Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน - บทที่ 1836 ขโมยชีวิตราชันมังกร
บทที่ 1836 ขโมยชีวิตราชันมังกร
อาณาจักรแห่งความฝัน
“นี่คือยอดเขาวิจารณ์ศิลป์งั้นหรือ?” ร่างแยกมนุษย์มังกรมองภูเขาที่ลอยอยู่บนท้องฟ้าและแสดงออกด้วยความประหลาดใจ “มันไม่ใช่ภูเขาที่แท้จริงแต่เป็นภาพมายา”
“ข้าก็ตกใจเช่นกันเมื่อเห็นมันเป็นครั้งแรก” ผู้อมตะเผ่ามนุษย์มังกรฮวงเว่ยกล่าวมาจากด้านข้าง
สองฉากผ่านไปในอาณาจักรแห่งความฝัน
ตอนนี้พวกเขาอยู่ในถ้ําสวรรค์ของผู้อมตะเหวินซิ่ว เนื่องจากภัยพิบัติที่รุนแรงทําให้มันเกิดรูช่องโหว่และถูกค้นพบ
เหวินซิ่วเป็นผู้อมตะหญิงระดับแปดในตํานาน นางเป็นผู้อมตะที่ยิ่งใหญ่ที่เสียชีวิตไปนานแล้ว นางเป็นผู้บ่มเพาะสันโดษที่ขาดแคลนทรัพยากร เหตุผลที่นางสามารถก้าวเข้าสู่ระดับแปดเพราะนางเป็นเจ้าของสถานที่พิเศษ นั่นคือยอดเขาวิจารณ์ศิลป์
กลุ่มผู้อมตะภาคกลางอ้าปากค้าง “ยอดเขาวิจารณ์ศิลป์ถูกสร้างขึ้นโดยฝีมือมนุษย์ มันเต็มไปด้วยร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋บนเส้นทางแห่งข้อมูล มันคล้ายกับแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์พิภพ!”
นอกจากอู๋ส่วยและฮวงเว่ยยังมีผู้อมตะภาคกลางหลายคนอยู่ที่นี่
ทุกคนมองไปยังยอดเขาวิจารณ์ศิลป์ด้วยดวงตาส่องประกาย
แน่นอนว่าพวกเขาต้องการมัน!
ฮวงเว่ยกล่าว “พี่ใหญ่ เมื่อการต่อสู้ปะทุขึ้น ข้าจะช่วยปกป้องและถ่วงเวลาให้ท่าน”
“ตกลง” ร่างแยกมนุษย์มังกรของฟางหยวนพึ่งตอบกลับเมื่อกลุ่มผู้อมตะภาคกลางเริ่มโจมตีเขา
“จู่โจมก่อนได้เปรียบ!”
“อู๋ส่วยแข็งแกร่งที่สุด หากเราต่อสู้กับเขาเพียงลําพัง พวกเราไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา”
“เราจะปล่อยให้ยอดเขาวิจารณ์ศิลป์ตกอยู่ในมือของมนุษย์มังกรได้อย่างไร?”
ปรากฏว่าขณะที่อู่ส่วยและฮวงเว่ยกําลังพูดคุยกัน ผู้อมตะเผ่ามนุษย์คนอื่นๆก็ทําข้อตกลงกันเรียบร้อยแล้ว
นั่นทําให้อู๋ส่วยและฮวงเว่ยตกอยู่ในวงล้อมทันที
การโจมตีพุ่งเข้ามาจากทุกทิศทาง
“ช่างกล้าหาญนัก!” ร่างแยกมนุษย์มังกรของฟางหยวนคํารามด้วยความโกรธ กลิ่นอายของเขาปะทุขึ้นสู่ท้องฟ้าก่อนที่กองทัพมดจะปรากฏขึ้นและปกป้องฮวงเว่ยกับตัวเขาเอง
“บึม บึม บึม!”
