Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน - บทที่ 1783 การซุ่มโจมตีครั้งที่สอง
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1783 การซุ่มโจมตีครั้งที่สอง
ข้อมูลล่าสุดถูกส่งมายังจื่อชิวหยู เขายืนอยู่ที่หน้าต่างและมองไปยังภูเขาด้านนอก
“โอ้ พวกเขาจับฟางหยวนได้แล้วงั้นหรือ? ดูเหมือนครั้งนี้เขาจะหนีไม่พ้น สายตาของจื่อชิวหยูสั่นไหว
“ฟางหยวนพยายามก้าวข้ามภัยพิบัติที่ภาคใต้และทิ้งร่องรอยไว้เบื้องหลัง แม้เขาจะต้องการก้าวเข้าสู่ระดับแปด นี่ก็ประมาทเกินไป”
“แต่มันช่วยไม่ได้…เขาบังคับให้วังสวรรค์ล่าถอยและทําธุรกรรมกับข้า การเดินทางของเขาราบรื่นมาก เขามีความมั่นใจมากเกินไปและเริ่มดูถูกฝ่ายธรรมะของภาคใต้”
“สิ่งสําคัญคือลั่วเว่ยหยิน หากเขาไม่เข้าร่วมกับฝ่ายธรรมะของภาคใต้ เราจะไม่สามารถจับตัวฟางหยวนได้โดยง่าย สมกับเป็นผู้สืบทอดของเทพอมตะสวรรค์พิภพ เขาสามารถค้นหาตําแหน่งของฟางหยวนจากปราณพิภพที่ถูกทิ้งไว้ เขาเป็นคนที่น่าประทับใจจริงๆ”
จื่อชิวหยูถอนหายใจ
ลั่วเว่ยหยินเข้าแทรกแซงและทําให้สถานการณ์ของภาคใต้กลายเป็นซับซ้อน
ครั้งนี้ฝ่ายธรรมะของภาคใต้ไล่ล่าฟางหยวนโดยมีผู้อมตะระดับแปดจํานวนสามคนรวม ถึงลั่วเว่ยหยิน นี่ทําให้โอกาสประสบความสําเร็จสูงขึ้นอีกมาก
หากพวกเขาทําสําเร็จ ชื่อเสียงของลั่วเว่ยหยินจะพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เขาจะกลายเป็นบุคคลที่ทุกคนต้องให้ความสําคัญ
ในความเป็นจริงถั่วเว่ยหยินมีปฏิสัมพันธ์ไม่ทางใดก็ทางหนึ่งกับกองกําลังฝ่ายธรรมะของภาคใต้มาก่อนหน้านี้แล้ว
ถ้ําสวรรค์ของเขาเป็นจุดรวมตัวของเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์ของภาคใต้ เขานํามนุษย์กลายพันธุ์ที่ถูกข่มเหงโดยมนุษย์เข้าไปอาศัยอยู่ในถ้ําสวรรค์ของเขา
ตามข้อมูลที่เชื่อถือได้ มนุษย์กลายพันธุ์จํานวนมากกลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว
สิ่งนี้ทําให้ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ของภาคใต้ไม่มีความสุขและวิตกกังวล แต่ลั่วเว่ยหยินเป็นผู้สืบทอดของเทพอมตะสวรรค์พิภพ เขาจึงต้องสานต่อเจตนารมณ์และความทะเยอทะยานของเทพอมตะสวรรค์พิภพ ฝ่ายธรรมะของภาคใต้ไม่สามารถสร้างปัญหาให้กับเขา
ลั่วเว่ยหยินถูกผลักออกจากฝ่ายธรรมะของภาคใต้มาตลอด นี่เป็นข้อตกลงโดยปริยายของทุกคน
แต่ไม่นานมานี้ถั่วเว่ยหยินมักปรากฏตัวและสร้างชื่อเสียง เขายังอาสาที่จะช่วยตามหาฟางหยวน หากเรื่องนี้ประสบความสําเร็จ ความพยายามของเขาจะไม่สูญเปล่า เขาจะได้รับอํานาจบางอย่างในฝ่ายธรรมะของภาคใต้
จื่อชิวหยูมองสถานการณ์ของฟางหยวนในแง่ร้าย
แม้ฟางหยวนจะสามารถต่อต้านวังสวรรค์และกลืนกินแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา แต่ทุกคนคิดว่า นี่เป็นเพราะวังสวรรค์ประเมินรากฐานของแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาต่ําเกินไป
สิ่งสําคัญที่สุดคือวังสวรรค์ไม่ได้เปิดเผยข้อเท็จจริงที่ว่าจักรพรรดินีอสูรสายฟ้าและเฉินอี้เสียชีวิต
สิ่งนี้ทําให้ฝ่ายธรรมะของภาคใต้รู้สึกมั่นใจในตัวเอง
ความมั่นใจของพวกเขาไม่ได้ไร้เหตุผล
พวกเขาเคยไล่ล่าฟางหยวนและทําให้เขาต้องหลบหนีออกจากภาคใต้ราวกับสุนัขที่ถูกทุบตี หากไม่ใช่เพราะการแทรกแซงของฟงจิวเก้อ ฟางหยวนคงตายไปแล้ว
จื่อชิวหยูกังวลและระวังลั่วเว่ยหยินมากขึ้น เขาเริ่มคิดว่าเขาจะจัดการกับผู้สืบทอดของเทพอมตะสวรรค์พิภพผู้นี้อย่างไรในอนาคต
สําหรับฟางหยวน?
