Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน - บทที่ 2006 สมาชิกที่แท้จริงของนิกายเงา
ภาคกลาง
“มันเป็นผลไม้ปราณของข้า!”
“อย่าหวัง!”
“ฝันไปเถอะ!
กระแสลมปราณพึ่งพัดผ่านไป กลุ่มผู้บ่มเพาะสันโดษของภาคกลางกําลังต่อสู้เพื่อแย่งชิงผลไม้ปราณ
สําหรับสวรรค์ผลไม้ปราณที่ปรากฏขึ้นภายในถือเป็นหายนะครั้งใหญ่แต่ผลไม้ปราณที่ถูกทิ้งไว้เบื้องหลังกระแสลมปราณที่โลกภายนอกคือสมบัติล้ำค่าที่ผู้อมตะทุกคนปรารถนา
เป็นเวลานานมาแล้วที่กระแสลมปราณปรากฏขึ้น ผู้อมตะทั้งห้าภูมิภาคตระหนักถึงข้อดีของผลไม้ปราณ
ผู้อมตะไม่จําเป็นต้องบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งพลังปราณ ตราบเท่าที่พวกเขาได้รับผลไม่ปราณและบดขยี้มันในมิติช่องว่าง พวกเขาจะสามารถปรับสมดุลของปราณสวรรค์และปราณพิภพได้ดีขึ้นด้วยวิธีนี้ผู้อมตะจะได้รับการปลดปล่อยจากสถานการณ์ที่ยากลําบากเร็วกว่าคนอื่นๆ
ขณะที่กลุ่มผู้อมตะกําลังต่อสู้กัน ล่าแสงสีขาวก็พุ่งผ่านท้องฟ้าเข้ามาหาพวกเขา
ผู้อมตะระดับหกของภาคกลางเย้ยหยันเมื่อเห็นว่าล่าแสงสีขาวปลดปล่อยกลิ่นอายระดับหกออกมา เขากระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะสายป้องกันเพื่อรับการโจมตีโดยตรง
“บึม!”
ล่าแสงสีขาวเจาะทะลวงร่างกายของเขา
“อันใด!?” ผู้อมตะคนดังกล่าวเบิกตากว้างด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
ทั้งสองฝ่ายต่างเป็นผู้อมตะระดับหกแต่มันกลับมีช่องว่างขนาดใหญ่
“มันคือผู้ใด?”
“อา…มันอาจเป็นปีศาจหิมะ!”
ผู้อมตะภาคกลางอีกสองคนเป็นผู้อมตะระดับหกเช่นกัน พวกเขาหน้าซีดเมื่อเห็นผู้อมตะคนก่อนหน้าตาย ณ จุดเกิดเหตุ
เหตุการณ์นี้ทําให้ทั้งสองนึกถึงผู้อมตะที่ปรากฏตัวขึ้นเมื่อเร็วๆนี้ คนผู้นี้มักต่อสู้เพื่อแย่งชิงผลไม้ปราณ
ทั้งสองเร่งล่าถอยและไม่กล้าต่อสู้
ล่าแสงสีขาวเพิกเฉยต่อพวกเขา เป้าหมายของมันคือการฉกชิงผลไม้ปราณ
หลังจากล่าแสงสีขาวได้รับผลไม้ปราณ มันก็บินจากไปทันที
หลังจากล่าแสงสีขาวบินห่างออกไป มันก็หยุดลงในหุบเขาไร้นามแห่งหนึ่ง
แสงสีขาวหายไปและเผยให้เห็นร่างจริงของผู้อมตะ คนผู้นี้ไม่ใช่ผู้ใดนอกจากไปหนิงปิง!
หลังสงครามชะตากรรม ไปหนิงปิงถูกทิ้งไว้ข้างนอก
ไปหนิงปิงได้รับอิสระและไม่ต้องการกลับไปอยู่ภายใต้การปกครองของฟางหยวนอีกในช่วงเวลานี้นางพยายามเก็บเกี่ยวผลไม้ปราณเพื่อใช้กับมิติช่องว่างของนาง
ผลไม้ปราณเหล่านี้ส่งผลกระทบเพียงเล็กน้อยต่อถสวรรค์ระดับแปดของฟางหยวนแต่สําหรับแดนศักดิ์สิทธิ์ระดับหกของไปหนิงปิงผลกระทบของมันค่อนข้างชัดเจน
เดิมที่ไปหนึ่งปิงมีท่าไม้ตายอมตะตัวตนในอนาคตและสามารถใช้พลังการต่อสู้ระดับเจ็ดบนจุดสูงสุดแต่หลังสงครามชะตากรรม สายธารแห่งกาลเวลากลายเป็นปั่นป่วนท่าไม้ตายอมตะตัวตนในอนาคตสูญเสียพลังอานาจของมันพลังการต่อสู้ของไปหนิงปิงจึงกลับคืนสู่ระดับหก
“หากข้าสามารถเก็บเกี่ยวผลไม้ปราณอีกสองสามร้อยผล ข้าจะสามารถต่อสู้อย่างเต็มที่ได้เป็นเวลาสองชั่วโมง”ไปหนิงปิงประเมิน
ทันใดนั้นหัวใจของนางก็สั่นสะท้านขึ้นเมื่อนางสัมผัสได้ถึงสิ่งผิดปกตินางรีบพุ่งออกจากหุบเขา
แต่มันสายไปแล้ว
ม่านแสงสีม่วงกักขังนางเอาไว้และแยกพื้นที่ออกจากโลกภายนอก
“ท่าไม้ตายเขตแดนอมตะ!” ไปหนิงปิงขมวดคิ้ว “ผู้ใด? ออกมา!”
