Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน - บทที่ 1912 เริ่มยกระดับวิญญาณ
บทที่ 1912 เริ่มยกระดับวิญญาณ
ฟางหยวนมีแผนการสร้างคฤหาสน์วิญญาณอมตะสามหลัง
คฤหาสน์วิญญาณอมตะหลังแรกคือเรือรบหมื่นปี คฤหาสน์วิญญาณอมตะหลังที่สองคือหม้อปรุงโชค สําหรับคฤหาสน์วิญญาณอมตะหลังสุดท้าย มันยังไม่ถูกสร้างขึ้น
แม้เขาจะได้รับทั้งเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์และวังมังกร แต่คฤหาสน์วิญญาณอมตะเหล่านั้นถูกใช้งานโดยร่างแยกของเขา พวกเขามีแผนการของตนเองในอนาคต ฟางหยวนไม่สามารถใช้งานพวกมันด้วยตนเอง
สิ่งสําคัญที่สุดคือวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์และวังมังกรไม่สามารถตอบสนองความต้องการของเขา
ในแผนการของฟางหยวน เขาต้องการสร้างคฤหาสน์วิญญาณอมตะที่มุ่งเน้นด้านการป้องกัน
เรือรบหมื่นปีมีความเร็วสูง มันสามารถลบจุดอ่อนด้านการเคลื่อนไหวของฟางหยวน ยิ่งไปกว่านั้นมันยังสามารถใช้ต่อสู้ในสายธารแห่งกาลเวลา
หม้อปรุงโชคถูกสร้างขึ้นก่อนที่ฉินติงหลิงจะปรากฏตัว ฟางหยวนวางแผนใช้มันกําหราบโชคที่อ่อนแอกว่า ของวังสวรรค์และเพิ่มความได้เปรียบให้กับตนเอง
คฤหาสน์วิญญาณอมตะหลังที่สามที่เขาต้องการมีไว้สําหรับการป้องกันและรักษา สงครามแห่งชะตากรรมจะเกิดการต่อสู้ที่ดุเดือดและมีเวลาพักฟื้นเพียงเล็กน้อย ฟางหยวนต้องการคฤหาสน์วิญญาณอมตะ ที่อนุญาตให้เขาสามารถรักษาตัวได้อย่างรวดเร็วระหว่างการต่อสู้
ด้วยเหตุนี้คฤหาสน์วิญญาณอมตะหลังนี้จึงต้องมีพลังป้องกันที่แข็งแกร่งมาก
เส้นทางแห่งปฐพี่มีจุดเด่นที่ความแข็งแกร่ง การป้องกันของมันถือว่าดีเยี่ยม ข้าจะใช้วิญญาณอมตะบนเส้น ทางแห่งปฐพี่เหล่านี้สร้างคฤหาสน์วิญญาณอมตะหลังที่สาม” ฟางหยวนคิดและตัดสินใจ
แต่ตอนนี้ฟางหยวนไม่รู้ว่าร่างแยกมนุษย์มังกรคู่ส่วยของเขา ได้รับวิธีสร้างคฤหาสน์วิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปฐพีจากอาณาจักรแห่งความฝันมาแล้ว
คฤหาสน์วิญญาณอมตะหลังนี้มีชื่อว่าป้อมปราการบนภูเขาแห่งความสงบ สิ่งนี้สามารถเติมเต็มความต้องการของฟางหยวนได้เป็นอย่างดี
“ผู้ใดต้องการไปกับข้าบ้าง?” ฟางหยวนหันกลับไปถาม
กลุ่มผู้อมตะมองหน้ากัน
“ข้า” เสี่ยวหมิงเฉินเป็นคนแรกที่ตอบสนองและก้าวออกไปข้างหน้า
หลังจากนั้นกุ้ยฉีเยีและคนอื่นๆก็เดินตามไป
“แล้วพวกเจ้า?” ฟางหยวนมองไปทางผู้อมตะตระกูลเฉิน
กลุ่มผู้อมตะตระกูลเฉินตกตะลึงและไม่สามารถตอบสนองได้ทันเวลา
พวกเขาไม่เหมือนกลุ่มของเสี่ยวหมิงเฉินที่เคยได้รับประโยชน์จากการร่วมงานกับฟางหยวน ความร่วมมือครั้งแรกระหว่างพวกเขากับฟางหยวนจบลงด้วยความล้มเหลวและทําให้พวกเขารู้สึกไม่ดี
เฉินเซียวส่ายศีรษะ “ขอบคุณสําหรับข้อเสนอ เขาขอพิจารณาภารกิจอื่นก่อน”
เฉินเซียวปฏิเสธอย่างสุภาพ ผู้อมตะตระกูลเฉินคนอื่นๆไม่คัดค้านค่ากล่าวของเขา
ฟางหยวนไม่สนใจพวกเขาและหันหน้าไปทางผู้อมตะอีกสองคนที่เหลือ “เหรินซิ่วผิง ตงฮัว พวกเจ้าล่ะ?”
