Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน - บทที่ 1365 เจตจำนงของเทพอมตะกลุ่มดาว
ราชันมังกรเข้าสู่ความฝัน
ด้วยร่างกายาแห่งความฝันระดับเจ็ด อิงอู๋เซี่ยสามารถระเบิดความแข็งแกร่งออกมาและเปลี่ยนสถานการณ์การต่อสู้ระหว่างสองผู้อมตะระดับแปด
ราชันมังกรติดอยู่ในอาณาจักรแห่งความฝันและไม่สามารถหลบหนี
ราชันภูเขาม่วงฉวยโอกาสนี้ตอบโต้
“ไม่สำนึกจริงๆ!”
“ปีศาจที่โง่เขลา เจ้าไม่มีทางรอดแล้ว!” เสียงของเทพธิดาจื่อเว่ยดังขึ้นในค่ายกลวิญญาณอีกครั้ง
ฟางหยวนช่วยอิงอู๋เซี่ยและทำให้ราชันมังกรเข้าสู่ความฝันทางอ้อม เทพธิดาจื่อเว่ยเห็นสิ่งเหล่านี้ทั้งหมด
“อย่างไรก็ตาม หากเจ้าคิดว่าท่านราชันมังกรจะล้มเหลวเพราะเหตุนี้ เจ้าคิดผิดทั้งหมด”
หลังกล่าวจบคำ เทพธิดาจื่อเว่ยก็หัวเราะ “ข้าต้องขอบคุณเจ้า หลายครั้งที่เจ้าใช้ค่ายกลวิญญาณ มันทำให้ข้าได้เห็นการดำเนินการที่หลากหลายของค่ายกลวิญญาณ เจ้าไม่สังเกตเห็นหรือว่าเจ้ากำลังสูญเสียการควบคุมค่ายกลวิญญาณมากขึ้นเรื่อยๆ?”
“ความเร็วในการบุกของเจ้าเพิ่มขึ้น แต่อย่าคิดว่าเจ้าจะสามารถหลอกลวงข้า” ฟางหยวนเย้ยหยัน
เทพธิดาจื่อเว่ยมึนงง “หือ?”
“แม้พวกเจ้าจะมาที่นี่อย่างสง่างาม แต่กำลังรบของพวกเจ้ามีเพียงเท่านี้” ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้น
“ความจริงก็คือตราบเท่าที่ผู้อมตะระดับแปดเช่นเจ้าอีกคนปรากฏตัว พวกเจ้าก็จะสามารถกวาดล้างสนามรบได้อย่างง่ายดาย น่าเสียดายที่วังสวรรค์ไม่ได้ส่งผู้อื่นมา”
“ในความเป็นจริง เจ้ายังต้องลอบเข้ามาในค่ายกลวิญญาณอย่างลับๆ ขณะที่ราชันมังกรต้องไปต่อสู้เป็นการส่วนตัว”
“แม้เจ้าจะรู้ตัวตนที่แท้จริงของข้า แต่เจ้าไม่ได้เปิดเผยตัวตนของข้าทันที ตัวตนของข้ายังเป็นความลับ”
“นอกจากไม่มีหลักฐาน ความตั้งใจของเจ้าก็คือหยิบยืมพลังของผู้อมตะฝ่ายธรรมะของภาคใต้เพื่อจัดการนิกายเงา ถูกต้องหรือไม่?”
“และยังมีอีกเหตุผลหนึ่ง แม้เจ้าจะเปิดเผยตัวตนของข้าและโน้มน้ามผู้อมตะฝ่ายธรรมะของภาคใต้ ค่ายกลวิญญาณนี้ก็ยังอยู่ในการควบคุมของข้า จุดสำคัญนี้จะไม่เปลี่ยนแปลงเนื่องจากตัวตนของข้า”
“เจ้ามาที่ค่ายกลวิญญาณนี้เพื่อชิงตัวหมากที่ยิ่งใหญ่ตัวนี้”
“ทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นว่าวังสวรรค์ของเจ้ากำลังหลอกลวง พวกเจ้าขาดแคลนกำลังรบระดับแปด”
เทพธิดาจื่อเว่ยเงียบ
นางนึกถึงฉากเหตุการณ์เมื่อสองสามวันก่อน
ย้อนกลับไปนางกำลังเรียนรู้คฤหาสน์วิญญาณอมตะกระดานหมากรุกกลุ่มดาว
คฤหาสน์วิญญาณอมตะหลังนี้เคยอยู่ในคลังสมบัติของวังสวรรค์ หลังจากราชันมังกรตื่นขึ้น เขามีอำนาจที่จะนำมันออกมาให้เทพธิดาจื่อเว่ยใช้งาน
