Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน - บทที่ 1455 ผู้ชนะ
ความหวังสุดท้ายของหรงซินถูกทำลายลงอย่างสมบูรณ์
เพราะเขารู้ว่าอีกฝ่ายไม่เหมือนเขา พวกเขามีสินค้ามากพอและราคานี้จะสร้างความปั่นป่วนครั้งใหญ่ให้กับธุรกิจวิญญาณปีอย่างแน่นอน
“ครั้งนี้ข้าแพ้แล้ว” หรงซินเผยรอยยิ้มขมขื่น เขาไม่มีทางเลือกนอกจากต้องยอมแพ้เนื่องจากปริมาณสินค้าที่มีไม่เพียงพอ
บ่อยครั้งที่ความพ่ายแพ้จะถูกเอ่ยอ้างด้วยเหตุผลมากมาย แต่คนบนโลกใบนี้ไม่สนใจเหตุผล พวกเขาไม่ต้องการข้อแก้ตัวจากคนแพ้!
หลังจากฟางหยวนลดราคาลง เขาทำให้เกิดความโกลาหลครั้งใหญ่
ผู้ซื้อจำนวนมากเริ่มซื้อวิญญาณปี
ราคานี้พบไม่บ่อย แล้วพวกเขาจะทิ้งโอกาสนี้ไปได้อย่างไร?
ฟางหยวนทำธุรกรรมครั้งใหญ่และได้รับกำไรมหาศาล
แต่อีกสามฝ่ายยังไม่ลดราคาของพวกเขา
เซี่ยเปาซูและหวังหมิงเยว่ลังเลใจ
ก่อนหน้านี้หรงซินลังเล ตอนนี้ถึงคราวของพวกเขาแล้ว
หากพวกเขาลดราคา พวกเขาจะสามารถขายวิญญาณปีออกไปอย่างรวดเร็ว แต่หากพวกเขาทำเช่นนั้น กำไรของพวกเขาจะน้อยเกินไป มันห่างไกลจากความตั้งใจเดิมของพวกเขา
แต่หากพวกเขาไม่ลดราคา ฟางหยวนจะขโมยธุรกิจของพวกเขาไป แล้วพวกเขาจะทำอย่างไร?
กุญแจสำคัญคือจำนวนสินค้าที่ฟางหยวนเหลืออยู่
หากฟางหยวนมีสินค้าจำนวนมาก เซี่ยเปาซูและคนอื่นๆต้องลดราคาลง เนื่องจากอุปทานมีมากกว่าอุปสงค์ ยิ่งฟางหยวนขายได้มากเท่าใด พวกเขาก็จะขายได้น้อยลงเท่านั้น
แต่หากฟางหยวนมีสินค้าไม่เพียงพอ เซี่ยเปาซูและคนอื่นๆก็ไม่จำเป็นต้องลดราคา พวกเขาเพียงต้องรอให้สินค้าของฟางหยวนหมดลง เมื่อถึงเวลานั้นพวกเขาจะสามารถขายได้ในราคาสูง กำไรของพวกเขาจะยังอยู่ พวกเขาจะกลายเป็นผู้ชนะในสงครามครั้งนี้
ดังนั้นเซี่ยเปาซูและคนอื่นๆจึงเริ่มคิดว่าฟางหยวนคือผู้ใด?
เขาเป็นชายหรือหญิง?
เขามาจากกองกำลังใหญ่หรือเป็นผู้บ่มเพาะสันโดษ?
เหตุใดถึงไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับเขา?
เหตุใดเขาถึงปรากฏตัวออกมาจากความว่างเปล่า?
