Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน - บทที่ 1915 มรดกของเฉินซาน
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1915 มรดกของเฉินซาน
เพลิงสีดําลุกไหม้อยู่บนกระดูกขนาดใหญ่ที่ลอยอยู่กลางอากาศ
มันเป็นกระดูกสีขาวที่ปลดปล่อยกลิ่นอายอันยิ่งใหญ่ออกมา
กระดูกชิ้นนี้ยนมาจากขอบฟ้าทิศตะวันออกและทอดตัวยาวไปทางทิศตะวันตก ฟางหยวนไม่สามารถมอง เห็นจุดสิ้นสุดของมัน
มันดูเหมือนกระดูกสันหลังของสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ยักษ์
“กระดูกสันหลังสวรรค์…” ฟางหยวนพึมพํา เปรียบเทียบกับกระดูกที่อยู่ตรงหน้า เขาเหมือนแมลงตัวเล็กตัวน้อยที่ไร้นัยสําคัญ
เพลิงสีดาราวกับกลุ่มเมฆหมอกที่ปกคลุมกระดูกส่วนใหญ่เอาไว้
หลังจากตรวจสอบ ฟางหยวนค้นพบรายละเอียดบางอย่าง “กระดูกสันหลังสวรรค์เป็นทรัพยากรอมตะระดับเก้าบนเส้นทางแห่งกระดูก!”
แน่นอนว่ามันไม่ใช่กระดูกของมนุษย์
เมื่อมันไม่ใช่กระดูกของมนุษย์ มันก็ต้องเป็นกระดูกของสัตว์อสูร
แต่สัตว์อสูรสามารถบรรลุระดับเก๋ได้อย่างไร?
มันเป็นไปไม่ได้
มีเพียงมนุษย์เท่านั้นที่สามารถบรรลุระดับเก้า ตลอดประวัติศาสตร์อันยาวนานมีผู้อมตะระดับเก้าปรากฏขึ้นเพียงสิบคน
อย่างไรก็ตามมีเพียงการดํารงอยู่ระดับเก้าเท่านั้นที่สามารถทิ้งทรัพยากรอมตะระดับนี้ไว้เบื้องหลังความตาย
“เป็นไปได้หรือไม่ว่ามันจะเป็นสิ่งที่เทพอมตะสวรรค์พิภพสร้างขึ้นด้วยตนเอง?” ฟางหยวนเต็มไปด้วยคําถาม
แต่เรื่องนี้มีความเป็นไปได้น้อยมาก
หากเทพอมตะสวรรค์พิภพต้องการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับถ้ําสวรรค์วาฬมังกรฟ้า เขาควรใช้วิธีบนเส้นทางแห่งปฐพี่หรือเส้นทางแห่งเสียงที่เขาเชียวชาญ เหตุใดเขาต้องเลือกเส้นทางแห่งกระดูก?
“แล้วเหตุใดเทพอมตะสวรรค์พิภพต้องเสริมความแข็งแกร่งให้กับวาฬมังกรฟ้าราวกับมันสามารถพังทลายลงได้ทุกเมื่อ?”
“วาฬมังกรฟ้าเป็นสัตว์อสูรแรกกําเนิดในตํานาน ความแข็งแกร่งของมันอยู่ใกล้กับจุดสูงสุดของโลกใบนี้ มีสิ่งมีชีวิตเพียงไม่กี่ชนิดที่สามารถคุกคามมัน ภัยคุกคามดังกล่าวทําให้เทพอมตะสวรรค์พิภพต้องเสริมความแข็งแกร่งให้กับถ้ําสวรรค์วาฬมังกรฟ้างั้นหรือ?”
“ค่าถามที่สําคัญที่สุดคือเหตุใดเพลิงสีดําจึงลุกไหม้ขึ้นบนกระดูกสันหลังสวรรค์?”
เห็นได้ชัดว่าสิ่งนี้ไม่ได้เกิดจากเฉินซาน
หากเฉินซานสามารถปลดปล่อยเพลิงสีดําได้ถึงระดับนี้ เขาจะยังมีชีวิตอยู่กระทั่งผนึกตัวเองได้อย่างไร?
“เพลิงสีดําของที่นี่มีความสัมพันธ์ใดกับเพลิงสีดําบนร่างของเฉินซาน?” ฟางหยวนคาดเดาต่อไป ระหว่างกระบวนการนี้เขาเห็นกระดูกละลายอยู่ท่ามกลางกองเพลิง
เปลวเพลิงสีดกัดกร่อนและทําลายกระดูกสันหลังสวรรค์อย่างต่อเนื่อง
จะเกิดสิ่งใดขึ้นหากกระดูกสันหลังสวรรค์ถูกทําลายลงอย่างสมบูรณ์?
