Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน - บทที่ 1693 จื่อเว่ยยืมวิญญาณ
บทที่ 1693 จื่อเว่ยยืมวิญญาณ
ตั้งแต่กําเนิดใหม่ พลังการต่อสู้ของฟางหยวนเพิ่มสูงขึ้นด้วยความเร็วที่น่าตกใจ
ตอนนี้เขากลายเป็นผู้อมตะระดับแปด นี่เป็นสิ่งที่หาได้ยาก
อย่างไรก็ตามเขายังไม่แข็งแกร่งพอที่จะต่อสู้แย่งชิงวังมังกรเพียงลําพัง
ท่ามกลางผู้อมตะระดับแปดที่ต่อสู้เพื่อวังมังกร ราชันมังกรมีพลังการต่อสู้กึ่งระดับเก้า นอกจากนั้นยังมีผู้อมตะระดับแปดที่แข็งแกร่งของทะเลตะวันออกอีกหลายคน
ฟางหยวนมีเวลาบ่มเพาะน้อยเกินไป การเอาชนะราชันมังกรและคว้าวังมังกรมาครอบครองยากเกินไปสําหรับเขา
แต่ฟางหยวนรู้ว่าเขาไม่สามารถเฝ้ามองอยู่ด้านข้าง
หากวังสวรรค์ได้รับวังมังกร พวกเขาจะแข็งแกร่งยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการคงอยู่ของวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งความฝัน นี่ไม่ใช่เรื่องง่าย มันอาจถือกําเนิดขึ้นเองตามธรรมชาติ มันเป็นเมล็ดพันธุ์ที่สวรรค์ปลูกไว้ในทะเลตะวันออกเพิ่มเริ่มต้นยุคของเส้นทางแห่งความฝัน
การดึงถ้ำสวรรค์นิรันดรเข้ามาจะทําให้สถานการณ์วุ่นวายมากขึ้น
ยิ่งสถานการณ์วุ่นวายเท่าใด ฟางหยวนก็ยิ่งมีโอกาสมากเท่านั้น
รากฐานของผู้อมตะระดับแปดของทะเลตะวันออกไม่สามารถดูแคลน ฟางหยวนอาจได้รับบาดเจ็บสาหัสอย่างง่ายดายหากไม่ระวัง
สําหรับราชันมังกร ฟางหยวนตระหนักว่าตนเองไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา
“ราชันมังกรกําลังปกป้องฟงจินฮวง เขาไม่สามารถใช้พลังออกมาอย่างเต็มที่ เขายังไม่ได้ใช้วิธีบนเส้นทางแห่งพลังปราณ แต่กระทั่งเขาจะใช้เพียงวิธีบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง เขาก็ยังแข็งแกร่งที่สุด เขาสามารถต่อต้านทุกคนได้ด้วยตัวเขาเพียงลําพัง”
ไปหนิงปิงและคนอื่นๆยังฝึกฝนอยู่บนเกาะบัวหิน แม้พวกนางจะได้รับความช่วยเหลือจากท่าไม้ตายอมตะตัวตนในอนาคต แต่พวกนางก็มีพลังการต่อสู้บนจุดสูงสุดของระดับเจ็ดเท่านั้น”
น่าเสียดายที่คฤหาสน์วิญญาณอมตะที่ไม่สมบูรณ์ของข้าถูกทําลาย หากมันยังอยู่ ตอนนี้มันคงกลายเป็นคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปดและมีประโยชน์กับข้าเป็นอย่างมาก”
“หากข้าสามารถขโมยวิญญาณอมตะจากถ้ำสวรรค์นักรบอสูร ข้าจะสามารถแปลงร่าง ข้าจะได้รับพลังการต่อสู้ชั่วคราว น่าเสียดายที่ข้าไม่มีเวลาสํารวจ
ฟางหยวนรู้สึกเสียดายเล็กน้อย
แต่ความจริงมักเป็นเช่นนี้ ถนนไม่ได้โรยด้วยกลีบดอกไม้ ไม่ใช่ทุกสิ่งจะราบรื่นไปทั้งหมด