พวกเขาไม่เข้าใจ
หลังจากทั้งหมดฟางหยวนปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหันเกินไป
ในความเป็นจริงนอกจากผู้ขายรายเดิมทั้งสามยังมีผู้ขายรายย่อยรายอื่น แต่คนเหล่านั้นถูกกำจัดออกไปอย่างรวดเร็วเพราะพวกเขาไม่มีความสามารถในการแข่งขัน
“ตอนนี้ผู้ค้ารายย่อยเหล่านั้นอาจมีใบหน้าซีดเผือดขณะเฝ้ามองสงครามราคาครั้งนี้” เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ อารมณ์ของหรงซินก็ดีขึ้นเล็กน้อย เขาโชคร้ายที่แพ้เป็นคนแรก แต่เมื่อคิดว่ายังมีคนที่โชคร้ายกว่าเขา มันก็ทำให้เขารู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย
แต่มันเป็นเพียงการปลอบใจตัวเองและไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความจริง
เพื่อความปลอดภัย เซี่ยเปาซูและหวังหมิงเยว่ตัดสินใจลดราคาลงเช่นกัน
แต่หรงซินไม่ลดราคา
‘ดูเหมือนหรงซินจะคิดว่าคู่แข่งมีสินค้าไม่มาก’ เซี่ยเปาซูคิด
แต่เขาไม่รู้ว่าหรงซินไม่มีทางเลือก
เขามีสินค้าน้อยเกินไป หากเขาลดราคาลงไปอีก สินค้าของเขาจะหมดลงอย่างรวดเร็ว เขาจะพบกับความสูญเสียครั้งใหญ่
หากฟางหยวนมีสินค้าน้อย หรงซินจะยังได้กำไร
เซี่ยเปาซูไม่รู้ปัญหาของหรงซิน เขารู้สึกว่าบางทีเขาอาจตัดสินใจผิด
แต่เซี่ยเปาซูยังไม่เปลี่ยนใจ เขาเลือกวิธีที่ปลอดภัยที่สุด
สำหรับหวังหมิงเยว่ หลังจากพิจารณา นางเลือกวิธีเดียวกับเซี่ยเปาซู
แต่สัญชาตญาณของผู้หญิงทำให้นางสงสัยมากขึ้น
นางคิด ‘เหตุใดหรงซินไม่ลดราคา? เขาเดิมพันกับวิธีนี้หรือเขารู้ภูมิหลังของฝ่ายตรงข้าม เขามีข้อมูลบางอย่างงั้นหรือ?’
หากหรงซินรู้ภูมิหลังของฟางหยวน เป็นไปได้ว่าเขาจะไม่บอกอีกสองคน
เขาจะเฝ้ามองอยู่ด้านข้างเพื่อรับผลประโยชน์เพียงผู้เดียว
ดังนั้นหวังหมิงเยว่จึงรีบติดต่อหรงซินและพยายามสอบสวนเขา
หรงซินรู้สึกหมดหนทาง โดยรวมแล้วเขามีความรู้สึกที่ซับซ้อนในเวลานี้
สถานการณ์ปัจจุบัน ฟางหยวน เซี่ยเปาซู และหวังหมิงเยว่ขายสินค้าราคาเดียวกันขณะที่ราคาสินค้าของหรงซินสูงกว่าทุกคน
ตอนนี้ผู้อมตะจำนวนมากเริ่มซื้อวิญญาณปีหรือเริ่มเตรียมตัวซื้อพวกมันมากขึ้น
ทุกคนถูกล่อลวง
นี่เป็นราคาที่เย้ายวนใจ
รอราคาต่ำกว่านี้?
ผู้ซื้อส่ายศีรษะ ราคาไม่สามารถลดลงไปได้มากกว่านี้อีก ผู้ซื้อไม่โง่ แต่ผู้ขายก็ไม่โง่เช่นกัน
ดังนั้นเมื่อฟางหยวนลดราคาลงอีกครั้ง ทุกคนจึงตกตะลึง
“ข้าได้ยินสิ่งใดผิดไปหรือไม่? เขาลดราคาลงอีกงั้นหรือ? และด้วยจำนวนมหาศาลเช่นนี้?”
“โอ้ เกิดสิ่งใดขึ้น?”
“ผู้ขายรายใหม่ผู้นี้โง่หรือไม่?”
ผู้ซื้อรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ
“ข้าไม่สนว่าเขาจะโง่หรือมีวัตถุประสงค์ใด ข้ารู้เพียงว่าวิญญาณปีของเขามีคุณภาพ เมื่อเขาขายในราคานี้ หากข้าไม่ซื้อตอนนี้ ข้าจะกลายเป็นคนโง่!”
กลุ่มผู้อมตะกรีดร้องอยู่ในใจ
ผู้อมตะจำนวนมากพุ่งเข้าล้อมรอบร้านค้าของฟางหยวน
มันเป็นฉากที่ร้อนแรงอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
ซื้อ! ซื้อ! ซื้อ!
