Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน - บทที่ 1607 หินวิญญาณอมตะหนึ่งล้านก้อน
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1607 หินวิญญาณอมตะหนึ่งล้านก้อน
ภาคใต้ ภูเขาเยี่ยนโจว
ฐานทัพใหญ่ของตระกูลเซี่ย แดนศักดิ์สิทธิ์เจี้ยนเหวิน
ภายในแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้มีคฤหาสน์วิญญาณระดับมนุษย์จํานวนมากก่อตัวเป็นวังขนาดใหญ่ที่งดงาม
ในห้องโถงกลาง เซี่ยเฟยกุ้ยอยู่ที่นี่
เขาเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดบนเส้นทางแห่งแสง เขามีพลังการต่อสู้ที่ไม่ธรรมดา เขาอ่อนแอกว่า วูอวี๋โป้ของตระกูลวูเพียงเล็กน้อย เนื่องจากการฝึกฝนท่าไม้ตายอมตะบางอย่างทําให้เขากลายเป็นคนใจร้อน
ฟางหยวนเคยต่อสู้กับเขาและสร้างข้อตกลงห้าปีขณะปลอมตัวเป็นวูไห่ เมื่อฟางหยวนถูกเปิดเผยตัวตนและพลังการต่อสู้ระดับแปด เซี่ยเฟยกุ้ยที่เต็มไปด้วยความโกรธโยนข้อตกลงทิ้งไปทันที
“ข่าวนี้มาจากที่ใด?” เซี่ยเฟยกุ้ยเร่งถาม
สาวใช้มนุษย์วิหคที่มีการบ่มเพาะระดับห้ายืนอยู่ด้านหน้าเขา
ตระกูลเซี่ยเลี้ยงทาสมนุษย์วิหคไว้เป็นจํานวนมาก
สาวใช้ผู้นี้ไม่ใช่ทาสมนุษย์วิหคทั่วไป นางเป็นหนึ่งในผู้ดูแลห้องโถงแห่งนี้และรู้ข้อมูลมากมาย
เซี่ยเฟยกุ้ยรู้ว่าเขาจะรู้ทุกสิ่งเมื่อเขาเข้าไปในห้องประชุม แต่เขารอไม่ไหวและต้องถามสาวใช้มนุษย์วิหคผู้นี้อย่างไม่สามารถอดทน
สาวใช้มนุษย์วิหคเร่งตอบ “มันมาจากสวรรค์สีเหลืองเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน ปีศาจฟางหยวนเริ่มติดต่อพวกเรา เขาส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลมายังร้านขายแสงจิตวิญญาณสีม่วงของเราในสวรรค์สีเหลืองพร้อมกับรายการเรียกค่าไถ่”
แสงจิตวิญญาณสีม่วงเป็นทรัพยากรอมตะระดับเจ็ด มันไม่ได้มาจากสวรรค์สีขาวแต่มาจากใต้ดิน
นี่คือแหล่งรายได้อันดับหนึ่งของตระกูลเชีย พวกเขายังเป็นผู้ขายอันดับหนึ่งในธุรกิจนี้
แม้ผู้อมตะจะสามารถเปลี่ยนอัตลักษณ์ของพวกเขาในสวรรค์สีเหลือง แต่มันจะได้กําไรมากกว่าหากใช้ชื่อเสียงของตระกูลเซียในการค้าขาย
ดังนั้นร้านค้าของตระกูลเซียจึงเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย
“อืม! เขาช่างกล้าหาญนัก ผู้ใดจะคิดว่าเขาจะกล้ากรรโชกทรัพย์ตระกูลเซี่ยที่ยิ่งใหญ่ของข้าจริงๆ!” เซี่ยเฟยกุ้ยโกรธมาก
สาวใช้มนุษย์วิหคไม่กล้ากล่าวสิ่งใด เขาเดินตามเซียเฟยกุ้ยไปถึงหน้าทางเข้าห้องประชุมก่อนจะหยุดเท้าลง นางไม่มีคุณสมบัติที่จะเข้าไป
ทางเข้าห้องประชุมเปิดออกแล้วแต่ที่นั่งหลักยังว่างเปล่า เก้าอี้ตัวนี้เคยถูกครอบครองโดยเซี่ยชาหรือเจตจํานงของนางมาก่อน
เก้าอี้ด้านซ้ายหน้าสุดคือเซี่ยเจาผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่สองของตระกูลเซี่ย
เขาเป็นชายร่างอ้วนและมีอารมณ์แปรปรวน เขาบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งปฐพี ปัจจุบันเขาเป็นกระดูกสันหลังของตระกูลเซีย