วังมังกรหลบหนีอย่างไม่เหน็ดเหนื่อย ผู้อมตะระดับแปดของทะเลตะวันออกยังไม่ปรากฏตัวออกมาทั้งหมด ราชันมังกรรอกําลังเสริมจากวังสวรรค์ ยังมีเวลาก่อนที่พวกเขาจะต่อสู้กันอย่างจริงจัง
ฟางหยวนไม่แน่ใจเกี่ยวกับทัศนคติของถ้ำสวรรค์นิรันดร แต่กระทั่งพวกเขาจะมีเจตนาร้าย การล่อให้พวกเขาเข้าสู่การต่อสู้ครั้งนี้ก็ยังเป็นประโยชน์ต่อฟางหยวนมากกว่าภัยคุกคาม
ด้วยการเคลื่อนไหวนี้ ฟางหยวนจะมีโอกาสฉกชิงวังมังกร สร้างความเสียหายให้กับวังสวรรค์ และตรวจสอบความตั้งใจของถ้ำสวรรค์นิรันดร
อย่างไรก็ตามหลายวันผ่านไปชิงช่ายฉวนก็ยังไม่มา แต่เขามอบข้อมูลสําคัญให้กับฟางหยวน วังสวรรค์พบเกาะบัวหินในสายธารแห่งกาลเวลา พวกเขากําลังพยายามยึดครองมัน
ปิงช่ายฉวนแนะนํา “เจ้ามีวิญญาณกาลเวลา เจ้าเป็นผู้สืบทอดของเทพปีศาจบัวแดงโดยชอบธรรม หากวังสวรรค์นํามรดกของเจ้าไป เจ้าจะลําบากขณะที่วังสวรรค์จะแข็งแกร่งขึ้น เทพปีศาจบัวแดงสามารถทําลายวิญญาณชะตากรรม มีความเป็นไปได้สูงที่มรดกที่แท้จริงของเขาจะมีวิธีทําลายวิญญาณชะตากรรม!”
คํากล่าวของปิงช่ายฉวนไม่มีปัญหา เขาไม่รู้ว่าฟางหยวนได้รับมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดงส่วนหนึ่งมาแล้ว
ฟางหยวนไม่ได้รับวิธีทําลายวิญญาณชะตากรรม แต่มันอาจอยู่ในมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดงส่วนอื่น
นี่เป็นไปได้
แน่นอนว่ามีความเป็นไปได้ที่ปิงช่ายฉวนจะให้ข้อมูลเท็จเพื่อจับฟางหยวนเช่นกัน
ตอนนี้ฟางหยวนมีสองทางเลือก เขาอาจเฝ้าดูและรอโอกาสคว้าวังมังกรหรือไปที่สายธารแห่งการเวลาเพื่อชิงมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดง
แต่ไม่ว่าจะเป็นทางเลือกใด พวกมันต่างอันตรายและมีความเสี่ยงสูง
ฟางหยวนเริ่มคิดวิธีที่ดีที่สุดในสถานการณ์นี้
ภาคใต้
ถ้ำสวรรค์คุณธรรม
สองผู้อมตะระดับแปดเดินเคียงข้างกันขึ้นไปบนภูเขา กลิ่นอายของพวกเขาถูกกดไว้อย่างสมบูรณ์
คนทางซ้ายสวมเสื้อผ้าปานสีเทา มันดูเรียบง่ายและธรรมดามาก แต่ร่างกายที่กํายําของเขาไม่สามารถปกปิด เขาสวมหมวกทรงกรวยและปิดซ่อนใบหน้าของตน
มันคือผู้สืบทอดของเทพอมตะสวรรค์พิภพรุ่นปัจจุบันที่มีชื่อเสียงในโลกของผู้อมตะภาคใต้ ลั่วเว่ยหยิน
คนทางขวาเป็นหญิง นางมีรูปร่างสง่างาม เส้นผมของนางยาวลงมาถึงเอว นางอยู่ในชุดคลุมสีม่วงที่งดงามและดูลึกลับ ดวงตาของนางเหมือนสระน้ำลึกที่แฝงไว้ด้วยความโศกเศร้า
มันคือผู้นําวงสวรรค์ ผู้ครอบครองกระดานหมากรุกกลุ่มดาว ผู้เชี่ยวชาญบนเส้นทางแห่งปัญญาอันดับหนึ่งของโลกยุคปัจจุบัน เทพธิดาจื่อเว่ย
เทพธิดาจื่อเว่ยเดินทางมาพบลั่วเว่ยหยินอย่างเงียบๆ มีเหตุผลใดซ่อนอยู่เบื้องหลังการเคลื่อนไหวนี้?
