Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน - บทที่ 1741 ธงสงคราม
บทที่ 1741 ธงสงคราม
เฉินอี้มองฟางหยวนและรู้สึกราวกับท้องฟ้ากําลังร่วงหล่นลงมา
“ในกรณีนี้ไม่จําเป็นต้องหลบเลี่ยงมัน” เฉินอี้เผชิญหน้ากับความตายอย่างไม่แยแส
“ท่านเฉินอี้!” เพ่ยกังซุ้ยและผู้อมตะคนอื่นๆของวังสวรรค์ตะโกนและต้องการเข้าไปช่วยเหลือ
แต่จื่อซิวหยู อี้ห่าวฟาง และคนอื่นๆ ปิดกั้นกําลังเสริมเหล่านี้
ดาบภูตมังกรแทงทะลุร่างของเฉินอี้และโจมตีภูเขาขนดกด้วยพลังที่เหลืออยู่
ภูเขาขนดกระเบิดเป็นฝุ่นผงขณะที่ศพของเฉินอี้ล้มลง
“เฉินอี้ตายแล้ว!” หัวใจของทุกคนสั่นไหว
ฟางหยวนสังหารผู้อมตะของวังสวรรค์สองคนติดต่อกัน นั่นทําให้ความน่ากลัวของเขาฝังลึกอยู่ในหัวใจของผู้คนอย่างไรก็ตาม
“ภูเขาขนดกถูกทําลายแต่แดนศักดิ์สิทธิ์ไร้ที่ติยังอยู่!” ฟางหยวนขมวดคิ้ว
วังสวรรค์ค้นพบที่ตั้งของแดนศักดิ์สิทธิ์ไร้ที่ติมานานแล้ว แต่พวกเขาไม่เคยบุกเข้าไป พวกเขาใช้เพียงวิธีบนเส้นทางมนุษย์เพื่อสร้างร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋ความสําเร็จเท่านั้น
ในช่วงเวลาเร่งด่วน ฟางหยวนไม่สามารถสร้างความเสียหายให้กับแดนศักดิ์สิทธิ์ไร้ที่ติโดยไม่ต้องกล่าวถึงการทําลายมัน
ไม่นานหลังจากการเสียชีวิตของเฉินอี้ ผู้อมตะอีกคนก็เสียชีวิตอยู่ในวังสวรรค์
เขาคือหยวนเชียงตู๋!
เขานั่งไขว่ขาอยู่บนพื้นและตายด้วยรอยยิ้ม
หลังจากการตายของเขา หอคอยดวงตาสวรรค์เริ่มปลดปล่อยกลิ่นอายอันทรงพลังออกมา
“นี่คือกลิ่นอายของวิญญาณอมตะระดับเก้า!”
“วิญญาณชะตากรรม!”
“หยวนเชียงตู๋เสียสละตนเอง!”
“ หมายความว่า…”
การแสดงออกของสมาชิกถ้ำสวรรค์นิรันดรเปลี่ยนแปลงไปขณะที่ดวงตาของสมาชิกวังสวรรค์ส่องประกายขึ้นด้วยความสุข
“บัดซบ! เราล้มเหลว?” ปิงช่ายฉวนกัดฟันแน่น “ถอย!”
ความสิ้นหวังทั้งเจ็ดยังอยู่ข้างหลังขณะที่แท่นบูชาแห่งโชคเริ่มล่าถอย
“เกิดสิ่งใดขึ้น? เหตุใดข้าถึงรู้สึกความว่าง?” ในสมรภูมิแดนศักดิ์สิทธิ์ไร้ที่ติ ฟางหยวนรู้สึกถึงสิ่งผิดปกติ
“ฮ่าฮ่าฮ่า!” ราชันมังกรหัวเราะอย่างเต็มที่ เขาไม่ขัดขวางแท่นบูชาแห่งโชค
เขาเคลื่อนที่ไปยังชั้นบนสุดของหอคอยดวงตาสวรรค์
“วิญญาณชะตากรรมวิญญาณชะตากรรม…” ราชันมังกรพึมพําขณะที่น้ำตาไหลออกมาจากดวงตาของเขา
เขามีความสุขเกินไปและตื่นเต้นเกินไป
เขากําลังเผชิญหน้ากับวิญญาณชะตากรรมที่สมบูรณ์แบบ!
