Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน - บทที่ 1857 มรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจปล้นสวรรค์
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1857 มรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจปล้นสวรรค์
“ปัง!”
ผู้อาวุโสสูงสุดล่าดับที่หนึ่งของตระกูลฟาง ฟางกงทุบโต๊ะและยืนขึ้นด้วยความโกรธ “ซวนปัจน เจ้าคนโลภมาก! เขากล้าเรียกร้องมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจปล้นสวรรค์ เขาคิดว่าตนเองเป็นผู้ใด? เขาเป็นเพียงผู้บ่ม เพาะสันโดษระดับเจ็ด เขากล้ารีดไถตระกูลฟางของข้า! เขาสมควรตาย! เราต้องฆ่าเขา!”
ฟางกงเต็มไปด้วยความโกรธหลังจากได้รับรายงาน
ฟางตี้เฉิงกล่าว “ซวนปัจนมีทักษะบางอย่าง การตัดสินใจรับสมัครซวนปู่จินของเราคือการรับมือกับสถานการณ์ในเวลานั้น ซวนปัจนเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เขามีไหวพริบที่ยอดเยี่ยม เขาเลือกช่วงเวลานี้ ร้องขอมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจปล้นสวรรค์เพราะเราไม่สามารถปฏิเสธเขาได้โดยง่าย
“เจ้าจะมอบมรดกที่แท้จริงบนเส้นทางแห่งการโจรกรรมให้เขางั้นหรือ? นั่นคือมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจปล้นสวรรค์!” ดวงตาของฟางกงเบิกกว้าง
ฟางที่เฉิงเผยรอยยิ้มขมขึ้น “หากเราไม่ให้เขา เขาจะไม่ทํางาน แล้วเราจะทําอย่างไรกับเขา? ถูกต้อง ตอนนี้เขาอยู่ในฐานทัพของเรา เราอาจกําจัดเขาได้หากเราโจมตีเขาพร้อมกัน แต่หลังจากฆ่าเขา แล้วอย่างไร? หากปราศจากความช่วยเหลือจากเขา การปรับแต่งวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์จะยิ่งยากลําบากและใช้เวลานานมาก ปัจจุบันตระกูลฟางของเรากําลังเผชิญหน้ากับแรงกดดันจากทุกทิศทาง กระทั่งผู้อมตะระดับแปดก็เริ่มเคลื่อนไหวเมื่อไม่นานมานี้!”
นี้เป็นผลงานของฟางหยวน เขาส่งแม่ทัพมังกรออกมาโจมตีแหล่งทรัพยากรของตระกูลฟางแต่พวกเขาไม่ทิ้งร่องรอยเอาไว้ ทุกคนคิดว่านี่เป็นฝีมือกองกําลังใหญ่ของทะเลทรายตะวันตกหรืออาจเป็นได้กระทั่งวังสวรรค์
ฟางกงเงียบ เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่ง เขาสามารถสงบจิตใจได้ในที่สุด
ในสถานการณ์ปัจจุบันของตระกูลฟาง พวกเขาต้องการความช่วยเหลือจากซวนปู่จิน หากพวกเขาสามารถควบคุมวงเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาจะสามารถเปลี่ยนสถานการณ์ทั้งหมด
ซวนปู่จินเป็นกุญแจสําคัญสําหรับตระกูลฟางที่จะก้าวข้ามสถานการณ์นี้
“สมกับเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เขาขอลาออกในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ฮ่าฮ่า ซวนปัจนมีทั้งความกล้าและความสามารถบางอย่างจริงๆ” ฟางกงเผยรอยยิ้มเย็นชา
ฟางตี้เฉิงรู้จักฟางกงเป็นอย่างดีและเข้าใจทันทีว่าอีกฝ่ายตกลง