ฝั่งตรงข้ามกับเซี่ยเจา เก้าอี้ด้านขวาหน้าสุดคือเซี่ยเฉินหยวนผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่สามของตระกูลเซีย
เขาเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปฐพีเช่นกัน
นอกจากนี้เก้าอี้ตัวอื่นๆก็ถูกครอบครองโดยร่างหลักหรือเจตจํานงของเซี่ยหลิวเพ่ย เซี่ยชิงกัง เซี่ยจ้าวโม่ และคนอื่นๆ มีเพียงเซี่ยเฟยกุ้ยเท่านั้นที่ยังมาไม่ถึง
“ไม่จําเป็นต้องยืนในห้องประชุม เชิญนั่ง” เซี่ยเจากล่าวด้วยน้ําเสียงดุดัน
เซี่ยเฟยกุ้ยพยายามควบคุมอารมณ์และพยักหน้าก่อนจะนั่งลงอย่างเงียบๆ
วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลถูกส่งให้กับเซี่ยเฟยกุ้ยจากที่นั่งด้านซ้าย
เซี่ยเจากวาดตามองทุกคน “เมื่อทุกคนอยู่ที่นี่แล้ว เราก็จะเริ่มประชุม”
เซี่ยเฟยกุ้ยตรวจสอบวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้และพบว่ามันเป็นรายการเรียกค่าไถ่จากฟางหยวน
มีเพียงไม่กี่คําถูกบันทึกไว้ มันทั้งกระชับและครอบคลุม
อย่างไรก็ตามมีภาพแนบมาในตอนท้าย มันเป็นฉากที่เซี่ยชาติดอยู่ในมิติช่องว่างจักรพรรดิ
ความโกรธของเซี่ยเฟยกุ้ยพลุ่งพล่านขึ้น เขาเกือบบดขยี้วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ทิ้งไปทันที
“วายร้ายฟางหยวน เจ้าคนชั่ว เขาควรถูกสาปแช่ง เราต้องฆ่าเขา!”
ผู้อมตะตระกูลเซียคนอื่นๆไม่ตอบสนอง พวกเขายังสงบนิ่งแต่การแสดงออกของพวกเขาก็ไม่น่ามองนัก
ห้องประชุมเต็มไปด้วยบรรยากาศที่หนักหน่วง
นอกจากความโกรธ คนเหล่านี้ยังรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ
ตระกูลเซียเป็นกองกําลังใหญ่แต่พวกเขากลับถูกกรรโชกทรัพย์โดยปีศาจอมตะผู้หนึ่ง
สิ่งที่ทําให้พวกเขาตกใจมากที่สุดก็คือเซี่ยชาผู้อมตะระดับแปดที่พวกเขาภาคภูมิใจกับล้มเหลวในการจับกุมฟางหยวนและกระทั่งเป็นฝ่ายถูกจับ!
ถูกต้อง ฟางหยวนมีพลังการต่อสู้ที่โดดเด่นซึ่งสามารถแข่งขันกับผู้อมตะระดับแปด
ตระกูลเซี่ยเคยเห็นภาพเหตุการณ์ที่เขาโจมตีจักรพรรดินีอสูรสายฟ้ามาก่อน แต่แล้วอย่างไร?
การเอาชนะผู้อมตะระดับแปดกับการจับกุมผู้อมตะระดับแปดเป็นสองแนวคิดที่แตกต่างกันระดับความยากของมันเหมือนสวรรค์กับพื้นพิภพ
ผู้อมตะตระกูลเซี่ยไม่เคยคาดหวังผลลัพธ์เช่นนี้
กระทั่งเวลานี้คนส่วนใหญ่ยังรู้สึกมึนงงราวกับพวกเขาอยู่ในความฝัน
ฟางหยวนเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดแต่กลับสามารถจับกุมผู้อมตะระดับแปดและผู้อมตะระดับเจ็ดอีกมากมาย!
ผู้อมตะระดับเจ็ดเกือบทั้งหมดเป็นไพ่ตายของกองกําลังต่างๆ
ทุกคนมีวิธีการเฉพาะตัว หากปราศจากผู้อมตะระดับแปด ตัวตนเหล่านี้จะมีอิทธิพลต่อภาคใต้ทั้งหมด
ฝ่ายธรรมะของภาคใต้มีความมุ่งมั่นที่จะจับกุมฟางหยวน พวกเขาจัดตั้งกลุ่มไล่ล่าเขาขึ้นมาโดยเฉพาะ
แต่ตอนนี้ทุกคนกลับถูกจับโดยฟางหยวน
เปรียบเทียบกับกองกําลังอื่น สถานการณ์ของตระกูลเซี่ยเลวร้ายที่สุดเพราะบุคคลที่พวกเขาสูญเสียไม่ใช่ผู้อมตะระดับเจ็ดแต่เป็นผู้อมตะระดับแปด!
นี่ไม่ได้เป็นเพียงการทําลายศักดิ์ศรีของพวกเขาแต่มันยังเป็นการสั่นคลอนรากฐานของพวกเขาโดยตรง
ในโลกใบนี้ผู้แข็งแกร่งจะได้รับการเคารพ ความปลอดภัยของเซี่ยชาจะส่งผลต่อสถานการณ์ทั้งหมดของตระกูลเซีย
“ข้าไม่ได้เรียกพวกเจ้ามาเพื่อให้พวกเจ้าแสดงความกังวล นี่คือช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่สําคัญของตระกูล เราอยู่ในสถานการณ์ที่อันตรายเป็นอย่างยิ่ง เวลานี้เราต้องร่วมมือกันและก้าวข้ามอุปสรรคที่ยากลําบากนี้ไปให้ได้” เซี่ยเจากล่าว
สถานการณ์ที่เกิดขึ้นทําให้ผู้อมตะทั้งหมดของตระกูลเซ๊่ยตกตะลึง เซี่ยเจาก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น
ช่วงเวลาที่ผ่านมาในฐานะผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่สอง เขาต้องเผชิญหน้ากับแรงกดดันที่ยิ่งใหญ่
เมื่อการเรียกค่าไถ่มาถึง หัวใจของเขาก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อย
“พวกเจ้าคงเห็นแล้วว่าฟางหยวนต้องการหินวิญญาณอมตะหนึ่งล้านก้อน พวกเจ้าคิดเห็นอย่างไรกับเรื่องนี้?” เซี่ยเจาถาม
หลังจากเงียบไปชั่วครู่ ผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่สามก็เปิดปากกล่าว “หินวิญญาณอมตะหนึ่งล้านก้อนไม่ใช่จํานวนเล็กน้อยแต่มันก็ไม่มากเกินไป ตระกูลเซี่ยของเราสามารถจ่ายราคานี้ แต่สิ่งที่ข้ากังวลก็คือข้อความนี้กล่าวถึงความต้องการของเขาเท่านั้น มันไม่ได้กล่าวถึงเรื่องการส่งมอบท่านหญิงเซี่ยชา”
ผู้อมตะคนอื่นๆพยักหน้า
เซี่ยเฟยกุ้ยขมวดคิ้วกล่าว “เราควรแจ้งกองกําลังอื่นหรือไม่? เราถูกกรรโชกทรัพย์ พวกเขาอาจพบสถานการณ์เดียวกัน”
เชียหลิวเพ่ยชําเลืองมองเซียเฟยคุ้ยด้วยสายตาเย้ยหยันแต่ไม่ได้กล่าวสิ่งใด
เซี่ยเฟยกุ้ยโกรธจัดเมื่อเห็นการแสดงออกของเซี่ยหลิวเพ่ย “เจ้าต้องการกล่าวสิ่งใด พูด!”
เซี่ยหลิวเพียเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดบนเส้นทางแห่งปัญญา นอกจากนี้เขายังเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการอนุมานที่มีชื่อเสียงของภาคใต้
เขาเย้ยหยัน “เราจะพึ่งพาคนนอกได้อย่างไร? พวกเขาอยากเห็นพวกเราสูญเสียผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่ง ตั้งแต่เจ้าตระหนักว่าปีศาจฟางหยวนไม่ได้กรรโชกทรัพย์เพียงพวกเรา แล้วเจ้าได้ยินกองกําลังอื่นแจ้งข่าวดังกล่าวกับพวกเราหรือไม่? เหตุใดพวกเขาไม่ติดต่อพวกเรา?”
เซี่ยเฟยกุ้ยเงียบ
ตระกูลเซี่ยสูญเสียเสาหลักไปอย่างกะทันหันขณะที่พวกเขาครอบครองแหล่งทรัพยากรจํานวนมาก
สถานการณ์ของพวกเขาอันตรายกว่าตระกูลฎีก่อนหน้านี้
ย้อนกลับไปตระกูลวยังมีวุหยงเป็นผู้อมตะระดับแปด แต่เขายังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลําบากและถูกกลั่นแกล้งจากทุกทิศทาง
มีความขัดแย้งภายในและความขัดแย้งระหว่างกองกําลังฝ่ายธรรมะเสมอ ตระกูลรูครอบครองบัลลังก์อันดับหนึ่งมาอย่างยาวนานแต่พวกเขาก็ยังไม่สามารถเป็นผู้นําในทุกสถานการณ์
สําหรับตระกูลเซี่ย แน่นอนว่าพวกเขาไม่สามารถสูญเสียเซี่ยชา!
ด้วยเหตุนี้เมื่อสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของฟางหยวนไปที่ร้านค้าของตระกูลเซียอีกครั้ง เขาก็ได้รับหินวิญญาณอมตะหนึ่งล้านก้อน
“เราต้องคุยกัน” เซี่ยเจาส่งสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ออกมาพบฟางหยวนเป็นการส่วนตัว
ฟางหยวนหัวเราะแต่ไม่ปฏิเสธ “แน่นอน แต่ข้ากําลังรีบ เจ้าต้องการกล่าวสิ่งใดเพียงทิ้งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลเอาไว้”
“โปรดรอสักครู่ ฟังข้า” เซี่ยเจาต้องการรั้งให้ฟางหยวนอยู่ต่อแต่สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของฟางหยวนกลับไม่แยแสและจากไปทันที นี่ทําให้เซี่ยเจาโกรธและไม่รู้ว่าควรทําอย่างไร
เขาทําได้เพียงมองสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของฟางหยวนจากไปด้วยหัวใจที่หนักอึ้งเท่านั้น