หลายปีของความปรารถนา ในที่สุดมันก็ประสบความสําเร็จ
ความหมายเบื้องหลังการฟื้นตัววิญญาณชะตากรรมมีความสําคัญและซับซ้อนสําหรับราชันมังกร
เหตุผลเป็นเพราะศิษย์ของเขาเป็นคนทําลายวิญญาณชะตากรรม
“หงถึง อาจารย์ชดใช้ความผิดของเจ้าแล้ว ข้าไม่ทําให้วังสวรรค์ผิดหวัง ข้าไม่ทําให้มนุษย์ชาติผิดหวัง! ฮ่าฮ่าฮ่า”
เสียงของราชันมังกรดังออกมาจากหอคอยดวงตาสวรรค์ “หลังจากหนึ่งล้านปี วังสวรรค์สามารถครอบคองวิญญาณชะตากรรที่สมบูรณ์แบบอีกครั้ง!”
ผู้อมตะของวังสวรรค์โห่ร้องด้วยความยินดี บางคนตื่นเต้น บางคนร้องไห้ บางคนเสียชีวิตด้วยความพึงพอใจ
ขวัญกําลังใจของผู้อมตะวังสวรรค์พุ่งสูงขึ้นจนถึงขีดสุดขณะที่สมาชิกถ้ำสวรรค์นิรันดรหน้าซีดและเร่งล่าถอยอย่างรวดเร็ว
ตอนนี้พวกเขาไม่สามารถทําสิ่งใดได้อีกต่อไป
สามล้านปีก่อน
ภาคกลาง ยอดเขาลมหายใจปราณ
บนยอดเขามีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋บนเส้นทางแห่งพลังปราณอยู่อย่างหนาแน่น
ทุกสองหรือสามศตวรรษ ยอดเขาแห่งนี้จะบินไปที่อื่นและดูดซับพลังปราณที่แตกต่างกันเข้าไปอย่างต่อเนื่อง
ยอดเขาลมหายใจปราณแห่งนี้ถูกครอบครองโดยเทพอมตะแรกกําเนิด ในเวลานี้เขายังเป็นผู้อมตะระดับเจ็ด
เทพอมตะแรกกําเนิดบ่มเพาะอยู่บนยอดเขาลมหายใจปราณ
วันนี้ผู้ใช้วิญญาณเผ่ามนุษย์ผู้หนึ่งบุกขึ้นมาบนยอดเขาลมหายใจปราณของเขาและทําให้เทพอมตะแรกกําเนิดประหลาดใจเล็กน้อย
เทพอมตะแรกกําเนิดต้องการบ่มเพาะอย่างเงียบสงบ ดังนั้นเขาจึงจัดเตรียมหลายสิ่งไว้ป้องกันยอดเขาลมหายใจปราณ
ไม่จําเป็นต้องกล่าวถึงผู้ใช้วิญญาณ กระทั่งผู้อมตะจํานวนมากจะมาที่นี่ พวกเขาก็ไม่สามารถรบกวนเทพอมตะแรกกําเนิด
“ผู้ใช้วิญญาณบุกมาที่นึ่งั้นหรือ? น่าสนใจ น่าสนใจ”
เทพอมตะแรกกําเนิดปรากฏตัวต่อหน้าผู้ใช้วิญญาณแต่ก่อนที่เขาจะกล่าวสิ่งใด ผู้ใช้วิญญาณกลับโค้งคํานับเขาและกล่าว “ผู้ใช้วิญญาณอวี๋จี้คารวะผู้อมตะแรกกําเนิด!”
“โอ้ เจ้ารู้จักชื่อข้าจริงๆ พูดมา ผู้ใดนําเจ้ามาที่นี่ ด้วยความสามารถของผู้ใช้วิญญาณ เจ้าไม่สามารถมาถึงที่นี่” เทพอมตะแรกกําเนิดกล่าวอย่างเคร่งขรึม
ผู้ใช้วิญญาณจะมีความสามารถเช่นนี้ได้อย่างไร เทพอมตะแรกกําเนิดเชื่อว่าต้องมีผู้อมตะบางคนช่วยเหลือคนผู้นี้
แต่ผู้ใช้วิญญาณอวี๋จี้ส่ายศีรษะ “ผู้อมตะแรกกําเนิด ไม่มีผู้อมตะคนใดช่วยเหลือข้า แต่ข้าได้รับคําแนะนําจากวิญญาณชะตากรรม”
“วิญญาณชะตากรรม? ฮีม อย่างพูดจาไร้สาระ วิญญาณดวงนี้เป็นวิญญาณอมตะระดับเก้า มันอยู่ในวังสวรรค์ของเผ่ามนุษย์หินและได้รับการปกป้องโดยผู้อมตะระดับแปดเผ่ามนุษย์หินตลอดเวลา เจ้า” เทพอมตะแรกกําเนิดยังกล่าวไม่จบแต่ดวงตาของเขากลับเบิกกว้างขึ้นอย่างกะทันหัน
ผู้ใช้วิญญาณอวจประคองวิญญาณดวงหนึ่งขึ้นมาด้วยมือทั้งสองข้าง
กลิ่นอายของวิญญาณอมตะระดับเก้าแพร่กระจายออกไป
วิญญาณชะตากรรม!
