Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน - บทที่ 1856 ข้าไม่ใช่คนเช่นนั้น
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1856 ข้าไม่ใช่คนเช่นนั้น
ฐานทัพใหญ่ของตระกูลฟาง
คฤหาสน์วิญญาณอมตะหลังใหญ่ตั้งตระหง่านราวกับภูเขาที่มีชีวิตชีวา
มันเป็นวังขนาดใหญ่โดที่งดงาม หน้าประตูทางเข้ามีแผ่นโลหะที่สลักไว้ด้วยค่าว่า วังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์
วังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์อยู่ภายในค่ายกลวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาขนาดใหญ่
หลังจากชั่วครู่ ค่ายกลวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาก็หยุดทํางาน ผู้อมตะสองคนปรากฏตัวขึ้นจากภายใน
หนึ่งอยู่ในชุดคลุมสีเขียว เขาเป็นชายวัยกลางคนที่ดูธรรมดา ตอนนี้ใบหน้าของเขาขาวซีดและมีเหงื่อปกคลุมอยู่บนหน้าผาก เขาคือผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่สองของตระกูลฟาง ฟางตี้เฉิง
อีกหนึ่งอยู่ในชุดคลุมดํา เขาเป็นชายวัยกลางคนร่างผอมสูงที่ดูหยิ่งผยองและมีผมงอกทิ้งตัวยาวลงไปด้านหลัง เขาคือตัวตนปลอมของฟางหยวนที่มีนามว่า ซวนปู่จิน
ฟางหยวนถอนหายใจ “วังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ช่างน่าเหลือเชื่อนัก มันให้ความรู้สึกราวกับเป็นสิ่งมีชีวิต มันเหมือนต้นไม้ยักษ์ขณะที่พวกเราเป็นเพียงหนอนแมลงสองตัวที่พยายามเจาะเข้าไป แต่เราแทบไม่สามารถทําสิ่งใดกับมัน”
“เป็นเช่นนั้นจริงๆ” ฟางเฉิงพยักหน้า “สิ่งที่แย่กว่านั้นก็คือเราทําลายกิ่งก้านของต้นไม้บางส่วนแต่พวกมันกลับสามารถงอกขึ้นมาใหม่อีกครั้ง”
ฟางหยวนวิเคราะห์ “นี่เป็นรูปแบบเฉพาะตัวของเทพอมตะบัวสวรรค์ตามบันทึก เขาเป็นเทพอมตะที่มีความสามารถในการฟื้นฟูสูงที่สุด มันเป็นแก่นแท้บนเส้นทางแห่งไม้ ผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่สอง เราเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา มันยากสําหรับเราที่จะปรับแต่งคฤหาสน์วิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งไม้ เราควรเชิญผู้เชี่ยวชาญบนเส้นทางแห่งไม้หนึ่งหรือสองคนมาร่วงงานกับเรา”
ฟางเฉิงเผยรอยยิ้มขมขึ้น “เจ้าคิดว่าข้าไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้งั้นหรือ? น่าเสียดายที่ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งไม้หายากมากในทะเลทรายตะวันตก นอกจากนั้นหลังจากข่าวเกี่ยวกับวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์รั่วไหลออกไป กองกําลังอื่นก็พยายามขัดขวางพวกเราในเรื่องนี้”
“แน่นอนว่ามีกองกําลังที่ต้องการส่งผู้อมตะบนเส้นทางแห่งไม้มาช่วยพวกเรา เจ้าเดาได้หรือไม่ว่าพวกเขาคือผู้ใด?” ฟางที่เฉิงถาม
ฟางหยวนตอบทันที “มันควรเป็นวังสวรรค์ถูกต้องหรือไม่?”