จื่อชิวหยูรู้สึกเสียใจเล็กน้อย
ไม่ว่าฟางหยวนจะอยู่หรือตาย ตราบเท่าที่เขาจบลงในมือของกองกําลังฝ่ายธรรมะของภาคใต้ ธุรกรรมระหว่างฟางหยวนกับจือชิวหยูจะหยุดลง
สิ่งนี้ขัดต่อผลประโยชน์ของตระกูลจือ
ดังนั้นจื่อชิวหยูจึงรู้สึกเสียใจ
แม้ฟางหยวนจะเคยโจมตีแหล่งทรัพยากรของตระกูลจื่อและทําให้พวกเขาพบกับความสูญเสีย แต่จื่อชิวหยูไม่รู้สึกอุ่นเคืองกับเรื่องนี้
ในความคิดเห็นของเขา งานวิจัยบนเส้นทางแห่งความฝันที่เขาได้รับสามารถชดเชยความสูญเสียเหล่านั้น
แม้ฟางหยวนจะนําหลักฐานที่ชัดเจนออกมา แต่มันก็เป็นเพียงการทําธุรกรรมระหว่างจื่อชิวหยูกับฟางหยวน
หากเรื่องนี้ถูกเปิดเผย ตระกูลจื่ออาจสูญเสียอาณาเขตเล็กน้อย แต่รากฐานที่แท้จริงของพวกเขาจะไม่สั่นคลอน
ในทางตรงข้ามหากจื่อชิวหยูแจ้งเตือนฟางหยวนเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของกองกําลังฝ่ายธรรมะของภาคใต้ นั่นจะเป็นเรื่องที่แตกต่างออกไป
เขาจะกลายเป็นคนทรยศ!
หากเขาถูกเปิดเผย แม้เขาจะเป็นผู้อมตะระดับแปด แต่เขาและตระกูลจื่อก็ต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีจากฝายธรรมะของภาคใต้ ตระกูลจื่ออาจถูกลบออกไป
ในฐานะตัวตนระดับสูงของฝ่ายธรรมะของภาคใต้ จื่อชิวหยูมีความเข้าใจอย่างถ่องแท้เกี่ยวกับจุดยืนของเขาในสถานการณ์นี้
เขาจะไม่ทําเรื่องผิดพลาด
หากเขาบอกฟางหยวนเกี่ยวกับเรื่องนี้ ไม่ว่าเขาจะถูกเปิดเผยหรือไม่ ฟางหยวนก็จะครอบครองหลักฐานที่ว่าจ่อชิวหยูเป็นคนทรยศ
นอกจากนี้ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับฟางหยวนก็เป็นเพียงใช้ประโยชน์จากกันและกัน พวกเขาไม่มีความสัมพันธ์ที่ดีมากพอให้จื่อชิวหยูเสี่ยงโดยใช้ตระกูลจือเป็นสิ่งเดิมพัน
จื่อชิวหยูรู้สึกกังวลเล็กน้อย
“หากฟาหงยวนถูกจับ ข้าหวังว่าเขาจะไม่เปิดเผยงานวิจัยบนเส้นทางแห่งความฝัน ตระกูลจื่อของเราต้องการเวลาสําหรับการพัฒนา”
“กล่าวตามตรง ฟางหยวนมีพรสวรรค์ที่น่าทิ้ง น่าเสียดายที่เขาต้องจบลงเช่นนี้ หากเขาสามารถเติบโตได้อย่างเต็มที่ สถานการณ์ของทั้งห้าภูมิภาคจะน่าสนใจมาก”
ตัวตนระดับสูงต้องมีวิสัยทัศน์ที่ไม่ธรรมดา
จื่อชิวหยูคิดถึงตอนจบของฟางหยวนที่ใกล้เข้ามาและรู้สึกว่ามันค่อนข้างน่าสมเพช
ในเวลาเดียวกัน ณ ที่ใดที่หนึ่งในภาคใต้
