Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน - บทที่ 1520 การเจรจาล้มเหลว
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1520 การเจรจาล้มเหลว
แปลโดย iPAT
ฟางหยวนก่นเสียงเย็น เขามองฟางฮั่วเฉิงโดยไม่เกรงกลัว สายตาของเขาเย็นชาและมีทัศนคติที่ไม่ยอมถอย
ภายใต้การจ้องมองของทุกคน เขากล่าว “ข้า ซวนปู้จิน เป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา ข้าจะถูกหลอกง่ายๆได้อย่างไร? เหตุใดผู้อมตะตระกูลฟางถึงตกอยู่ในเงื้อมมือของผีเฒ่าไป่จุนในการต่อสู้ครั้งนี้? ตระกูลฟางของพวกเจ้านำคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับเจ็ดสองหลังออกมาพร้อมกับผู้อมตะอีกหลายคน ตั้งแต่เมื่อใดที่ตระกูลฟางสามารถระดมพลได้ตามต้องการ?”
หอดอกไม้ร่วงโรยเงียบลง
ก่อนหน้านี้ฟางหยวนมีข้อมูลไม่เพียงพอ แต่ตอนนี้เขาสามารถอนุมานหลายสิ่งจากข้อมูลที่กระจัดกระจาย
การแสดงออกของฟางเฉินเปลี่ยนไป ดวงตาของเขากลายเป็นมืดมน
ฟางหยุนและฟางเล้งมองหน้ากันด้วยท่าทางอึดอัดใจ
ฟางฮั่วเฉิงหัวเราะเสียงดัง “สหายซวนปู้จิน เจ้ากล่าวได้ถูกต้อง ข้าจะไม่ซ่อนมันจากเจ้า นี่เป็นแผนการของตระกูลฟางมาหลายชั่วอายุคน เราวางแผนที่จะยึดครองคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปดหลังนี้ เราต้องได้รับมัน สหาย หากเจ้าช่วยเรา เราจะแสดงความขอบคุณอย่างสุดซึ้ง ดูนี่”
หลังกล่าวจบคำ เขาก็มอบวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลระดับมนุษย์ให้กับฟางหยวน
ฟางหยวนตรวจสอบและพบว่ามันเป็นข้อตกลงพันธมิตร
กฎคือตราบเท่าที่ฟางหยวนช่วยเหลือตระกูลฟางยึดครองวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ ตระกูลฟางจะมอบวิญญาณอมตะระดับเจ็ดให้เขา เขาจะได้รับอนุญาตให้เลือกวิญญาณอมตะจากคลังเก็บสมบัติของตระกูล นอกจากนี้ยังมีทรัพยากรอมตะระดับหกและเจ็ดอีกจำนวนมาก
แน่นอนว่าการรักษาความลับคือประเด็นสำคัญที่สุด
วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลเน้นย้ำเรื่องนี้ หากฟางหยวนไม่ตกลง ตระกูลฟางก็จะไม่บังคับเขา แต่เขาต้องจากไปและเก็บตัวอยู่อย่างเงียบๆเป็นระยะเวลาหนึ่ง
‘โอ้ วังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์คือคฤหาสน์วิญญาณอมตะที่ถูกสร้างขึ้นโดยเทพอมตะบัวสวรรค์งั้นหรือ?’
‘ข้อมูลเกี่ยวกับคฤหาสน์วิญญาณอมตะหลังนี้หายากมาก กระทั่งมรดกที่แท้จริงของนิกายเงาก็ไม่ได้กล่าวถึงเรื่องนี้’
‘ตระกูลฟางวางแผนมานานแล้ว พวกเขาต้องการยึดครองวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์มาตลอด’
‘พวกเขาใช้เวลา ทรัพยากร และกำลังคนมากมายเพื่อสิ่งนี้ แน่นอนว่าพวกเขาต้องเก็บมันไว้เป็นความลับ’
ฟางหยวนได้เรียนรู้หลายสิ่ง
ข้อตกลงการรักษาความลับไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ หากเป็นฟางหยวน เขาก็จะทำเช่นเดียวกัน
ตระกูลฟางพูดคุยกับฟางหยวนอย่างสุภาพและต้องการดึงเขาเข้าร่วมเพราะความแข็งแกร่งของเขาโดยเฉพาะเมื่อเขาเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาที่หายาก
ในเวลาเดียวกันเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นตระกูลฟางจึงต้องระวังเป็นพิเศษ พวกเขาต้องคิดอย่างรอบคอบกับทุกการเคลื่อนไหว แน่นอนว่าพวกเขาไม่ต้องการยั่วยุฟางหยวน
หากคนผู้นี้มีวิธีการพิเศษบางอย่างและทำลายแผนการของตระกูลฟาง พวกเขาจะทำอย่างไร?