ฟางหยวนไม่รู้แต่มันย่อมไม่ใช่สิ่งที่ดี
เขาทดลองใช้เรือรบหมื่นปียิงดาบรุ่งอรุณออกไป
ดังคาด การโจมตีของเขาราวกับการโยนก้อนหินลงไปในมหาสมุทร มันไม่สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงใดๆ
ฟางหยวนพยายามอยู่สักพักก่อนจะถูกบังคับให้หยุด กระทั่งตัวละครเช่นเขาก็ยังรู้สึกหมดสิ้นหนทาง
นี่คือความยากของภารกิจระดับสูงสุด
หลังจากไตร่ตรอง ฟางหยวนกลับเกาะเริ่มต้นก่อนจะเดินทางไปยังค่ายกลวิญญาณอมตะใต้ทะเล
เฉินซานยังมีสติอยู่ ฟางหยวนแจ้งสถานการณ์เกี่ยวกับกระดูกสันหลังสวรรค์กับเขา
“ท่านรู้สิ่งใดเกี่ยวกับมันบ้างหรือไม่?” ฟางหยวนถาม
เฉินซานส่ายศีรษะ “ข้าจาสิ่งใดเกี่ยวกับมันไม่ได้เลย แต่มันต้องเกี่ยวข้องกับเพลิงสีดําของข้าอย่างแน่นอนหากขาสามารถทําความเข้าใจเพลิงสีดํา ข้าอาจเข้าใจแผนการของเทพอมตะสวรรค์พิภพในอดีตเช่นเดียวกับความลับของถ้ําสวรรค์วาฬมังกรฟ้า”
เฉินชานหยุดก่อนกล่าวต่อ “ข้าต้องการเห็นมันด้วยตนเอง”
“ตกลง” ฟางหยวนตอบรับทันที
เพื่อทําภารกิจระดับสูงสุดให้สําเร็จ เขาต้องรวบรวมความแข็งแกร่งของผู้อมตะทั้งหมด
ในไม่ช้ากลุ่มผู้อมตะก็มารวมตัวกันที่กระดูกสันหลังสวรรค์
เมื่อเห็นทะเลเพลิงสีด่า การแสดงออกของกลุ่มผู้อมตะเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
พวกเขาพยายามก่าจัดเพลิงสีดําแต่มันแทบไม่มีประโยชน์
ท่ามกลางกลุ่มผู้อมตะ มีเพียงวิธีของเฉินซานเท่านั้นที่ส่งผลกระทบต่อเพลิงสีดา
หลังจากดําเนินการอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาหลายวัน ฮวาตี้ก็เป็นคนแรกที่ต้องยอมแพ้
ค่าใช้จ่ายของมันสูงเกินไป พลังงานอมตะของนางไม่เพียงพอ
“ภารกิจนี้ยากเกินไป ข้าคิดว่าเราควรยอมแพ้” เสี่ยวหมิงเฉินลอบพูดคุยกับฟางหยวน
แม้เขาจะไม่กล่าวสิ่งใดแต่ฟางหยวนก็คิดเช่นเดียวกัน
พวกเขาพยายามอย่างเต็มที่แล้วแต่พวกเขาสามารถกําจัดเพลิงสีดําได้เพียงบางส่วนเท่านั้น มันยังไม่ถึงหนึ่งในพันส่วน
“ข้าใช้พลังการต่อสู้ระดับแปดของข้าแล้วแต่ผลลัพธ์ของมันค่อนข้างแย่ ข้าควรทําภารกิจอื่นเพื่อรวบรวมแต้มบุญ
“ข้าเกรงว่าอาจมีเพียงผู้อมตะระดับเก้าเท่านั้นที่สามารถทําภารกิจระดับสูงสุด
ฟางหยวนตัดสินใจยอมแพ้
เฉินกงเจ๋งและเฉินซานเข้าใจสถานการณ์แต่พวกเขาไม่เต็มใจที่จะยอมแพ้ ทั้งสองคนอยู่ต่อแต่ปล่อยให้ผู้อมตะตระกูลเฉินกลับไป
เฉินซานกล่าวกับฟางหยวน “ข้าต้องการตรวจสอบเพิ่มเติม ข้าจะเดินไปตามกระดูกสันหลังสวรรค์และค้นหาเบาะแสบางอย่าง”
ฟางหยวนพยักหน้าก่อนจะจากไป
ในไม่ช้สถานที่แห่งนี้ก็เหลือเพียงเฉินกงเจิ้งและเฉินซาน
“ไปเดินเล่นกับข้า”เฉินซานถอนหายใจ
เฉินกงเจิ้งติดตามไปและเริ่มถาม “บรรพชน ท่านจงใจแยกตัวจากคนอื่นๆ ท่านจําสิ่งใดได้งั้นหรือ?”