หลังจากนั้นเทพธิดาจื่อเว่ยก็ปรากฏตัวขึ้น
นางมองไปหนิงปิงด้วยรอยยิ้ม “เจ้ารู้สึกถึงการกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายเขตแดนอมตะ ของข้า สมกับเป็นอัจฉริยะที่ฟางหยวนเลือก”
“เป็นเจ้า!” ไปหนิงปิงจาเทพธิดาจอเว่ยได้ทันที นี่ทําให้หัวใจของนางจมดิ่งลง
ศัตรูเป็นผู้อมตะระดับแปดขณะที่นางเป็นเพียงผู้อมตะระดับหกนางอาจยังมีความหวังเล็กน้อยหากนางมีท่าไม้ตายอมตะตัวตนในอนาคตแต่ความแตกต่างในปัจจุบันใหญ่โตเกินไป มันทําให้นางหมดสิ้นหนทาง
เทพธิดาจ๋อเว่ยมองไปหนิงปิงและถามด้วยความสนใจ “เจ้ารู้สึกงั้นหรือ? ข้าไม่เห็นเจ้าใช้วิธีตรวจสอบใดๆ”
ไปหนิงปิงตอบเสียงเย็น “มันเป็นเพียงสัญชาตญาณ เจ้าวางกักดักเอาไว้ล่วงหน้าและรอให้ข้างับเหยื่อลั้นหรือ?”
เทพธิดาจื่อเว่ยหัวเราะเบาๆ “ช่วงที่ผ่านมาเจ้าลงมือบ่อยเกินไป มันไม่ใช่เรื่องยากที่ข้าจะอนุมานเกี่ยวกับเจ้า เจ้าค้นพบอันตรายด้วยการใช้สัญชาตญาณเท่านั้นจริงหรือ?ท่าไม้ตายเขตแดนอมตะของข้าไม่ได้ปลดปล่อยกลิ่นอายออกมาเมื่อกระตุ้นใช้งาน”
เป็นเพียงเวลานี้ที่อีกร่างหนึ่งปรากฏขึ้นด้านหลังไปหนิงปิง มันคือเฒ่าเจิ้งหยวน
เฒ่าเพิ่งหยวนไอ “ท่านหญิงจื่อเว่ย สิ่งนี้เกิดจากปราณมนุษย์ แม่ไปหนิงปิงจะไม่ได้ใช้วิธีตรวจสอบใดๆ แต่นางมีปราณมนุษย์ที่แข็งแกร่งเรากระตุ้นปราณมนุษย์ของ นางเมื่อเราพยายามดักจับนางนี่ทําให้นางรู้สึกผิดปกติ”
ไปหนึ่งซึ่งก่นเสียงเย็นและเตรียมต่อสู้ “พูดมาก มาสู้กันเถอะวังสวรรค์!”
รอยยิ้มของเทพธิดาจื่อเว่ยกลายเป็นกว้างขึ้น “เจ้าผิดแล้ว ไปหนิงปิงเราไม่ใช่สมาชิกของวังสวรรค์แต่เป็นสมาชิกนิกายเงาเราไม่ได้มาเพื่อฆ่าเจ้า”
“กระไรนะ!?” ไปหนิงปิงประหลาดใจ “พวกเจ้าร่วมมือกับฟางหยวนงั้นหรือ?”
เฒ่าเพิ่งหยวนหัวเราะเบาๆ “ฟางหยวนขโมยตําแหน่งผู้นํานิกายเงาไปเราเป็นสมาชิกที่แท้จริงของนิกายเงา!”
จิตใจของไปหนิงปังสั่นไหว นางเริ่มคาดเดา “เทพปีศาจจิตวิญญาณฟื้นคืนชีพแล้วพวกเจ้าต้องการต่อต้านฟางหยวนผ่านข้า!”
“เจ้าคิดอย่างไร? เข้าร่วมกับพวกเรา เจ้าไม่ต้องการกําจัดฟางหยวนและปลดปล่อยตนเองจากพันธนาการทั้งหมดงั้นหรือ?” เทพธิดาจื่อเว่ยล่อลวง
ไปหนิงปิงเย้ยหยัน “แน่นอน ข้าต้องการอิสระ แต่สิ่งใดคือความแตกต่างระหว่างการเข้าร่วมกับพวกเจ้าและการเข้าร่วมกับฟางหยวนในความเป็นจริงพวกเจ้ายังจะสะกดข่มข้ามากกว่าฟางหยวน!”
นางสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติ เขาตระหนักว่าเทพธิดาจื่อเว่ยและเฒ่าเพิ่งหยวนตกเป็นทาสของเทพปีศาจจิตวิญญาณเรียบร้อยแล้ว
หากไปหนิงปิงยืนอยู่ข้างฟางหยวน อย่างน้อยนางก็ยังอยู่ในฐานะพันธมิตรแต่หากนางเข้าร่วมนิกายเงาที่อยู่ต่อหน้านางในเวลานี้นางจะตกเป็นทาสของเทพปีศาจจิตวิญญาณ
เทพธิดาจ๋อเว่ยพยักหน้า “แต่เจ้าไม่มีทางเลือก ถูกต้องหรือไม่?”
เฒ่าเพิ่งหยวนกล่าวเสริม “ยอมจํานนหรือตาย? เลือก”
ไปหนิงปิงเงียบไปชั่วครู่ก่อนที่นางจะพยักหน้า “ข้าจะเข้าร่วมกับพวกเจ้า”
เฒ่าเจิ้งหยวนตบไหล่ไปหนิงปิง“นี่เป็นทางเลือกที่ฉลาด ผ่อนคลายเถอะเราจะจัดการข้อตกลงพันธมิตรบนเส้นทางแห่งข้อมูลของเจ้าแต่สถานะมนุษย์มังกรของเจ้าค่อนข้างล่าบากฟางหยวนอาจช่วยเจ้าดัดแปลงร่างมนุษย์มังกรมันเป็นเรื่องยากที่จะกําจัดสิ่งนี้ภายในระยะเวลาสั้นๆ”
“ไม่เป็นไรข้าชินแล้ว” ไปหนิงปิงกล่าวอย่างไม่แยแส
ย้อยกลับไปนางออกเดินทางจากภูเขาซึ่งเหมามาพร้อมกับฟางหยวนจากนั้นนางก็เข้าร่วมกับนิกายเงาและถูกควบคุมโดยม่านเยี่ยนซื้อต่อมานางกลับมาอยู่กับฟางหยวนอีกครั้งและกลายเป็นมนุษย์มังกรยุคใหม่ตอนนี้นางถูกเทพธิดาจื่อเว่ยจับตัวอีกครั้ง
ไปหนิงปิงพูดถูก นางเคยชินกับเรื่องนี้แล้ว
แทบจะในเวลาเดียวกันที่ถ้ําสวรรค์วิญญาณสงบ
“ท่านป่า นี่คือแก่นแท้อสูรวิญญาณที่ข้าได้รับมาเมื่อเร็วๆนี้ มันแปลกมากโปรดพิจารณา” อันซุนโค้งคํานับและมอบแก่นแท้อสูรวิญญาณด้วยความเคารพ
ท่านหญิงธุลีเย็นรับแก่นแท้อสูรวิญญาณเอาไว้อย่างระมัดระวัง
นางเคยเห็นแก่นแท้อสูรวิญญาณมานับไม่ถ้วน แต่นางไม่เคยเห็นแก่นแท้อสูรวิญญาณเช่นนี้มาก่อน มันมีแสงสีดาไหลเวียนอยู่บนพื้นผิวนี่เป็นสิ่งที่แปลกประหลาด
ทันใดนั้น!
แสงสีดําก็พุ่งเข้าสู่ร่างกายของนางและจับกุมดวงวิญญาณของนางเอาไว้
เมื่อนางสามารถตอบสนอง นางก็ตกลงสู่หลุมพรางของหลานชายคนสนิทเรียบร้อยแล้ว
“อันซุน เจ้า!” ท่านหญิงธุลีเย็นเลี้ยงดูอันซุนมาอย่างทะนุทะนอม นางไม่เคยคาดหวังว่านางจะถูกหักหลัง
ท่านหญิงธุลีเย็นดิ้นรนอย่างหนักก่อนที่นางจะผุดลุกขึ้นยืนอย่างกะทันหัน
อันซุนตกใจมากเขาเร่งก้าวถอยหลัง
แต่ในเวลาต่อมา ท่านหญิงธุลีเย็นก็นั่งลงอีกครั้ง
นางคร่ครวญด้วยความเจ็บปวด ในที่สุดนางก็ไม่สามารถขัดขืนและยืนขึ้นอย่างเงียบๆ
อันซุนก้มลงหมอบกราบอยู่บนพื้น “ผู้ใต้บังคับบัญชาคารวะนายท่าน”
เสียงของเทพปีศาจจิตวิญญาณดังออกมาจากปากของท่านหญิงธุลีเย็น “ร่างกายนี้ค่อนข้างดีข้าจะใช้ร่างนี้เพื่อเข้าใกล้ส่วย”
เทพปีศาจจิตวิญญาณไม่มีวิญญาณความเด็ดเดี่ยว เขาทําได้เพียงกลืนกินแก่นแท้อสูรวิญญาณและย่อยพวกมันอย่างช้าๆ
เมื่อเวลาผ่านไป เขาฟื้นพลังได้บางส่วน ดังนั้นเขาจึงสามารถจัดการท่านหญิงธุลีเย็น
ตอนนี้ถ้าสวรรค์วิญญาณสงบตกเป็นของเขาแล้ว!