Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน - บทที่ 1956 ผู้ชายต้องเท่
ฟางหยวนต่อสู้อยู่ในแนวหน้ากับราชันมังกรและคนอื่นๆ แต่เขายังเยือกเย็นและคิดถึงสถานการณ์โดยรวม
ตั้งแต่การจัดเตรียมของเทพปีศาจคลั่งทํางาน ฟางหยวนก็ได้ยินเสียงลึกลับดังขึ้นในหู
“ระวังให้ดี เด็กน้อย สัตว์ประหลาดสามตัวนี้เกิดจากท่าไม้ตายอมตะสามท่าของข้า พวกมันถูกสร้างขึ้นหลังจากข้าศึกษาการไล่ล่าอิสรภาพของมนุษย์คนแรก พวกมันถือกําเนิดขึ้นเพื่อแสวงหาอิสรภาพ”
“ท่าแรกคือเปลี่ยนเป็นวิหคเหลืองสายฟ้า มันใช่วิญญาณทัศนคติเป็นแกนกลาง เจ้าเคยอิจฉานกและอยากบินบนท้องฟ้าหรือไม่? มนุษย์ถูกจํากัดตั้งแต่เกิด เราไม่มีปีก ไม่จําเป็นต้องพูดถึงการบิน แต่สิ่งที่โหดร้ายกว่านั้นคือนกที่ไม่มีปีก พวกมันเคยสัมผัสถึงความรู้สึกที่ยอดเยี่ยมของการบินมาแล้ว แต่พวกมันสูญเสียปีกไป ไม่ว่าเจ้าจะเป็นผู้ใด อยู่ที่ไหน เจ้าจะเผชิญหน้ากับข้อจํากัดต่างๆเสมอ หากเราไม่สามารถเปลี่ยนแปลง ไม่สามารถหลุดพ้นจากสิ่งเหล่านี้ เราจะเป็นเหมือนนกไร้ปีกที่ไล่ล่าอิสรภาพแต่จับไม่ได้ แล้วเราควรทําอย่างไร?”
“นี่คือแนวคิดหลักของท่าไม้ตายนี้ จําไว้ เด็กน้อย แม้เราจะเผชิญหน้ากับข้อจํากัดที่เข้มงวดที่สุดและไม่สามารถไล่ล่าอิสรภาพ แต่เรายังมีอิสระประการหนึ่ง เราสามารถเลือกได้อย่างอิสระว่า เราจะใช้ทัศนคติแบบใดเผชิญหน้ากับความจริงอันโหดร้าย จําไว้ ทัศนคติของเจ้าสําคัญที่สุด”
“ท่าที่สองคือเปลี่ยนเป็นเสื้อดาวนักล่าสีฟ้ามันใช้วิญญาณกลายพันธุ์เป็นแกนกลาง อิสรภาพไม่ได้เลวร้ายแต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่ดีเช่นกัน มันสามารถทําให้เจ้าดีขึ้นและสามารถทําให้เจ้าแย่ลง เช่นเดียวกับผลกระทบของวิญญาณกลายพันธุ์ เสือดาวที่ไร้ฟันหมายความว่ามันจะไม่สามารถกินอาหารงั้นหรือ? แม้มันไม่มีอิสระที่จะกัด แต่มันยังสามารถกลืน การกินอาหารเข้าไปโดยไม่ผ่านการเคี้ยวอาจส่งผลเสีย แต่มันอาจทําให้ระบบย่อยอาหารพัฒนาและแข็งแกร่งขึ้น”
“ท่าที่สามคือเปลี่ยนเป็นปลามรกตลมหายใจ มันใช่วิญญาณปรับตัวเป็นแกนกลาง เมื่อเทียบกับมัน โลกน่าเกลียดกว่า เราถูกทําร้ายโดยข้อเท็จจริงที่โหดร้าย เราถูกทรมานด้วยความเจ็บปวด และสิ้นหวัง เมื่อเราเดินไปตามเส้นทางสายนั้น ร่างกายของเราจะเต็มไปด้วยบาดแผลโดยไม่มีที่ให้หลบภัย มนุษย์เปลี่ยน โลกก็เปลี่ยน หากเราไม่สามารถตามทันการเปลี่ยนแปลงของเวลา เราจะถูกทิ้งไว้ข้างหลัง ดังนั้นการปรับตัวจึงเป็นสิ่งสําคัญ หากไม่มีเหงือกก็ต้องใช้ปากหายใจ หากไม่มีปากก็ต้องสร้างระบบทางเดินหายใจหมุนเวียนอยู่ภายใน แม้มันจะหมายความว่าต้องเดินอย่างช้าๆหรือต่อให้เจ้ากลายเป็นคนไร้ค่าในที่สุดก็ตาม”
เสียงที่ทรงพลังอธิบายที่มาและรายละเอียดของสัตว์ประหลาดทั้งสาม สัตว์ประหลาดเหล่านี้ ถูกสร้างมาจากท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงของเทพปีศาจคลั่ง
หลังจากฟางหยวนกระตุ้นการจัดเตรียมของเทพปีศาจคลั่ง เสียงนี้ก็ดังขึ้นพร้อมกันและทําให้ฟางหยวนรู้สึกประหลาดใจ
“นี่คือเสียงของเทพปีศาจคลั่งงั้นหรือ?” ขณะที่ฟางหยวนกําลังคาดเดา เสียงก็เปลี่ยนไป
จากเสียงที่หนักแน่นทรงพลังเปลี่ยนเป็นเสียงที่มีชีวิตชีวาและเจ้าเล่ห์
“เจ้าพูดมากไปแล้ว ตาข้าบ้าง ตาข้าบ้าง!”
“ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้าหนู ไม่ว่าเจ้าจะเป็นผู้ใด เจ้าก็ต้องเป็นปีศาจต่างโลกอย่างแน่นอน เพราะมีเพียงปีศาจต่างโลกเท่านั้นที่มีความหวังที่จะทําลายวิญญาณชะตากรรม ดังนั้นเมื่อข้าทิ้งมรดกที่แท้จริงนี้ไว้เบื้องหลัง ข้าจึงสร้างมันขึ้นมาเพื่อปีศาจต่างโลกโดยเฉพาะ
“แต่นอกจากนี้ เจ้ายังต้องได้รับวิญญาณหนึ่งในสามดวง วิญญาณทัศนคติ วิญญาณกลายพันธุ์ และวิญญาณปรับตัว วิญญาณทั้งสามดวงสามารถกระตุ้นท่าไม้ตายอมตะของข้า พวกมันจะเป็นตัวช่วยที่แข็งแกร่งที่สุดของเจ้า”
“ใช้มันตามที่เจ้าต้องการ ปล้น ฆ่า หรือช่วยเหลือผู้คนตามที่เจ้าปรารถนา แน่นอนว่าการใช้ที่ดีที่สุดคือการทําลายวิญญาณชะตากรรมเพราะการได้เห็นมันทําให้ข้ารู้สึกรําคาญจริงๆ ฮ่าฮ่าฮ่า”
“แน่นอน หากเจ้าสามารถกระตุ้นท่าไม้ตายอมตะทั้งสามของข้า เจ้าจะสามารถรวมพวกมันเป็นท่าเดียว! นี่คือท่าไม้ตายอมตะที่ทรงพลังที่สุดที่ข้าทุ่มเทความพยายามสร้างขึ้น”
“เมื่อเจ้าเข้าใจท่าไม้ตายนี้ เจ้าสามารถใช้ร่างมนุษย์ของเจ้าเพื่อครอบครองพลังอํานาจของมัน เจ้าจะเป็นเหมือนนกไร้ปีกที่เคลื่อนไหวรวดเร็วราวกับสายฟ้า เจ้าจะเป็นเหมือนปลาไร้เหงือกที่สามารถฟื้นฟูความแข็งแกร่ง เจ้าจะเป็นเหมือนเสือดาวไร้พื้นที่กินได้ทุกสิ่งและเก็บมันไว้ในท้องของเจ้า”
“เจ้าเข้าใจหรือไม่? มันน่าทึ่งมากใช่หรือไม่? ฮ่าฮ่าฮ่า มาเถอะ ก้มศีรษะลงต่อหน้าข้า!”