ตอนนี้ปัญหาของฟางหยวนไม่ได้เกี่ยวข้องกับการรักษาความลับแต่เขาจะได้รับสิ่งใดจากเหตุการณ์นี้
กำไรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแน่นอนว่าเป็นคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปดวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์อย่างไม่ต้องสงสัย
ฟางหยวนมีพลังการต่อสู้ระดับแปด แม้เขาจะอยู่ในหอดอกไม้ร่วงโรยและถูกผู้อมตะตระกูลฟางปิดล้อม แต่เขาก็สามารถหลบหนีออกไปได้อย่างง่ายดาย
ในทางตรงข้ามหากเขาทำลายความสัมพันธ์ระหว่างเขากับตระกูลฟางเพื่อวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ที่ยังไม่ได้รับ มันจะเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่
ยังไม่ต้องกล่าวว่าฟางหยวนจะสามารถเอาชนะตระกูลฟางที่เตรียมตัวมาอย่างเพียงพอได้หรือไม่ กระทั่งวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ก็เป็นเรื่องยากที่ฟางหยวนจะสามารถปราบปราม
นอกจากนั้นฟางหยวนยังต้องการแก่นแท้อสูรวิญญาณจำนวนมากจากทะเลทรายผีเขียวเพื่อบ่มเพาะจิตวิญญาณ
หลังจากพิจารณาอย่างถี่ถ้วน ฟางหยวนตัดสินใจที่จะเดินตามเกมส์ของพวกเขา มันเร็วเกินไปที่จะต่อต้านตระกูลฟางขณะที่ข้อตกลงพันธมิตรก็ไม่สามารถแก้ไข
แต่ฟางหยวนยังมีวิธียื้อเวลาและสามารถใช้ท่าไม้ตายอมตะชำระล้างตัวเองได้ในภายหลัง
ดังนั้นฟางหยวนจึงเปิดปากกล่าว “หากตระกูลฟางได้รับวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ ความแข็งแกร่งของพวกเจ้าก็จะพุ่งขึ้นสู่จุดสูงสุดของทะเลทรายตะวันตก แต่กระนั้นพวกเจ้าก็เสนอเพียงเมล็ดถั่วให้ข้าเท่านั้น นั่นไม่น้อยไปงั้นหรือ?”
หลังกล่าวจบคำ ฟางหยวนก็ทำลายวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลทิ้งไปทันที “ในความเป็นจริงข้าสามารถให้ความร่วมมือแต่สิ่งที่พวกเจ้าเสนอยังน้อยเกินไป”
ฟางฮั่วเฉิงเห็นความเย่อหยิ่งของฟางหยวน เขาคิด ‘ข้อมูลถูกต้อง คนผู้นี้เต็มไปด้วยความเย่อหยิ่งและมั่นใจในตัวเอง!’
เขากล่าวด้วยรอยยิ้ม “สหาย นี่หมายความว่าเจ้าต้องการร่วมมือกับตระกูลฟางของเรา นั่นเป็นเรื่องที่ดี”
“ท้ายที่สุดแล้ววังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ก็มีต้นกำเนิดมาจากเทพอมตะบัวสวรรค์ มันเป็นตำนาน ข้าจะไม่เข้าร่วมในเหตุการณ์สำคัญนี้ได้อย่างไร? นอกจากนั้นหากข้าไม่เข้าร่วม ตระกูลฟางของเจ้าจะมั่นใจในตัวข้าได้อย่างไร?” ฟางหยวนกล่าว
ฟางฮั่วเฉิงชมเชย “ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้าเข้าใจอย่างชัดเจน เราไม่ใช่คนตระหนี่ เราสามารถเจรจาเงื่อนไขที่เจ้าต้องการ อย่างไรก็ตาม…ค่าตอบแทนต้องตรงกับคะแนนที่ได้รับ ข้าแน่ใจว่าเจ้าเห็นด้วยกับเรื่องนี้”
ฟางหยวนยิ้ม “แน่นอน เรามาตรวจสอบคะแนนกันเถอะ ประการแรก แม้ข้าจะไม่ทำสิ่งใดเลย การรักษาความลับก็เป็นส่วนหนึ่งของความร่วมมือ พวกเจ้าต้องตอบแทนข้าในเรื่องนี้ ประการที่สอง ข้าช่วยฟางหยุนและฟางเล้ง แม้ข้าจะทำเรื่องนั้นโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่มันก็ถือเป็นการช่วยเหลือแผนการของพวกเจ้าอย่างไม่ต้องสงสัย ก่อนหน้านี้ข้าไม่ต้องการรางวัลใดๆ แต่ตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว นอกจากนั้นข้ายังถูกโจมตีและช่วยป้องกันหอดอกไม้ร่วงโรย ข้าต่อสู้กับศัตรูที่แข็งแกร่งในการต่อสู้ที่อันตราย ข้าต้องการค่าตอบแทนสำหรับเรื่องนี้ สุดท้ายแม้หลังจากที่ข้าทุ่มเทความพยายามอย่างหนัก สมาชิกตระกูลฟางของเจ้ายังกล่าวหาและใส่ร้ายความตั้งใจที่ดีของข้า เขาทำให้ข้าเสียอารมณ์เป็นอย่างมาก ข้าต้องการให้ชดเชยเรื่องนี้เช่นกัน”
