Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน - บทที่ 1444 ความผิดหวังของชิงซื่อ
วิญญาณอมตะล้างใจลอยอยู่บนฝ่ามือของฟางหยวน
“ในที่สุดข้าก็ทำสำเร็จ มันไม่ง่ายเลย” ฟางหยวนถอนหายใจ
อาจกล่าวได้ว่าการหลอมรวมวิญญาณคือการพนันครั้งใหญ่
พวกเขาใช้ความพยายามเกือบสามสิบครั้งก่อนที่จะประสบความสำเร็จและสูญเสียทรัพยากรมากมาย
ฟางหยวนต้องใช้มรดกของนิกายเงาแลกเปลี่ยนกับแต้มผลงานของนิกายหลางหยาและใช้แต้มผลงานเหล่านี้แลกเปลี่ยนสมบัติจากคลังสมบัติของนิกายหลางหยา
นอกจากนั้นเขายังต้องใช้แก่นแท้บัวหิมะและมันก็พิสูจน์แล้วว่าทรัพยากรอมตะระดับเจ็บชนิดนี้มีประโยชน์มาก
หลังจากดัดแปลงเคล็ดลับการหลอมรวม มันดีขึ้นและเหมาะสมกับฟางหยวนมากขึ้น
ความผิดหวังเพียงเล็กน้อยคือวิญญาณอมตะล้างใจดวงนี้เป็นเพียงวิญญาณอมตะระดับหก
หากมันเป็นวิญญาณอมตะล้างใจระดับเจ็ด ฟางหยวนจะสามารถใช้มันทำลายกับดักบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณในร่างผีดิบอมตะของเขาได้ทันที
วิญญาณอมตะล้างใจระดับหกสามารถใช้งานได้เช่นกันแต่ประสิทธิภาพของมันค่อนข้างต่ำ เขาต้องใช้เวลาถึงแปดปีก่อนจะสามารถทำลายกับดักทั้งหมด
แน่นอนว่านี่ยังไม่รวมกับวิธีบนเส้นทางแห่งกาลเวลา
หากใช้วิธีบนเส้นทางแห่งกาลเวลาเพื่อสนับสนุน ฟางหยวนจะใช้เวลาสามปี
สามปีหมายถึงเวลาในห้าภูมิภาค นี่คือขีดจำกัดความสามารถในปัจจุบันของฟางหยวน
‘สามปีนานเกินไป!’
หากมันเป็นวิญญาณอมตะล้างใจระดับเจ็ด เขาจะใช้เวลาครึ่งปี
อย่างไรก็ตามการหลอมรวมวิญญาณอมตะระดับเจ็ดยากกว่าวิญญาณอมตะระดับหก นอกจากนั้นมันยังต้องใช้วิญญาณอมตะระดับหกเป็นวัตถุดิบในการหลอมรวมอีกด้วย
ท้ายที่สุดแล้ววิญญาณอมตะแตกละชนิดก็เพียงหนึ่งเดียว
เมื่อมีวิญญาณอมตะล้างใจระดับหก จะไม่มีวิญญาณอมตะล้างใจระดับเจ็ด ระดับแปด หรือระดับเก้าอยู่บนโลกใบนี้
นอกจากนั้นยังมีความเสี่ยงในกระบวนการหลอมรวมวิญญาณอมตะระดับเจ็ด หากมันล้มเหลว วิญญาณอมตะล้างใจระดับหกอาจถูกทำลาย เขาต้องเริ่มต้นใหม่ทั้งหมด
โดยธรรมชาติแล้วฟางหยวนสามารถรับรองความปลอดภัยของวิญญาณอมตะได้ในระดับหนึ่งด้วยวิญญาณอมตะสมบัติเลือด แต่เขาไม่แน่ใจว่าจะสามารถปกป้องวิญญาณอมตะล้างใจระดับหกได้ทันเวลาระหว่างกระบวนการหลอมรวมที่มีความเสี่ยงสูง
นอกจากนี้ฟางหยวนยังต้องค้นคว้าวิธีการทั้งหมดเป็นอันดับแรก
ฟางหยวนมีความสำเร็จบนเส้นทางแห่งเลือดแต่ความสำเร็จบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมของเขายังต่ำกว่ามาตรฐาน
“ท่านผู้นำนิกาย เราจะทำการหลอมรวมต่อไปหรือไม่? ข้าสามารถเปลี่ยนวิญญาณอมตะล้างใจให้เป็นวิญญาณหลักของข้า” ผมที่หกถ่ายทอดเสียงมาหาฟางหยวน
