Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน - บทที่ 1958 เจตจํานงของมนุษย์ทั้งหมด
เมื่อเจตจํานงของมนุษย์ได้รับการปลดปล่อย ผู้อมตะทั้งสองฝ่ายได้ยินเสียงกระซิบจากผู้คนจํานวนนับไม่ถ้วน
“พวกเจ้าต้องเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ลูกๆของข้า”
“คู่รักที่สามารถแต่งงานเป็นสิ่งที่ดีจริงๆ”
“ขอให้มีความสุขตลอดไป ข้าขอเป็นสุนัขที่อาศัยอยู่อย่างสงบดีกว่ามนุษย์ที่อยู่อย่างยากล่าบาก!”
“สังหารคนเถื่อนเหล่านี้ พิพากษาปีศาจที่ชั่วร้าย!”
“ฝ่ายธรรมะต้องได้รับชัยชนะ!”
“ข้าเชื่อในความยุติธรรม มันอาจมาช้า แต่มันจะมาอย่างแน่นอน”
“วังสวรรค์ต้องชนะ ข้าไม่สามารถทําสิ่งใดนอกจากอธิษฐาน
ขวัญกําลังใจของผู้อมตะวังสวรรค์พุ่งสูงขึ้น แต่ในไม่ช้าความสงสัยกลับปรากฏขึ้นบนใบหน้า
ของพวกเขา
ศัตรูของพวกเขาได้รับการขยายพลังอานาจเช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้นดูเหมือนผู้อมตะของสามภูมิภาคจะได้รับการขยายพลังอํานาจมากกว่าพวกเขา!
“ฆ่าพวกหน้าซื่อใจคดเหล่านั้น!”
“ทําลายวังสวรรค์! มันอยู่ในหอคอยงาช้าง ผู้ใดจะรู้ว่ามันฉกฉวยผลประโยชน์จากคนภาคกลางไปมากเท่าใด!”
“ข้านับถืออุดมการณ์ของวังสวรรค์ แต่ข้าไม่สามารถเข้าร่วมแม้ข้าจะเป็นผู้อมตะของภาคกลาง ทรัพยากรส่วนใหญ่ของภาคกลางถูกฉกชิงและครอบครองโดยวังสวรรค์ ข้ายอมรับว่าข้าเห็นแก่ตัว แต่ข้าก็ต้องการทรัพยากรเช่นกัน!”
“ดึงวังสวรรค์ลงมา! ยิ่งวังสวรรค์ได้รับความเสียหายมากเท่าใด แรงกดดันของอีกสี่ภูมิภาคก็ยิ่งลดน้อยลงเท่านั้น”
“วังสวรรค์ครอบครองบัลลังก์อันดับหนึ่งมานานเกินไปแล้ว มันต้องถูกโค่นล้ม!”
ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันอีกครั้ง ผู้อมตะของวังสวรรค์รู้สึกประหลาดใจที่พบว่าท่าไม้ตายอมตะ วีรบุรุษท่ามกลางผู้คนทําให้ศัตรูแข็งแกร่งกว่าพวกเขา
เพราะเหตุใด?
วีรบุรุษท่ามกลางผู้คนเป็นวิธีการของวังสวรรค์
เหตุใดมันถึงช่วยศัตรูมากกว่า?
ผู้อมตะของวังสวรรค์รู้สึกงุนงง
วูหยงนําบ้านไม้ไผ่สายลมแสดงศักดิ์ศรีและความกล้าหาญของตระกูลวแห่งภาคใต้ออกมาอีกครั้ง
ใบหน้าของเขาเคร่งขรึม ดวงตาส่องประกายเย็นเยียบ ความมุ่งมั่นที่จะทําลายวิญญาณชะตากรรมรุนแรงยิ่งขึ้น
ในอดีต…
เขายืนอยู่หน้าโลงศพของมารดาอย่างเงียบๆ
นอกจากความเสียใจ เขายังรู้สึกโล่งใจและมีความสุข
“นี่หมายความว่าข้าอกตัญญงั้นหรือ?” วูหยงถามตัวเองและค่อยๆเข้าใจมันอย่างถ่องแท้ “ไม่ ข้ากตัญญและเคารพท่านแม่ แต่นางแข็งแกร่งเกินไป ข้าทําได้เพียงซ่อนตัวอยู่ใต้เงาของนาง ตอนนี้นางจากไปแล้ว ข้าจึงสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ
ปัจจุบัน…
วหยงปลดปล่อยความเร้าร้อนที่ระอุอยู่ในหัวใจออกมา
“ทําลายวิญญาณชะตากรรม!