ผู้อมตะเผ่ามนุษย์โจมตีอย่างดุเดือด ในไม่ช้ากองทัพมดของฟางหยวนก็ประสบความสูญเสียครั้งใหญ่
ฟางหยวนตอบโต้และสามารถกอบกู้สถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว หลังจากผ่านไปสองสามรอบ เขาก็สามารถทะลวงออกจากวงล้อม
การต่อสู้ดําเนินต่อไปอีกนับสิบรอบ กลุ่มผู้อมตะเผ่ามนุษย์ไม่สามารถทําสิ่งใด
ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งทาสสามารถต่อสู้กับศัตรูจํานวนมากได้ด้วยตัวเขาเองเพียงลําพัง โดยเฉพาะอู่ส่วยที่เต็มไปด้วยพรสวรรค์ เขาบังคับให้กลุ่มผู้อมตะเผ่ามนุษย์ของภาคกลางต้องล่าถอยไปในที่สุด
แน่นอนว่าอู๋ส่วยต้องจ่ายราคามหาศาลขณะที่ฮวงเว่ยได้รับเจ็บสาหัส
“มันเป็นชัยชนะที่ยากลําบาก แต่อย่างน้อยเราก็ได้รับยอดเขาวิจารณ์ศิลป์” ฮวงเว่ยเผยรอยยิ้มขมขื่น
แต่ก่อนที่อู๋ส่วยจะได้รับมัน เขากลับพบสิ่งกีดขวาง
“เกิดสิ่งใดขึ้น?” พวกเขาค้นพบเหตุผลอย่างรวดเร็ว มันกลายเป็นว่าบางคนลอบเข้า ไปยึดครองยอดเขาวิจารณ์ศิลป์ขณะที่พวกเขากําลังต่อสู้
มันไม่ใช่ผู้ใดนอกจากฟานจื่อ ชายชู้ของชูจิ่วหลิงซึ่งเป็นภรรยาของอู๋ส่วย
ฟานจื่อหมดสติอยู่ ณ จุดนั้นเนื่องจากรากฐานของเขาอ่อนแอเกินกว่าที่จะปรับแต่งยอดเขาวิจารณ์ศิลป์
“คนผู้นี้!” อู๋ส่วยคํารามด้วยความโกรธ เขาแทบจะพุ่งเข้าไปสังหารฟานจื่อทันที
“ท่านไม่สามารถฆ่าเขา!” ฮวงเว่ยที่อยู่ด้านข้างตะโกนเตือน
“เพราะเหตุใด?” อู๋ส่วยหันกลับมาด้วยดวงตาแดงก่ํา
ฮวงเว่ยอธิบาย “พี่ใหญ่ ข้าเข้าใจความเจ็บปวดของท่าน หากท่านฆ่าเขา ปู่ของเขาจะเคลื่อนไหว ตอนนี้เขาเป็นสมาชิกของวังสวรรค์ ในเวลาปกติ เขาไม่สามารถเคลื่อนไหว อย่างไรก็ตามหากหลานชายของเขาถูกสังหาร เขาจะต้องตรวจสอบความจริงและแก้แค้นท่าน”
ใบหน้าของอู๋ส่วยกลายเป็นบิดเบี้ยว ดวงตาของเขากลายเป็นมืดครื้ม
เมื่อเวลาผ่านไป เขาก็ถอนหายใจ “น้องเล็ก เจ้ากล่าวได้ถูกต้องแล้ว ข้าไม่สามารถฆ่าเขา มิฉะนั้นในกรณีที่ดีที่สุดข้าอาจพบอันตราย ในกรณีที่เลวร้ายกว่านั้นบางคนอาจใช้เรื่องนี้เป็นข้ออ้างกําจัดเผ่ามนุษย์มังกรของเรา ข้า อู๋ส่วย ต้องรับผิดชอบต่อเผ่ามนุษย์มังกรทั้งหมด ข้าจะใช้อารมณ์ส่วนตัวตัดสินปัญหาได้อย่างไร?”
ในเวลาเดียวกันที่สวรรค์สีขาว
“มันควรจะอยู่ที่นี่” หลังจากสํารวจสวรรค์สีขาวมาเป็นเวลานาน เฉินกงเจิ้งก็เปิดปากกล่าวด้วยความมั่นใจ
ซ่งฉีหยวนยืนอยู่ด้านข้าง “วิธีการตรวจสอบของพี่เฉินช่างลึกล้ํา ในกรณีนี้เราจะร่วมมือกัน”
เฉินกงเจิ้งตอบ “แน่นอน ข้าอยากรู้ว่าเหตุใดศาลานกกระเรียนของนิกายกระเรียนอมตะจึงมาที่ทะเลตะวันออกอย่างลับๆและหายไปที่นี่”
คนทั้งสองไม่ใช่ผู้อมตะทั่วไป หนึ่งเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่งของตระกูลเฉิน อีกหนึ่งเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่งของตระกูลซง พวกเขาต่างเป็นผู้อมตะระดับแปด
เดิมทีทั้งสองกําลังทําภารกิจสําคัญ แต่ในช่วงเวลานั้นพวกเขากลับค้นพบศาลานกกระเรียนโดยบังเอิญ
ทั้งสองเป็นผู้มีอํานาจ พวกเขาจําศาลานกกระเรียนได้และสงสัยพฤติกรรมของมัน พวกเขาคิด ‘เหตุใดสิบนิกายโบราณของภาคกลางจึงมาที่ทะเลตะวันออก?’
