Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน - บทที่ 1973 ประกาศจับฟางหยวน
หลังจากพายุทรายผ่านไป ท้องฟ้าก็กลับมาสดใสอีกครั้ง
ผู้อมตะหญิงผู้หนึ่งนั่งอยู่บนเมฆสีเหลือง นางมีร่างกายเหมือนถังเก็บน้ำนางเป็นสมาชิกของตระกูลโม่ซึ่งเป็นหนึ่งในกองกําลังใหญ่ของทะเลทรายตะวันตก นางถูกเรียกว่าท่านหญิงลูกท้อ
นางรู้สึกว่าคนอ้วนเป็นคนสวย แต่นางไม่ชอบชื่อนี้ นางรู้สึกเหมือนถูกล้อเลียนในที่สาธารณะ และดูเหมือนพวกเขาจะลืมชื่อจริงของนางไปแล้ว
“หือ?” เป็นเพียงเวลานี้ที่ท่านหญิงลูกท้อรู้สึกถึงสิ่งผิดปกติ
เมฆสีเหลืองเปลี่ยนเส้นทางเล็กน้อยก่อนจะหยุดอยู่กลางอากาศ
ท่านหญิงลูกท้อมองลงไปที่หลุมยักษ์ด้านล่าง
“นี่ไม่ใช่หลุมทรายที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ดูเหมือนบางสิ่งจะถูกดึงออกไป”
“กลิ่นอายนี้…มันคือพืชอสูรบรรพกาล!”
ดวงตาของท่านหญิงลูกท้อส่องประกายขึ้น นางเข้าใจทันทีว่าผู้อมตะบางคนลอบขโมยพืชอสู รบรรพกาลไปจากสถานที่แห่งนี้
ท่านหญิงลูกท้อก่นเสียงเย็น แม้นางจะไม่รู้ว่ามันคือพืชอสูรบรรพกาลชนิดใด แต่ที่นี้คือทะเล ทรายหมาป่าซึ่งเป็นอาณาเขตของตระกูลโม่ การขโมยพืชอสูรบรรพกาลต้นนี้ไม่ต่างจากการ ขโมยสมบัติของตระกูลโม่
“พืชอสูรบรรพกาลมีค่ามาก มันสามารถปกปิดตัวเองจากการตรวจสอบของพวกเรา ข้าเกรงว่า มันจะถูกค้นพบโดยบางคนเมื่อนานมาแล้ว แต่พวกเขาไม่ได้ว่ามันออกไปทันที ตอนนี้กระแสลม ปราณกําลังอาละวาด โจรชั่วผู้นี้จึงฉวยโอกาสขโมยพืชอสูรบรรพกาลต้นนี้ไป”
ท่านหญิงลูกท้อวิเคราะห์สิ่งที่เกิดขึ้นและเริ่มตรวจสอบรอบๆ
อย่างไรก็ตามหัวโมยผู้นี้ไม่ทิ้งเบาะแสใดๆเอาไว้เบื้องหลัง ที่ทําให้ท่านหญิงลูกท้อรู้สึกผิด หวังและทําได้เพียงแจ้งตระกูลของนางก่อนจะจากไป
นางบินต่อไปและพบกับโอเอซิสขนาดใหญ่ที่มีเมืองหินตั้งอยู่ตรงกลาง มันคือเมืองหมาป่า ทะเลทราย
เมืองหมาป่าทะเลทรายเป็นหนึ่งในเมืองหลักของตระกูลโม่
ท่านหญิงลูกท้อบินไปยังคฤหาสน์เจ้าเมืองโดยตรง
บางคนที่คฤหาสน์เจ้าเมืองรอต้อนรับนางอยู่แล้ว เมื่อเห็นการมาถึงของนาง พวกเขาก็รีบ คุกเข่าลงและตะโกน “คารวะนายท่านผู้อมตะ!”
“ลุกขึ้น” ท่านหญิงลูกท้อก้าวเท้าลงมาจากเมฆสีเหลืองต่อหน้าทุกคน
“ท่านหญิง งานเลี้ยงถูกจัดเตรียมไว้แล้ว” เจ้าเมืองกล่าว
ท่านหญิงลูกท้อโบกมือ นางไม่สนใจ “เตรียมห้องลับให้ข้า ข้าจะปิดประตูฝึกตน นอกจากนี้ข้า ขอให้เจ้ารวบรวมผู้ใช้วิญญาณที่มีพรสวรรค์และจงรักภักดี มันเป็นอย่างไรบ้าง?”
