Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน - บทที่ 1983 ผู้ใดมีปัญหา
ตระกูลเซียมีคฤหาสน์วิญญาณอมตะสองหลัง ทั้งสองล้วนเป็นคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับเจ็ด
หนึ่งคือเรือตกปลาวาฬ อีกหนึ่งคือหอคอยดวงดาวสีทอง
“พวกเจ้าต้องการจากไปงั้นหรือ? มันไม่ง่ายเช่นนั้น!”
“ไม่มีผู้ใดสามารถหลบหนี!”
กลุ่มผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์โจมตีอย่างต่อเนื่อง เสียงระเบิดดังขึ้นอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
ในช่วงเวลาสําคัญ เซี่ยถึงหลบการโจมตีและสามารถเข้าสู่คฤหาสน์วิญญาณอมตะหอคอยดวงดาวสีทองระดับเจ็ดได้ในที่สุด
นางบังคับหอคอยดวงดาวสีทองเคลื่อนที่ไปข้างหน้า“ทุกคนหลีกทางข้าจะปิดกั้นพวกเขา!”
หอคอยดวงดาวสีทองพุ่งเข้าหาศัตรูและปลดปล่อยท่าไม้ตายอมตะของมันออกไปทุกทิศทุกทางอย่างไรก็ตามผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์ยังสามารถหลบเลี้ยง
ผู้อมตะของตระกูลเซียที่เหลือฉวยโอกาสเข้าไปในคฤหาสน์วิญญาณอมตะเรือตกปลาวาฬระดับเจ็ดและพยายามหลบหนีออกจากฐานทัพใหญ่ของพวกเขา
“แม้ผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์เหล่านี้จะเป็นผู้อมตะระดับแปด แต่พลังการต่อสู้ของพวกเขาไม่สูงนักมีเพียงจักรพรรดิผลึกน้ําแข็งเท่านั้นที่ผ่านเกณฑ์มาตรฐาน
“สําหรับตระกูลเซี่ยของทะเลตะวันออก แม้พวกเขาจะไม่มีผู้อมตะระดับแปด แต่พวกเขาสามารถพึ่งพาคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับเจ็ดในการต่อสู้
อู่ส่วยยืนอยู่ที่ประตูวังมังกรและกวาดตามองสนามรบเขายังไม่ได้เคลื่อนไหว
ก่อนหน้านี้ในการโจมตีแหล่งทรัพยากรทั้งสาม มันมีความแตกต่างระหว่างระดับการบ่มเพาะมากเกินไปเขาไม่สามารถตัดสินความแข็งแกร่งที่แท้จริงของทั้งสองฝ่ายแต่ในสถานการณ์ปัจจุบันเขาสามารถมองเห็นรายละเอียดมากมาย
อู่ส่วยวิเคราะห์และเข้าใจเหตุผล
มนุษย์กลายพันธุ์สามารถอยู่รอดจนถึงทุกวันนี้เพราะความช่วยเหลือของเจตจํานงสวรรค์
เจตจํานงสวรรค์ถูกรบกวนโดยเจตจํานงของเทพอมตะกลุ่มดาว ดังนั้นเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์จึงถูกกดขอย่างหนักแต่เจตจํานงสวรรค์ยังช่วยลดพลังอํานาจของภัยพิบัติที่พวกเขาต้องเผชิญ
ความยากลําบากของภัยพิบัติมาพร้อมกับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋และระดับการบ่มเพาะที่เพิ่มขึ้น
เมื่อผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์เผชิญหน้ากับภัยพิบัติที่มีระดับความยากลําบากค่อนข้างต่ำพวกเขาจึงได้รับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋ค่อนข้างน้อยและทําให้พวกเขาค่อนข้างอ่อนแอ
“สวรรค์ทั้งสองกว้างใหญ่เกินไป มีผู้อมตะระดับแปดจํานวนมากซ่อนตัวอยู่ในสวรรค์สีดําและสวรรค์สีขาวนอกจากกลุ่มของข้ายังมีกลุ่มย่อยอีกหลายกลุ่มอยู่ในสวรรค์ทั้งสอง
ส่วยคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ก่อนจะเริ่มเคลื่อนไหว
เซียองที่อยู่ในหอคอยดวงดาวสีทองรู้สึกกังวล มันเป็นเรื่องยากที่จะต่อต้านกลุ่มผู้อมตะระดับแปดนางอาจได้เปรียบในเวลานี้แต่นางจะทนได้อีกไม่นาน
“ท่านอู่ส่วยเคลื่อนไหวแล้ว!”