เฉินซานส่ายศีรษะ “ข้ากําลังวางแผนที่จะมอบมรดกบนเส้นทางมนุษย์ของข้าให้เจ้า”
เฉินกงเจิ้งตกใจ เขารู้สึกสังหรณ์ร้าย “บรรพชน ท่านไม่จําเป็นต้องรีบร้อน ข้าเชื่อว่าเราจะพบวิธีแก้ปัญหา”
เฉินซานเผยรอยยิ้มบาง “ข้าไม่ได้หมดหวังแต่ข้าต้องคิดถึงตระกูลของเรา มรดกบนเส้นทางมนุษย์ของข้าจะเป็นประโยชน์ต่อตระกูล มันยังถือเป็นการชําระหนี้ที่ข้าเคยติดค้างตระกูลเอาไว้”
เฉินกงเจิ้งเงียบ
เฉินซานกล่าวต่อ “ข้าไม่สามารถส่งมอบมรดกของข้าให้เจ้าที่ค่ายกลวิญญาณอมตะใต้ทะเลเพราะค่ายกลเป็นของฟางหยวน แต่ที่นี่น่าจะปลอดภัย”
“ข้าจะไม่ส่งมอบวิญญาณอมตะบนเส้นทางมนุษย์ให้เจ้าเพราะข้ายังต้องใช้งานพวกมัน สิ่งที่ข้าจะส่งต่อคือประสบการณ์ในการบ่มเพาะและท่าไม้ตายอมตะรวมถึงเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณอมตะที่ข้าสร้างขึ้น”
เฉินกงเจ๋งกล่าวอย่างจริงจัง “ข้าจะไม่ทําลายความคาดหวังของบรรพชน
เฉินซานเผยรอยยิ้มขมขึ้น “ความทรงจําของข้าค่อนข้างกระจัดกระจาย สิ่งที่ข้าจําได้มีจํากัดแรกเริ่มข้าเคยบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งเสียง แต่มันเกิดอุบัติเหตุบางอย่าง ข้าหลอมรวมวิญญาณอมตะรักษาอาการบาดเจ็บขึ้นมาโดยไม่คาดคิดและมองเห็นความหวังบนเส้นทางมนุษย์
“เพื่อเปลี่ยนมาบ่มเพาะบนเส้นทางมนุษย์ ข้าลอบทําหลายสิ่งอย่างลับๆ พวกมันล้วนเป็นเรื่องที่ผิดกฎของฝ่ายธรรมะ ตระกูลของเราปกป้องข้าและปกปิดเหตุการณ์เหล่านั้น แต่สุดท้ายข้าก็ไม่สามารถซ่อนมันจากเทพอมตะสวรรค์พิภพ”
“เมื่อเทพอมตะสวรรค์พิภพพบข้า ข้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา ข้าไม่สามารถแม้แต่จะโจมตีเขา แต่เทพอมตะสวรรค์พิภพไม่ได้ฆ่าข้า เขาไม่ได้กักขังขา แต่เขาให้ข้าช่วยเหลือผู้คนที่ได้รับบาดเจ็บเพื่อเป็นการชดใช้ความผิดของตนเอง เขาสัญญากับข้าว่าหากข้าสามารถคว้าโอกาสนี้ข้าอาจบรรลุเป้าหมายและสามารถเปลี่ยนเส้นทางการบ่มเพาะได้สําเร็จ”
“หลังจากนั้นข้าจึงได้รับโอกาสให้เข้ามาที่นี่และฝึกฝนอยู่ในค่ายกลวิญญาณอมตะใต้ทะเล”
“ความทรงจําในช่วงเวลานี้ค่อนข้างพร่าเลือน ข้าจําได้เพียงว่าข้าได้รับความช่วยเหลือจากค่ายกลวิญญาณอมตะใต้ทะเลและมีความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง
“ด้วยการใช้วิญญาณอมตะรักษาอาการบาดเจ็บเป็นแกนกลางข้าสามารถสร้างท่าไม้ตายอมตะช่วยชีวิตบาดเจ็บเล็กน้อยบาดเจ็บปานกลางบาดเจ็บสาหัสและท่าไม้ตายอื่นๆ”
“เมื่อเวลาผ่านไปข้าสามารถสร้างท่าไม้ตายอมตะบาดแผลนับไม่ถ้วนและนําไปสู่การคิดค้นเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณอมตะบาดแผล”
