Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน - บทที่ 1834 ฟางหยวนต่อสู้กับราชันมังกร
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1834 ฟางหยวนต่อสู้กับราชันมังกร
“ท่านราชันมังกร!” ฟางเจิ้งรู้สึกประหลาดใจและสนุกสนาน
เขารู้จักตัวตนของราชันมังกร ในความเป็นจริงทั้งสองเคยพบกันมาก่อน
“หากไม่ใช่เพราะการปรากฏตัวของท่านราชันมังกร ข้าคงตายไปแล้ว เมื่อมีเขาอยู่ใกล้ๆ ข้าควรจะปลอดภัย” ฟางเจิ้งไม่รู้สึกกลัวอีกต่อไป
เขารู้ว่าราชันมังกรเป็นคนเช่นไร นี้คืออาจารย์ของเทพปีศาจบัวแดง
ฟางเจิ้งมองบุคคลที่เกือบฆ่าเขา บรรพชนทะเลปราณ
ชายชราผู้นี้อยู่ในชุดคลุมสีขาว แขนเสื้อของเขาสะบัดตัวไปตามสายลม หนวดสีขาวของเขายาวลงไปถึงเท้า เขาแสดงออกอย่างเคร่งขรึมและปลดปล่อยกลิ่นอายที่ยิ่งใหญ่ออกมา มีกลุ่มเมฆหมอกลอยอยู่รอบๆตัวเขาอย่างเงียบๆและ ทําให้เขาดูเหมือนผู้อมตะลึกลับ
ฟางเจิ้งไม่รู้ว่านี่เป็นการปลอมตัวของฟางหยวน เขาอยากรู้เกี่ยวกับตัวตนของชายชราผู้นี้ “คนผู้นี้เป็นผู้อมตะระดับแปด แต่เขาไม่ใช่ผู้อมตะระดับแปดที่มีชื่อเสียงของทะเลตะวันออก เขาคือผู้ใด?”
ไม่เพียงเขาแต่ราชันมังกรก็อยากรู้อยากเห็นเช่นกัน ทะเลตะวันออกกว้างใหญ่และเต็มไปด้วยทรัพยากร มันเป็นเรื่องปกติที่จะมีผู้อมตะระดับแปดซ่อนตัวอยู่
ราชันมังกรยิ้ม “บรรพชนทะเลปราณ. ในฐานะผู้อมตะระดับแปด ไม่แปลกที่จะเรียกตนเองว่าบรรพชน แต่การเรียกตนเองว่าทะเลปราณต่อหน้าข้า เจ้ายโสเกินไป”
ฟางเจิ้งได้ยินประโยคนี้และคิด “ถูกต้อง ท่านราชันมังกรบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งพลังปราณเป็นเส้นทางหลัก เส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงเป็นเส้นทางรอง เขาเป็นบางคนที่บ่มเพาะบนเส้นทางคู่ขนานที่หาได้ยาก! ชายชราของทะเลตะวันออกผู้นี้บ่มเพาะบนเส้นทางแห่งพลังปราณแต่เขาต้องการต่อสู้กับท่านราชันมังกรงั้นหรือ? ฮ่าฮ่าฮ่า”
ฟางเจิ้งรู้สึกเห็นใจบรรพชนทะเลปราณเล็กน้อย
ราชันมังกรกล่าวต่อ “เจ้ามีเจตนาร้ายอย่างชัดเจน บอกข้า สิ่งใดนําเจ้ามาที่นี่และปิดกั้นพวกเรา? เจ้ามีความสัมพันธ์อย่างไรกับฟางหยวน?”
ฟางหยวนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เขาคิด เขาเชื่อมโยงตัวตนของข้ากับฟางหยวนในสถานการณ์นี้ได้อย่างไร?