เหรินซิ่วผิงส่ายศีรษะ
ตงฮัวตกใจและไม่กล้ากล่าวหรือทําสิ่งใด
ฟางหยวนคาดเดาการตอบสนองนี้ไว้แล้ว ทํายที่สุดเขาพึ่งนําทรัพยากรอมตะมากมายมาจากคนทั้งสอง
สิ่งนี้แสดงให้เห็นความสามารถทางการเมืองของเฉินกงเจิ้งเช่นกัน
เฉินกงเจ๊งบังคับเหรินซิ่วฝั่งและตงฮัวส่งมอบทรัพยากรอมตะให้กับฟางหยวน มันอาจดูเหมือนการทําลายความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาแต่ความจริงคือมันทําให้พวกเขาไม่สามารถแยกตัวออกจากตระกูลเฉิน
พวกเขาต้องอยู่ข้างตระกูลเฉินเพื่อให้ได้รับรางวัลหลังจากกลับไปยังทะเลตะวันออก
นี่เป็นวิธีปราบปรามเหรินซิ่วผิงและตงฮันของเฉินกงเจิ้ง มันทําให้พวกเขาต้องเชื่อฟังตระกูลเฉิน หลังจากเข้าสู่ตระกูลเฉินแล้ว พวกเขาจะจากไปง่ายๆได้อย่างไร ฮ่าฮ่า ชีวิตไม่ง่ายขนาดนั้น
ฟางหยวนรู้แผนการของเฉินกงเจ๋งแต่เขาไม่ได้กล่าวสิ่งใด
ไม่ว่าจะมีหรือไม่มีเหรินซิ่วผิงกับตงฮัว มันก็ไม่สําคัญ ไม่ว่าอย่างไรผลประโยชน์หลักของฟางหยวนก็จะไม่ถูกแตะต้อง
ห้าภูมิภาคกําลังจะรวมเป็นหนึ่ง กองกําลังต่างๆเริ่มสะสมกําลังรบ ตระกูลฟางของทะเลทรายตะวันตกรับผีเฒ่าไปจนและนางสนมอินทรีย์ ตระกูลเฉินของทะเลตะวันออกรับเหรินซิ่วผิงและตงฮัว นี่ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ กระทั่งถ้ําสวรรค์นิรันดรยังต้องการรวบรวมผู้อมตะทั้งหมดของภาคเหนือ
สําหรับภาคกลาง พวกเขาประสบความสําเร็จมานานแล้ว นิกายโบราณทั้งสิบเป็นกองกําลังย่อยของวังสวรรค์ ผู้บ่มเพาะสันโดษหรือกองกําลังขนาดเล็กและขนาดกลางส่วนใหญ่อยู่ภายใต้การปกครองของพวกเขา
ในที่สุดฟางหยวนก็นํากลุ่มของเสี่ยวหมิงเฉินเดินทางไปยังจุดหมายของภารกิจต่อไป
จากบนท้องฟ้า พวกเขามองเห็นทะเลที่ถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งเป็นสีน้ําเงิน อีกส่วนหนึ่งเป็นสีเขียว พื้นที่ทะเลสีน้ําเงินสูงกว่าทะเลสีเขียว น้ําทะเลปริมาณมหาศาลตกลงจากพื้นที่ทะเลสีน้ําเงินลงสู่ทะเลสีเขียว