“ข้าหลอมรวมมันและเปลี่ยนมันเป็นวิญญาณหลักของข้า ด้วยวิญญาณอมตะดวงนี้ ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋ที่เป็นอันตรายต่อข้าจะถูกเปลี่ยนเป็นร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋บาดแผล
“ด้วยร่องรอยของพลังงานแห่งเบาดแผลเหล่านี้ ขาสามารถใช้มันร่วมกับท่าไม้ตายอมตะบาดเจ็บร่วมกันในการต่อสู้ ฟางหยวนถูกบังคับให้ล่าถอยเพราะข้าใช้ท่าไม้ตายอมตะบาดเจ็บร่วมกันและทําให้เขาได้รับบาดเจ็บจากร่องรอยของพลังงานแห่งเบาดแผล”
“ร่องรอยของพลังงานแห่งเดบาดแผลเป็นแก่นแท้ในมรดกของข้าขณะที่ท่าไม้ตายอมตะบาดเจ็บร่วมกันเป็นวิธีการโจมตีหลักของข้า”
มรดกที่แท้จริงของเฉินซานลึกซึ้งมาก มันทําให้เฉินกงเจิ้งรู้สึกสั่นสะท้านไปทั้งร่างกายและจิตใจ
“บรรพชน มรดกที่แท้จริงของท่านมีโอกาสที่สดใสในอนาคต บางทีมันอาจสามารถสร้างเส้นทางย่อยแตกออกจากเส้นทางมนุษย์” เฉินกงเจิ้งยกย่อง
“ฮ่าฮ่าฮ่า” เฉินซานหัวเราะและตบไหล่เฉินกงเจิ้ง “ข้าเกรงว่าข้าจะไม่สามารถ หากเจ้าสนใจเจ้าสามารถเปลี่ยนมาบ่มเพาะบนเส้นทางมนุษย์ หากเจ้าไม่ต้องการทําเช่นนั้นเพียงเลือกผู้สืบทอดที่เหมาะสม
ภาคใต้
ถ้ําสวรรค์คุณธรรม
ผู้อมตะหญิงในชุดคลุมสีม่วงเดินลงมาจากภูเขาทีละขั้น
นางคือผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาที่ยิ่งใหญ่ของวังสวรรค์ เทพธิดาจื่อเว่ย
อย่างไรก็ตามตอนนี้ร่างกายของเทพธิดาจื่อเว่ยกลับเต็มไปด้วยเหงื่อ ใบหน้าของนางดูซีดขาวแต่ดวงตาของนางยังกระจ่างชัด
ถั่วเว่ยหยินรออยู่ที่เชิงเขา เมื่อเขาเห็นเทพธิดาจอเว่ย เขาจึงเปิดปากกล่าว “ท่านหญิงจื่อเว่ยดูเหมือนท่านจะบรรลุเป้าหมายในการเดินทางมาที่นี่แล้ว”
เทพธิดาจ๋อเว่ยยิ้ม “การปีนเขาครั้งนี้มีประโยชน์อย่างมากต่อข้า ข้าได้รับวิญญาณความเมตตาแล้วขอบคุณสําหรับความเอื้ออาทร
ถั่วเว่ยหยินยิ้ม “ท่านหญิงจอเว่ย ข้าไม่ได้ช่วยท่าน แต่นี่จะเป็นประโยชน์ต่อโลก มันเป็นการรักษาความสงบสุขของทั้งห้าภูมิภาค”
“อนิจจา โลกในปัจจุบันปีศาจพุ่งทะยาน ยังไม่ต้องกล่าวถึงฟางหยวน เร็วๆนี้ที่ทะเลทรายตะวันตกปีศาจอมตะระดับแปดบนเส้นทางแห่งเลือดปรากฏตัวขึ้นและสร้างความเสียหายไปทั่วข้าหวังเพียงว่าวังสวรรค์ที่ทรงคุณธรรมจะนําสวรรค์ที่แท้จริงมาสู่โลกใบนี้และหยุดหายนะทั้งหมด”
เทพธิดาจ๋อเว่ยถอนหายใจ “ข้าเข้าใจความหมายของท่าน ในอนาคตวังสวรรค์จะตอบแทนท่านอย่างเหมาะสมหลังจากเกิดการเปลี่ยนแปลงในห้าภูมิภาค ลาก่อน”
“ลาก่อน” ลั่วเว่ยหยินหลีกทางให้นางเดินจากไป