ฟางหยุนและฟางเล้งมึนงงเมื่อได้ยินคำกล่าวของฟางหยวน
‘เหตุใดมันถึงเกี่ยวข้องกับข้า?’ ฟางเล้งตะลึง ‘และ…ทำให้เสียอารมณ์ก็ต้องชดเชยด้วยงั้นหรือ?’
ใบหน้าของฟางฮั่วเฉิงกระตุก เขาได้เห็นแล้วว่าการเจรจากับผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาเป็นเรื่องที่ยุ่งยากมาก
ฟางหยวนระบุความต้องการมากมายขณะที่ฟางฮั่วเฉิงพยายามลดระดับความต้องการเหล่านั้น
แต่เขาจะแข่งขันกับฟางหยวนได้อย่างไร?
ฟางหยวนตั้งใจเรียกร้องด้วยเงื่อนไขที่ซับซ้อนและไร้เหตุผล หลังจากฟางฮั่วเฉิงเจรจาและเปลี่ยนคำศัพท์ ฟางหยวนจะกลับไปใช้คำก่อนหน้าและแก้ไขย้อนหลัง
การใช้วิธีนี้ทำให้ฟางฮั่วเฉิงสับสนกับการเปลี่ยนแปลงและไม่สามารถเจรจาต่อไป
แต่ฟางหยวนไม่ยอมปล่อยเขาไป เขายังเดินหน้าเรียกร้องอย่างไม่หยุดยั้ง
ในที่สุดการเจรจาก็จบลง
“ข้าไม่สามารถยอมรับเงื่อนไขนี้ สหายซวนปู้จิน เจ้าลองพิจารณาดู ข้าจะอยู่ในคฤหาสน์วิญญาณอมตะกรงสัตว์อสูร หลังจากเจ้าได้ข้อสรุปแล้ว เราจะสร้างข้อตกลงพันธมิตร” เขาจากไปด้วยใบหน้ามืดมน
ฟางฮั่วเฉิงกลับไปยังกรงสัตว์อสูร
การเจรจาล้มเหลว!
ฟางเฉินชำเลืองมองฟางหยวนด้วยสายตาพึงพอใจ
ฟางหยุนและฟางเล้งมีความรู้สึกที่ซับซ้อน ฟางหยวนเป็นผู้มีพระคุณของพวกเขา แต่เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของตระกูล ดังนั้นพวกเขาจึงตัดสินใจเงียบและไม่กล่าวสิ่งใด
ฟางหยวนเผยรอยยิ้มบาง ฟางฮั่วเฉิงกล่าวว่าเขาไม่สามารถยอมรับได้ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าตระกูลฟางจะไม่สามารถยอมรับ เรื่องนี้สำคัญเกินไป ฟางฮั่วเฉิงจากไปเพราะเขาไม่สามารถเอาชนะฟางหยวนด้วยคำพูด ดังนั้นเขาจึงเปลี่ยนกลยุทธ์
‘หึหึ ตระกูลฟางต้องการวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ ไม่ว่ามันจะสำเร็วหรือล้มเหลว ข้าก็ต้องได้รับประโยชน์จากข้อตกลงพันธมิตร ประการแรก มันเป็นการแสดงความจริงใจของข้า ประการที่สอง แม้ข้าจะไม่ได้รับวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิื แต่ข้าก็ต้องได้ค่าชดเชยที่เหมาะสม’
ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่สามของตระกูลฟางจากไปแล้ว แต่ฟางหยวนไม่รู้สึกร้อนรน
ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งคือผู้ปกครองสูงสุดของตระกูลฟางขณะที่ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่สองคือนักวางยุทธศาสตร์ นี่คือสองคนที่มีอำนาจที่แท้จริง ฟางหยวนต้องการสร้างข้อตกลงกับพวกเขา
‘ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของตระกูลฟางเป็นผู้อมตะระดับแปดขณะที่ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่สองฟางตี้เฉิงเป็นปรมาจารย์เอกบนเส้นทางแห่งปัญญา แต่เขาเป็นผู้อมตะระดับเจ็ด คนที่จะมาเจรจากับข้าควรจะเป็นเขา’
ดังคาด ครู่ต่อมาคฤหาสน์วิญญาณอมตะอู่เรือพิพากษาก็บินเข้ามาใกล้
ฟางฮั่วเฉิงบินจากกรงสัตว์อสูรไปยังอู่เรือพิพากษาเพื่อพบกับผู้อมตะผู้หนึ่ง “ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่สองเป็นอย่างไรบ้าง?”