ทุกคนเต็มไปด้วยความคิดนี้
นี่เป็นราคาที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน หากพวกเขารอจนกว่าคนโง่ผู้นี้จะรู้ว่าราคาของเขาต่ำเกินไป มันก็สายไปแล้ว
ผู้ซื้อรู้สึกถึงความเร่งด่วน
“คนผู้นี้กำลังทำสิ่งใด?” หลังจากเห็นเหตุการณ์นี้ เซี่ยเปาซูรู้สึกมึนงง
หากเขาลดราคามลงอีก กำไรของเขาจะเหลือเพียงเศษเสี้ยว
ตัวอย่างเช่นหากเขาเคยได้กำไรหลักร้อย หากเขาลดราคาลงอีก เขาจะได้กำไรเพียงหลักหน่วย
เขาไม่เข้าใจว่าเหตุใดฟางหยวนถึงลดราคาลงถึงระดับนี้ นี่ไม่ใช่การค้าขายเพื่อหารายได้งั้นหรือ?
หากเขาลดราคาลงถึงระดับเดียวกับฟางหยวน กำไรของเขาจะหายไป
ราคานี้ต่ำกว่าจุดต่ำสุดที่เขารับได้ หากเขาต้องขายราคานี้ เขาจะเลือกเก็บสินค้าเอาไว้
“แต่…” เซี่ยเปาซูขมวดคิ้ว เขากำลังไตร่ตรองอย่างหนัก
ในเวลาเดียวกันหวังหมิงเยว่ก็กำลังกังวล
สถานการณ์ของนางเหมือนเซี่ยเปาซู หากนางลดราคา กำไรของนางจะสิ่งที่ไม่สามารถยอมรับ
แต่นางควรหยุดขายหรือไม่?
มันไม่ง่ายเช่นนั้น
หากพวกเขาไม่ลดราคาลงและสินค้าของฟางหยวนมีจำนวนมาก ตลาดในสวรรค์สีเหลืองจะถูกฟางหยวนยึดครองโดยสมบูรณ์
มีความเป็นไปได้อีกประการหนึ่งคือฟางหยวนตั้งใจลดราคา
เป็นไปได้ว่าเขาจงใจลดราคาลงมาที่จุดนี้เพื่อตรวจสอบผู้ขายรายอื่นหรือเพื่อสร้างชื่อเสียงให้กับตนเอง
“หากข้าไม่ลดราคา มันจะเป็นการแสดงความอ่อนแอ แต่หากข้าลดราคา ข้าจะตกลงสู่หลุมพรางของเขา”
หลังจากครุ่นคิด หวังหมิงเยว่ตัดสินใจลดราคา
แต่ในเวลานี้เซี่ยเปาซูกลับเลือกที่จะหยุด
ตอนนี้ราคาของฟางหยวนกับหวังหมิงเยว่ต่ำสุดในตลาด รองลงมาคือเซี่ยเปาซู แพงที่สุดคือสินค้าของหรงซิน
เห็นได้ชัดว่าไม่มีผู้ใดซื้อสินค้าจากร้ายของสองคนหลัง ผู้ซื้อส่วนใหญ่อยู่ที่ร้านของฟางหยวนและหวังหมิงเยว่
เซี่ยเปาซูกำลังสังเกตการณ์ เขาอยากรู้ว่ามันเป็นเพียงแผนการของฟางหยวนหรือเขามีรากฐานที่แข็งแกร่งจริงๆ
หวังหมิงเยว่ประหม่ามากเพราะราคานี้ทำให้นางสูญเสียกำไรจำนวนมหาศาล ท่ามกลางผู้ขายรายเดิมมีเพียงนางที่เหลืออยู่
หรงซินกลายเป็นคนที่ผ่อนคลายที่สุด เขาเฝ้ามองคนทั้งสองต่อสู้กัน
“ถึงเวลาสำหรับระเบิดลูกสุดท้ายแล้ว” ฟางหยวนสงบมาก
เมื่อถึงจุดนี้เขาได้ตรวจสอบบรรทัดฐานของสามผู้ขายรายเดิมเรียบร้อยแล้ว แม้หวังหมิงเยว่จะยังแข่งขันต่อ นางก็เหนือกว่าอีกสองคนไม่มากนัก
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ฟางหยวนก็ลดราคาลงอีกครั้ง
แต่คราวนี้เขาลดมันลงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
อย่างไรก็ตามราคาที่ลดลงเพียงเล็กน้อยกลับเหมือนใบมีดอันแหลมคมที่แทงทะลุหัวใจของผู้ขายทั้งสามราย
“นี่…” หรงซินหน้าซีด
ใบหน้าของเซี่ยเปาซูกลายเป็นมืดครึ้ม
หวังหมิงเยว่กำหมัดแน่น นางกัดฟันและกล่าวด้วยความตกใจ “เพราะเหตุใด? เหตุใดจึงไปได้ไกลถึงเพียงนี้?”