เฉินกงเจิ้งยังพบผู้เชี่ยวชาญที่ซ่อนตัวอยู่ใกล้ๆศาลานกกระเรียน
ดังนั้นคนทั้งสองจึงเดินทางมาจากระยะไกลโดยใช้วิธีการตรวจสอบของเฉินกงเจิ้ง
ทั้งสองเกรงว่ามันจะเป็นการแจ้งเตือนศัตรู พวกเขาจึงไม่กล้าเข้าใกล้มากเกินไป เมื่อฟางหยวนซุ่มโจมตีราชันมังกรกับศาลานกกระเรียน พวกขาจึงไม่เห็นสิ่งใดทั้งสิ้น
เมื่อพวกเขามาถึงที่นี่ ฟางหยวนก็ยังราชันมังกรและศาลานกกระเรียนไว้ในเขตแดนอมตะของเขาเรียบร้อยแล้ว
แต่วิธีการของเฉินกงเจิ้งก็ไม่ธรรมดา เขาค้นพบเบาะแสและสรุปว่าเขตแดนอมตะซ่อนอยู่ที่นี่
ดังนั้นสองผู้อมตะจึงเริ่มโจมตีมัน
“เกิดสิ่งใดขึ้น? เหตุใดเฉินกงเจิ้งกับซ่งฉีหยวนถึงมาที่นี่? พวกเขามีข้อตกลงกับวัง สวรรค์งั้นหรือ?” หัวใจของฟางหยวนจมดิ่งลง
การโจมตีจากสองผู้อมตะของทะเลตะวันออกทําให้ฟางหยวนเผชิญหน้ากับภัยคุก คามทั้งภายนอกและภายใน
เผชิญหน้ากับราชันมังกร ฟางหยวนต้องให้ความสนใจกับการต่อสู้อย่างเต็มที่โดยไม่สามารถแบ่งความสนใจไปที่อื่น แต่ตอนนี้เฉินกงเจิ้งกับซ่งฉีหยวนกลับปรากฏตัวขึ้น มันกลายเป็นสถานการณ์ที่ยากลําบากสําหรับฟางหยวน
“ครืน..”
เขตแดนอมตะเกิดการสั่นสะเทือน ราชันมังกรมีความสุขมาก “เกิดสิ่งใดขึ้น? บางคนโจมตีเขตแดนอมตะนี้นหรือ? นี่เป็นโอกาสที่ดี!”
ราชันมังกรคํารามขณะที่เขาเพิ่มพลังโจมตี
ฟางหยวนกันเสียงเย็น เขาใช้เขตแดนอมตะบนเส้นทางแห่งพลังปราณเพื่อหลบการโจมตีของราชันมังกรและเล็งเป้าไปที่ศาลานกกระเรียน
การโจมตีจุดอ่อนของศัตรูเป็นกลยุทธ์ที่ดีที่สุด เมื่อจุดอ่อนของราชันมังกรถูกค้นพบ เขาจึงต้องรับบทเป็นฝ่ายตั้งรับและโจมตีเป็นครั้งคราว
แต่ช่วงเวลาดีๆมักอยู่ไม่นาน เขตแดนอมตะเกิดช่องโหว่ขึ้นในที่สุด
ราชันมังกรหัวเราะเสียงดัง “ทะเลปราณ โชคของเจ้าค่อนข้างแย่ แม้เจ้าจะใช้เขตแดนอมตะ แต่คนนอกกลับเข้ามาโจมตี เจ้าเล็งเป้ามาที่จุดอ่อนของข้าตลอดเวลา แต่ตอนนี้เขตแดนอมตะของเจ้าถูกทําลายและกลายเป็นจุดอ่อนของเจ้าไปแล้ว”
หลังกล่าวจบคํา ราชันมังกรก็ส่งปราณมังกรพุ่งออกไปทุกทิศทาง
ฟางหยวนพยายามหยุดพวกมันแต่ปราณมังกรว่องไวมาก มันมุ่งเป้าไปที่จุดอ่อนของเขตแดนอมตะโดยตรง
ฟางหยวนไม่สามารถหยุดพวกมัน เขาถอนหายใจและทําได้เพียงเฝ้ามองเขตแดนอมตะถูกทําลายเท่านั้น
ฟางหยวนพ่นเลือดออกมาจากปากเมื่อได้รับผลกระทบย้อนกลับ
ราชันมังกรไม่รีบโจมตีศัตรูแต่ผลักศาลานกกระเรียนออกไป “ไป!”