หลังจากเรียนรู้มัน เทพธิดาจื่อเว่ยตระหนักถึงความยอดเยี่ยมของคฤหาสน์วิญญาณอมตะหลังนี้
‘มันสมควรเป็นคฤหาสน์วิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาที่ถูกสร้างขึ้นโดยเทพอมตะกลุ่มดาวจริงๆ มันช่วยให้ความสามารถในการอนุมานของข้าเพิ่มขึ้นหลายเท่า’
เมื่อคิดถึงเทพอมตะกลุ่มดาว เทพธิดาจื่อเผยแสดงออกด้วยความชื่นชม
มันทำให้เทพธิดาจื่อเว่ยรู้สึกราวกับนางคือผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาอันดับหนึ่งของโลกยุคปัจจุบัน
‘น่าเสียดายที่แม้การอนุมานของข้าจะมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่ข้ายังต้องการข้อมูลและเบาะแสมากกว่านี้ มิฉะนั้นมันจะเป็นเรื่องยากในการอนุมาน’ ดวงตาของเทพธิดาจื่อเว่ยมืดมนลง
นางนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ เมื่อกลุ่มผู้อมตะภาคกลางถูกไล่ล่าโดยปีศาจอมตะเซี่ยหูและกองกำลังถ้ำสวรรค์นิรันดร พวกเขาพยายามปกปิดเบาะแสและป้องกันไม่ให้เทพธิดาจื่อเว่ยอนุมานตำแหน่งของกลุ่มผู้อมตะภาคกลาง ดังนั้นกำลังเสริมจึงไม่สามารถให้ความช่วยเหลือแก่พวกเขา
นางยังคิดถึงฟางหยวน เป้าหมายที่วังสวรรค์ต้องการสังหารมาตลอด
แต่พวกนางยังขาดเงื่อนงำเกี่ยวกับเขา
นางสรุปว่าฟางหยวนมีวิธีป้องกันและสามารถต่อต้านการอนุมาน
ดังนั้นวังสวรรค์จึงไม่เคยรู้ที่อยู่ของฟางหยวน
เทพธิดาจื่อเว่ยถอนหายใจ
แต่ในจังหวะนั้นกระดานหมากรุกกลุ่มดาวในมือของนางกลับเริ่มดูดกลืนพลังงานอมตะของนางและทำงานด้วยตัวของมันเอง
เจตจำนงแห่งสวรรค์จำนวนหนึ่งพุ่งออกมาจากกระดานหมากรุกกลุ่มดาวและกลายเป็นเทพอมตะกลุ่มดาว
เมื่อเห็นสิ่งนี้ เทพธิดาจื่อเว่ยตกใจมาก
กระดานหมากรุกกลุ่มดาวเป็นสมบัติของเทพอมตะกลุ่มดาว แต่นางเสียชีวิตไปนานแล้ว ตอนนี้เทพธิดาจื่อเว่ยเพียงหยิบยืมมันมาเท่านั้น
“จื่อเว่ย นี่คือเทพอมตะกลุ่มดาว เหตุใดถึงไม่แสดงความเคารพ?” ราชันมังกรเดินเข้ามาด้านหลังเทพธิดาจื่อเว่ย
“แต่นี่คือเจตจำนงสวรรค์” เทพธิดาจื่อเว่ยเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา นางสามารถบอกได้อย่างชัดเจนว่ามันคือสิ่งใด
“แน่นอนว่านี่คือเจตจำนงสวรรค์ เจ้ายังเด็กเกินไป เจ้าไม่รู้ความลับเรื่องนี้ เทพอมตะกลุ่มดาวได้หลอมรวมเข้ากับเจตจำนงสวรรค์มานานแล้ว แม้ร่างของท่านจะสูญสิ้น แต่เจตจำนงของท่านก็รวมเป็นหนึ่งกับสวรรค์พิภพ!”
เทพธิดาจื่อเว่ยงุ่นงงและตกใจมาก
“นี่หมายความว่าเทพอมตะกลุ่มดาวมีชีวิตนิรันดร์เช่นนั้นหรือ? หากเจตจำนงสวรรค์คือเทพอมตะกลุ่มดาว เช่นนั้นทั้งโลกก็ต้องอยู่ข้างวังสวรรค์มิใช่หรือ?”