“ใกล้เรียบร้อยแล้ว ผู้ใช้วิญญาณของเมืองส่วนใหญ่ได้รับการคัดกรองแล้ว” เจ้าเมืองตอบ
“ดีมาก หลังจากสามวันข้าจะพาพวกเขาไป ตอนนี้เจ้าไปทําธุระของตัวเองได้”
“ทราบแล้ว ข้าจะทํางานนี้อย่างเต็มความสามารถ” เจ้าเมืองให้สัญญา
ประตูห้องลับปิดลงอย่างช้าๆ ท่านหญิงลูกท้อกระตุ้นใช้ค่ายกลวิญญาณของที่นี่ด้วยการโบ กมือเบาๆ
นางรู้สึกเหนื่อยล้ามากเมื่อมองเห็นมิติช่องว่างที่ปั่นป่วนของตนเอง
หลังจากสงครามชะตากรรม ท่านหญิงลูกท้อได้รับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋ห้าร่องรอย มันทําให้มิดช่องว่างของนางเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
“ข้าไม่มีวิธีบนเส้นทางแห่งปัญญา ข้าไม่สามารถอนุมานและยับยั้งการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ เว้ นเพียงข้าจะว่าจ้างผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา แต่ทรัพย์สินของข้าไม่เพียงพอ ข้าไม่สามารถ จ่าย ข้าต้องประหยัดค่าใช้จ่ายและเก็บมันไว้ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุในอนาคต” ท่านหญิงลูกท้อ คร่ําครวญ
ตระกูลโม่มีผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา แต่พวกเขาไม่ได้มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับท่าน หญิงลูกท้อ พวกเขาจะไม่ทํางานให้ท่านหญิงลูกท้อโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย
“นอกจากนั้นเมื่อเร็วๆนี้ข้าพึ่งดูดซับปราณสวรรค์พิภพเข้ามา มติช่องว่างของข้ายังไม่เสถียร”
กําแพงภูมิภาคพึ่งหายไป ปราณสวรรค์และปราณพิภพเริ่มหลอมรวมเป็นหนึ่ง ปราณสวรรค์ พิภพที่เปลี่ยนแปลงไปทําให้มิติช่องว่างของผู้อมตะเกิดการเปลี่ยนแปลงเช่นกัน
วิธีที่ดีที่สุดในการแก้ปัญหานี้คือดูดซับปราณสวรรค์พิภพต่อไปจนกว่ามิติช่องว่างของพวกเขา จะเกิดเสถียรภาพ
“หากข้ามีความสําเร็จบนเส้นทางแห่งพลังปราณ ข้าจะสามารถลดการสูญเสียที่เกิดจากป ราณสวรรค์พิภพ”
ท่านหญิงลูกท้อต้องปลอบใจตัวเอง แม้นางจะไม่มีความสําเร็จบนเส้นทางแห่งพลังปราณ แต่ ผู้อมตะส่วนใหญ่ก็อยู่ในสถานการณ์เดียวกันกับนาง ดังนั้นนางจึงไม่ถูกทิ้งไว้ข้างหลังเพียงลําพัง
แต่ท่านหญิงลูกท้อยังรู้สึกถึงอันตรายร้ายแรง
ในความเป็นจริงผู้อมตะทั้งห้าภูมิภาคต่างรู้สึกเช่นเดียวกัน
ห้าภูมิภาครวมเป็นหนึ่ง ทุกคนรู้ว่าชีวิตของพวกเขาจะไม่มีวันสงบสุขอีกต่อไป ไม่ว่าจะเป็นผู้ บ่มเพาะสันโดษหรือกองกําลังใหญ่ พวกเขากําลังเตรียมตัวสําหรับการต่อสู้ครั้งใหญ่ในอนาคต