แน่นอนว่าเมื่อสถานการณ์นี้ผ่านพ้นไป ฟางกงจะตอบแทนซวนปู่จินอย่างเหมาะสม
ฟางตี้เฉิงยิ้ม “แท้จริงแล้วคําร้องขอของซวนปู่จีนสมเหตุสมผล เขาไม่ได้ร้องขอมรดกที่แท้จริงบนเส้นทางแห่งปัญญาของข้าและไม่ได้ขอข้อมูลเกี่ยวกับคฤหาสน์วิญญาณอมตะของเรา หากเขากล่าวถึงสิ่งเหล่านี้ เราจะ อยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกอย่างแท้จริง”
รากฐานของตระกูลฟางไม่ใช่เส้นทางแห่งการโจรกรรม
มันไม่เคยเป็น
เส้นทางแห่งการโจรกรรมเป็นเพียงผลประโยชน์เล็กๆที่ตระกูลฟางบังเอิญได้รับมาจากปีศาจต่างโลกเท่านั้น
หลายปีที่ผ่านมา ตระกูลฟางค้นคว้าเกี่ยวกับมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจปล้นสวรรค์จนถึงขีดจํากัดของพวกเขาแล้ว
ฟางตี้เฉิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ซวนปู่จินมีความสําเร็จบนเส้นทางแห่งปัญญาที่ไม่ธรรมดา พิจารณาเพียงคําขอของเขา เห็นได้ชัดว่าเขาเลือกเวลาได้ดีและร้องขอผลประโยชน์ได้ถึงขีดจํากัดที่พวกเราจะสามารถยอมรับได้ มันไม่ง่ายเลยที่จะทําสิ่งนี้ให้สําเร็จ”
ฟางกงหัวเราะ “ฮ่าฮ่าฮ่า ดูเหมือนเจ้าจะชื่นชมเขาไม่น้อย”
ดวงตาของฟางตี้เฉิงส่องประกายขึ้น “พรสวรรค์ก็คือพรสวรรค์ ข้าจะดูแคลนเขาเพราะอคติของตัวข้าเองได้อย่างไร? หากคนที่มีพรสวรรค์เช่นนี้ทํางานให้กับตระกูลของเรา มันย่อมเป็นสิ่งที่ดี”
ฟางกงหรี่ตา “มันไม่ง่ายเลยที่คนเช่นซวนปู่จินจะยอมจํานนและภักดีต่อตระกูลของเรา”
หลังจากการหารือของสองผู้อาวุโสสูงสุด ตระกูลฟางตัดสินใจมอบมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจปล้นสวรรค์ให้ฟางหยวน
ฟางหยวนได้รับเนื้อหาของมรดกที่แท้จริงดังกล่าว
มันเกี่ยวกับท่าไม้ตายอมตะขโมยเต่
ย้อนกลับไปในยุคของเทพปีศาจปล้นสวรรค์ เขาสามารถสร้างเส้นทางแห่งการโจรกรรมเพราะท่าไม้ตายนี้
เห็นได้ชัดว่านี่เป็นท่าไม้ตายที่สําคัญมาก มันเป็นต้นกําเนิดของเส้นทางแห่งการโจรกรรม!
ฟางหยวนตกตะลึงเมื่อเห็นมันเป็นครั้งแรก
มรดกนี้แสดงให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของท่าไม้ตายอมตะขโมยเต่า มันไม่ใช่การขโมยสิ่งของหรือสิ่งมีชีวิต แต่มันเป็นการขโมยร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋
นอกจากนี้มันยังมีบางสิ่งที่ทําให้ฟางหยวนแทบน้ําลายไหลด้วยความปรารถนาเมื่อคิดถึงมัน
นั่นคือคฤหาสน์วิญญาณอมตะรังโจรระดับแปดที่สามารถขโมยร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋
“ข้าเป็นปรมาจารณ์เอกบนเส้นทางแห่งการโจรกรรมขณะที่ตระกูลฟางไม่มีความสําเร็จด้านนี้ แต่ถึงกระนั้น พวกเขาก็ยังสามารถสร้างคฤหาสน์วิญญาณอมตะที่ไม่สมบูรณ์และใช้ท่าไม้ตายอมตะขโมยเต๋า
“แม้พวกเขาจะมีความคิดสร้างสรรค์ แต่มันยังไม่สามารถเปรียบเทียบกับต้นฉบับ
“หากข้าลองสร้างสิ่งนี้ มันจะต่างออกไป!”