“ข้าจะไว้อาลัยแก่เจ้าเหมือนที่ข้าไว้อาลัยแก่ท่านแม่!”
“เพียงเมื่อเจ้าจากไปเท่านั้น ข้าจึงจะได้รับอิสรภาพและสามารถไล่ล่าความทะเยอทะยานของข้า!”
อีกด้านหนึ่ง แท่นบูชาแห่งโชคกําลังกําหราบหอพิพากษาปีศาจ
ปิงชายฉวนไม่เคยรู้สึกทรงพลังเช่นนี้มาก่อน
“ฉินติงหลิง เจ้ายังไม่เข้าใจอกงั้นหรือ? หลังจากทั้งหมดเจ้าเป็นคนที่นอนอยู่ข้างกายเทพอมตะตะวันเดือด!”
“ชะตากรรมถูกกําหนดไว้แล้วแต่โชคสามารถเปลี่ยนแปลง เจ้าคิดว่าเหตุใดเทพอมตะตะวันเดือดจึงสร้างเส้นทางแห่งโชคขึ้นมา?”
“จากมุมมองหนึ่ง นี่คือความปรารถนาของสิ่งมีชีวิตทั้งหมด ดังนั้นเส้นทางแห่งโชคจึงปรากฏขึ้น! หากชีวิตของเจ้าถูกกําหนดไว้แล้วโดยไม่สามารถแก้ไข ชีวิตจะมีความหมายใดนอกจากเป็นหุ่นเชิดที่ไร้ความรู้สึก!”
“นี่ไม่ใช่การคาดเดาของข้าแต่เป็นคํากล่าวของเทพอตะตะวันเดือด!”
“ข้าจะสืบสานเจตนารมณ์ของเขา หลังจากสามแสนปี ข้ายังคงเดิมพันชีวิตเพื่อมัน ข้าคือชายชราที่เต็มใจต่อสู้เพื่อความทะเยอทะยานดังกล่าว!”
ท่าไม้ตายอมตะความขัดแย้งครั้งใหญ่!
เฉินกงเจิ้งโจมตีฟงจิวเก้อ
ภายใต้การโจมตีของเฉินกงเจิ้ง ฟงจิวเก้อต้องล่าถอยตลอดเวลา แต่เขายังสามารถรักษาเพลงพรหมลิขิตเอาไว้
เฉินกงเจ๋งคราม “ฟงจิวเก้อ เราต่างเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งเสียง แม้เจ้าจะมองไม่เห็น แต่เจ้าจะไม่ได้ยินได้อย่างไร?”
“ฟัง!”
“นี่คือเสียงของผู้คนทั้งโลก!”
“พวกเขาไม่ต้องการถูกล่ามด้วยโซ่ตรวนแห่งโชคชะตาอีกต่อไป พวกเขาต้องการอิสรภาพ!”
เฉินกงเจิ้งตะโกนด้วยความรู้สึกที่เอ่อล้น “ข้าไม่เคยรู้สึกเช่นนี้มาก่อน ราวกับมีผู้คนจํานวนนับไม่ถ้วนยืนอยู่ข้างหลังข้า คอยให้กําลังใจข้า บางทีนี่อาจเป็นสิ่งที่ผู้อมตะของวังสวรรค์รู้สึกเมื่อพวกเขาต่อสู้เพื่อมนุษยชาติในอดีต อย่างไรก็ตามปัจจุบันทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว!”
“การมาที่นี่เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องจริงๆ!”
“บึ้ม บึ้ม บึ้ม บึ้ม!”