บนพื้นผิว ฟางหยวนเผยรอยยิ้มเย็นชา “ข้าเป็นผู้บ่มเพาะสันโดษของทะเลตะวันออก ข้าจะไม่รบกวนคนที่ไม่ทําให้ข้าขุ่นเคือง แต่วังสวรรค์ของพวกเจ้าทะเยอทะยานเกินไป พวกเจ้าพยายามยึดครองทั้งห้าภูมิภาคและทําให้โลกเป็นหนึ่ง ในอนาคตพวกเจ้าจะสร้างปัญหาและพยายามฆ่าข้า”
ราชันมังกรขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาโต้กลับ “ทะเลปราณ เจ้าต้องถูกปีศาจฟางหยวนหลอกลวง เราไม่มีความโกรธแค้นต่อกัน นี่เป็นการพบกันครั้งแรกของเรา เหตุใดข้าต้องโจมตีเจ้า?”
“ปีศาจฟางหยวนเจ้าเล่ห์และชอบหว่านความบาดหมาง เจ้าไม่ควรเชื่อเขา”
ฟางหยวนกันเสียงเย็น “แรกเริ่มข้าก็ไม่เชื่อ แต่ฟางหยวนผู้นี้ชี้ให้ข้าเห็นความลับมากมาย เขามอบหลักฐานที่เป็นรูปธรรมแก่ข้า เขาคือคนที่มาจากอนาคต ข้าควรเชื่อเขาหรือเจ้า?”
คิ้วของราชันมังกรขมวดคิ้วลึกขึ้น
ข้อกล่าวหาของฟางหยวนค่อนข้างไร้ยางอาย
หากเขามุ่งเป้าไปที่การกระทําในอดีตหรือปัจจุบันของวังสวรรค์ ราชันมังกรจะสามารถตอบโต้ด้วยหลักฐาน แต่เมื่อเขากล่าวถึงการกระทําของวังสวรรค์ในอนาคต ราชันมังกรก็ไม่สามารถโต้แย้งเพราะกระทั่งตัวเขาเองก็ยังไม่แน่ใจในตัวเอง!
ในความเป็นจริงราชันมังกรก็มีการตีความของตนเอง ‘ผู้อมตะระดับแปดจะถูกหลอกง่ายๆได้อย่างไร? เนื่องจากฟางหยวนสามารถโน้มน้าวคนผู้นี้และทําให้เขาขัดขวางวงสวรรค์ ดังนั้นมันจึงมีแนวโน้มที่เราจะโจมตีเขาจริงๆในอนาคต ในกรณีนี้มันไม่มีประโยชน์ที่จะพูดคุยอีกต่อไป’
ราชันมังกรถอนหายใจ ภารกิจพิชิตวังมังกรของเขาถูกหยุดโดยบรรพชนทะเลปราณ ดังนั้นมันจึงมีความน่าจะเป็นที่ฟางหยวนกําลังไล่ล่าวังมังกรอยู่ในเวลานี้
“ข้าต้องรีบจัดการศึกนี้” ดวงตาของราชันมังกรส่องประกายขึ้น
ฟางหยวนประสบความสําเร็จในการหลอกลวงราชันมังกร
นี่ไม่ใช่เพียงเพราะท่าไม้ตายอมตะใบหน้าที่คุ้นเคยที่ได้รับการดัดแปลงซึ่งเข้ากันได้ดีกับเส้นทางแห่งพลังปราณ สิ่งสําคัญที่สุดคือบรรพชนทะเลปราณปลดปล่อยกลิ่นอายระดับแปดที่แท้จริงออกมาอย่างชัดเจน
ราชันมังกรคิดว่าฟางหยวนยังเป็นผู้อมตะระดับเจ็ด
แท้จริงแล้วไม่เพียงราซันมังกร แต่ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาที่ยิ่งใหญ่เช่นเทพธิดาจื่อเว่ยหรือกระทั่งคนทั้งโลกก็คือเช่นเดียวกัน
ต่างจากชีวิตก่อนหน้า ตอนนี้ความลับเรื่องมิติช่องว่างจักรพรรดิยังไม่ถูกเปิดเผย
ฟางหยวนปกปิดความลับเรื่องนี้เอาไว้เป็นอย่างดี
ท่าไม้ตายอมตะคลื่นกรงเล็บมังกร!
