Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน - บทที่ 1987 ผลไม้ปราณ
“วังสวรรค์ก็คือวังสวรรค์…” ราชาหมาป่าราตรีสวรรค์มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลและถอนหายใจ
วังสวรรค์เริ่มแผนการต่อต้านกองกําลังพันธมิตรสองสวรรค์แล้ว
ราชาหมาป่าราตรีสวรรค์เข้าร่วมกองกําลังพันธมิตรสองสวรรค์ตามกระแส
เมื่อห้าภูมิภาคตอบโต้ กองกําลังพันธมิตรสองสวรรค์จะได้รับความเสียหาย มันจะหมดประโยชน์ต่อเขา
ดังนั้นเขาจึงเสี่ยงเข้าร่วมกับวังสวรรค์และกลายเป็นสายลับแฝงตัวอยู่ในกองกําลังพันธมิตรสองสวรรค์
เมื่อบรรพชนทะเลปราณเริ่มต่อสู้กับคู่ส่วย วังสวรรค์จะฉวยโอกาสโจมตีถ้ำสวรรค์ของเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์ในสวรรค์สีดําและสวรรค์สีขาว
“วังสวรรค์ไม่ได้ทําให้ข้าผิดหวัง!”
“แม้พวกเขาจะพ่ายแพ้ในสงครามชะตากรรม แต่พวกเขาก็ยังเป็นกองกําลังอันดับหนึ่งที่ปกป้องเผ่ามนุษย์”
ราชาหมาป่าราตรีสวรรค์รู้สึกถึงความยิ่งใหญ่ของวังสวรรค์
เขาไม่ลังเลที่จะตอบรับและให้ความร่วมมือทันที
ตามข้อตกลงของพวกเขา เมื่อบรรพชนทะเลปราณกับอู่ส่วยต่อสู้กัน วังสวรรค์จะฉวยโอกาสนี้บุกโจมตีฐานทัพของฝ่ายตรงข้าม หากทั้งสองไม่ต่อสู้กันหนึ่งเดือนหลังจากนี้วังสวรรค์ก็ยังจะ ดําเนินการตามแผนเดิม
“ตอนนี้มันขึ้นอยู่กับบรรพชนทะเลปราณและอู่ส่วย” ราชาหมาป่าราตรีสวรรค์รอคอยด้วยความคาดหวัง
นอกจากราชาหมาป่าราตรีสวรรค์ ผู้อมตะและกองกําลังทั้งหมดก็กำลังให้ความสนใจกับสถานการณ์ในทะเลตะวันออกเช่นกัน
วูหยงของภาคใต้เป็นหนึ่งในนั้น
“หากบรรพชนทะเลปราณแพ้ กองกําลังพันธมิตรเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์จะขยายอาณาเขตออกไปพวกเขาจะเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วและกลายเป็นภัยคุกคามใหญ่หลวงต่อทั้งห้าภูมิภาค!”
“หากอู่ส่วยแพ้ กองกําลังพันธมิตรเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์จะรวมตัวกันเพื่อป้องกันตัวนี่จะเป็นข่าวดีสําหรับมนุษย์ในห้าภูมิภาคแต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ขาอยากเห็น”
วูหยงเป็นคนทะเยอทะยาน
เขาต้องการให้โลกวุ่นวาย ยิ่งวุ่นวายยิ่งมีโอกาสเก็บเกี่ยวผลประโยชน์เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับตนเอง
ดังนั้นเขาจึงรู้สึกเกลียดชังกระแสลมปราณที่ทําให้ผู้อมตะทั้งห้าภูมิภาคต้องหยุดพัก
“จักรพรรดินีวจี้และคนอื่นๆฟื้นคืนชีพแล้ว เราจะทําอย่างไรต่อไป?” วป่าชงรายงาน
เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่สองของตระกูลวู เขาเป็นจิ้งจอกเฒ่ามากประสบการณ์
หลังจากวิญญาณชะตากรรมถูกทําลาย หนึ่งในการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนที่สุดคือวิธีฟื้นคืนชีพทําได้ง่ายมากก่อนหน้านี้เมล็ดพันธุ์อมตะเช่นจักรพรรดินีวจเสียชีวิตบนภูเขาอี้เทียนแต่ตอนนนี้ผู้ อมตะของตระกูลวชุบชีวิตพวกเขาขึ้นมาแล้ว
วูหยงพยักหน้า “คนเหล่านี้เป็นความหวังในอนาคตของเรา พวกเขาจะกลายเป็นผู้อมตะชั้นสูงอย่างแน่นอนสอนวิธีก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะให้พวกเขาเตรียมการให้พร้อมและตรวจสอบให้แน่ ใจว่าพวกเขาจะได้รับทรัพยากรที่เพียงพอข้าต้องการผู้อมตะมากกว่าสิบคนในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า!”