“ถูกต้อง มันคือวังสวรรค์! ราชันมังกรต้องการนําวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์กลับไป เขายังกล่าวว่าพวกเขาจะลืมความขัดแย้งในอดีตและมอบทรัพยากรมากมายให้กับพวกเรา” ฟางเฉิงเผยรอยยิ้มเย็นชา
ทะเลทรายตะวันตกเป็นภูมิภาคที่มีความประนีประนอมมากที่สุด ดังนั้นฟางหยวนจึงไม่รู้สึกแปลกใจกับท่าทีประนีประนอมของราชันมังกร
เขากล่าว “วังสวรรค์พยายามใช้สถานการณ์ของทะเลทรายตะวันตกเพื่อบีบให้ตระกูลฟางของเรายอมจํานน ไม่ว่าพวกเขาจะมอบทรัพยากรใดให้กับพวกเรา แต่มันจะเปรียบเทียบกับวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างไร? ตราบเท่าที่เราสามารถใช้งานคฤหาสน์วิญญาณอมตะหลังนี้ เราจะสามารถฉกชิงทรัพยากรทุกชนิดที่เราต้องการ
“ฮ่าฮ่าฮ่า” เสียงหัวเราะดังขึ้นจากด้านหลังซวนปู่จิน “น้องซวนปู่จินเจ้ากล่าวได้ถูกต้องแล้ว”
ผู้อมตะที่พึ่งมาถึงก็คือฟางกง
ฟางกงตบไหล่ฟางหยวนและกล่าว “น้องชายครั้งนี้ล่าบากเจ้าแล้ว เจ้าพึ่งมาถึง แต่เจ้ากลับต้องทํางานทันทีโดยไม่ได้หยุดพัก ตอนนี้ข้าจัดงานเลี้ยงต้อนรับเจ้าไว้แล้ว”
ฟางหยวนยิ้ม “ขอบคุณผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่ง การปรับแต่งวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์เป็นความท้าทายที่น่าตื่นเต้นสําหรับข้า นอกจากนี้ข้าก็เป็นผู้อาวุโสสูงสุดนอกของตระกูลฟาง แล้วข้าจะไม่ช่วยงานของตระกูลได้อย่างไร?”
แต่ในใจเขากลับคิดอีกอย่าง “ตระกูลฟางเผชิญหน้ากับแรงกดดันมากเกินไป ดังนั้นพวกเขาจึงต้องขอให้ข้าช่วยปรับแต่งวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์อย่างรวดเร็วที่สุด ทัศนคติที่กระตือรือร้นของตระกูลฟางที่มีต่อข้าไม่ใช่เรื่องแปลก ดูเหมือนข้าควรใช้โอกาสนี้รีดไถพวกเขา
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าฟางหยวนมีความคิดชั่วร้าย
ไม่เพียงเขาจะต้องการยึดครองวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ แต่เขายังต้องการรับผลประโยชน์เพิ่มเติมจากตระกูล ฟาง
ตระกูลฟางโชคไม่ดีที่รับเขาเข้ามา ในชีวิตก่อนหน้า โดยปราศจากการแทรกแซงของฟางหยวน สถา นการณ์ของตระกูลฟางดีกว่านี้มาก พวกเขาสามารถแก้ปัญหาของตนเองแม้พวกเขาจะไม่ประสบความสําเร็จในการปรับแต่งวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ได้ทันการแข่งขันใหญ่บนเส้นทางแห่งการหลอมรวมก็ตาม
งานเลี้ยงและทัศนคติที่อบอุ่นของคนตระกูลฟางแสดงให้เห็นว่าพวกเขาต้องการความช่วยเหลือจากซวนปู่จินเป็นอย่างมาก
ฟางหยวนสัญญาว่าเขาจะทุ่มเทความพยามยามทั้งหมดเพื่อช่วยพวกเขา
ทั้งเจ้าภาพและแขกต่างมีความสุข
หลายวันต่อมาฟางหยวนยังปรับแต่งวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์พร้อมกับฟางตี้เฉิง
อย่างไรก็ตามพวกเขายังพบปัญหามากมาย
แม้ข้าจะไม่ได้ใช้ความพยายามทั้งหมดแต่ข้าก็แสดงความสามารถตามมาตรฐานของผู้อมตะระดับเจ็ดบนเส้นทางแห่งปัญญาออกไปแล้ว
“แต่ถึงกระนั้นความคืบหน้าในการปรับแต่งวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ก็ยังช้ามาก
ฟางหยวนเข้าใจสถานการณ์ เขารู้สึกสงสารฟางตี้เฉิงแต่ก็ลอบมีความสุขเล็กน้อย