ราชันมังกรตัดสินใจต่อสู้โดยไม่ลังเล
นี่เป็นท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง มันสร้างรอยกรงเล็บขึ้นกลางอากาศ
ฟางเจิ้งที่อยู่ในศาลานกกระเรียนอ้าปากค้างเมื่อคิดว่าราชันมังกรเป็นฝ่ายเริ่มโจมตีก่อนและยังเป็นการลอบโจมตีอีกด้วย!
แต่บรรพชนทะเลปราณกลับกลายเป็นกลุ่มหมอกควันและหายตัวไปจากจุดนั้นทันที
ฟางหยวนเฝ้าระวังราชันมังกรมาตั้งแต่แรก นี่คือเขตแดนอมตะของเขา มันง่ายสําหรับเขาที่จะหลบการโจมตีนี้
การแสดงออกของราชันมังกรไม่เปลี่ยน การโจมตีก่อนหน้าเป็นเพียงการทดสอบ
ตอนนี้เขาตรวจสอบแล้ว นี่เป็นเขตแดนอมตะบนเส้นทางแห่งพลังปราณ วิธีบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงจะถูกจํากัดพลังอํานาจอย่างมากที่นี่
ในกรณีนี้เขาต้องใช้วิธีการอื่น
ราชันมังกรไม่ได้หันหลังกลับแต่กระแสลมกรรโชกแรงกลับก่อตัวขึ้นและพุ่งเข้าปิดล้อมศาลานกกระเรียนเอาไว้เพื่อปกป้องมัน
“ขอบคุณท่านราชันมังกร!” ฟางเจิ้งไม่กล้ารอและเร่งขอบคุณ
ราชันมังกรไม่สนใจและกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอีกครั้ง หลังจากไม่นานเขาก็ผลักฝ่ามือส่งปราณมังกรหลายตัวออกไป
ปราณมังกรกึ่งโปร่งแสงเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว หากพวกมันพบตําแหน่งของศัตรู พวกมันจะโจมตีด้วยตัวมันเอง
“ท่านราชันมังกรไม่ใช่ผู้อมตะระดับแปดทั่วไป!” ฟางเจิ้งสรรเสริญเมื่อเห็นปราณมังกรที่ยิ่งใหญ่
แต่ในจังหวะนี้ราชันมังกรกลับเงยหน้าขึ้นด้วยสายตาแหลมคม
“เสียงนั่น?” ฟางเจิ้งได้ยินเสียงบางอย่างและต้องเงยหน้าขึ้นเช่นกัน
ในเวลาต่อมาปากของเขาก็อ้ากว้างขณะที่รูม่านตาหดเล็กลง
เขาเห็นปราณกระบี่ขนาดใหญ่โตที่มีความยาวมากกว่านับพันเมตรคล้ายดาบเทพสงครามพุ่งลงมาราวกับต้องการตัดผ่าโลกใบนี้ออกเป็นสองส่วน
พลังอํานาจของปราณดาบสร้างสายลมกรรโชกแรงและเสียงฟ้าร้องดังไปทั่ว ฟางเจิ้งตกใจมาก เขาเป็นเหมือนมดตัวน้อย ปราณมังกรที่เคยสง่างามดูเหมือนไส้เดือนตัวน้อยทันที
ในช่วงเวลาสําคัญราชันมังกรตะโกนและใช้ท่าไม้ตายของเขา
กําแพงปราณ!
กําแพงปราณเป็นวิธีป้องกันทั่วไปบนเส้นทางแห่งพลังปราณแต่ท่าไม้ตายนี้ของราชันมังกรไม่ง่ายเช่นนั้น
เขาสร้างกําแพงปราณสามชั้นขึ้นมาในครั้งเดียว
“ปัง!”