ระหว่างทาง ลั่วเว่ยหยินและเทพธิดาจื่อเว่ยพูดคุยกันเพียงไม่กี่คําแต่ทั้งสองยังแสดงออกด้วยความเป็นมิตร
เป็นเพียงเวลานี้ที่ศาลาสีแดงเล็กๆปรากฏขึ้นจากต้นไม้สีเขียว ลั่วเว่ยหยินกล่าว “ท่านหญิงจื่อเว่ย เราไปพักที่ศาลานั้นกันเถอะ”
“เป็นความคิดที่ดี” เทพธิดาจื่อเว่ยเผยรอยยิ้มบาง
ทั้งสองเดินเข้าไปในศาลาสีแดง มีเก้าอี้วางอยู่ภายใน แต่เทพธิดาจอเว่ยไม่นั่ง นางเดินไปที่ขอบศาลาและมองทิวทัศน์ที่เต็มไปด้วยภูเขาและแม่น้ำ
ศาลาหลังนี้สร้างขึ้นบนขอบหน้าผา มันมีทัศนียภาพที่งดงาม
ถ้ำสวรรค์คุณธรรมเต็มไปด้วยธรรมชาติ มีหมู่บ้านเล็กๆ และบรรยากาศที่เงียบสงบ
บนท้องฟ้ามีภูเขาลอยฟ้า ภูเขาเหล่านี้สร้างขึ้นบนดินเมฆ บนภูเขาแต่ละลูกมีสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกัน ภูเขาบางลูกเต็มไปด้วยเถาวัลย์สีเขียว ภูเขาบางลูกมีฝนโปรยปรายและสายรุ้งฟังดงาม ภูเขาบางลูกมีน้ำตกขนาดใหญ่
นกกระเรียนบินอยู่บนท้องฟ้าและส่งเสียงขับขาน สิ่งมีชีวิตและทรัพยากรอมตะจํานวนมากปรากฏอยู่ทุกหนทุกแห่ง
สิ่งที่เทพธิดาจื่อเว่ยให้ความสนใจเป็นพิเศษคือมนุษย์เห็ดและมนุษย์ที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านอย่างกลมกลืน
“มันเป็นสวรรค์อย่างแท้จริง เทพอมตะสวรรค์พิภพต้องการสร้างโลกเช่นนี้ แต่มนุษย์เป็นผู้ปกครองโลก มนุษย์กลายพันธุ์จะเปรียบเทียบกับพวกเราได้อย่างไร? แต่ถึงกระนั้นข้ายังชื่นชม ความสามารถของเทพอมตะสวรรค์พิภพ เขาทุ่มเททั้งชีวิตเพื่อความฝันนี้ เขาไม่เคยแสวงหาผลประโยชน์ให้กับตนเอง” เทพธิดาจื่อเว่ยกล่าวอย่างช้าๆ
วังสวรรค์เป็นของมนุษย์ อุดมการณ์ของมันคือการปกครองมนุาย์และกดขี่มนุษย์กลายพันธุ์ แต่เทพอมตะสวรรค์พิภพต้องการความเท่าเทียมและไม่แบ่งแย่งเผ่าพันธุ์
เนื่องจากอุดมการณ์ที่แตกต่างเทพอมตะสวรรค์พิภพจึงไม่ได้เข้าร่วมกับวังสวรรค์ เขาสร้างถ้ำสวรรค์ของเขาเองในห้าภูมิภาคและพยายามสร้างโลกในอุดมคติของตน