“ข้ากําลังตั้งตารออยู่!”
“น่าเสียดายที่ถ้ําสวรรค์ของเราไม่มีคฤหาสน์วิญญาณอมตะ สิ่งนี้เป็นรากฐานสําคัญของกองกําลังใหญ่อย่างแท้จริง”
กลุ่มผู้อมตะระดับแปดรู้สึกตื่นเต้นมาก
แต่ภายใต้สายตาของทุกคนวังมังกรกลับบินออกจากสนามรบ
ทุกคนตกตะลึง
เกิดสิ่งใดขึ้น?
ในเวลาต่อมา เสียงอันเย็นเยียบของอู่ส่วยก็ดังขึ้น “หากผู้อมตะระดับแปดมากกว่าสิบคนไม่สามารถจัดการผู้อมตะระดับเจ็ดและคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับเจ็ดเพียงหลังเดียวพวกเจ้าจะมีชีวิ ตอยู่เพื่อสิ่งใด?”
กลุ่มผู้อมตะระดับแปดรู้สึกพูดไม่ออกและไม่สามารถโต้แย้ง
สุดท้ายพวกเขาก็ทําได้เพียงมองวังมังกรบินจากไปเท่านั้น
“ไม่ เขากําลังบินไปยังทะเลมนุษย์!” หัวใจของเซี่ยอิงเต้นแรงเมื่อเห็นเหตุการณ์นี้
ผู้อมตะของตระกูลเซียรู้สึกสับสน “อู่ส่วยรู้จักรากฐานของตระกูลเซียได้อย่างไร? ไม่ ทะเลมนุษย์ถูกซ่อนไว้อย่างมิดชิดบางทีเขาอาจต้องการค้นหาทรัพยากรบางอย่างเท่านั้น”
อู่ส่วยเดินทางไปยังทะเลสาบแห่งหนึ่งที่อยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์น้ําพุร้อนของตระกูลเซีย
“ทะเลมนุษย์ควรอยู่ที่นี่” ดวงตาของอู่ส่วยส่องประกายขึ้น เขากระตุ้นใช้วิธีการบางอย่าง
แสงลึกลับพุ่งออกมาจากฝ่ามือของเขาและเจาะทะลวงลงไปในน้ํา
จากนั้นแสงลึกลับก็แผ่กระจายออกไปรอบๆ
น้ําในทะเลสาบระเหยกลายเป็นหมอกหนาทึบพร้อมกับเสียงกรีดร้องของมนุษย์ที่ดังขึ้น
หมอกสีขาวราวกับทะเลภูตผีลอยอยู่รอบๆวังมังกร
“เข้ามา!” อู่ส่วยดึงดูดหมอกสีขาวเข้าสู่วังมังกรโดยตรง
ความโกลาหลที่เกิดขึ้นอยู่ภายใต้สายตาของผู้อมตะทั้งสองฝ่ายที่กําลังต่อสู้กันอยู่ในสนามรบ
“อู่ส่วยเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ขณะที่พวกเรากําลังต่อสู้อย่างเต็มที่!”
“หมอกเหล่านั้นพิเศษมาก มันปลดปล่อยกลิ่นอายของเส้นทางมนุษย์ออกมา มันต้องเป็นสมบัติล้ำค่า”
“อย่ากังวล ในฐานะผู้นําอู่ส่วยจะไม่แบ่งปันผลประโยชน์ได้อย่างไร”
กลุ่มผู้อมตะระดับแปดลอบพูดคุย
หัวใจของเซียองจมดิ่งลง “อู่ส่วยรู้จักทะเลมนุษย์จริงๆ นอกจากนั้นเขายังมีวิธีนําทะเลมนุษย์ออกไปนี่เป็นไปได้อย่างไร?”
“แผนการสร้างทะเลมนุษย์มีเพียงผู้อมตะของตระกูลเซี่ยเท่านั้นที่รู้ เราเก็บมันไว้เป็นความลับมาตลอดแม้บางคนจะถูกอู่ส่วยจับมันก็มีเพียงผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่งของเราเท่านั้นที่รู้วิธีแยกทะเลมนุษย์ออกมาอู่ส่วยจะหาวิธีอื่นในระยะเวลาสั้นๆได้อย่างไร?”