ปราณดาบปะทะกําแพงปราณทําให้เกิดเสียงดังสนั่น
แม้ฟางเจิ้งจะอยู่ในศาลานกกระเรียนแต่สายตาของเขายังกลายเป็นพล่าเลือน เขารู้สึกวิงเวียนขณะที่เลือดไหลออกมาจากรูหูของเขา
กําแพงปราณพังทลายลงขณะที่ปราณดาบกระจัดกระจายออกไป ปราณดาบส่วนที่เหลือไม่ใช่ภัยคุกคามอีกต่อไป
ศาลานกกระเรียนเหมือนแพขนาดเล็กที่ลอยอยู่ท่ามกลางมหาสมุทรอันกว้างใหญ่และต้องเผชิญหน้ากับคลื่นลมอย่างต่อเนื่อง
ฟางเจิ้งใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อรักษาเสถียรภาพของมันเอาไว้ ใบหน้าของเขากลายเป็นซีดขาว เขาหอบหายใจอย่างหนักหน่วงและอยู่ในสภาพที่น่าสมเพช
“คนผู้นี้แข็งแกร่งถึงเพียงนี้ได้อย่างไร?” ฟางเจิ้งตกตะลึง ความรู้สึกปลอดภัยจากก่อนหน้าถูกทําลายลงอย่างสมบูรณ์
ราชันมังกรได้รับบาดเจ็บ เขาแสดงออกด้วยความเคร่งขรึม ตอนนี้เขาไม่สามารถผ่อนคลายได้อีกต่อไป
เขาเงยหน้ามองบรรพชนทะเลปราณที่ลอยอยู่ด้านบน ทั้งสองอยู่ห่างกันค่อนข้างมาก
ปราณดาบก่อนหน้าเปิดเผยตําแหน่งของฟางหยวน
ราชันมังกรกล่าว “นั่นเป็นปราณดาบที่ทรงพลัง แม้มันจะไม่ซับซ้อน แต่เจ้าจะใช้มันได้กี่ครั้ง?”
ฟางหยวนยิ้มและสงบมาก
การโจมตีก่อนหน้านี้ทรงพลังเกินไป ราชันมังกรคิดว่าฟางหยวนสามารถใช้มันหลังจากเตรียมตัวมาเป็นเวลานาน
นี่คือตรรกะทั่วไป แต่ราชันมังกรไม่รู้ว่าฟางหยวนเป็นข้อยกเว้น
“โอ้ เจ้าหมายถึงสิ่งนี้งั้นหรือ? มันเป็นเพียงการโจมตีธรรมดา” หลังกล่าวจบคำ ฟางหยวนก็ชี้นิ้วไปที่ศาลานกกระเรียน
“ครืน ๆ”
ปราณดาบถูกส่งออกไป
“ครืน”
ปราณดาบเล่มที่สองถูกส่งตามไปอีกครั้ง
“ครืน ๆ”
ปราณดาบเล่มที่สามถูกส่งออกไปด้วยพลังเท่าเดิม
ร่างของฟางเจิ้งแข็งค้าง เขาตกตะลึงไปอย่างสมบูรณ์
“นี่..” กระทั่งราชันมังกรยังตกใจมาก การปลดปล่อยปราณดาบของฝ่ายตรงข้ามง่ายดายเกินไป มันไม่ต่างจากการดื่มน้ํา
แต่มันจะเป็นไปได้อย่างไร?