ปราณมังกรนําศาลานกกระเรียและฟางเจิ้งหลบหนีออกจากสนามรบ
หลังจากเขตแดนอมตะถูกทําลาย ราชันมังกรก็กลับมายังทะเลตะวันออก เขาพบว่าผู้ที่ทําลายเขตแดนอมตะนี้คือซ่งฉีหยวนและเฉินกงเจิ้ง
ทั้งสองเป็นผู้อมตะระดับแปดของทะเลตะวันออก พวกเขาไม่ใช่พันธมิตร ขณะที่บรรพชนทะเลปราณปลดปล่อยกลิ่นอายของผู้อมตะแห่งทะเลตะวันออก
ดังนั้นราชันมังกรจึงส่งฟางเจิ้งจากไปเป็นอันดับแรกเพื่อกําจัดจุดอ่อนของตนเอง
“เกิดสิ่งใดขึ้น?” ซ่งฉีหยวนและเฉินกงเจิ้งตกตะลึง
“ราชันมังกร?” พวกเขาจําตัวตนของราชันมังกรได้ทันที นี่ทําให้หัวใจของพวกเขาสั่นสะท้านขึ้นอย่างรุนแรง
ราชันมังกรมีชื่อเสียงมาอย่างยาวนาน เขาเป็นอาจารย์ของเทพปีศาจบัวแดง เขาอาวุโสกว่าซ่งฉีหยวนและเฉินกงเจิ้งมาก ทั้งสองไม่คิดว่าพวกเขาจะพบราชันมังกรในสถานการณ์นี้
และยิ่งไม่คิดว่าราชันมังกรจะถูกซุ่มโจมตีโดยผู้อมตะระดับแปดของทะเลตะวันออก!
สวรรค์!
ตั้งแต่เมื่อใดที่ทะเลตะวันออกมีผู้เชี่ยวชาญระดับนี้ เขากล้าซุ่มโจมนีราชันมังกร!
ซ่งฉีหยวนและเฉินกงเจิ้งมองหน้ากันด้วยความไม่อยากจะเชื่อ ทั้งสองคิดคล้ายกัน “ดูเหมือนพวกเราจะมาขัดขวางแผนการของสหายผู้นี้ พวกเราช่วยคนของวังสวรรค์!”
“สหาย พวกเรา…” ซ่งฉีหยวนต้องการอธิบายแต่ฟางหยวนกันเสียงเย็นและเร่งไล่ล่าศาลานกกระเรียนไปด้วยความเร็วราวกับสายฟ้า
ราชันมังกรโกรธมากเมื่อเห็นสิ่งนี้ “คนผู้นี้เป็นจิ้งจอกเฒ่า! เขายังเล็งเป้าไปที่ศาลานก กระเรียนกระทั่งตอนนี้!”
ดังนั้นเขาจึงต้องออกไล่ล่าเช่นกัน
ราชันมังกรเร็วมาก ในไม่ช้าเขาก็ตามทัน
ทั้งสองเริ่มต่อสู้กันอีกครั้ง
ซ่งฉีหยวนและเฉินกงเจิ้งชําเลืองมองกันเล็กน้อยด้วยเหงื่อที่ไหลท่วมร่าง
“พวกเขาต่างเป็นสัตว์ประหลาด!”
“ทะเลตะวันออกมีผู้เชี่ยวชาญที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใด เขาสามารถต่อสู้กับราชันมังกรได้อย่างเท่าเทียม?”
“ลืมมันไปซะ เห็นได้ชัดว่าเป้าหมายของเขาคือศาลานกกระเรียน มีสิ่งใดอยู่ในนั้น?”