ครั้งนี้ท่านหญิงลูกท้อได้รับภารกิจให้มาที่เมืองหมาป่าทะเลทรายเพื่อรวบรวมเมล็ดพันธุ์อมตะ และนําพวกเขากลับตระกูลโม่
แท้จริงแล้วตระกูลโม่ไม่ใช่กองกําลังเดียวที่ทําเรื่องนี้แต่กองกําลังทั้งหมดของห้าภูมิภาคและ สองสวรรค์พยายามหล่อเลี้ยงเมล็ดพันธุ์อมตะเช่นกัน
สงครามอยู่ตรงหน้า พวกเขาต้องเตรียมความพร้อม
ดังนั้นกองกําลังทั้งหมดจึงมุ่งเน้นไปที่การหล่อเลี้ยงผู้อมตะมากกว่าการรักษาทรัพยากร
ท่านหญิงลูกท้อมองมิติช่องว่างของนางและรู้สึกปวดใจ นางไม่สามารถละทิ้งแหล่งทรัพยากร ของตนเองเพราะมันเป็นเสาหลักด้านการเงินที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของนาง
นางต้องรักษามันไว้
อนาคตไม่แน่นอน นางไม่รู้ว่ากระแสลมปราณจะดําเนินต่อไปถึงเมื่อใด แต่นางต้องดูแลตัวเอง อย่างดีที่สุด
“ในโลกยุคปัจจุบัน ข้าเกรงว่าอาจมีเพียงฟางหยวนเท่านั้นที่รู้ว่ากระแสลมปราณเหล่านี้จะอยู่ นานเท่าใด หลังจากทั้งหมดเขาเป็นคนที่เดินทางมาจากอนาคตด้วยวิญญาณกาลเวลา” ท่าน หญิงลูกท้อรู้สึกอิจฉา
ท่านหญิงลูกท้อพยายามกู้คืนความเสียหายที่เกิดขึ้นกับแหล่งทรัพยากรในมิติช่องว่างของนา งอย่างเต็มที่
“หากข้ามค่ายกลวิญญาณอมตะ…” ท่านหญิงลูกท้อรู้สึกเสียใจเล็กน้อย ตระกูลโม่มีผู้อมตะบน เส้นทางแห่งค่ายกล ตั้งแต่นางสร้างแหล่งทรัพยากรขึ้นในมิติช่องว่างของนาง ผู้อมตะบนเส้น ทางแห่งค่ายกลของตระกูลโม่ถามนางว่าต้องการความช่วยเหลือหรือไม่ แต่นางปฏิเสธ
ด้านหนึ่งนางไม่ต้องการเปิดเผยมิติช่องว่างของนาง อีกด้านหนึ่งนางต้องการประหยัดค่าใช้ จ่าย
นอกจากนั้นการสร้างค่ายกลวิญญาณอมตะต้องใช้วิญญาณอมตะของนางเป็นแกนกลางขณะ ที่นางมีวิญญาณอมตะระดับหกเพียงสองดวง
สิ่งสําคัญคือค่าใช้จ่ายในการสร้างค่ายกลวิญญาณอมตะไม่ถูก!
“หากข้ามค่ายกลวิญญาณอมตะ ความสูญเสียของข้าจะลดลงมาก เห้อ…ผู้ใดจะคิดว่ามิติช่อง ว่างของตนเองจะไม่ปลอดภัย?”
ท่านหญิงลูกท้อคิดเรื่องนี้และรู้สึกอิจฉาผู้อมตะบนเส้นทางแห่งค่ายกล ในช่วงเวลานี้พวกเขา ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ทุกคนต้องการให้พวกเขาสร้างค่ายกลวิญญาณอมตะเพื่อปกป้อง แหล่งทรัพยากรของตนเอง
ท่านหญิงลูกท้อรู้สึกขมขึ้นเล็กน้อย นางเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปฐพี่ แต่ทะลทรายตะวัน ตกมีผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปฐพี่มากที่สุด ขณะเดียวกันมรดกบนเส้นทางแห่งปฐพี่ของนางก็ค่อน ข้างธรรมดา
สาหรับการบ่มเพาะเส้นทางที่สอง?