ฟางหยวนถูกปิดล้อมโดยกลุ่มผู้อมตะภาคใต้
ผู้นํากลุ่มคือผู้อมตะระดับแปดเซี่ยซา นางเผยรอยยิ้มเย็นชา “ปีศาจฟางหยวน ในที่สุดเจ้าก็ตกอยู่ในมือของข้า”
ฟางหยวนมองนางและคิด “ยังกล่าวประโยคเดิมๆ ตามความทรงจําของข้า เขาจะ หัวเราะเป็นรายต่อไป”
เป็นไปตามความคาดหมาย ผู้อมตะตระกูลเฉิง เฉินหูจางที่ยืนอยู่ด้านข้างเซี่ยชาเริ่มหัวเราะ “ท่านลั่วเว่ยหยินช่างยอดเยี่ยมนัก ในที่สุดเราก็พบปีศาจตนนี้!”
ฟางหยวน รอยยิ้มของเขาดูเกินจริงยิ่งกว่าครั้งก่อน”
“ฆ่าปีศาจตนนี้ แก้แค้นให้กับฝ่ายธรรมะของภาคใต้!” ไท่ชิวจงตะโกนเสียงดังด้วยเจตนาสังหาร
ฟางหยวน โอ้ ในที่สุดบางคนก็มีการเปลี่ยนแปลงแต่มันแทบไม่มีความแตกต่าง
“ในที่สุดเราก็สามารถจับฟางหยวน” หลิวห่าวคิด เขาเป็นสายลับของวังสวรรค์ เขามีวิญญาณอมตะผนึกห้วงมิติ หากฟางหยวนแสดงสัญญาณที่จะใช้ท่าไม้ตายอมตะเกี่ยวกับวิญญาณท่องแดนอมตะ เขาจะกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะที่มีวิญญาณอมตะผนึกห้วงมิติเป็นแกนกลางทันที
หลิวห่าวรู้สึกประหม่ามากขึ้นหากเปรีนบเทียบกับชีวิตก่อนหน้า
ในชีวิตก่อนหน้า เขาสามารถใช้วิญญาณอมตะผนึกห้วงมิติโดยตรง แต่ครั้งนี้ฟางหยวนมีท่าไม้ตายอมตะไข่มุกหยก หลิวห่าวไม่สามารถใช้เพียงวิญญาณอมตะผนึกห้วงมิติตอบโต้ฟางหยวน เขาต้องใช้ท่าไม้ตายอมตะเท่านั้น
วังสวรรค์ไม่ขาดแคลนท่าไม้ตายเหล่านี้ แม้พวกเขาจะไม่มี เทพธิดาจื่อเว่ยก็สามารถคิดค้น
หลิวห่าวรู้สึกประหม่าเพราะเขายังไม่คุ้นเคยกับท่าไม้ตายนี้ หากเขาใช้มันระหว่างการต่อสู้ มันอาจล้มเหลว
หากท่าไม้ตายอมตะล้มเหลว เขาจะทําให้วังสวรรค์ผิดหวัง นั่นยังเป็นเรื่องที่น่าละอาย
“อย่ากังวล ข้าอยู่นี่” ผู้อมตะระดับเจ็ดลอบส่งเสียงมาหาหลิวห่าว หลิวห่าวมองไปทางคนผู้นั้น
“อย่ามองข้า!” ผู้อมตะระดับเจ็ดตะโกนเสียงเย็น
หลิวห่าวกลอกตา คนผู้นี้คือผู้อมตะระดับแปดของตระกูลปา ปาซื่อปา ตอนนี้เขาปลอมตัวเป็นผู้อมตะระดับเจ็ด
“รวมคนผู้นี้ เราก็มีผู้อมตะระดับแปดถึงสามคน การต่อสู้ครั้งนี้ไม่ได้อยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา ฟางหยวนไม่ได้รับความช่วยเหลือจากค่ายกลวิญญาณอมตะ หากการต่อสู้ปะทุขึ้น ข้าจะมีโอกาสใช้ท่าไม้ตายของข้าอย่างสงบ” หลิวห่าววิเคราะห์อยู่ในใจ
อย่างไรก็ตาม
“ครืน!”