ฟางหยวนลดราคาลงเพียงเล็กน้อยแต่มันร้ายแรงมาก มันต่ำกว่าราคาต้นทุนของผู้ขายทั้งสามราย
หรงซินต้องใช้วัสดุในการหลอมรวมวิญญาณปี เซี่ยเปาซูมีต้นแปรฝัน เขาต้องใช้กำลังคนและทรัพยากรในการดูแลมัน แม้หวังหมิงเยว่จะครอบครองสาขาของสายธารแห่งกาลเวลา แต่วิธีการที่นางใช้พึ่งพาพลังงานอมตะและต้องใช้เงินทุนเพื่อจัดการสาขาของสายธารแห่งกาลเวลา
ขายต่ำกว่าราคาทุนถือว่าขาดทุน
นี่เป็นวิธีของผู้ที่มีสินค้าเหลือที่ไม่สามารถขายออก อีกกรณีหนึ่งคือพวกเขาต้องการเงินอย่างเร่งด่วน มันเป็นทางเลือกที่สิ้นหวัง
หากบางคนทำเช่นนี้ในสงครามราคา พวกเขาจะประสบความสูญเสียครั้งใหญ่
เรื่องนี้รุนแรงเกินไป มันรุนแรงทั้งต่อผู้อื่นและต่อตนเอง
หวังหมิงเยว่ตกใจมาก นางไม่กล้าลดราคาลงอีก
นางจะเป็นเพียงคนโง่หากทำเช่นนั้น
นี่คือวิญญาณปี แต่มันกลับถูกขายออกมาในราคาต่ำกว่าต้นทุน
มันทำให้ผู้ซื้อตกใจเช่นกัน
ราคานี้เกินกว่าจินตนาการของพวกเขา พวกเขารู้สึกพูดไม่ออกและไม่อยากจะเชื่อ
แต่ในไม่ช้าผู้อมตะหลายคนก็สามารถตอบสนอง
หลังจากนั้นสวรรค์สีเหลืองก็ตกสู่ความโกลาหลครั้งใหญ่
ผู้อมตะจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งเข้าไปที่ร้านของฟางหยวน
พวกเขากำลังทำกำไร
ธุรกิจของฟางหยวนเฟื่องฟูมากขณะที่ผู้ขายอีกสามรายถูกผลักออกไปอย่างสมบูรณ์
“เขาคือผู้ใดกันแน่? เขาดุร้ายมาก แต่ข้าเกรงว่าเขาจะทำพลาดไปแล้ว ฮ่าฮ่า”
“แล้วข้าจะคอยดูต่อไป!”
“ข้าปฏิเสธที่จะเชื่อว่าเขาจะสามารถรักษาราคานี้เอาไว้”
ผู้ขายทั้งสามกำลังรอเวลาที่ฟางหยวนพบกับความสูญเสียครั้งใหญ่
แต่ฟางหยวนยังดำเนินธุรกิจของเขาต่อไป
เนื่องจากเขาใช้วิญญาณอมตะปีไหลผ่านราวกับสายน้ำ ต้นทุนของเขามีเพียงพลังงานอมตะ
แน่นอนว่าการผลิตของฟางหยวนมีค่าใช้จ่าย แต่ต้นทุนของเขาต่ำกว่าอีกสามคนมาก
ในกรณีที่คุณภาพเท่ากัน การแข่งขันก็ขึ้นอยู่กับต้นทุน
ฟางหยวนขายในราคานี้แต่เขายังได้รับกำไรขณะที่อีกสามคนขาดทุน พวกเขาไม่สามารถขายแต่ฟางหยวนทำได้ ผู้ชนะในสงครามราคาครั้งนี้ถูกตัดสินตั้งแต่เริ่มต้นและมันก็คือฟางหยวนอย่างไม่ต้องสงสัย