ฟางตี้เฉิงต้องใช้กําลังทั้งหมดของเขาในการปรับแต่งวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ทุกครั้ง เขาไม่มีพลังงานเหลือพอที่จะต่อต้านแผนการของฟางหยวน
อย่างไรก็ตามแม้ฟางหยวนจะเก็บความแข็งแกร่งส่วนหนึ่งเอาไว้ แต่เขายังรู้สึกเหน็ดเหนื่อย
แน่นอนว่าฟางเฉิงที่ทุ่มเทความพยายามมากกว่าย่อมเหนื่อยมากกว่า
ตระกูลฟางมีค่ายกลวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา พวกเขาพยายามใช้สิ่งนี้เพื่อปรับแต่งวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์
“นี่เป็นการปรับแต่งที่ทรงพลัง
“มันมีความหวังที่จะประสบความสําเร็จแต่พวกเขาก็ต้องจ่ายด้วยราคามหาศาล
“มันจะง่ายกว่ามากหากพวกเราได้รับความช่วยเหลือจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งไม้ แน่นอนว่าหากข้าทุ่มเท ความพยายามทั้งหมด ผลลัพธ์ของมันจะดีกว่านี้
แต่ฟางหยวนไม่ทําเช่นนั้น
เขาจะหยุดเมื่อถึงจุดหนึ่งเสมอ
ฟางตี้เฉิงถาม “น้องชาย เจ้าได้รับบาดเจ็บงั้นหรือ? มันร้ายแรงหรือไม่? ข้าเตรียมวิธีรักษาที่เหมาะสมไว้แล้ว
ฟางหยวนแสงไอ “ขอบคุณพี่ชายสําหรับความห่วงใย ข้าได้รับบาดเจ็บจริงๆ แต่มันไม่ร้ายแรง ข้าสามารถจัดการมันด้วยตัวข้าเอง มันเป็นเพียงว่า…ข้าต้องใช้พลังงานอมตะจํานวนมาก จิตใจของข้าก็เหนื่อยล้า ปริมาณงานมีมากเกินไป ผู้ใดจะรู้ว่าเมื่อใดที่พวกเราจะประสบความสําเร็จในการปรับแต่งวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ สําหรับตอนนี้ข้าทนไม่ไหวแล้ว”
ดวงตาของฟางที่เฉิงเบิกกว้างเล็กน้อย
ซวนปู่จินขอลาออกจากงาน!
พวกเขาพยายามอย่างต่อเนื่องมาหลายวัน หากพวกเขาไม่ยืนกรานทําเรื่องนี้ต่อไป การทางานหนักทั้งหมด ที่ผ่านมาจะกลายเป็นสูญเปล่า
เมื่อคิดถึงสถานการณ์ของตระกูลฟาง ฟางตี้เฉิงยิ่งกังวล
“น้องชาย!” ฟางตี้เฉิงยิ้ม “ตระกูลฟางของเราจะไม่ทําร้ายเจ้า เจ้าวางใจได้”
ฟางหยวนกล่าวอย่างจริงจัง “พี่ชาย โปรดอย่าคิดว่าข้ากําลังพยายามบอกเลิก ข้าไม่ใช่คนเช่นนั้น! ข้าเชื่อ ในตระกูลฟาง การเข้าร่วมกับตระกูลฟางเป็นการตัดสินใจที่ฉลาดที่สุดของข้า ในเวลาเดียวกันความร่วมมือ ระหว่างเราก็ดําเนินมาเป็นเวลานานแล้ว เราต่อสู้เพื่อตั้งเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์มาด้วยกัน เรามีข้อตกลง ข้าไม่เคยลืม สิ่งเหล่านี้”
ในฐานะปรมาจารย์เอกบนเส้นทางแห่งปัญญา ฟางที่เฉิงเข้าใจความหมายของฟางหยวนทันที
เขาหัวเราะ “น้องชาย ข้าเข้าใจ ฮ่าฮ่า เรายังไม่ลืมข้อตกลง เจ้าช่วยตระกูลฟางของเราต่อสู้เพื่อวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ ตระกูลฟางของเราต้องมอบวิญญาณอมตะให้เจ้าแต่จนถึงตอนนี้มันยังไม่เกิดขึ้น นี่เป็นความผิดพลาดของตระกูลฟางจริงๆ ข้าต้องขอโทษสําหรับเรื่องนี้ บอกข้าว่าเจ้าต้องการวิญญาณอมตะดวงใด ข้าจะรีบนํามันมาให้เจ้าอย่างรวดเร็วที่สุด”
“เห้อ…ข้าไม่ได้หมายถึงเรื่องนั้น ท่านเข้าใจผิดแล้ว” ฟางหยวนกล่าว
“เข้าใจผิดงั้นหรือ? ข้าเข้าใจเจ้าผิดงั้นหรือ!?” ฟางเฉิงลอบเย้ยหยันอยู่ในใจ
เขาเข้าใจบุคลิกของซวนปู่จิน คนผู้นี้จะไม่ทําสิ่งใดหากปราศจากผลประโยชน์!