หลังจากวิญญาณกลายเป็นวิญญาณหลัก วิญญาณจะไม่ถูกทำลายระหว่างการหลอมรวม อย่างมากที่สุดมันก็จะได้รับบาดเจ็บสาหัสเท่านั้น
แต่ฟางหยวนปฏิเสธความคิดนี้ “นั่นไม่สมควร ยังไม้ต้องกล่าวถึงการเปลี่ยนวิญญาณหลักที่เป็นเรื่องอันตราย จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาไม่ได้โง่ เราไม่สามารถหลอกลวงเขาได้โดยง่าย ความสัมพันธ์บนพื้นผิวของเราไม่เพียงพอให้เจ้าเสียสละเช่นนี้”
“เช่นนั้นให้ท่านอิงอู๋เซี่ยหรือไห่ลั่วหลันเปลี่ยนมันเป็นวิญญาณหลักของพวกเขาดีหรือไม่?” ผมที่หกแนะนำต่อ
นี่เป็นคำแนะนำที่ดี
ไป่หนิงปิง เทพธิดากระต่ายขาว และเทพธิดาเมี่ยวหยินไม่สามารถเชื่อถือ แต่อิงอู๋เซี่ยกับไห่ลั่วหลันเป็นข้อยกเว้น อิงอู๋เซี่ยเป็นร่างแยกของเทพปีศาจจิตวิญญาณขณะที่ไห่ลั่วหลันถูกผูกมัดด้วยข้อตกลงพันธมิตรและไม่สามารถขัดขืน
หากเปรียบเทียบคนทั้งสอง อิงอู๋เซี่ยเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าเล็กน้อย เขาบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณ ในอนาคตหากฟางหยวนนำวิญญาณของเขาไปเพื่อใช้ท่าไม้ตายอมตะนำวิญญาณสู่ความฝัน วิญญาณอมตะล้างใจจะสามารถเติมเต็มความแข็งแกร่งของเขา
อย่างไรก็ตามฟางหยวนปฏิเสธความคิดนี้
เขาหลอมรวมวิญญาณอมตะล้างใจมาอย่างยากลำบาก แล้วเขาจะมอบมันให้ผู้อื่นโดยง่ายได้อย่างไร อย่างมากเขาก็จะให้ยืมเท่านั้น
ยิ่งไปกว่านั้นวิญญาณอมตะล้างใจยังมีประโยชน์ในการบ่มเพาะจิตวิญญาณ มันสามารถลบข้อบกพร่องของภูเขาตงฮันและหุบเขาเหล่าโปได้เล็กน้อย
ฟางหยวนตั้งใจเก็บวิญญาณอมตะล้างใจไว้กับตนเอง
อย่างไรก็ตามคำกล่าวของผมที่หกทำให้เขานึกถึงบางสิ่ง
‘แม้ข้าจะเป็นผู้นำนิกายเงา แต่ความสามารถในการควบคุมสมาชิกนิกายของข้าค่อนข้างแย่’
‘ไป่หนิงปิงไม่อยู่ภายใต้การควบคุมของข้า เราถือเป็นพันธมิตรที่เท่าเทียม เทพธิดากระต่ายขาวและเทพธิดาเมี่ยวหยินติดตามข้าเพราะมรดกของนิกายเงาและการไล่ล่าจากกองกำลังฝ่ายธรรมะของภาคใต้เท่านั้น’
‘ไห่ลั่วหลันถูกผูกมัดด้วยข้อตกลงพันธมิตรและไม่สามารถหักหลัง แต่นางมีความทะเยอทะยานสูง นางไม่พอใจกับสถานะปัจจุบัน มันเป็นเพียงว่านางยังไม่สามารถกบฏได้ในเวลานี้’
‘สำหรับอิงอู๋เซี่ยและผมที่หก พวกเขาเป็นร่างแยกของเทพปีศาจจิตวิญญาณและคิดที่จะช่วยร่างหลักตลอดเวลา แต่ความหวังมีน้อยเกินไปขณะที่พวกเขาอ่อนแอเกินไป ดังนั้นพวกเขาจึงต้องพึ่งพาข้า’
หากฟางหยวนส่งวิญญาณอมตะล้างใจให้อิงอู๋เซี่ย ในอนาคตหากพวกเขามีโอกาสที่จะช่วยร่างหลักของเทพปีศาจจิตวิญญาณแต่มันไม่สอดคล้องกับแผนการของฟางหยวน พวกเขาจะทำอย่างไร?