เสียงร่าเริงกล่าวมาถึงตรงนี้ก่อนจะถูกเสียงเคร่งขรึมก่อนหน้าขับไล่และเข้าแทนที่
“การรวมตัวกันของสามท่าไม้ตายนี้เรียกว่าการเปลี่ยนแปลงเสรี มันใช้วิญญาณทัศนคติ วิญญาณกลายพันธุ์ และวิญญาณปรับตัวเป็นแกนกลาง มันมีขั้นตอนที่ซับซ้อนและจะส่งผลกระทบต่อร่างกายของเจ้า หากเจ้าไม่ประสบความสําเร็จในการกระตุ้นใช้งาน เจ้าจะได้รับบาดเจ็บสาหัสหรืออาจเสียชีวิต จําไว้”
เสียงเคร่งขรึมกล่าวอย่างจริงจังแต่ในไม่ช้าเสียงร่าเริงและไร้ยางอายก่อนหน้าก็เข้าแทนที่อีกครั้ง
“ได้โปรด สิ่งที่เจ้ากล่าวไม่สําคัญเลย! เด็กน้อย ให้ข้าบอกจุดสําคัญให้เจ้าฟัง เมื่อเจ้าสามารถกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายนี้ เจ้าจะสามารถกวาดล้างสัตว์อสูรแรกกําเนิดและพืชอสูรแรกกําเนิดทั้งหมดบนโลกใบนี้ ความสามารถของสัตว์ประหลาดทั้งสามจะกลายเป็นความสามารถโดดกําเนิดของเจ้า เจ้าจะกลายเป็นสัตว์ร้ายร่างมนุษย์ที่สามารถอาละวาดไปทั่วโลก! เจ้าจะได้รับพลังการต่อสู้กึ่งเทพทันที!”
“แน่นอนหากเจ้าพบเทพที่แท้จริงเช่นข้า เจ้ายังต้องคุกเข่าลงในที่สุด”
“แต่นี่ไม่ใช่ประเด็นสําคัญ มีจุดสําคัญที่สุดจุดหนึ่งที่เจ้าต้องจําไว้”
ฟางหยวนตั้งใจฟัง
เสียงร่าเริงกล่าวต่อ “ส่วนที่สําคัญที่สุดคือเมื่อเจ้าใช้ท่าไม้ตายนี้ สัตว์ประหลาดทั้งสามจะรวมตัวกันเป็นผ้าคลุมเปื้อนเลือดแขวนอยู่บนแผ่นหลังของเจ้า ผ้าคลุมนี้…เจ๋งมาก! เด็กน้อย เจ้าต้องลอง มันน่าทิ้งมาก เจ้าจะไม่เสียใจอย่างแน่นอน!”
ฟางหยวนรู้สึกพูดไม่ออก
ด้วยการชี้แนะของเสียงลึกลับ ข้อมูลจํานวนมากพุ่งเข้าสู่จิตใจของฟางหยวน และทําให้เขาเข้าใจท่าไม้ตายทั้งหมดอย่างชัดเจน
อย่างไรก็ตามฟางหยวนรู้สึกว่ามันไม่ซับซ้อนเลย หลังจากทั้งหมดเทพปีศาจคลั่งอยู่ในยุคโบราณ ท่าไม้ตายในยุคนั้นค่อนข้างเรียบง่าย มันไม่ซับซ้อนและละเอียดอ่อนเหมือนยุคปัจจุบัน
โดยเฉพาะเมื่อฟางหยวนเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา
“ดังนั้นข้าควรรวมพวกมัน… ความคิดของฟางหยวนสิ้นสุดลง เขาล่าถอยและกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะทันที
สัตว์ประหลาดทั้งสามที่ต่อสู้อยู่ในแนวหน้ากลายเป็นดวงแสงสามดวง สีเหลือง สีฟ้า และสีเขียวพุ่งเข้าไปในร่างกายของฟางหยวน
การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันทําให้ทุกคนไม่สามารถตอบสนองได้ทันเวลา
แสงสามสีปกคลุมร่างกายของฟางหยวนก่อนจะเปลี่ยนเป็นแสงสีแดงเลือด
แสงสีแดงเลือกควบแน่นและกลายเป็นผ้าคลุมเปื้อนเลือดขนาดใหญ่อยู่บนแผ่นหลังของฟางหยวน
มันสะบัดตัวขึ้นสู่อากาศราวกับธงสงครามและส่งเสียงดังเข้าหูของทุกคน
“เกิดสิ่งใดขึ้น?”
“ดเหมือนฟางหยวนจะได้รับมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่ง!?”