ท่านหญิงลูกท้อไม่กล้าแม้แต่จะคิด
หลังจากท่านหญิงลูกท้อใช้ความพยายามอย่างมากในการซ่อมแซมแหล่งทรัพยากรในมิติ ช่องว่าง นางเริ่มเชื่อมต่อสวรรค์สีเหลือง
สวรรค์สีเหลืองเป็นแหล่งรวมข่าวสาร เจตจํานงของผู้อมตะจํานวนมากมักมาพูดคุยกันที่นี่
เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญที่เกิดขึ้น ผู้อมตะไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ในช่วงเวลานี้ ด้านหนึ่งพวกเขาต้องปรับตัวกับปราณสวรรค์พิภพที่เกิดการเปลี่ยนแปลง อีกด้านหนึ่งพวกเขายัง ต้องซ่อมแซมมิติช่องว่างที่ได้รับความเสียหายจากร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางสวรรค์
ทุกคนต้องการทรัพยากรอมตะหรือความช่วยเหลือจากภายนอก ดังนั้นสวรรค์สีเหลืองจึง กลายเป็นจุดหมายที่ได้รับความนิยมมากที่สุด
“กระแสลมปราณทําให้ผู้คนเสียชีวิตเป็นจํานวนมาก”
“เมื่อใดกระแสลมปราณจะสิ้นสุด บัดซบ! แหล่งทรัพยากรของข้าถูกทําลายไปแล้ว”
“ข้าเกลียดความจริงที่ว่าเราไม่สามารถเคลื่อนไหวไปรอบๆ ยิ่งรากฐานของมิติช่องว่างแข็งแก ร่งเท่าใด เราก็ยิ่งต้องใช้เวลาปรับตัวนานเท่านั้น”
กลุ่มผู้อมตะถอนหายใจเมื่อพวกเขากล่าวถึงกระแสลมปราณที่เกิดขึ้น
นอกจากนี้ยังมีประกาศจับฟางหยวน!
กองกําลังลึกลับยินดีที่จะจ่ายเงินจํานวนมหาศาลเพื่อข้อมูลล่าสุดของเขา
ฟางหยวนมีร่างทารกอมตะ มิติช่องว่างจักรพรรดิไม่มีความขัดแย้งระหว่างร่องรอยของ พลังงานแห่งเต๋า สิ่งที่น่ากลัวกว่านั้นคือมันสามารถกลืนกินมิติช่องว่างของผู้อื่นเพื่อยกระดับการ บ่มเพาะ แต่ตอนนี้ฟางหยวนได้รับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋บนเส้นทางสวรรค์มากเกินไป ความแข็งแกร่งของเขาลดลงอย่างมาก ผู้ใดก็ตามที่ค้นพบตําแหน่งของเขาจะได้รับรางวัลใหญ่
ความลับของร่างทารกอมตะถูกเปิดเผยอย่างสมบูรณ์ นี่ไม่ใช่การกระทําของวังสวรรค์แต่เป็น เทพธิดาจอเว่ยและเฒ่าเพิ่งหยวน
“แข็งแกร่งเกินไป! ร่างทารกอมตะน่ากลัวเกินไป มันสามารถบ่มเพาะได้ทุกเส้นทาง”
“ในที่สุดข้าก็เข้าใจว่าเหตุใดฟางหยวนจึงเติบโตได้เร็วนัก ในช่วงเวลาสั้นๆเขาก็กลายเป็นผู้ อมตะระดับแปดที่ยิ่งใหญ่ไปแล้ว”
“เหตุใดสวรรค์จึงรักปีศาจต่างโลกผู้นี้ เหตุใดไม่เป็นข้า?”
กลุ่มผู้อมตะเต็มไปด้วยความอิจฉา
“เราไม่สามารถปล่อยให้เขาเติบโตได้อีกต่อไป เขาสามารถกลืนกินมิติช่องว่างของผู้อื่น เขา เป็นศัตรูร่วมของผู้อมตะทั้งหมด!”
“นี่เป็นเรื่องของคนชั้นสูง ข้าเป็นเพียงตัวละครเล็กๆ ข้าจะพบฟางหยวนได้อย่างไร?
“รางวัลเป็นทรัพยากรจํานวนมาก ข้าสงสัยว่าผู้โชคดีคนใดจะได้รับมัน”
“ผู้โชคดีงั้นหรือ? การเปิดเผยตําแหน่งของฟางหยวนจะทําให้เขาขุ่นเคือง แต่เจ้ายังเรียกคนผู้ นี้ว่าผู้โชคดีงั้นหรือ? ทุกคนเห็นพลังการต่อสู้ของฟางหยวนด้วยตาของตนเองมาแล้ว แม้เขาจะ อยู่ในจุดที่อ่อนแอที่สุด แต่เขายังสามารถสังหารพวกเราได้อย่างง่ายดาย แม้ข้าจะพบตําแหน่ง ของเขา ข้าก็ไม่กล้าเปิดเผย!”