การตัดสินใจของอิงอู๋เซี่ยและผมที่หกจะไม่เอียนเองมาทางฟางหยวนอย่างแน่นอน
เมื่อเวลานั้นมาถึง การมอบวิญญาณอมตะล้างใจให้กับอิงอู๋เซี่ยก็จะกลายเป็นความคิดที่โง่เขลา
ดังนั้นฟางหยวนจึงกล่าวอีกแผนการหนึ่ง
“แม้มันจะเป็นเพียงวิญญาณอมตะล้างใจระดับหก แต่มีวิธีการบางอย่างในมรดกของนิกายเงาที่สามารถเพิ่มประสิทธิภาพของมัน แต่วิธี้นี้ต้องใช้ดวงวิญญาณของผู้อมตะระดับเจ็ด”
ผมที่หกมึนงงเล็กน้อยก่อนอุทานออกมา “ท่านผู้นำกำลังกล่าวถึง? ท่านอย่าลืมว่าถ้ำสวรรค์นิรันดรและตระกูลฮวงจินทั้งหมดต้องการตัวท่าน”
“สบายใจได้ ข้าสามารถควบคุมสถานการณ์” ฟางหยวนตบไหล่ผมที่หกก่อนจะเดินจากไป
…..
แสงแดดยามเช้าส่องผ่านช่องหน้าต่างเข้ามาในห้อง
มู่หลานชิงซื่อนั่งฮัมเพลงขณะจัดดอกไม้
วันนี้เป็นวันแห่งความสุขของนาง
เพราะคนรักของนาง หยุนเหลียงกำลังจะมาที่เผ่ามู่หลานเพื่อขอแต่งงานกับนางอย่างเป็นทางการ
แท้จริงแล้วมันเป็นเวลาเพียงไม่นานตั้งแต่ทั้งสองรู้จักกัน
มู่หลานชิงซื่อเป็นสมาชิกเผ่ามู่หลานขณะที่หยุนเหลียงเป็นผู้บ่มเพาะสันโดษที่มีชื่อเสียงของภาคเหนือและได้รับฉายาว่าสุภาพบุรุษเมฆา
แม้ทั้งคู่จะเป็นตัวละครที่มีชื่อเสียงแต่ทั้งคู่พบกันครั้งแรกที่แดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็กของเผ่าไห่ ทั้งสองพบกันที่แหล่งทรัพยากรแห่งหนึ่ง
เมื่อมูหลานชิงซื่อพบทรัพยากรชนิดนี้ หยุนเหลียงเริ่มรวบรวมมันแล้ว
เนื่องจากมันเป็นทรัพยากรที่เปราะบางมาก มูหลานชิงซื่อจึงไม่โจมตีและรอให้เขารวบรวมไปอย่างเงียบๆ
หยุนเหลียงแสดงความใจกว้างออกมาโดยเสนอการประลองเพื่อยุติปัญหา
โชคชะตาเป็นสิ่งลึกลับ
หลังจากนั้นทั้งสองยังพบกันเพราะเหตุบังเอิญอีกหลายครั้ง
เมื่อเวลาผ่านไป ความรู้สึกบางอย่างก็ก่อตัวขึ้นในใจของพวกเขา สุดท้ายพวกเขาจึงสัญญาที่จะแต่งงานกัน
แต่น่าเสียดายที่ตัวตนของทั้งสองเป็นอุปสรรคต่อการแต่งงาน
ฝ่ายหญิงเป็นสมาชิกตระกูลฮวงจินขณะที่ฝ่ายชายเป็นเพียงผู้บ่มเพาะสันโดษ
ความสัมพันธ์ของพวกเขาทำให้หลายฝ่ายวิตกกังวล แต่ในไม่ช้าสถานการณ์กลับคลี่คลายไปในทางที่ดีอย่างไม่คาดคิด