ทั้งมิตรและศัตรูต่างตกตะลึง
เมื่อเห็นผ้าคลุมผืนนี้ ภายในศาลาแห่งความโศกเศร้า เทพอมตะกลุ่มดาวก็หวนนึกถึงอดีต
หนึ่งล้านปีก่อน ชายผู้หนึ่งบุกเข้ามาในวังสวรรค์
ทุกย่างก้าวของเขาทําให้แผ่นดินและท้องฟ้าของวังสวรรค์สันสะเทือน
เขาสวมชุดหนังสัตว์ ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยมัดกล้ามและรอยสักรูปสัตว์อสูรและพืชอสูรทุกชนิด
กลิ่นอายของเขาสูงส่งราวกับภูเขาและกว้างใหญ่ดั่งมหาสมุทร ผู้อมตะของวังสวรรค์รู้สึกหายใจไม่ออกเพียงมองไปที่เขา
เขาสวมผ้าคลุมหนังสัตว์ผืนใหญ่ที่ทิ้งตัวยาวลงบนพื้น
นี่ก็คือเทพปีศาจคลั่ง!
ทุกครั้งที่เทพปีศาจคลั่งสังหารผู้อมตะระดับแปด เขาจะถลกผิวหนังของพวกเขาออกมาและเย็บเข้ากับผ้าคลุมของเขา นี่เป็นธรรมเนียมของเผ่ามนุษย์อสูร แต่เทพปีศาจคลั่งเรียนรู้และเลียนแบบมันมาตั้งแต่ยังเด็ก
ตาต่อตา ฟันต่อฟัน!
ผ่านไปครึ่งทาง เทพปีศาจคลั่งหยุดอยู่ด้านหน้าหอเย็บปักถักร้อย
เจตจํานงของเทพอมตะกลุ่มดาวปรากฏขึ้น “ปีศาจคลัง เจ้าไม่สามารถทําลายวิญญาณชะตากรรม”
“ข้ารู้เรื่องนี้” เทพปีศาจคลั่งหัวเราะ
“แล้วเจ้ามาเพื่อสิ่งใด?”
“ต่อสู้!” เทพปีศาจคลั่งเงยหน้าขึ้นและกล่าวด้วยน้ําเสียงเย้ยหยัน
เจตจํานงของเทพอมตะกลุ่มดาว “..
เทพปีศาจคลังยังหัวเราะต่อไป “หลังจากกลายเป็นเทพ ข้ารู้สึกโดดเดี่ยวอย่างแรง! ไม่มีผู้ใดสามารถต่อสู้กับข้า ข้าสังหารผู้อมตะระดับแปดเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์เกือบทั้งหมดและสูญเสีย ความสนใจที่จะค้นหาพวกเขา เมื่อกวาดตามองทั้งห้าภูมิภาค มีเพียงวังสวรรค์เท่านั้นที่น่าสนใจ เพื่อปกป้องวิญญาณชะตากรรม พวกเจ้าต้องทิ้งวิธีการมากมายเอาไว้ กระทั่งไร้ขอบเขตก็ถูกหยุดโดยเจ้า มา ใช้วิธีการทั้งหมดของเจ้า มาต่อสู้กัน!”
เจตจํานงของเทพอมตะกลุ่มดาวเงียบไปชั่วครู่ก่อนจะเข้าสู่หอเย็บปักถักร้อย “คฤหาสน์วิญญาณอมตะที่อยู่ตรงหน้าเจ้าเป็นหนึ่งในสิ่งที่ร่างหลักของข้าทิ้งไว้เบื้องหลัง”
ดวงตาของเทพปีศาจคลั่งส่องประกายขึ้น “เช่นนั้นข้าก็จะโจมตีมัน!”
การต่อสู้จบลงอย่างรวดเร็ว
เทพปีศาจคลั่งเลียริมฝีปากและพึมพําอย่างไม่พอใจ “อันใด? เพียงสองสามกระบวนท่า หอเย็บปักถักร้อยของเจ้าก็พังทลายแล้ว เอาล่ะ อย่ากังวล ข้าจะไม่ทําลายหอคอยดวงตาสวรรค์ของเจ้า หลังจากทั้งหมดเราต่างเป็นมนุษย์เหมือนกัน”
“ข้าจะทิ้งแผ่นหลังเปื้อนเลือดสามผืนไว้ที่นี่ มันคือมรดกของข้า!”