ฟางตี้เฉิงกล่าว “วังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์เร็วมาก เราตามมันไม่ทัน แต่เราใช้วิธีติดตามการเคลื่อนไหวของมันแล้ว มันไม่สามารถหลบหนีไปจากพวกเรา ตอนนี้เราต้องซ่อมแซมหอดอกไม้ร่วงโรยและรวมคฤหาสน์วิญญาณอมตะทั้งสามเข้าด้วยกันเพื่อสร้างท่าไม้ตายเขตแดนอมตะเขาวงกตดอกท้อเพื่อดักจับวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์’
ฟางฮั่วเฉิงรายงาน “ซวนปู้จินเป็นคนที่รับมือได้ยาก การเจรจาของเราล้มเหลว”
“เช่นนั้นหรือ?” ฟางตี้เฉิงยิ้ม ดวงตาของเขาส่องประกายขึ้น
ฟางฮั่วเฉิงเผยรอยยิ้มขมขื่น “เขาไหลลื่นมาก คำกล่าวของเขาเต็มไปด้วยกับดัก ข้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา แต่เขาอยู่ในหอดอกไม้ร่วงโรย สถานที่แห่งนั้นถูกแยกออกจากโลกภายนอก แม้เขาจะสร้างเงื่อนไขที่ไร้สาระ แต่เขาก็ต้องการสร้างข้อตกลงพันธมิตรกับพวกเรา มันแสดงให้เห็นถึงความจริงใจของเขา”
ฟางตี้เฉิงไตร่ตรอง “นี่อาจไม่ใช่ความจริงใจ เขาอาจกล้าหาญ ฟางอันเล่ยได้รับบาดเจ็บ เขาค่อนข้างน่าสงสัย แต่เพื่อแผนการของตระกูล เขาต้องอดทนในตอนนี้ อย่างไรก็ตามความอดทนอาจทำให้เกิดผลเสียที่ยิ่งใหญ่ หลังจากการเจรจาล้มเหลว คนผู้นี้ก็ยังคงอยู่ในหอดอกไม้ร่วงโรย เขาน่าจะรอให้ข้าไปเจรจากับเขา ได้ ข้าจะไปพบเขา”
หลังจากนั้นฟางตี้เฉิงก็บินมาพบฟางหยวนในหอดอกไม้ร่วงโรย
นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาพบกัน
ฟางตี้เฉิงสังเกตฟางหยวนและพยักหน้าอยู่ในใจ ‘มั่นใจและเย่อหยิ่ง เขาต้องมีแง่มุมที่ไม่ธรรมดา เพียงสามารถหลบหนีจากการโจมตีของวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ก็แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของเขาแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นเขาบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งปัญยา ข้าจะดูแคลนเขาไม่ได้’
ฟางหยวนประเมินฟางตี้เฉิงที่ดูธรรมดาและคิด ‘คนผู้นี้คือฟางตี้เฉิง เขาปกปิดกลิ่นอายเอาไว้อย่างเต็มที่ แม้ข้าจะไม่รู้สึกถึงความพิเศษใดๆจากเขา แต่เขาต้องซ่อนบางสิ่งเอาไว้อย่างแน่นอน สมกับเป็นปรมาจารย์เอกบนเส้นทางแห่งปัญญาที่ยิ่งใหญ่’