ฟางหยวนถูกล่อลวง
การร้องขอเนื้อหาของมรดกนี้คือขีดจํากัดของฟางหยวน เขาตระหนักถึงมันเป็นอย่างดี หากเขาขอวิญญาณอมตะขโมยเต๋า ตระกูลฟางจะปฏิเสธ นอกจากนี้พวกเขายังจะจดจําเรื่องนี้เอาไว้และคิดบัญชีกับฟางหยวนในภายหลัง
สิ่งสําคัญก็คือข้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา หากข้าให้ความสนใจเส้นทางแห่งการโจรกรรมมากเกินไป มันจะน่าสงสัย
“ฟางตี้เฉิงไม่มีข้อสงสัยในครั้งนี้เพราะข้าทําทุกสิ่งอย่างถูกต้อง ก่อนหน้านี้ข้าเคยใช้วิธีขโมยวิญญาณอมตะ จากนั้นข้ายังใช้ความเข้าใจจากมันเพื่อสังหารหว่านเหลียงฮัน สิ่งเหล่านี้ประทับอยู่ในใจของคนตระกูลฟาง ดังนั้นพวกเขาจึงรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องธรรมดา
“แต่นี่เป็นเนื้อหาทั้งหมดจากมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจปล้นสวรรค์หรือไม่? ฟางหยวนไม่สามารถบอกได้
“หากข้าขโมยมันมาโดยตรงจะเป็นอย่างไร?” ฟางหยวนคิด
มันไม่ยากสําหรับเขาที่จะจัดการตระกูลฟาง แม้ฟางกงจะเป็นผู้อมตะระดับแปด แต่คนผู้นี้ยังด้อยกว่าราชันมังกรรวมถึงฟางหยวน
อย่างไรก็ตามฟางหยวนไม่มั่นใจว่าเขาจะสามารถเอาชนะฟางกงได้อย่างเด็ดขาด หลังจากทั้งหมดฟางกงเคยปราบปรามเฉินอี้มาแล้ว นอกจากนี้ที่นี่ยังเป็นฐานทัพใหญ่ของตระกูลฟางมีหลายสิ่งที่ฟางหยวนไม่รู้
สิ่งที่น่ากังวลที่สุดคือหากตัวตนที่แท้จริงของเขาถูกเปิดเผย กองกําลังฝ่ายธรรมะของทะเลทรายตะวันตกจะมีเหตุผลที่สมบูรณ์แบบในการจัดการตระกูลฟาง ขณะเดียวกันวังสวรรค์ก็จะไม่นิ่งเฉยเช่นกัน
ฟางหยวนไตร่ตรองก่อนจะตัดสินใจช่วยฟางที่เฉิงและรักษาเสถียรภาพเอาไว้
นี้เป็นแผลการที่เหมาะสมที่สุด
หลังจากได้รับมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจปล้นสวรรค์ ซวนปู่จนเลิกคร่ําครวญเกี่ยวกับความเหน็ดเหนื่อย เขายังทุ่มเทความพยายามกับวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์เช่นเดิม อย่างน้อยก็ในมุมมองของคนตระกูลฟาง
ความคืบหน้าในการปรับแต่งวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ล้าช้ามากแต่การสะสมเหล่านี้ค่อยๆทําให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพ ตอนนี้ประตูวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ถูกเปิดออกแล้วขณะที่ผู้อมตะสามารถเข้าไปภายใน
สมาชิกตระกูลฟางรู้สึกตื่นเต้นมากกับเรื่องนี้ ฟางกงหัวเราะเสียงดังด้วยความยินดี
อย่างไรก็ตามหลังจากนั้นฟางตี้เฉิงกลับไม่มีความคืบหน้าอีก
“ดูเหมือนหลังจากนี้มันจะยากล่าบากมากขึ้น มันแตกต่างจากก่อนหน้าอย่างสิ้นเชิง
“เราอาจต้องปรับเปลี่ยนค่ายกลวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาทั้งหมด” ฟางตี้เฉิงกล่าวกับฟางหยวน
ฟางหยวนพยักหน้า “แต่เราจะปรับเปลี่ยนมันอย่างไร? เห้อ…หากเรามีผู้อมตะบนเส้นทางแห่งไม้ มันจะง่ายกว่ามาก ตอนนี้เราทําได้เพียงคาดเดาเหมือนคนตาบอด!”
ฟางตี้เฉิงเผยรอยยิ้มขมขึ้น “เราจะทําสิ่งใดได้อีกนอกจากการคาดเดา?”