ค่ายกลวิญญาณอมตะถูกกระตุ้นการทํางาน ผู้อมตะภาคใต้ถูกขังอยู่ภายใน
“อันใด!?” ดวงตาของหลิวห่าวแทบหลุดออกมาจากเบ้า เขากรีดร้อง “เหตุใดจึงมีค่ายกลวิญญาณอมตะอยู่ที่นี่!?”
ภายในค่ายกลวิญญาณอมตะ การแสดงออกของกลุ่มผู้อมตะภาคใต้เปลี่ยนแปลงไป
“นี่คือกับดัก!” บางคนตะโกน
ลั่วเว่ยหยินเงียบขณะที่สายตาของเซี่ยชาเย็นชามากขึ้นเรียอๆ
“ใจเย็น! เรามีความได้เปรียบด้านจํานวน!”
“ถูกต้อง เรามีท่านหญิงเซี่ยชาและท่านลั่วเว่ยหยิน เราไม่จําเป็นต้องกลัวเขตแดนอมตะ!”
หลิวห่าวตกตะลึง “ถูกต้อง ค่ายกลวิญญาณอมตะจะจัดตั้งได้อย่างง่ายดายเช่นนี้ได้อย่างไร? มันเร็วเกินไป นี่ต้องเป็นท่าไม้ตายเขตแดนอมตะ แต่ฟางหยวนค่อนข้างโง่ หลังจากใช้เขตแดนอมตะ เขาจะไม่สามารถหลบหนี!”
ผู้อมตะภาคใต้ล้วนเป็นคนฉลาด ไม่นานพวกเขาก็สามารถสงบจิตใจ
เป็นเพียงเวลานี้ที่ลั่วเว่ยหยินเปิดปากกล่าว “นี่ไม่ใช่เขตแดนอมตะ มันคือค่ายกลวิญญาณอมตะที่ยอดเยี่ยม”
“ค่ายกลวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลา” เซี่ยชากล่าวเสริม
ริมฝีปากของหลิวห่าวกระตุก เขาคิด “หลังจากพูดคุยกันมานาน มันยังคงเป็นค่ายกลวิญญาณอมตะ!”
“พวกเจ้าทั้งสองค่อนข้างฉลาด” ฟางหยวนยิ้มก่อนจะสบัดแขนเสื้อ
“โฮก…”
เสียงคํารามดังขึ้นก่อนที่กองทัพอสูรจะพุ่งออกมาจากเกลียวแสงขนาดใหญ่
ในเวลาเดียวกันฟางหยวนก็หายตัวไป
อสูรปีมีสติปัญญาไม่สูงนัก เมื่อพวกมันเห็นกลุ่มผู้อมตะภาคใต้ พวกเขาพุ่งเข้าโจมตีพวกเข ทันที
“ฆ่าพวกมันให้หมด!” เซี่ยชากล่าวอย่างเย็นชา
ลั่วเว่ยหยินถอนหายใจ
กลุ่มผู้อมตะภาคใต้เริ่มต่อสู้กับกองทัพอสูรปี
หลิวห่าวสะบัดมือส่งมีดบินจํานวนนับไม่ถ้วนออกไปแยกร่างอสูรปีออกเป็นชิ้นๆ
ฟางหยวนที่ยืนมองอยู่วิเคราะห์ “สายลับของวังสวรรค์ยังอยู่ที่นี่ ข้าไม่ได้เปลี่ยนแปลงสถานการณ์มากนัก วิญญาณอมตะผนึกห้วงมิติควรจะอยู่ในมือของเขา”
หลิวห่าวคิด “ดูเหมือนจะมีสาขาของสายธารแห่งกาลเวลาอยู่ที่นี่ ฟางหยวนพยายามใช้วิธีเดิมอีกครั้ง เขาเคยใช้ค่ายกลวิญญาณอมตะที่คล้ายกันนี้ต่อสู้กับฟงจิวเก้อ แต่เหตุใดข้าจึงรู้สึกแปลกๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้”