น้ําทะเลทั้งสองไม่สามารถผสานตัวเป็นหนึ่ง ณ สถานที่มันบรรจบกัน ละลองน้ําจํานวนมหาศาลลอยขึ้นสู่อากาศอย่างไม่รู้จบสิ้น
สถานที่แห่งนี้ไม่มีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ เห็นได้ชัดว่ามันมีปัญหาเกี่ยวกับระบบนิเวศ
ฟางหยวนถอนหายใจ “การรวมพื้นที่ทะเลทั้งสองเข้าด้วยกันไม่ใช่เรื่องง่าย เราต้องคํานึงถึงแง่มุมที่แตกต่าง ทั้งหมดของมัน เราควรแยกกันสารวจและรวบรวมข้อมูล หลังจากนั้นเราจะกลับมาวางแผนร่วมกันอีกครั้ง”
เมียวหมิงเฉินพยักหน้า “มีเหตุผล
ฟางหยวนมองเมียวหมิงเฉินและเผยรอยยิ้มให้เขา
แม้ตัวตนของฟางหยวนจะถูกเปิดเผย แต่เดี๋ยวหมิงเฉินยังร่วมมือกับเขา คนผู้นี้สามารถเปลี่ยนทัศนคติอย่างรวดเร็ว และให้ความร่วมมือกับฟางหยวน นี่แสดงให้เห็นถึงจิตใจที่แข็งแกร่งของเขา
กลุ่มผู้อมตะบินกระจัดกระจายกันออกไปตรวจสอบสภาพแวดล้อม
ฟางหยวนเป็นคนเดียวที่ไม่ขยับเขยื้อน เขาตรวจสอบสภาพแวดล้อมพร้อมกับเพ่งจิตเข้าไปในมิติช่องว่างของดน
กําไรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในครั้งนี้ของเขาคือวิญญาณความเสียใจ
ชีวิตก่อนหน้า เขาเลียนแบบคฤหาสน์วิญญาณอมตะสระแห่งความเสียใจและสร้างค่ายกลวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมโดยใช้วิญญาณความเสียใจเป็นแกนกลาง
ชีวิตนี้เขาไม่ต้องใช้ความพยายามมากนักเพราะเขามีแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา ค่ายกลวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมของบรรพชนผมยาวมีประโยชน์มาก สิ่งที่เขาต้องทําตอนนี้มคือการเพิ่มวิญญาณความเสียใจเข้าไป
แน่นอนว่ามันได้รับการอนุมานมาล่วงหน้าแล้ว
ตอนนี้เขาเพียงต้องวางวิญญาณความเสียใจเข้าไปในตําแหน่งที่ว่างอยู่เท่านั้น
“นายท่าน ฟางหยวนเป็นจักรพรรดิปีศาจแห่งยุค เราจะสนิทกับเขามากเกินไปหรือไม่?” ระหว่างการตรวจสอบสภาพแวดล้อม กุ้ยฉีเย่ลอบพูดคุยกับเมียวหมิงเฉิน
เมียวหมิงเฉินตบไหล่กุ้ยฉีเย่ “เจ้าต้องการถามข้าว่าเหตุใดข้าจึงร่วมมือกับฟางหยวนและเกือบจะท่าตัวเหมือนลูกน้องของเขาใช่หรือไม่?”