การต่อสู้ระยะประชิดระหว่างฟางหยวนกับราชันมังกรยังดําเนินต่อไป
หลังจากชั่วคราชันมังกรก็ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
แม้ราชันมังกรจะกัดฟันอดทนแต่มันก็ยังไร้ประโยชน์ ตอนนี้เขาเริ่มรู้สึกถึงความอ่อนแอและหมดหนทาง แม้เขาจะเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นก็ตาม
ท่ามกลางผู้อมตะทั้งหมด วีรบุรุษท่ามกลางผู้คนขยายพลังอํานาจให้กับฟางหยวนมากที่สุด
“เพราะเหตุใด? เพราะเหตุใด? เห็นได้ชัดว่าเจ้าเป็นปีศาจที่นําภัยพิบัติมาสู่โลกใบนี้ เจ้าเป็นปีศาจที่ชั่วร้าย! เหตุใดเจ้าจึงได้รับความช่วยเหลือที่ยิ่งใหญ่ที่สุดจากเจตจํานงของมนุษย์?” ราชันมังกรคํารามด้วยความโกรธและตกใจ
“เจ้ายังไม่เข้าใจอีกงั้นหรือ? ราชันมังกร! ยุคปัจจุบันไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ใจคนเปลี่ยนไปแล้ว!”
“ในยุคโบราณ มนุษยชาติต้องดิ้นรนเอาชีวิตรอด ดังนั้นเทพปีศาจทั้งสามที่บุกวังสวรรค์จึงล่าถอยกลับไป”
“แต่ตอนนี้เวลาผ่านไปนับล้านปี ยุคโบราณสิ้นสุดลงแล้ว! วังสวรรค์ของเจ้าไม่สามารถเป็นตัวแทนเจตจํานงของมนุษย์อีกต่อไป!”
คํากล่าวของฟางหยวนไม่ใช่เรื่องเท็จ มันเป็นความจริงที่โหดร้าย มันเหมือนดาบอันแหลมคมที่แทงทะลุเข้าไปในหัวใจของราชันมังกร
ฟางหยวนใช้หมัดและทุกส่วนของร่างกายเป็นอาวุธโจมตีราชันมังกรอย่างไม่หยุดยั้ง
ภูเขาปราณของราชันมังกรถูกทําลาย เขี้ยวมังกรของเขาหัก กรงเล็บมังกรและหมัดมังกรของเขาถูกหยุดซ้ําแล้วซ้ําอีก
“บึ้ม บึ้ม บึ้ม บึ้ม!”
ทุกการโจมตีของฟางหยวนสร้างคลื่นกระแทกระเบิดออกไปรอบๆ
ผ้าคลุมเปื้อนเลือดช่วยเสริมความแข็งแกร่งทุกด้านให้กับฟางหยวน
นิ้วของราชันมังกรถูกฟางหยวนหัก กระดูกแขนของเขาแตกเมื่อหมัดของเขาปะทะกับหมัดของฟางหยวน
เมื่อหลายปีก่อนมีสามีภรรยาคู่หนึ่ง ชายชื่อถูจี้ หญิงชื่อหรัวลี่
ถูจี้เป็นผู้อมตะเผ่ามนุษย์หินขณะที่หรั่วลี่เป็นผู้อมตะเผ่ามนุษย์
“ข้าบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งกฎ ข้าต้องเชื่อในกฎของโลกใบนี้ ทุกสิ่งล้วนถูกกําหนดโดยโชคชะตา ข้าเชื่อว่าข้าสามารถพบเจ้าเพราะโชคชะตาของข้า การตกหลุมรักเจ้าคือความเมตตาที่โชคชะตามีต่อข้า” ถูจี้กล่าว
หรั่วลื่ถาม “หากข้าบอกเจ้าว่าโชคชะตากําหนดว่าข้าจะตายด้วยน้ํามือของเทพปีศาจคลั่ง เจ้าจะเชื่อหรือไม่?”
“อันใด!?” ถูจี้ตกใจ “เจ้าตรวจสอบคําทํานายนี้กี่ครั้งแล้ว?”
หรัวลี่เผยรอยยิ้มขมขื่น “ครั้งเดียวก็เพียงพอแล้ว แต่ข้าตรวจสอบมันมาหลายครั้งแล้วแต่ผลลัพธ์ยังเหมือนเดิม เจ้ารู้หรือไม่ว่าเหตุใดคําทํานายของผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาจึงแม่นยํามาก นั่นเป็นเพราะโชคชะตากําหนดไว้แล้ว ข้าจะตายด้วยน้ํามือของเทพปีศาจคลั่ง นี่คือชะตากรรมของข้า”
ถูจี้เงียบไปชั่วครู่ก่อนที่เขาจะกล่าวอย่างเด็ดเดี่ยว “เช่นนั้น…ข้าจะไม่เชื่อในโชคชะตา!”
“เหตุใดนางต้องตายด้วยน้ํามือของเทพปีศาจคลั่ง?”