เทพอมตะแรกกําเนิดตกตะลึง เขาบังคับตัวเองให้สงบลง “อวี๋จี้ ยืนขึ้น เจ้าขโมยวิญญาณชะตากรรมมาได้อย่างไร? แล้วเจ้าน้ำมันเดินทางไกลมาถึงที่นี้ได้อย่างไร?”
“นอกจากนี้เจ้าบอกว่าเจ้าได้รับคําแนะนําจากวิญญาณชะตากรรมงั้นหรือ? ตามที่ข้ารู้ไม่มีผู้อมตะคนใดสามารถใช้วิญญาณชะตากรรม มีเพียงเจตจํานงสวรรค์เท่านั้นที่สามารถใช้วิญญาณดวงนี้ แล้วเจ้าจะใช้มันได้อย่างไร?”
อวี๋จี้ตอบ “ข้าเป็นทาสภายใต้การปกครองของหลานชายผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่งเผ่ามนุษย์หิน ข้ามีหน้าที่ทําความสะอาดห้องโถงศิลาศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเป็นสถานที่เก็บวิญญาณชะตากรรม ข้าอยู่ใกล้ชิดกับวิญญาณชะตากรรมและสามารถสัมผัสได้ถึงโชคชะตาของสิ่งมีชีวิตทั้งหมด”
“ข้าได้รับคําแนะนําจากวิญญาณชะตากรรมด้วยวิธีนี้ ข้าตระหนักถึงภารกิจของข้า หลังจากกลุ่มผู้อมตะเผ่ามนุษย์วิหคบุกโจมตีเผ่ามนุษย์หิน ข้านําวิญญาณชะตากรรมออกมาท่ามกลางความโกลาหล ข้าหลบหนีโดยใช้อุโมงค์ลับที่ซ่อนอยู่ในห้องโถงศิลาศักดิ์สิทธิ์”
“วิญญาณชะตากรรมเก็บกลิ่นอายของมันด้วยความตั้งใจของมันเอง แม้ข้าจะพบอันตรายมากมาย แต่ข้าสามารถหลบหนีอันตรายต่างๆมาได้ด้วยการจัดเตรียมของวิญญาณชะตากรรม ในที่สุดข้าก็มาถึงที่นี่”
เทพอมตะแรกกําเนิดต้องประเมินผู้ใช้วิญญษณอวี๋จี้ใหม่อีกครั้ง
“แม้เจ้าจะได้รับความช่วยเหลือจากวิญญาณชะตากรรม แต่ความกล้าหาญและแผนการของเจ้าก็ทําให้เจ้าสามารถบรรลุสิ่งเหล่านี้ เจ้าไม่จําเป็นต้องถ่อมตัว” เทพอมตะแรกกําเนิดยกย่องด้วยการแสดงออกที่อบอุ่น
เขาถามอีกครั้ง “แล้วเหตุใดเจ้าถึงขโมยวิญญาณชะตากรรมและเดินทางไกลมาที่นี่ เจ้าน้ำมันมาให้ข้างั้นหรือ?”
อวี๋จี้กล่าว “ไม่ใช่ข้าที่ขโมยวิญญาณชะตากรรมแต่เป็นวิญญาณชะตากรรมที่ต้องการหามาท่าน ท่านผู้อมตะ ท่านเป็นเจ้าของวิญญาณชะตากรรม ข้าเห็นมันผ่านวิญญาณชะตากรรมแล้ว ไม่เพียงเท่านี้ ท่านผู้อมตะ ท่าน…ท่านควรสัมผัสสิ่งนี้ด้วยตัวท่านเอง”
อวก้มศีรษะลงและส่งวิญญาณชะตากรรมให้กับเทพอมตะแรกกําเนิด
เทพอมตะแรกกําเนิดลังเลเล็กน้อย ในจังหวะที่เขาสัมผัสวิญญาณชะตากรรม ภาพจํานวนนับไม่ถ้วนก็พุ่งผ่านจิตใจของเขา
เขาเข้าใจทุกอย่างทันที
“ไม่ใช่อวี๋จี้ที่สามารถขโมยวิญญาณชะตการรมแต่วิญญาณชะตากรรมทําให้เขาเห็นโชคชะตาของสิ่งมีชีวิตทั้งหมด”
“ตามการจัดเตรียมของชะตากรรม เผ่ามนุษย์กลายพันธุ์ทั้งหมดจะเสื่อมถอยลง เผ่ามนุษย์จะเข้าแทนที่เผ่ามนุษย์กลายพันธุ์ เราจะเหยียบย่ำเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์และกลายเป็นผู้ปกครองโลก”
“มนุษย์จปกครองโลก!”