แน่นอนว่ามันเป็นไปได้
ฟางหยวนมีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋บนเส้นทางแห่งพลังปราณมากกว่าหนึ่งล้านร่องรอยด้วยการสนับสนุนของเขตแดนอมตะ มันเป็นเรื่องธรรมดาที่เขาจะสามารถทําสิ่งนี้
ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งพลังปราณของราชันมังกรมีเพียงสามสิบส่วนของฟางหยวน
ด้วยเหตุนี้ปราณดาบของฟางหยวนจึงสามารถทําลายกําแพงปราณสามชั้นของราชันมังกร
‘เขาแข็งแกร่งมาก ผู้ใดจะคิดว่าทะเลตะวันออกจะมีตัวละครเช่นนี้ ฮ่าฮ่า น่าสนใจ ‘ดวงตาของราชันมังกรส่องประกายขึ้นด้วยเจตจํานงแห่งการต่อสู้
เขามองไปรอบๆ ปราณดาบกําลังเคลื่อนที่ไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
“มันนานมากแล้วตั้งแต่ครั้งสุดท้ายที่ข้าต้องต่อสู้อย่างจริงจัง” ราชันมังกรสูดหายใจลึกก่อนจะระเบิดกลิ่นอายอันยิ่งใหญ่ออกมา
เสียงคํารามของมังกรดังขึ้นขณะที่เขาพุ่งเข้าไปหาปราณดาบ
ฟางหยวนต่อสู้กับราชันมังกรอย่างดุเดือดขณะที่อาณาจักรแห่งความฝันใต้ทะเลยังสงบเงียบ
“ศิษย์น้อง ระวัง ข้าเตรียมท่านี้ไว้แล้ว” ร่างแยกมนุษย์มังกรของฟางหยวนกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ไท่ฉินเผยรอยยิ้มละเอียดอ่อน “ศิษย์พี่ ไปพร้อมข้า”
“ดี” ร่างแยกมนุษย์มังกรโบกมือและส่งกองทัพมดบินออกไปปสร้างเป็นแม่น้ําสีทองไหลไปทางไท่ฉิน
ไท่ฉินโบกมือส่งมอบินที่ดูราวกับแม่น้ําสีทองออกไปเช่นเดียวกัน
กองทัพมดสองฝูงพบกันกลางอากาศแต่พวกมันไม่ได้ต่อสู้กัน ตรงข้ามพวกมันหลอมรวมเป็นหนึ่งโดยไม่มีการบาดเจ็บล้มตาย
กองทัพมดรวมตัวกันอย่างสมบูรณ์อยู่บนท้องฟ้า
ภายใต้แสงส์ทอง ร่างแยกมนุษย์มังกรมองไก่ฉันด้วยสายตาอบอุ่น
ไท่ฉินมองตอบด้วยสายตาที่ไม่สามารถปิดซ่อนความรักที่นางมี
“ศิษย์น้อง”
“ศิษย์พี่”
ทั้งสองเดินเข้าไปหากันและสัมผัสได้ถึงความรักอันลึกซึ้งที่มีต่อกัน กองทัพมดบินที่อยู่รอบๆเต้นรําอย่างมีความสุข
อย่างไรก็ตามอีกไม่นานทั้งสองต้องแยกจากกัน
“ศิษย์น้อง ข้าต้องไปแล้ว เห้อ.. ข้าอยากอยู่กับเจ้าตลอดไป แต่ข้าไม่อาจต่อต้านท่านพ่อ ตอนนี้ข้ามีครอบครัวแล้ว ข้าทําให้เจ้าลําบากแล้ว” ร่างแยกมนุษย์มังกรจูบลาไท่ฉิน
ไท่ฉินส่ายศีรษะ “ไม่ ไม่ลําบากเลย ศิษย์พี่ ท่านถูกบังคับให้ทําเช่นนี้ขณะที่ข้าเลือกสิ่งนี้ด้วยความสมัครใจ ข้าจะรอท่านอยู่ที่นี่เสมอ ท่านสามารถมาที่นี่ได้ทุกเมื่อ”
หลังจากนั้นร่างแยกมนุษย์มังกรก็กลับไปยังวังอักษรศิลป์
มันเป็นเวลาเที่ยงคืนแล้ว ดวงจันทร์ลอยอยู่บนท้องฟ้า เขามองวังบนยอดเขาและรู้สึกเศร้าใจ
เป็นเพียงเวลานี้ที่ผู้อมตะเผ่ามนุษย์มังกรผู้หนึ่งบินเข้ามาหาเขา
“พี่ใหญ่ เมื่อท่านไม่อยู่ พี่สะใภ้ลอบไปพบฟานจื่ออย่างลับๆอีกครั้ง” ผู้อมตะเผ่ามนุษย์มังกรรายงานด้วยความไม่พอใจ
“ฮืม นางเพศยา!” ร่างแยกมนุษย์มังกรของฟางหยวนแสดงออกด้วยใบหน้าเคร่งขรึม ความโกรธที่รุนแรงปะทุขึ้ในหัวใจของเขา