“รับทราบ!” วูป่าชงไม่ได้ตั้งคําถามกับการตัดสินใจนี้
ในอนาคต สงครามหาภูมิภาคจะปะทุขึ้นอย่างแน่นอน มันจะเป็นการต่อสู้ที่ยาวนานเมื่อเวลานั้นมาถึงกองกําลังทั้งหมดจะแข่งขันกันด้วยรากฐานและแผนการระยะยาวดังนั้นพวกเขาจึงต้อง เตรียมตัวให้พร้อม
“ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง มันเกี่ยวกับเส้นทางแห่งพลังปราณ” วูป่าชงกล่าวและส่งวิญญาณบนเส้น ทางแห่งข้อมูลให้กับวหยง
วุหยงอ่านเนื้อหาอย่างรวดเร็ว
มันเกี่ยวกับทรัพยากรบนเส้นทางแห่งพลังปราณจํานวนมากที่ปรากฏขึ้นเพราะกระแสลมปราณ
“ดูเหมือนเส้นทางแห่งพลังปราณจะกลับมารุ่งเรืองอีกครั้ง ผลไม้ปราณมีประโยชน์เช่นนี้งั้นหรือ?” วูหยงถอนหายใจ
รูป่าชงพยักหน้า “ปัจจุบันผู้อมตะจํานวนมากเริ่มใช้งานมันแล้ว ผลลัพธ์เป็นเช่นนั้นจริงๆผลไม่ปราณเกิดจากกระแสลมปราณ มันไม่ปกติ ด้วยการวางมันไว้ในมิติช่องว่างมันสามารถสร้างกระแสลมปราณและเร่งการเปลี่ยนแปลงของปราณสวรรค์พิภพผู้คนที่สามารถเก็บเกี่ยวผลไม้ปราณได้มากขึ้นจะสามารถก้าวข้ามช่วงเวลาที่ยากลําบากได้เร็วขึ้น”
“เช่นนั้นเราจะรวบรวมทรัพยากรอมตะเหล่านี้ นอกจากนั้นคัดแยกสินค้าคงคลังของตระกูลเตรียมมรดกบนเส้นทางแห่งพลังปราณและพยายามให้เมล็ดพันธุ์อมตะบ่มเพาะบนเส้นทางสายนี้”วูหยงออกคําสั่ง
“รับทราบ!” วูป่าชงเร่งตอบรับ
ตระกูลวเชียวชาญเส้นทางแห่งวายุ พวกเขาไม่มีพื้นฐานบนเส้นทางแห่งพลังปราณมากนักแต่กองกําาลังใหญ่เช่นตระกูลวย่อมสะสมมรดกบนเส้นทางอื่นเอาไว้มรดกที่ไม่สมบูรณ์จํานวนมากสามารถรวมเป็นมรดกที่สมบูรณ์และสามารถใช้หล่อเลี้ยงผู้อมตะบนเส้นทางสายอื่นได้หนึ่งหรือสองคน
เมล็ดพันธุ์อมตะจะกลายเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งพลังปราณด้วยมรดกเหล่านี้
ภาคใต้ ตระกูลถั่ว
สามผู้อมตะกําลังบุกเข้าไปในถ้ำสวรรค์ฉีเจีย
“ข้าจะบุกเข้าไป!” ลั่วหรันรู้สึกตื่นเต้น
เขาเป็นชายผิวขาวที่มีใบหน้าเย็นชา เขาเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดที่มีชื่อเสียงของตระกูลลัว
ขณะที่ทั้งโลกกําลังหยุดพัก ลั่วหรันลอบนําสองผู้อมตะของตระกูลถั่วออกมาสํารวจถ้ำสวรรค์ฉีเจียโดยไม่สนใจการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในมิติช่องว่างของเขา
การทํางานหนักและความพยายามของเขาไม่ได้ไร้ผล ในที่สุดพวกเขาก็ผ่าฟันอุปสรรคและสามารถเข้าสู่จุดศูนย์กลางของถ้ำสวรรค์ฉีเจีย
“ผู้ใดจะคิดว่ากระแสลมปราณจะทําให้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นในถ้ำสวรรค์ฉีเจีย นี่ทําให้เราเดินทางมาที่นี่ได้อย่างราบรื่น”ลั่วมู่ลื่อรู้สึกมีความสุข
“รีบไปกันเถอะ กระแสลมปราณกําลังอาละวาดถ้ำสวรรค์ฉีเจียจะถูกซ่อนไว้เป็นการชั่วคราวเราต้องหามรดกที่แท้จริงของฉีเขียก่อนผู้อื่นจะพบที่นี่ด้วยมรดกที่แท้จริงนี้ตระกูลถั่วของเราจะสามารถปรับตัวเข้ากับยุคที่ยิ่งใหญและกลายเป็นผู้นํา!”ดวงตาของถั่วฮ่าวเช่อส่องประกายขึ้น
หลายวันต่อมา
ทะเลตะวันออก
บรรพชนทะเลปราณปรากฏตัวขึ้น เขาเดินทางไปยังฐานทัพใหญ่ของตระกูลเซียแห่งทะเลตะวันออกอย่างเปิดเผย
“เข้ามา!” อู่ส่วยเผยรอยยิ้มและนวังมังกรพร้อมกับจางเฉิงออกไปต่อสู้กับศัตรูอย่างกล้าหาญ
การต่อสู้ครั้งใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับโลกทั้งใบปะทุขึ้นทันที
“บึม!”