ท่านหญิงลูกท้อได้ยินบทสนทนาเหล่านี้และรู้สึกซับซ้อน
หลังจากสงครามชะตากรรม ทุกคนตกใจกับความแข็งแกร่งของฟางหยวน เขาถูกยกย่องว่า เป็นปีศาจอันดับหนึ่งของโลกโดยไม่มีข้อโต้แย้ง
“ข้าหวังว่าข้าจะไม่มีวันพบเจอเขาในชีวิตนี้ หากข้าเข้าไปพัวพันกับเรื่องของเขา ข้าจะต้อง ตายอย่างแน่นอน”
ท่านหญิงลูกท้อตระหนักถึงสถานการณ์ของนางเป็นอย่างดี นางทําได้เพียงเพลิดเพลินไปกับ การแสดงในฐานะผู้ชมเท่านั้น
แต่นางไม่รู้ว่าตนเองเคยพบฟางหยวนมาแล้ว ในความเป็นจริงพืชอสูรบรรพกาลที่ถูกขโมยไป ก่อนหน้านี้ก็เป็นฟางหยวนที่ฉกชิงไป
ขณะที่ท่านหญิงลูกท้อปิดประตูฝึกตน สองร่างที่น่าอนาถก็ประคองกันมาถึงเมืองหมาป่าทะเล ทราย
ยามรักษาการณ์ไม่ได้ไล่คนทั้งสองแต่ยื่นมือออกไป “ค่าเข้าเมืองคนละหนึ่งหินวิญญาณ”
“เก็บค่าเข้าเมืองด้วยงั้นหรือ?” หนึ่งในสองผู้ใช้วิญญาณเบิกตากว้าง เขาก็คือเพิ่งต้า
ผู้ใช้วิญญาณวัยกลางคนที่มากับเขาคือโม่หลี่
ทั้งสองดิ้นรนเอาชีวิตรอดมาถึงเมืองหมาป่าทะเลทรายในที่สุด
“ข้ามี” โม่หลีเตรียมพร้อมอยู่แล้ว เขานําหินวิญญาณสองก้อนออกมาส่งมอบให้กับยามรักษา การ
เพิ่งตามองหินวิญญาณและเข้าใจถึงคุณค่าของมัน
ในความเป็นจริงระหว่างทางโม่หลี่สอนเรื่องต่างๆเกี่ยวกับผู้ใช้วิญญาณให้กับเผิงต้ามาแล้ว
“จ่ายหินวิญญาณสองก้อนเพื่อเข้าเมือง” เผิงต้าถอนหายใจ “ลุงโม่หลี่ ข้าจะจ่ายคืนให้ท่านใน ภายหลัง”
โม่หลี่ตบไหล่เพิ่งต้า “ไปกันเถอะ แม้ข้าจะยากจนแต่ข้ายังจ่ายไหว ในช่วงเวลานี้เจ้าควรพัก อยู่ที่บ้านของข้า เจ้าไม่มีเงินและสูญเสียความทรงจําเกี่ยวกับเมืองนี้ เจ้าจะอยู่คนเดียวได้อย่าง ไร?”