ลั่วเว่ยหยินพยักหน้า “แม้อุดมการณ์ของเราจะแตกต่าง แต่ทัศนคติของเราที่มีต่อปีศาจเหมือนกัน ท่านหญิงจื่อเว่ยมาที่นี่เพื่อขอยืมวิญญาณ หากมันเป็นวิญญาณอมตะดวงอื่น นั่นย่อมเป็นไปไม่ได้ แต่วิญญาณความเมตตาเป็นประโยชน์ต่อโลกใบนี้ เหตุใดข้าถึงต้องหยุดท่าน? อย่างไรก็ตามหากคนนอกต้องการยืมวิญญาณ ตามกฏของเทพอมตะ ท่านต้องเดินขึ้นไปบนยอดเขาเพื่อให้ได้รับคุณสบัติในการยืมวิญญาณ การเดินทางครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย ยิ่งการบ่มเพาะสูงเท่าใด มันก็ยิ่งยากลําบากเท่านั้น เทพธิดาจื่อเว่ยโปรดเข้าใจ”
“ภูเขาลูกนี้ไม่ง่ายที่จะขึ้นไปจริงๆ แต่ข้าเข้าใจเจตนาของเทพอมตะสวรรค์พิภพ การเดินขึ้นภูเขาลูกนี้มีประโยชน์ต่อข้าเช่นกัน” เทพธิดาจื่อเว่ยยิ้ม “เอาล่ะ ไปกันต่อเถอะ”
สายธารแห่งกาลเวลา
คฤหาสน์วิญญาณอมตะสี่หลังของวังสวรรค์ตั้งอยู่รอบๆค่ายกลวิญญาณอมตะ
“ท่านฟงจิวเก้อ พวกเราปิดล้อมเกาะบัวหินแล้ว ตอนนี้พวกเราสามารถสํารวจมัน” จางซุนจือกล่าว
ฟงจิวเก้อพยักหน้า เดิมที่เขาต้องการใช้สายธารแห่งกาลเวลาเพื่อสร้างเพลงพรหมลิขิต แต่ผู้ใดจะคิดว่าเมื่อเขาเข้ามาในสายธารแห่งกาลเวลา เกาะบัวหินจะปรากฏขึ้นต่อหน้าเขา
“เกาะบัวหินถูกสร้างขึ้นโดยเทพปีศาจบัวแดง ข้าควรไปดูวิธีที่น่าตกใจของเขา”
ฟงจิวเก้อกําลังจะเข้าไปในค่ายกลวิญญาณอมตะ
“บึม!”
แต่เสียงระเบิดกลับดังขึ้น คฤหาสน์วิญญาณอมตะที่เขาอยู่เกิดการสั่นสะเทือนขึ้นอย่างรุนแรง
“ศัตรู!”
“ผู้ใดกล้าโจมตีวังสวรรค์!”
กลุ่มผู้อมตะโกรธมาก
จะเป็นผู้ใดได้นอกจากฟางหยวน
กลุ่มผู้อมตะของวังสวรรค์มีนงงเล็กน้อย บางคนตะโกน “ปีศาจ ครั้งก่อนเจ้าต้องหลบหนี แต่เจ้ายังกล้ากลับมาอีกงั้นหรือ? รนหาที่ตาย!”
ฟางหยวนเผยรอยยิ้มบาง หลังจากครุ่นคิด เขาตัดสินใจมายังสายธารแห่งกาลเวลา
ท้ายที่สุดการต่อสู้เพื่อวังมังกรมีความไม่แน่นอนมากเกินไป
สําหรับเกาะบัวหิน หากเขาไม่มา วังสวรรค์จะได้รับมันไปอย่างแน่นอน ฟางหยวนครอบครองวิญญาณกาลเวลา เขาข้อได้เปรียบ
“ฟางหยวน เราพบกันอีกครั้ง” เสียงของฟงจิวเก้อดังออกมาจากคฤหาสน์วิญญาณอมตะ
ใบหน้าของฟางหยวนเปลี่ยนเป็นจริงจัง ดูเหมือนครั้งนี้เขาต้องต่อสู้กับฟงจิวเก้ออีกครั้ง