กุ้ยฉีเย่เผยรอยยิ้มเขินอาย “นายท่าน ท่านช่างฉลาดนัก”
เสี่ยวหมิงเฉินถอนหายใจ “ข้าไม่มีทางเลือก นี่เป็นครั้งแรกที่เราเข้ามาในถ้ําสวรรค์วาฬมังกรฟ้า แต่ตระกูลเฉินค้นพบสถานที่แห่งนี้เช่นกัน เจ้าคิดว่าพวกเขาจะปล่อยสถานที่ล้ําค่านี้ไปและอนุญาตให้พวกเราเข้ามาสํารวจมันอีกครั้งในอนาคตหรือไม่?”
“โดยธรรมชาติแล้วกองกําลังใหญ่ย่อมต้องเก็บมันไว้ใช้กับตนเองเท่านั้น!” ภัยเย่กล่าวด้วยความมั่นใจ
“ถูกต้อง” ดวงตาของเสี่ยวหมิงเฉินส่องประกายขึ้น “เราจะถูกปราบปรามและบังคับให้ยอมจํานนต่อตระกูล เฉินเมื่อเราออกไป หากเราไม่ยอมจํานน เราจะถูกทําลายล้าง แต่ตอนนี้เรามีทางเลือกอื่นนอกเหนือจากการยอมจํานนต่อตระกูลเฉิน”
“ท่านหมายถึง…ฟางหยวน?” กุ้ยฉีเย่เข้าใจในที่สุด
ในฐานะผู้บ่มเพาะสันโดษที่สามารถสัมผัสถึงตําแหน่งของวาฬมังกรฟ้า ตระกูลเฉินต้องดําเนินการบางอย่างกับพวกเขาในอนาคต สําหรับพวกเขา กระทั่งเห็นชั่วฝั่งก็ยังเป็นศัตรูตัวฉกาจที่จัดการได้ยากโดยไม่ต้องกล่าวถึงกองกําลังใหญ่เช่นตระกูลเฉิน
เสี่ยวหมิงเฉินเลือกตีสนิทฟางหยวนเพื่อใช้เขาเป็นโล่ป้องกันและรักษาเสถียรภาพ
หากตระกูลเฉินต้องการดําเนินการบางอย่างกับพวกเขาในอนาคต คนเหล่านั้นยังต้องคํานึงถึงความรู้สึกของฟางหยวน
ในกรณีที่เลวร้ายที่สุด เมี่ยวหมิงเฉินจะละทิ้งสถานะผู้บ่มเพาะสันโดษและเข้าร่วมกับฟางหยวนหรือตระกูลเฉิน
แผนการนี้ทําให้เขามีทางเลือก
ต่างจากเหรินซิ่วผิงและตงฮัวที่เข้าร่วมกับตระกูลเฉินไปแล้ว โดยปราศจากแรงกดดันภายนอก พวกเขาจะถูกบีบบังคับโดยตระกูลเฉิน ตัวอย่างเช่นพวกเขาต้องส่งมอบทรัพยากรอมตะให้ฟางหยวนตามคําสั่งของเฉินกงเจิ้งโดยไม่สามารถปฏิเสธ
เมื่อกลุ่มผู้อมตะย้อนกลับมา ฟางหยวนก็จัดการกับวิญญาณความเสียใจเรียบร้อยแล้ว
ภายในมิติช่องว่างจักรพรรดิ์ กลุ่มผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนที่เต็มไปด้วยขวัญกําลังใจกําลังเตรียมการยกระดับวิญญาณอมตะจํานวนมาก
ร่างแยกกาลเวลาของฟางหยวนกําลังวางแผนจัดการทรัพยากรอมตะและพัฒนาเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณอมตะตามทรัพยากรอมตะที่มีอยู่ในมือ
ฟางหยวนต้องดําเนินการทุกขั้นตอนด้วยตนเองในชีวิตก่อนหน้า แต่ด้วยความช่วยเหลือจากนิกายหลางหยา ในชีวิตนี้เขาแทบไม่ต้องทําสิ่งใด
นี่ทําให้เขาประหยัดเวลาและพลังงานไปได้มาก
สงครามแห่งชะตากรรมกําลังใกล้เข้ามา เวลาเป็นสิ่งสําคัญและมีค่ามาก