ยิ่งฟางตี้เฉิงกับฟางหยวนค้นคว้าวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์มากเท่าใด พวกเขาก็ยิ่งตระหนักถึงความยิ่งใหญ่และความเฉลียวฉลาดของเทพอมตะบัวสรรค์มากเท่านั้น
ฟางเฉิงคิดอย่างหนักแต่ก็ยังไม่พบทางออกที่ดี
ฟางหยวนมีความคิดมากมายแต่เขาไม่ได้กล่าวพวกมันออกมา
หากเขาใช้ท่าไม้ตายอมตะต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์แห่งชะตากรรม มันจะมีความคืบหน้าเป็นอย่างมาก
“การนั่งอยู่ที่นี่และพยายามคิดหาหนทางแก้ปัญหาด้วยความมึนงงไม่ใช่วิธีการของข้า ข้าจะท่องเที่ยวไปรอบๆและผ่อนคลายจิตใจ บางทีขาอาจได้รับแรงบันดาลใจบางอย่างในกระบวนการนี้” ฟางหยวนหาข้ออ้างเพื่อออกไป
ฟางตี้เฉิงและฟางกงต้องการให้เขาอยู่ต่อแต่พวกเขายังต้องการความช่วยเหลือจากซวนปู่จินในภายหลัง ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สามารถเหนี่ยวรั้งเขาไว้ในเวลานี้
ฟางหยวนออกจากตระกูลฟาง และเข้าสู่ทะเลทรายผีเขียวแต่ในความจริงเขาลอบสํารวจอาณาจักรแห่งความฝันอย่างลับๆ
เขาได้รับอาณาจักรแห่งความฝันบนเส้นทางแห่งไม้มาจากการรีดไถกองกําลังฝ่ายธรรมะของภาคใต้
ไม่มีผู้อมตะบนเส้นทางแห่งไม้ช่วยเหลือพวกเขา แล้วอย่างไร ผู้ใดสน!
ไม่มีผู้เชี่ยวชาญบนเส้นทางแห่งไม้ เขาก็จะเป็นผู้เชี่ยวชาญบนเส้นทางแห่งไม้ด้วยตนเอง
วิธีแก้ปัญหาของฟางหยวนเรียบง่ายและตรงไปตรงมา
อาณาจักรแห่งความฝันบนเส้นทางแห่งไม้เหล่านี้ไม่ยาก ฟางหยวนสามารถคลี่คลายพวกมันได้อย่างง่ายดาย
เดิมที่ความสําเร็จบนเส้นทางแห่งไม้ของฟางหยวนธรรมดามาก
แต่หลังจากสองสามวัน เขากลับกลายเป็นปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งไม้
เมื่อถึงจุดนี้ ฟางหยวนเริ่มค้นคว้าเกี่ยวกับท่าไม้ตายอมตะต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์แห่งชะตากรรมและวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์อีกครั้งด้วยความมั่นใจที่เพิ่มสูงขึ้น
แรงบันดาลใจมากมายปรากฏขึ้นในใจของเขาและส่วนใหญ่มีความเป็นไปได้
“ดูเหมือนขาต้องดัดแปลงต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์แห่งชะตากรรม
แต่เพื่อดัดแปลงท่าไม้ตายนี้ ข้าต้องมีวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งไม้ที่เหมาะสมซึ่งข้าไม่มีฟางหยวนลังเล
มันไม่ใช่ปัญหาสําหรับเขาที่จะหลอมรวมวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งไม้ ท่ายที่สุดเขาก็มีนิกายหลางหยา!
แต่หากเขาทําเช่นนั้นการหลอมรวมวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งโชคจะหยุดลง
จากการค้นวิญญาณฟางเจิ้ง ฟางหยวนตระหนักถึงแผนการของฉันติงหลิง
เขาอนุมานได้ว่าวงสวรรค์ต้องการหลอมรวมวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งโชค แม้พวกเขาจะไม่ประสบความสําเร็จในการหลอมรวมส่วนใหญ่แต่พวกเขายังสามารถหลอมรวมบางสิ่ง
หากเขาเปลี่ยนแผนตอนนี้ มันก็หมายความว่าเขายอมแพ้ในการแข่งขันหลอมรวมวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งโชค
แต่หากเขายังหลอมรวมวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งโชคต่อไป มันจะเป็นเรื่องยากสําหรับเขาที่จะก่าหราบวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์
ฟางหยวนมีลางสังหรณ์ที่คลุมเครือว่านี่เป็นโอกาสครั้งสําคัญ หากเขาเสียโอกาสนี้ไป ความหวังที่เขาจะได้รับวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ในภายหลังจะน้อยมาก