เสียงระเบิดที่สั่นสะเทือนสวรรค์พิภพดังขึ้น
บรรพชนทะเลปราณกับอู่ส่วยต่อสู้กันมาหนึ่งวันหนึ่งคืนแต่ทั้งสองไม่สามารถทําสิ่งใดฝ่ายตรงข้าม
ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายธรรมะ ฝ่ายปีศาจ ผู้บ่มเพาะสันโดษ รวมถึงผู้อมตะของสองสวรรค์กําลังเฝ้ามองการต่อสู้ครั้งนี้อย่างใกล้ชิด
“บรรพชนทะเลปราณทรงพลังจริงๆ วิธีการของเขาน่าเหลือเชื่อมาก การโจมตีของอู่ส่วยกลายเป็นไร้ประโยชน์ต่อหน้าเขา”ผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่งของตระกูลฮัวฮัวช่ายหยุนถอนหายใจ
ชิงอว์อันกล่าวมาจากด้านข้าง “แต่เราก็ไม่สามารถดูแคลนอู่ส่วย เขาเป็นเพียงผู้อมตะระดับเจ็ดแต่เขาสามารถต่อสู้กับบรรพชนทะเลปราณได้อย่างเท่าเทียม”
ฮัวช่ายหยุนถอนหายใจ “อู่ส่วยเกิดใหม่แล้ว เขาเป็นสัตว์ประหลาดเฒ่าที่มีประสบการณ์วังมังกรของเขาก็ทรงพลังมากหากไม่ใช่เพราะสิ่งนี้เขาจะไม่สามารถแข่งขันกับบรรพชนทะเลปราณ”
ขณะที่ทั้งสองพูดคุย เสียงคํารามของมังกรก็ดังขึ้น
มังกรปีศาจที่มีร่างกายใหญ่โตราวกับเทือกเขาเข้าสู่สนามรบและสามารถมองเห็นได้จากระยะไกล
“โอ้ สวรรค์ มังกรปีศาจช่างน่าสะพรึงกลัวนัก สมกับเป็นสัตว์อสูรแรกกําเนิดในตํานานอันดับหนึ่งของโลกใบนี้!”
“นี่คือตจางเฉิง ข้ารู้สึกหวาดกลัวเพียงแค่มองเห็นร่างกายของมัน ข้าไม่สามารถจินตนาการได้เลยว่าผู้อมตะที่ต่อสู้กับมันจะรู้สึกอย่างไร”
“ในที่สุดอู่ส่วยก็ปล่อยมังกรปีศาจออกมานี่หมายความว่าบรรพชนทะเลปราณบีบบังคับเขาจนจึงถึงขีดจํากัดแล้วการต่อสู้กําลังมาถึงจุดสําคัญ”
กลุ่มผู้อมตะที่เฝ้ามองการต่อสู้ครั้งนี้ต่างตกตะลึง หลายคนไม่ได้เข้าร่วมในสงครามชะตากรรมพวกเขามองเห็นการต่อสู้ผ่านท่าไม้ตายอมตะวิสัยทัศน์ของทุกคนเท่านั้น
อย่างไรก็ตามประสบการณ์จริงที่พวกเขาได้สัมผัสด้วยตนเองในเวลานี้ทําให้พวกเขาเกิดความรู้สึกที่แตกต่างออกไป