“ไม่ว่าจะเป็นคนของวังสวรรค์หรือผู้ใดก็ตาม หากพวกเขาสามารถรับสืบทอดมรดกของข้า มันจะตกเป็นของคนผู้นั้น”
“ถือว่ามันเป็นความทรงจําในการมาเยือนวังสวรรค์ของข้า อย่ารื้อถอนมัน ฮ่าฮ่าฮ่า”
“ข้าจะตั้งตารอ ข้าสงสัยว่าผู้ใดจะได้รับมรดกของข้า ข้าอยากเห็นว่าพวกเขาจะโดนเขย่าด้วยพลังอันยิ่งใหญ่ของข้าหรือจะตกตะลึงกับความคิดที่น่าเหลือเชื่อของข้า”
“ฮ่าฮ่าฮ่า มันจะดีที่สุดหากคนผู้นี้สามารถทําลายวิญญาณชะตากรรม หากเขาไม่สามารถทําได้ ข้าจะไม่พอใจจริงๆ”
เจตจํานงของเทพอมตะกลุ่มดาวเงียบไปชั่วครู่ก่อนจะเปิดปากกล่าว “ดังนั้นความตั้งใจของเจ้าก็คือการทําลายวิญญาณชะตากรรม”
เทพปีศาจคลั่งยักไหล่ “ไม่จําเป็นต้องพูดมาก ข้าจะทิ้งแผ่นหนังเปื้อนเลือดไว้ที่นี่ หากเจ้ามีทักษะบางอย่างก็ทําลายมันซะ! หากเจ้าเคลื่อนไหวโดยประมาท มันจะกลายเป็นการทําลายวังสวรรค์ของเจ้า เว้นเพียงบางคนจะมีความสําเร็จบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงเทียบเท่ากับข้า มิฉะนั้นผู้ใดก็ตามที่พยายามรื้อถอนมันจะไม่จบลงอย่างปลอดภัย”
เจตจํานงของเทพอมตะกลุ่มดาวกล่าว “มีวิธีที่ดีกว่าสําหรับเจ้าในการทําลายวิญญาณชะตากรรม เป็นเทพอมตะของวังสวรรค์และอยู่กับวิญญาณชะตากรรมตลอดเวลา ข้าคิดว่าด้วยภูมิปัญญาของเจ้า เจ้าจะหาวิธีทําลายวิญญาณชะตากรรมได้อย่างแน่นอน”
เทพปีศาจคลั่งส่ายศีรษะทันที “ข้าไม่อยากทํา!”
เจตจํานงของเทพอมตะกลุ่มขมวดคิว “เพราะเหตุใด?
“เพราะชื่อเทพปีศาจฟังดูเท่กว่าเทพอมตะมาก!”
เจตจํานงของเทพอมตะกลุ่มดาว “…”
นี่คือธรรมชาติที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่ง
เทพปีศาจคลั่งมองตัวเองก่อนโบกมือ “ดูสิ!”
“ดูต้นขาของข้า มันแข็งมาก ดูแขนของข้า กล้ามเนื้อกระชับมาก”
“นี่คือความงาม นี่คือความเท่!”
“ผ้าคลุมผืนนี้เลือดสาดมาก มันถูกสร้างขึ้นจากหนังสัตว์รวมถึงผิวหนังของมนุษย์กลายพันธุ์ และมนุษยที่แท้จริง มันน่าเกรงขามมาก!”
เจตจํานงของเทพอมตะกลุ่มดาวตกตะลึงและไม่สามารถคิดสิ่งใดไปชั่วขณะ เป็นเพียงหลังจากนั้นที่นางสามารถตอบสนอง “เจ้าสร้างผ้าคลุมผืนนี้ขึ้นมาไม่ใช่เพื่อแก้แค้นมนุษย์กลายพันธุ์งั้นหรือ?”
“นั่นเป็นเพียงเหตุผลรอง แต่สิ่งสําคัญที่สุดคือ..มันเท่!”
เจตจํานงของเทพอมตะกลุ่มดาวพูดไม่ออก
“โอ้ ถูกต้อง แผ่นหนังเปื้อนเลือดทั้งสามชิ้นนี้สามารถรวมกันเป็นผ้าคลุมเปื้อนเลือด มันคล้ายกับผ้าคลุมที่ข้าใช้อยู่ตอนนี้ ในอนาคตหากรุ่นน้องบางคนสวมมัน เขาจะเท่สุดๆ!”
“ผู้ชาย!” เทพปีศาจคลั่งยกแขนขึ้นและกําหมัดแน่น เขาชมตัวเองขณะที่มัดกล้ามเนื้อบนต้นแขนโป่งพองขึ้น “ต้องเท่แบบนี้!”