โม่หลั่นําเพิ่งต้าไปที่บ้านของเขา
“ข้ากลับมาแล้ว” โม่หลี่เคาะประตู หลังจากนั้นภรรยาของเขาก็เปิดประตูออกมาจากด้านใน
“ในที่สุดท่านก็กลับมา!” ภรรยาของโม่หลี่เป็นผู้ใช้วิญญาณระดับสอง เมื่อนางเห็นสามีของ นาง นางทั้งมีความสุขและประหลาดใจ “ข้าได้ยินว่ามีกระแสลมปราณเกิดขึ้น ข้าคิดว่าท่าน…”
“ข้าโชคดีที่รอดชีวิตมาได้ แต่ขบวนสินค้าของข้าพังพินาศไปแล้ว เหลือเพียงเราสองคนที่ รอด” โม่หลี่ถอนหายใจ
“การมีชีวิตอยู่ถือเป็นพรที่ยิ่งใหญ่ที่สุด” ภรรยาของโม่หลีกล่าวก่อนจะหันหน้าไปทางเผิงตา
“ท่านป้า” เผิงตาทักทาย
ภรรยาของโม่หลี่หัวเราะ “เด็กน้อย ขอบคุณที่ดูแลสามีของข้ามาตลอดทาง
ใบหน้าของเผิงต้าเปลี่ยนเป็นสีแดง “ข้าละอายใจนัก เป็นท่านลุงที่ดูแลข้า หากไม่ได้รับความ ช่วยเหลือจากท่านลุง ข้าคงตายไปแล้ว”
“ในฐานะนักเดิทาง เราต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เข้ามาเถอะ” ภรรยาของโม่หลี่ตอบและต้อ นรับเพิ่งต้าอย่างอบอุ่น
ในที่สุดโม่หลี่และเพิ่งต้าก็มาถึงสถานที่ปลอดภัย
หลังจากอาบน้ำ ทั้งสองก็ผล็อยหลับไป
ในช่วงหัวค่ำ เผิงต้าถูกโม่หลี่ปลุกขึ้นมาทานอาหาร
หลังการมื้ออาหาร โม่หลี่พูดกับภรรยาของเขา “เรายังมีเงินอยู่บ้าง แม้ขบวนสินค้าของข้าจะถูกทําลายแต่ตราบเท่าที่ข้ายังมีชีวิต ข้าจะสร้างขบวนสินค้าขึ้นมาใหม่!”
แต่ภรรยาของเขาลังเล “ข้าไม่ได้บอกท่านเรื่องนี้ ข้ากําลังลังเล โชคดีที่ท่านกลับมา”
“มันคือเรื่องใด?” โม่หลี่ถาม
“หลังจากที่ท่านออกเดินทาง เจ้าเมืองประกาศว่าพวกเขาจะคัดเลือกผู้ใช้วิญญาณที่มีพรสวรรค์และภักดีต่อตระกูลโม่ พวกเราสันนิษฐานว่านี่เป็นค่าสั่งจากชนชั้นสูงที่ต้องการหล่อเลี้ยงเมล็ดพันธุ์อมตะ”
“โอ้ มีเรื่องเช่นนี้งั้นหรือ?” โม่หลี่ลังเล “เจ้าเมืองประกาศต่อสาธารณชนงั้นหรือ? ข้าเดินผ่านประตูเมืองมาอย่างรวดเร็ว ข้าไม่เห็นมัน”
ภรรยาของโม่หลี่กล่าว “ลูกชายของเราได้ยินข่าวนี้และต้องการสมัคร
โม่หลี่หัวเราะ “ผู้ใดจะคิดว่าลูกชายของเราจะมีความคิดเช่นนี้ แต่เขามีพรสวรรค์นภาที่สองเท่านั้น”
ภรรยาของโม่หลี่หัวเราะ “พรสวรรค์ไม่สําคัญนัก ความจงรักภักดีต่อตระกูลโม่สําคัญที่สุดหากเราแสดงความจงรักภักดีมากพอ ลูกของเราอาจได้รับเลือก!”
โม่หลี่เข้าใจและถามทันที “เท่าใด?”
ภรรยาของโม่หลี่บอกตัวเลขที่ทําให้ปากของเผิงตาอ้าค้าง
ภรรยาของโม่หลี่รู้สึกกังวลใจ “แม้เราจะใช้เงินออมทั้งหมดแต่มันยังไม่เพียงพอสามีการตัดสินใจนี้ขึ้นอยู่กับท่าน”
โม่หลเงียบไปชั่วครู่ก่อนจะตัดสินใจ “ข้าจะกู้เงิน! ลูกชายของเราต้องการพัฒนาตัวเองซึ่งเป็นเรื่องที่ดีข้าจะแบกหน้าไปขอกู้เงินและรวบรวมเงินให้เพียงพอ”
“สามี…” ภรรยาของโม่หลีรู้สึกประทับใจแต่ยังกังวล “แต่ขบวนสินค้าของเราถูกทําลายข้าเกรงว่า…”
โม่หลี่ยิ้มและตบหน้าอกของตนเองด้วยความมั่นใจ “อย่ากังวล ข้าเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับสามร่างกายของข้าแข็งแกร่งมากตราบเท่าที่ข้ามเวลาและโชคข้าจะสามารถกู้คืนความสูญเสียในครั้งนี้!”