“ข้าและผู้ใช้วิญญาณอวี๋จี้จะเป็นตัวละครสําคัญในภารกิจที่ท้าทายนี้”
หลังจากเข้าใจทุกสิ่ง เทพอมตะแรกกําเนิดรู้สึกมีความสุขมาก
เพราะเขาเป็นสมาชิกเผ่ามนุษย์
ในยุคนั้นมนุษย์มีสถานะต่ำมาก มนุษย์มักถูกขายไปเป็นทาส พวกเขาถูกกดขี่อย่างหนัก
ไม่เพียงมนุษย์ธรรมดา กระทั่งผู้อมตะเผ่ามนุษย์ก็มีสถานะต่ำต้อยในโลกผู้อมตะ ผู้อมตะเผ่ามนุษย์หลายคนยังตกเป็นทาสของผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์
“ข้าต้องการต่อต้านพวกเขา แต่กระทั่งข้าจะกลายเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดแล้ว พลังการต่อสู้ของข้าก็ยังไม่สามารถแข่งขันกับผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์ นั่นเป็นเหตุผลที่ข้าบ่มเพาะอย่างไม่รู้เหน็ดเหนื่อยและต้องการสร้างเส้นทางที่เป็นของเผ่ามนุษย์เท่านั้น”
“ตอนนี้วิญญาณชะตากรรมแสดงให้ข้าเห็นแล้ว อนาคตเป็นของเผ่ามนุษย์ ข้าจะกลายเป็นผู้นําของเผ่ามนุษย์ในอนาคต ข้าจะสร้างเส้นทางแห่งพลังปราณและนํามนุษยชาติไปสู่ความรุ่งเรือง!”
“มนุษย์จะปกครองโลก!”
“นี่คือเจตจํานงของสวรรค์! นี่คือเส้นทางแห่งอนาคต!”
เทพอมตะแรกกําเนิดตื่นเต้นมาก เขาดีใจจนน้ำตาไหล
อวี๋จี้มีความสุขเช่นกัน
หลังจากทั้งหมดเผ่ามนุษย์ถูกกดขี่และพบกับความทุกข์ทรมานภายใต้เงื้อมมือของเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์มานานเกินไป
เทพอมตะแรกกําเนิดสูดหายใจลึกก่อนกล่าว “อวี๋จี้ เจ้าคือวีรบุรุษของเผ่ามนุษย์ เจ้าเป็นวีรบุรุษที่ยิ่งใหญ่!”
“เจ้านําวิญญาณชะตากรรมมาให้ข้า แม้เราจะไม่สามารถใช้งานมัน แต่นี่คือสัญลักษณ์แห่งความยิ่งใหญ่ ข้าจะไม่ซ่อนมันจากเจ้า ข้ามีความคิดที่จะต่อต้านเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์มานานแล้ว แต่ผู้อมตะเผ่ามนุษย์มีน้อยเกินไป สิ่งที่น่าหนักใจมากกว่าคือผู้อมตะเผ่ามนุษย์ส่วนใหญ่เป็นทาสของผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์ พวกเขาไม่สามารถต่อต้านเจ้านาย พวกเขาตระหนักถึงความไร้นัยสําคัญของตนเองและรู้ว่ามนุษย์อ่อนแอเพียงใด!”
“แต่ตอนนี้ ด้วยวิญญาณชะตากรรม เราจะแสดงให้โลกได้เห็น เราจะทําให้ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ ทุกคนรับรู้อนาคตเป็นของเรา มนุษยจะปกครองโลก!”
“วิญญาณชะตากรรมจะเรียกความกล้าหาญที่หายไป จุดประกายความหวัง และกระตุ้นจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของพวกเรา ยิ่งไปกว่านั้นเราสามารถรวบรวมมนุษย์ทั้งหมดด้วยสิ่งนี้!”
“นี่คือธงสงคราม!”
“นี่คือธงสงครามของมนุษยชาติ!”