เมื่อถ้ำสวรรค์นิรันดรเรียนรู้สถานการณ์นี้ พวกเขาเห็นด้วยกับการแต่งงานของหยุนเหลียงและมู่หลานชิงซื่อ
เนื่องจากความแข็งแกร่งของวังสวรรค์ ถ้ำสวรรค์นิรันดรจึงต้องวางแผนรับมือกับยุคที่ยิ่งใหญ่ที่ใกล้เข้ามา
ถ้ำสวรรค์นิรันดรต้องสะสมกำลังรบ ดังนั้นพวกเขาจึงอนุญาตให้การแต่งงานนี้เกิดขึ้น
หยุนเหลียงถือเป็นตัวแทนของผู้บ่มเพาะสันโดษ ดังนั้นงานแต่งงานของเขากับสมาชิกเผ่ามู่หลานจึงกลายเป็นเหตุการณ์สำคัญทางการเมืองที่ยิ่งใหญ่ของภาคเหนือ
หากเรื่องนี้ประสบความสำเร็จ ถ้ำสวรรค์นิรันดรจะสนับสนุนให้เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นอีกในอนาคต
แน่นอนว่ามูหลานชิงซื่อไม่ตระหนักถึงแผนการที่อยู่เบื้องหลัง นางรู้สึกมีความสุขและรู้สึกขอบคุณถ้ำสวรรค์นิรันดรเป็นอย่างมาก
“หยุนเหลียงจะมาขอข้าแต่งงานในวันนี้ ทุกอย่างจัดเตรียมไว้พร้อมแล้ว ข้าตรวจสอบรายการของขวัญและไม่มีปัญหาใดๆ ถ้ำสวรรค์นิรันดรไม่ขัดขวางการแต่งงานครั้งนี้ ตราบเท่าที่พิธีขอแต่งงานประสบความสำเร็จ งานแต่งงานจะจัดขึ้นในอีกหนึ่งเดือนหลังจากนั้น แต่…เหตุใดข้าถึงรู้สึกไม่สบายใจอย่างไร้เหตุผล?”
คิ้วของมู่หลานชิงซื่อขมวดเล็กน้อย นางวางฝ่ามือไว้บนหน้าอกและรู้สึกถึงความไม่สบายใจที่ไม่สามารถอธิบาย
“ข้ารู้สึกไม่ปลอดภัยเพราะความสุขที่มากเกินไปงั้นหรือ?”
“ฮ่าฮ่า ไม่มีปัญหา ไม่มีสิ่งใดสามารถขัดขวางเรื่องนี้”
“บางทีเพราะข้าอาจมีความสุขมากเกินไป สิ่งนี้ทำให้ข้ารู้สึกว่ามันยอดเยี่ยมมากเกินไป”
“ฮ่าฮ่าฮ่า”
ใบหน้าของมู่หลานชิงซื่อกลายเป็นสีแดง จิตใจของนางกำลังล่องลอยออกไป
นางหัวเราะอยู่ท่ามกลางแสงแดดที่ส่องเข้ามาในห้อง
อย่างไรก็ตามในเวลาต่อมา…
ร่างกายของนางกลับแข็งค้าง ใบหน้าของนางกลายเป็นซีดเผือด
เหตุผลเป็นเพราะโคมไฟวิญญาณและป้ายวิญญาณที่อยู่ในมิติช่องว่างของนางแตกสลายไป มันคือตัวแทนแห่งความรักที่นางกับหยุนเหลียงมอบให้แก่กัน
“หยุนเหลียง เขา…”
“ไม่…ไม่มีทาง!”
“เป็นไปไม่ได้!”
มูหลานชิงซื่อพุ่งออกไปจากหน้าต่างและบินขึ้นสู่ท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว