Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน - บทที่ 1645 วิญญาณกาลเวลาระดับเจ็ด
บทที่ 1645 วิญญาณกาลเวลาระดับเจ็ด
มิติช่องว่างจักรพรรดิ
การหลอมรวมวิญญาณมาถึงจุดสําคัญ
จักจั่นไม้แห่งกาลเวลาลอยอยู่กลางอากาศห่างจากพื้นประมาณหนึ่งเมตรครึ่ง
ฟางหยวนสูดหายใจลึกก่อนจะใช้ท่าไม้ตายอมตะที่เตรียมไว้นานแล้ว
ทันใดนั้นสายลมพลันกรรโชกแรง เมฆสีดําลอยเข้ามาปกคลุมท้องฟ้า
เสียงโหยหวนของภูตผีดังขึ้นก่อนที่มือสีดําจะโผล่ขึ้นมาจากดินสีขาวซีดและจับจักจั่นไม้แห่งกาลเวลาเอาไว้
มือสีดําราวกับหยิบของบางอย่างออกมาจากจักจั่นไม้แห่งกาลเวลาก่อนจะล่าถอยออกไป
มีอภูตผีนับร้อยโผล่ขึ้นมาและนําสิ่งสกปรกออกจากร่างกายของจักจั่นไม้แห่งกาลเวลาอย่างต่อเนื่อง
จั๊กจั่นไม้แห่งกาลเวลาหดตัวลงแต่ผิวของมันกลับแสงประกายมากขึ้น
เมื่อเห็นสิ่งนี้ฟางหยวนรู้สึกพอใจมาก
นี่เป็นท่าไม้ตายอมตะที่เขาคิดค้นขึ้นโดยใช้วิญญาณอมตะป้ายคําสั่งอสูรวิญญาณระดับแปดเป็นแกนกลาง
สองสามครั้งก่อนหน้าการหลอมรวมวิญญาณกาลเวลาของข้าพบปัญหาที่จุดนี้ แต่ด้วยท่าไม้ตายนี้ข้าสามารถกําจัดสิ่งสกปรกออกไป อย่างไรก็ตามยังมีปัญหาอื่นที่ถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง”
สายลมหยุดพัด มีอภูตผีหายไป
หลังจากนั้นฟางหยวนก็นําบอลเพลิงออกมา
นี่คือเพลิงระดับแปด บทเพลงหงสา ชั้นนอกของมันเป็นเพลิงสีเหลืองขณะที่ชั้นในเป็นเพลิงสีแดงที่อยู่ในรูปลักษณ์ของวิหคเพลิง มันบินไปรอบๆและส่งเสียงที่ไพเราะออกมา
“ไป!” ฟางหยวนตะโกนและโยนเพลิงบทเพลงหงสาเข้าไป
ร่างของจักจั่นไม้แห่งกาลเวลาลุกไหม้ขึ้นขณะที่เสียงกรีดร้องของวิหคเพลิงดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ฟางหยวนกลั้นหายใจขณะจ้องมองจักจั่นไม้แห่งกาลเวลาอย่างไม่ละสายตา
ร่องรอยของปราณภูตผีที่ถูกทิ้งไว้บนร่างของจักจั่นไม้แห่งกาลเวลาถูกทําลายโดยเปลวเพลิงบทเพลงหงสา
นี่เป็นขั้นตอนที่ยากลําบาก มันต้องใช้ความแม่นยําที่สูงมาก แต่ฟางหยวนมีความเยือกเย็นและความอดทนที่เพียงพอ เขารอกระทั่งปราณภูตผีถูกทําลายจนหมดก่อนที่เขาจะใช้วิธีต่อไป
เสียงคํารามของมังกรดังขึ้น พายุหิมะร่างมังกรพุ่งเข้าปะทะจักจั่นไม้แห่งกาลเวลา
เพลิงบทเพลงหงสาพยายามต่อต้าน แต่ภายใต้การควบคุมของฟางหยวน มังกรพายุหิมะสามารถกําหราบมัน แต่เพลิงบทเพลงหงสายังดื้อรั้นมาก ฟางหยวนต้องใช้เวลาหลายชั่วโมงก่อนจะสามารถกําจัดมันออกไป
ในเวลาเดียวกันมังกรพายุหิมะก็กลายเป็นชั้นน้ำแข็งผนึกจักจั่นไม้แห่งกาลเวลาเอาไว้ภายใน
ปัจจุบันจักจั่นไม้แห่งกาลเวลามีขนาดเล็กมาก
ฟางหยวนหยิบจักจั่นไม้ที่ถูกแช่แข็งออกมาอย่างระมัดระวัง หลังจากนั้นเขาก็พ่นลมหายใจอุ่นๆออกมาละลายชั้นน้ำแข็งและปลดผนึกให้กับจักจั่นไม้แห่งกาลเวลา
ฟางหยวนใช้มือบีบร่างไม้ของจักจั่นไม้แห่งกาลเวลา
“ผัวะ!”
พื้นผิวของจั๊กจั่นไม้แห่งกาลเวลาแตกออกขณะที่จักจั่นไม้แห่งกาลเวลาตัวใหม่บินออกมาจากเปลือก
ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายอย่างมีความสุข
“มันไม่ง่ายเลย!”
“หลังจากล้มเหลวหลายครั้ง ในที่สุดข้าก็ประสบความสําเร็จในการหลอมรวมวิญญาณกาลเวลาระดับเจ็ด!”
ครั้งนี้ฟางหยวนใช้วิธีการใหม่เกือบทั้งหมด ท่าไม้ตายอมตะมือภูตผีถูกสร้างขึ้นโดยการสานวิญญาณอมตะป้ายคําสั่งอสูรวิญญาณระดับแปดเข้าไปในท่าไม้ตายอมตะมือปีศาจปล้นวิญญาณ แม้วิธีนี้จะมีประสิทธิภาพ แต่มันจะทิ้งปราณภูตผีเอาไว้เบื้องหลัง ดังนั้นฟางหยวนจึงต้องใช้เพลิงบทเพลงหงสาระดับแปดเพื่อกําจัดปราณภูตผีที่ตกค้าง สุดท้ายเขายังต้องใช้ท่าไม้ตายอมตะมังกรพายุหิมะที่พัฒนามาจากท่าไม้ตายอสรพิษที่หลับใหล
ด้วยเหตุผลทั้งหมด การทํางานหนักของเขาจึงได้รับผลตอบแทนในที่สุด ฟางหยวนประสบความสําเร็จในการยกระดับวิญญาณกาลเวลา!
“ด้วยวิญญาณกาลเวลาระดับเจ็ดและความสําเร็จบนเส้นทางแห่งกาลเวลาระดับปรมาจารย์เอก ข้าสามารถใช้วิญาณกาลเวลาเป็นแกนกลางเพื่อสร้างท่าไม้ตายอมตะและหลบหนีจากกับดักของวังสวรรค์!”
ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้น
ครั้งล่าสุดเมื่อเขาเข้าสู่สายธารแห่งกาลเวลา เขาถูกวังสวรรค์ซุ่มโจมตีเพราะวิธีล่อลวงวิญญาณกาลเวลา
ย้อนกลับไปวิญญาณกาลเวลาเป็นเพียงวิญญาณอมตะระดับหก แต่ตอนนี้มันเป็นวิญญาณอมตะระดับเจ็ด หากเขามีท่าไม้ตายอมตะ แม้วังสวรรค์จะมีท่าไม้ตายอมตะระดับแปดที่สามารถหลอกลวงวิญญาณกาลเวลา พวกเขาก็จะไม่ประสบความสําเร็จโดยง่าย
กรณีที่ดีที่สุดคือใช้วิญญาณกาลเวลาระดับเจ็ดเป็นแกนกลางและหนุนเสริมด้วยวิญญาณฤดูใบไม้ผลิระดับแปดเพื่อสร้างท่าไม้ตายอมตะระดับแปด ด้วยวิธีนี้ข้าก็ไม่จําเป็นต้องกลัวกับดักของวังสวรรค์และยังสามารถขยายขอบเขตของการค้นหาเกาะบัวหินอีกด้วย
แน่นอนว่าวิธีที่ตรงไปตรงมาที่สุดคือการหลอมรวมวิญญาณกาลเวลาระดับแปด
แต่นั่นเป็นเรื่องยากเกินไป
ปัจจุบันฟางหยวนไม่สามารถหลอมรวมวิญญาณอมตะระดับแปด
แม้เขาจะมีความสําเร็จบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมที่สูงมาก แต่รากฐานของเขาก็จะสั่นคลอน
นอกจากนั้นเขายังขาดเงินทุน ย้อนกลับไปปีศาจอมตะเซี่ยหูยังต้องใช้ความมั่งคั่งทั้งหมดของเขาเพื่อหลอมรวมวิญญาณอมตะโชคชะตาท้าทายสวรรค์ระดับแปด
แม้ฟางหยวนจะได้รับความมั่งคั่งจากการรีดไถฝ่ายธรรมะของภาคใต้รวมถึงการปล้นสะดมถ้ำสวรรค์ห้าเซียงและถ้ำสวรรค์ทะเลปราณ แต่เขาก็สูญเสียคฤหาสน์วิญญาณอมตะที่ไม่สมบูรณ์ นอกจากนั้นเขายังมีเรื่องอื่นที่ต้องให้ความสําคัญ
จุดอ่อนเดียวในเวลานี้ของเขาคือลูกน้องที่อ่อนแอ
หากไห่ลั่วหลันและคนอื่นๆก้าวเข้าสู่ระดับเจ็ดรวมกับสามทาสอมตะตระกูลฉี ฟางหยวนจะสามารถแข่งขันกับกองกําลังใหญ่ แม้เขาจะยังไม่สามารถเปรียบเทียบกับตระกูลวูของภาคใต้หรือตระกูลฟางของทะเลทรายตะวันตก แต่กองกําลังของเขาก็ยังเท่าเทียมกับกองกําลังใหญ่ทั่วไปและยังเหนือกว่าเผ่าชูของชู
“ข้าต้องมอบทรัพยากรอมตะระดับหกและระดับเจ็ดให้อิงอู๋เซี่ยและคนอื่นๆ
“นอกจากเลี้ยงดูพวกเขา ข้ายังต้องยกระดับวิญญาณอมตะดวงอื่นๆ
วิญญาณอมตะส่วนใหญ่ของฟางหยวนยังเป็นวิญญาณอมตะระดับหก
ตัวอย่างเช่นวิญญาณอมตะความแข็งแกร่งของตนเอง วิญญาณอมตะยกภูเขา วิญญาณอมตะดึงแม่น้ำ วิญญาณอมตะคลี่คลายปริศนา วิญญาณอมตะโชคอีสุนัข วิญญาณอมตะตรวจสอบโชค วิญญาณอมตะเชื่อมโยงโชค และอื่นๆ
สิ่งสําคัญที่สุดสําหรับตอนนี้คือวิญญาณอมตะพื้นที่ก่อนหน้า วิญญาณอมตะบุรุษคนก่อนหน้า และวิญญาณอมตะวัน
หากเขาสามารถยกระดับวิญญาณอมตะทั้งสามดวง พลังการต่อสู้บนเส้นทางแห่งกาลเวลาของเขาจะพุ่งสูงขึ้นอย่างมาก
ความสนใจในปัจจุบันของฟางหยวนอยู่ที่เส้นทางแห่งกาลเวลา
แม้เส้นทางแห่งดาบ เส้นทางแห่งจิตวิญญาณ เส้นทางแห่งปัญญา และเส้นทางสายอื่นๆจะมีช่องว่างสําหรับการพัฒนา แต่การต่อสู้ในสายธารแห่งกาลเวลาต้องใช้วิธีบนเส้นทางแห่งกาลเวลาเท่านั้น
น่าเสียดายที่นิกายหลางหยาถูกถ้ำสวรรค์นิรันดรยึดครอง ข้ายังต้องการให้พวกเขาช่วยหลอมรวมวิญญาณอมตะอีกมาก หากผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนช่วยข้าหลอมรวมวิญญาณ ข้าจะสามารถประหยัดเวลาและพลังงานไปได้มาก
ฟางหยวนรู้สึกเสียใจกับเรื่องนี้
เขาเคยใช้งานนิกายหลางหยาอย่างสะดวกสบาย แต่ตอนนี้มันจากไปแล้ว เขาต้องทํางานหนักและทุ่มเทความพยายามด้วยตนเอง แม้มันจะไม่ใช่ปัญหาสําหรับเขา แต่เขาก็ต้องใช้เวลาค่อนข้างมากกับมัน
“ปัญหาของการหลอมรวมวิญญาณมีเพียงอัตราความสําเร็จ
การหลอมรวมวิญญาณอมตะมีโอกาสประสบความสําเร็จค่อนข้างต่ำ ยิ่งระดับสูงโอกาสล้ม เหลวก็ยิ่งมาก
ฟางหยวนต้องการหลอมรวมวิญญาณอมตะระดับเจ็ด มันจะยิ่งยากกว่าการหลอมรวมวิญญาณอมตะระดับหก
หากเขาล้มเหลว วิญญาณอมตะระดับหกอาจถูกทําลาย ในกรณีนี้เขาต้องเริ่มต้นหลอมรวมวิญญาณระดับหกใหม่อีกครั้งก่อนจะสามารถหลอมรวมวิญญาณอมตะระดับเจ็ด หากวิญญาณอมตะถูกหลอมรวมโดยผู้อื่นไปแล้ว มันจะเป็นการเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์และนั่นจะเป็นความสูญเสียที่แท้จริง