ย้อนกลับไปเมื่อพวกเขาต่อสู้เพื่อวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ซวนปู่จินฉวยโอกาสยื่นข้อเสนอเพื่อรับวิญญาณอม
ตอนนี้เขากําลังจะทําเหมือนเดิมอีกครั้ง
ฟางตี้เฉิงต้องการตบศีรษะฟางหยวนที่โลภมากแต่เขาต้องบังคับตนเองให้สงบ
เขาไม่สามารถทําสิ่งใดกับเรื่องนี้ ตอนนี้เขาต้องการความช่วยเหลือจากซวนปู่จิน
ฟางเฉิงยืนยันอย่างหนักแน่นว่าจะมอบวิญญาณอมตะให้ฟางหยวนแต่ฟางหยวนยังปฏิเสธ
ฟางตี้เฉิงรู้สึกสังหรณ์ร้ายว่าซวนปู่จินจะมีแผนการใหญ่ซ่อนอยู่ หลังจากเจรจาหลายรอบ เขากล่าวออกมาโดยตรง “น้องชาย เพียงกล่าวความคิดของเจ้าออกมา”
ฟางหยวนตอบ “พี่ชาย โปรดอย่าดูถูกข้า ข้าเป็นสมาชิกของตระกูลฟาง ข้าจะเพิ่มปัญหาให้ตระกูลได้อย่างไร ข้าคือซวนปู่จิน ท่านคิดว่าข้าเป็นคนเช่นไร? การขอวิญญาณอมตะเป็นรางวัลทุกครั้งมากเกินไป ดังนั้น ข้ายินดีก้าวถอยหลัง ข้าไม่ต้องการรางวัลเป็นวิญญาณอมตะ”
ฟางที่เฉิงรู้สึกไม่สบายใจมากขึ้นเมื่อเขาได้ยินคํากล่าวต่อไปของฟางหยวน “หากท่านต้องการให้ข้ากล่าวตามตรง ข้าก็จะเปิดใจกับท่าน พี่ชาย เราเป็นฝ่ายเดียวกัน ฮ่าฮ่า ข้าจะไม่ปิดบังสิ่งใดจากท่าน ข้าสนใจมรดกที่แท้จริงบนเส้นทางแห่งการโจรกรรมของเทพปีศาจปล้นสวรรค์ ข้าไม่ต้องการวิญญาณอมตะ ข้าเพียงต้องการเรียนรู้เนื้อหาของมรดกเท่านั้น หากพี่ชายคิดว่ามันมากเกินไป ท่านสามารถลืมมันไปซะ”
การแสดงออกของฟางตี้เฉิงเปลี่ยนไปทันที เขาจ้องมองฟางหยวนและลอบสาปแช่งอยู่ภายใน ดังนั้นเป้าหมายของเจ้าก็คือมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจปล้นสวรรค์! ช่างกล้าหาญนัก!”