“เหตุใดนางไม่สามารถใช้ชีวิตอย่างมีความสุข?”
“หากนี่คือชะตากรรม ข้าจะไม่ยอมรับมัน!”
ราชันมังกรถูกฟางหยวนทุบตีซ้ําแล้วซ้ําอีก เลือดไหลออกมาจากทวารทั้งเจ็ดของเขา
“เยี่ยม!” เจตจํานงของเทพปีศาจคลั่งตะโกนด้วยความตื่นเต้น “เจ้าหนู แม้เจ้าจะน่าเกลียด แต่รูปแบบการต่อสู้ของเจ้าคล้ายข้ามาก! ข้าต้องมองเจ้าใหม่อีกครั้ง แต่ข้าสงสัยว่าเหตุใดข้าจึงรู้สึกว่ามีบางสิ่งขาดหายไป?”
เจตจํานงของเทพปีศาจคลั่งคิดก่อนปรบมือ “ข้ารู้แล้ว! เจ้าควรค่ารามด้วยความตื่นเต้น เจ้าต้องตะโกนอย่างมีความสุข นี่คือความตื่นเต้นที่ได้ต่อสู้ของบุรุษ!”
อย่างไรก็ตามใบหน้าของฟางหยวนยังเย็นชาราวกับน้ําแข็ง ดวงตาของเขามืดมิดราวกับขุมนรกและไม่ปรากฏร่องรอยของอารมณ์ความรู้สึกใดๆ ทั้งสิ้น
เป้าหมายของเขายังชัดเจนอยู่ในใจ เขาต้องการโจมตีหอคอยดวงตาสวรรค์ การต่อสู้กับราชันมังกรเป็นเพียงการกําจัดสิ่งกีดขวางที่อยู่บนเส้นทาง
สถานการณ์ของราชันมังกรเลวร้ายลงเรื่อยๆ เห็นได้ชัดว่าเขาป้องกันตัวมากกว่าโจมตี
เขาค่ารามอย่างต่อเนื่องแต่ยังถูกฟางหยวนทุบตีอย่างไม่หยุดยั้ง
ภาคใต้มีผู้อมตะชื่อเต๋าจู
“เขาคือเด็จงั้นหรือ?”
“เขาโง่หรือไม่? เพื่อค้นคว้าความลับที่ไร้สาระของกําแพงภูมิภาค เขายอมยกเลิกการแต่งงานกับคุณหนูตระกูลใหญ่!”
“เขาเป็นคนบ้า ข้ามักเห็นเขาไปยังกําแพงภูมิภาคเพื่อทําวิจัยและจบลงด้วยสภาพที่น่าสงสารเสมอ”
เต๋จอุทิศชีวิตเพื่อค้นคว้ากําแพงภูมิภาค เขาทนต่อเสียงเย้ยหยันของผู้คนและต่อต้านการกดขี่อย่างลับๆจากคนอื่นๆ
แต่โชคชะตาเล่นตลกกับเขา
อีกไม่นานกําแพงภูมิภาคจะหายไปอย่างสมบูรณ์
แม้งานวิจัยของเขาจะมีความคืบหน้า แต่มันจะมีประโยชน์ใด
“แล้วอย่างไร?”
“หากนี่คือโชคชะตาและข้าเตจไม่สามารถต่อต้านหรือเปลี่ยนแปลงมัน แล้วอย่างไร?”
“ข้าจะค้นคว้าต่อไป! แม้ข้าจะล้มเหลวและไม่ได้รับสิ่งใดเลยหรือชีวิตของข้าจะล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงก็ตาม!”
“ข้าจะไม่มีวันยอมจํานนต่อโชคชะตา! แม้ข้าจะรู้ว่ามีกําแพงที่เรียกว่าชะตากรรมอยู่ข้างหน้า แต่ข้าก็ยังจะพุ่งเข้าไปหามัน!”
“ต่อให้ข้าตายด้วยการพุ่งชนมัน ข้าก็จะตายด้วยรอยยิ้มและเชิดหน้าขึ้น!”
“เหตุใดข้าต้องยอมรับการตัดสินของโชคชะตา?”
“ผู้ใดจะสน!?”
“นี่คือสิ่งที่ข้าต้องการทํา!”
“นี่คือความหมายในการมีชีวิตอยู่ของข้า!”