“เราขัดขวางแผนการของเขา เราควรจัดการคฤหาสน์วิญญาณอมตะเพื่ออธิบายจุดยืน
ของเรา”
ซ่งฉีหยวนและเฉินกงเจิ้งตัดสินใจก่อนจะพุ่งเข้าไปหาศาลานกกระเรียนด้วยความเร็วสูง
“พวกเจ้าไม่สามารถฆ่าข้า ข้าเป็นสมาชิกในอนาคคตของวังสวรรค์ ข้าได้รับความคุ้มครองจากท่านราชันมังกร ข้าชื่อฟางเจิ้ง ข้าเป็นน้องชายของฟางหยวน!” ในช่วงเวลาแห่งชีวิตและความตาย ฟางเจิ้งไม่รู้สึกอายที่จะตะโกนสิ่งเหล่านี้ออกมาเพื่อรักษาชีวิต
ซ่งฉีหยวนและเฉินกงเจิ้งหยุดเคลื่อนไหว พวกเขามองผู้อมตะระดับหกผู้นี้ด้วยความประหลาดใจ
ฟางเจิ้งพยายามสงบจิตใจลง “วังสวรรค์ต้องการใช้ข้าเป็นอาวุธเพื่อต่อสู้กับฟางหยวน พวกเขาให้ความสําคัญกับข้ามาก พวกเจ้าสามารถใช้ข้าเป็นตัวประกันและรีดไถทรัพยากรจากวังสวรรค์ ข้าเชื่อว่าวังสวรรค์จะทําให้พวกเจ้าพึงพอใจ”
เฉินกงเจิ้งโบกมือและทําให้ฟางเจิ้งหมดสติทันที เขามองซ่งฉีหยวนก่อนกล่าว “พี่ซ่ง เราควรทําอย่างไร?”
ซ่งฉีหยวนขมวดคิ้ว “ดูเหมือนเราจะไม่สามารถฆ่าเขาจริงๆ สถานการณ์นี้อยู่นอกเหนือความคาดหมายของข้า กลับไปดูการต่อสู้กันเถอะ”
“ตกลง”
ทั้งสองกลับไปยังสนามรบและพบว่าราชันมังกรเป็นฝ่ายได้เปรียบ เขากําลังโจมตีอย่างดุเดือด ขณะที่ผู้อมตะระดับแปดของทะเลตะวันออกพยายามป้องกันตัว
ราชันมังกรกําจัดฟางเจิ้งออกไปแล้ว เขาไม่มีจุดอ่อนอีก ดังนั้นเขาจึงสามารถต่อสู้ได้อย่างไรกังวล
ฟางหยวนปกป้องตนเองอย่างสิ้นหวัง
“โอ้ ไม่ ผู้อมตะของทะเลตะวันออกตกอยู่ในอันตราย”
“พวกเราควรทําอย่างไร? พวกเราควรช่วยเขาหรือไม่?”
ซ่งฉีหยวนและเฉินกงเจิ้งลังเล
พวกเขาเข้าแทรกแซงเรื่องนี้โดยบังเอิญ ตอนนี้พวกเขายังสงสัยและไม่รู้ว่าเกิดสิ่งใดขึ้น
แต่ในเวลานี้ทั้งสองกลับอ้าปากค้าง
ปรากฏว่าฟางหยวนเปลี่ยนกลยุทธ์ เขาพุ่งเข้าหาราชันมังกร
“ราชันมังกร เจ้าตกหลุมพรางของข้าแล้ว ลองรับสิ่งนี้!”
ท่าไม้ตายอมตะขโมยชีวิต!
ราชันมังกรตกตะลึงขณะที่เขาถูกโจมตีด้วยท่าไม้ตายอมตะขโมยชีวิต
มันกลายเป็นว่าฟางหยวนแสร้งเผยจุดอ่อนเพื่อรอโอกาสนี้
ซ่งฉีหยวนและเฉินกงเจิ้งมองหน้ากันด้วยความตกใจ
เพราะหลังจากราชันมังกรถูกโจมตีด้วยท่าไม้ตายนี้ การแสดงออกของเขาค่อนข้างแปลกประหลาด เขาลอยอยู่กลางอากาศโดยไม่ขยับเขยื้อนและไม่มีการเปลี่ยนแปลง
“ขโมยชีวิต…เหตุใดมันอยู่ในมือของเจ้า?” ราชันมังกรมองฟางหยวนด้วยความประหลาดใจ