ราชันมังกรส่ายศีรษะ “เจ้าควรกล่าวว่าวังสวรรค์อยู่ข้างเจตจำนงสวรรค์ หลังจากหลอมรวมกับเจตจำนงสวรรค์ เทพอมตะกลุ่มดาวก็ไม่ใช่ตัวท่านเองอีกต่อไป นี่เป็นการเสียสละที่ยิ่งใหญ่เพื่อมวลมนุษยชาติ! หลังจากเทพอมตะกลุ่มดาวหลอมรวมกับเจตจำนงสวรรค์ เจตจำนงสวรรค์ได้รับประโยชน์มหาศาล แต่แก่นแท้ของมันยังเป็นเจตจำนงสวรรค์”
เทพธิดาจื่อเว่ยสามารถทำความเข้าใจอย่างรวดเร็ว
เทพอมตะกลุ่มดาวเสียสละตนเองเพื่อมวลมนุษยชาติ
แก่นแท้ของเจตจำนงสวรรค์ไม่เปลี่ยนแปลง แต่บางสิ่งถูกดัดแปลงโดยเทพอมตะกลุ่มดาว ตัวอย่างเช่นรูปแบบที่มันใช้และบางทีอาจรวมถึงคำใบ้ที่วังสวรรค์ได้รับ
นี่อาจเป็นเหตุผลว่าเหตุใดวังสวรรค์จึงปฏิบัติตามความต้องการของเจตจำนงสวรรค์ และหลังจากหลายชั่วอายุคน วังสวรรค์ก็ยังสามารถยืนหยัดอยู่ได้อย่างมั่นคง
“ยุคที่ยิ่งใหญ่กำลังจะมาถึง ห้าภูมิภาคจะกลายเป็นหนึ่ง โชคชะตาได้มาถึงจุดสำคัญแล้ว” เจตจำนงของเทพอมตะกลุ่มดาวกล่าวและยื่นมือขวาออกมา
บนฝ่ามือของนาง ภาพค่ายกลวิญญาณของภาคใต้ปรากฏขึ้น
“ที่นี่”
“การต่อสู้ครั้งสำคัญกำลังจะคลี่คลาย ผลของการต่อสู้ครั้งนี้จะส่งผลกระทบต่อคนทั้งโลก”
“เทพปีศาจจิตวิญญาณอยู่ในสภาพที่อ่อนแอมาก นิกายเงาจะรวบรวมผู้คนไปที่นั่น ฟางหยวนปลอมตัวเป็นวูอี้ไห่และผสานตัวอยู่ในกลุ่มผู้อมตะภาคใต้”
“นี่คือกลุ่มคนที่ท้าทายต่อโชคชะตา ที่มาของความโกลาหล กำจัดพวกเขาและซ่อมแซมวิญญาณชะตากรรม”
“อย่างไรก็ตามวังสวรรค์จะอนุญาตให้พวกเจ้าสองคนเข้าสู่การต่อสู้ครั้งนี้เท่านั้น”
เจตจำนงของเทพอมตะกลุ่มดาวกล่าวอย่างชัดเจน
“เพราะเหตุใด?”
วังสวรรค์มีรากฐานที่ลึกมาก ก่อนหน้านี้ในการต่อสู้บนภูเขาอี้เทียน พวกเขาค้นพบมันช้าเกินไป นั่นทำให้ผู้อมตะระดับแปดที่ตื่นขึ้นไม่เพียงพอที่จะพลิกสถานการณ์
แต่ตอนนี้พวกเขาได้รับการแจ้งเตือนล่วงหน้าจากเจตจำนงของเทพอมตะกลุ่มดาว พวกเขามีเวลาเหลือเฟือ วังสวรรค์มีเวลาเตรียมตัวอีกมาก พวกเขาสามารถรวบรวมกำลังรบทั้งหมดเพื่อบดขยี้ศัตรู
อย่างไรก็ตามเทพอมตะกลุ่มดาวกลับบอกให้เทพธิดาจื่อเว่ยและราชันมังกรออกไปต่อสู้เพียงสองคน
“นี่คือโชคชะตา”
“หลังจากการต่อสู้บนภูเขาอี้เทียน ความไม่แน่นอนของโชคชะตาลดลงมาก ตอนนี้วิญญาณชะตากรรมฟื้นคืนแล้ว โชคชะตากลับมาควบคุมโลกใบนี้อีกครั้ง”
“คราวนี้พวกเจ้าจะได้รับชัยชนะอย่างแน่นอน”
“อย่ารบกวนการจำศีลของผู้อมตะคนอื่นๆ พวกเขามีหน้าที่ที่ยิ่งใหญ่ในอนาคต รากฐานของวังสวรรค์จะอ่อนแอลงกว่านี้ไม่ได้ มิฉะนั้นผลที่ตามมาจะรุนแรงมาก”
“นำหอคอยดวงตาสวรรค์และกระดานหมากรุกกลุ่มดาวออกไป ไม่ควรระดมกำลังผู้อมตะจากสิบนิกายโบาณของภาคกลางหากไม่จำเป็น จำไว้ว่าอีกสิบปีข้างหน้าวังสวรรค์จะต้องการผู้อมตะระดับแปดอีกมาก จำไว้ จำไว้…”
เจตจำนงของเทพอมตะกลุ่มดาวแนะนำ
เทพธิดาจื่อเว่ยได้รับข้อมูลมากมายแต่ตอนนี้นางเริ่มสับสน
นางพบว่าแม้นางจะเป็นสมาชิกของวังสวรรค์แต่แท้จริงแล้วนางแทบไม่รู้สิ่งใดเลย
องค์กรขนาดใหญ่นี้มีรากฐานที่ลึกล้ำแต่ไม่สามารถนำออกมาใช้งานได้อย่างอิสระ
ผู้อมตะของวังสวรรค์กำลังจำศีล นอกเหนือจากการรักษาชีวิต ดูเหมือนพวกเขายังมีภารกิจที่ยิ่งใหญ่กว่ารออยู่