“ทะเลมนุษย์ยังไม่สมบูรณ์” อู่ส่วยมองหมอกสีขาวและเผยรอยยิ้มบางเขาเข้าใจมันเป็นอย่างดี
เพื่อเติมเต็มทะเลมนุษย์ เขาเพียงต้องฆ่ามนุษย์ให้มากพอ
อู่ส่วยได้รับข้อมูลจากร่างหลัก เขารู้ว่าทะเลมนุษย์เป็นผลงานของตระกูลเซียพวกเขาพยายามสร้างแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์พิภพเทียมบนเส้นทางมนุษย์อย่างลับๆ
ในชีวิตห้าร้อยปีของฟางหยวน ทะเลมนุษย์สร้างชื่อเสียงอย่างมากระหว่างสงครามห้าภูมิภาคมันช่วยให้ตระกูลเซียของทะเลตะวันออกก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุด
อย่างไรก็ตามทะเลมนุษย์ในปัจจุบันยังห่างไกลจากแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์พิภพที่แท้จริง
ในอนาคตตระกูลช่ายของภาคใต้จะตระหนักถึงความสําคัญของทะเลมนุษย์และเริ่มสร้างแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์พิภพเทียมบนเส้นทางมนุษย์ที่เรียกว่าภูเขามนุษย์
ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาในเวลานั้นอนุมานว่าหากทะเลมนุษย์และภูเขามนุษย์รวมตัวกันมันจะกลายเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์พิภพที่แท้จริง
“การรวบรวมภูเขามนุษย์และทะเลมนุษย์เป็นเป้าหมายที่ยังอยู่ห่างไกลเกินไปแต่ล่าพังเพียงทะเลมนุษย์ก็เป็นประโยชน์ต่อร่างหลักเช่นกัน”อู่ส่วยมีความสุขมาก
สิ่งสําคัญที่สุดคือร่างหลักของฟางหยวน
อุปสรรคที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในปัจจุบันของฟางหยวนคือร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋บนเส้นทางสวรรค์นี่คือแผนการของเทพปีศาจบัวแดงที่พยายามหยุดการเติบโตของเขา
อย่างไรก็ตามฟางหยวนพบว่าวิธีบนเส้นทางมนุษย์สามารถรับมือสิ่งนี้แม้ต้นสมปรารถนาจะเป็นพืชอสูรบรรพกาลบนเส้นทางมนุษย์ แต่มันยังไม่เพียงพอ
ดังนั้นฟางหยวนจึงเล็งเป้ามาที่ตระกูลเซี่ยของทะเลตะวันออกเพื่อฉกชิงทะเลมนุษย์
ด้วยความช่วยเหลือของจักรพรรดิผลึกน้ําแข็ง ร่างหลักของฟางหยวนไม่จําเป็นต้องปรากฏตัวอู่ส่วยสามารถมาที่นี่และนําทะเลมนุษย์ออกมาได้อย่างง่ายดาย
หลังจากอู่ส่วยเก็บทะเลมนุษย์ การต่อสู้อีกด้านหนึ่งก็จบลง
เซียจึงไม่สามารถหลบหนีขณะที่ผู้อมตะระดับแปดเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์ได้รับบาดเจ็บเช่นกันคนที่เอาชนะหอคอยดวงดาวสีทองคือจักรพรรดิผลึกน้ําแข็ง
“ท่านผู้นํา ท่านใช้โอกาสนี้เพื่อชิงสมบัติบนเส้นทางมนุษย์ นั่นเป็นเรื่องที่ไม่ยุติธรรมหรือไม่?”เมื่อกลุ่มผู้อมตะระดับแปดมารวมตัวกันที่ประตูวังมังกรบางคนก็ตั้งค่าถามด้วยความกังวล
อู่ส่วยชําเลืองมองคนผู้นี้ก่อนจะกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะของวังมังกร
หมอกชวนฝัน!
ผู้อมตะระดับแปดที่ตั้งคําถามถูกหมอกชวนฝันดึงเข้าสู่วังมังกรโดยไม่แม้แต่จะสามารถกล่าวสิ่งใด
กลุ่มผู้อมตะระดับแปดทั้งหมดตกตะลึงและหวาดกลัว
“ผู้ใดยังมีปัญหาอีก?” อู่ส่วยยกมือขึ้นกอดอกและกวาดตามองกลุ่มผู้อมตะระดับแปดเหล่านั้น
อู่ส่วยเป็นเพียงผู้อมตะระดับเจ็ด ในเวลาเดียวกันเขายังถูกปิดล้อมโดยกลุ่มผู้อมตะระดับแปดแต่กลุ่มผู้อมตะระดับแปดกลับหน้าซีดและเลือกที่จะนิ่งเฉยโดยไม่กล้ากล่าวสิ่งใด