางคนเงียบ
ผ่านไปมากกว่าสิบวันตั้งแต่วูหยงหายตัวไปโดยไม่ทราบชะตากรรม
ตระกูลวูพยายามปกปิดข้อมูลนี้ แต่ดังคาด คนร้ายเผยแพร่ข่าวเรื่องนี้ออกไปแล้ว
แรกเริ่มกองกำลังใหญ่ปฏิเสธที่จะเชื่อ แต่หลังจากนั้นพวกเขาจึงตระหนักว่ามันเป็นเรื่องจริง
เนื่องจากฟางหยวนคาดเดาสถานการณ์นี้ไว้แล้ว ดังนั้นเขาจึงเผยแพร่ข้อมูลเท็จมากมายออกไปเพื่อหลอกลวงกองกำลังเหล่านั้น
แต่การกระทำของเขายังไร้ประโยชน์
กองกำลังใหญ่ไม่ได้โง่ หลังจากสังเกตการณ์ ในที่สุดพวกเขาก็ลงมือ ทันทีที่พวกเขาลงมือ ตระกูลวูตกอยู่ในจุดที่ยากลำบาก พวกเขาสูญเสียแหล่งทรัพยากรมากมาย
ในห้องประชุม ที่นั่งหลักว่างเปล่า วูป๋าชงนั่งอยู่ในตำแหน่งของเขาและคอยสังเกตการแสดงออกของกลุ่มผู้อมตะอย่างเงียบๆ แม้เขาจะหนักใจ แต่เขาก็รู้สึกพอใจเล็กน้อย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขามองไปที่วูเฉียว ริมฝีปากของเขาก็ขดตัวขึ้นเป็นรอยยิ้ม
เพราะวูเฉียวเป็นผู้รับผิดชอบภูเขาผีดิบ
วูเฉียวแสดงออกอย่างเย็นชา
แม้เขาจะตระหนักถึงรอยยิ้มยั่วยุของวูป๋าชง แต่เขาก็แสร้งทำเป็นไม่รับรู้และนั่งนิ่งราวกับรูปปั้น
“หยุดโต้เถียง” วูป๋าชงกล่าว
คราวนี้ไม่มีผู้ใดตำหนิเขา ห้องประชุมเงียบลงอย่างรวดเร็ว
วูป๋าชงพอใจกับสิ่งนี้ ภายใต้สายตาที่วิตกกังวลของกลุ่มผู้อมตะ เขาถอนหายใจ “เรื่องใหญ่เช่นนี้เกิดขึ้นกับตระกูลวูแต่เรายังไม่สามารถตัดสินใจ ไปขอให้ท่านวูอี้ไห่ตัดสินกันเถอะ”
วูเฉียวขมวดคิ้ว
ผู้อมตะตระกูลวูมองหน้ากัน
บางคนไม่พอใจและบ่น “เรื่องใหญ่เช่นนี้เกิดขึ้นกับตระกูล แต่ท่านวูอี้ไห่ยังอยู่ในค่ายกลวิญญาณ”
“ข้าได้ยินว่าเทพธิดาซื่อหลิวไปที่นั่นเมื่อสิบกว่าวันก่อน ข้ายังได้ยินว่ามีเทพธิดากระต่ายขาว…” ผู้อมตะบางคนกล่าวด้วยเจตนาร้าย
วูเฉียวขมวดคิ้วลึก เขาต้องการพูดแทนฟางหยวน แต่เขาอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ดีนัก ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะไม่กล่าวสิ่งใด
ไม่นานจดหมายจากตระกูลวูก็ไปถึงฟางหยวน
ฟางหยวนไม่แปลกใจ เขาคาดเดาไว้แล้ว
“ดูเหมือนข้าจะอยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้แล้ว” ฟางหยวนมองอาณาจักรแห่งความฝันและถอนหายใจ
หลายวันที่ผ่านมาเขาต้องการสำรวจอาณาจักรแห่งความฝันต่อไป แต่โชคไม่ดีที่มันยังเป็นอาณาจักรแห่งความฝันที่ไร้สาระ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้สำรวจมัน