Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน - บทที่ 2025 พลังปราณทั้งสาม
วังสวรรค์สว่างไสวตลอดเวลา
ฟางหยวนในร่างบรรพชนทะเลปราณมาถึงที่นี่แล้ว
เขาลอยอยู่กลางอากาศและสังเกตผลไม้ปราณที่อยู่ด้านหน้า
ผลไม้ปราณของวังสวรรค์ใหญ่โตเหนือจินตนาการ มันเหมือนภูเขาขนาดมหึมา
‘ผลไม้ปราณขนาดใหญ่เช่นนี้ไม่สามารถเติบโตขึ้นในถ้ําสวรรค์ระดับแปดทั่วไป มีเพียงวังสวรรค์เท่านั้นที่มีรากฐานระดับนี้’ ฟางหยวนลอบถอนหายใจ
ครั้งสุดท้ายที่เขามาเยือนวังสวรรค์คือสงครามชะตากรรม เขาทําให้วังสวรรค์พ่ายแพ้อย่างยับเยิน อย่างไรก็ตามคราวนี้เขามาที่นี่เพื่อช่วยเหลือวังสวรรค์แก้ปัญหาภัยคุกคามจากผลไม้ปราณ
“เป็นอย่างไรบ้าง?” ฉินติงหลิงถามมาจากด้านข้าง
ฟางหยวนพยักหน้า “นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าเห็นผลไม้ปราณขนาดใหญ่โตเช่นนี้ มันแสดงให้เห็นถึงรากฐานที่ไม่อาจหยั่ง วังสวรรค์เป็นกองกําลังอันดับหนึ่งของโลกอย่างแท้จริง”
เขาหยุดก่อนกล่าวต่อ “หลังจากตรวจสอบ แม้วิธีการของข้าจะได้ผล แต่ผล ไม้ปราณลูกนี้ใหญ่โตเกินไป เราต้องพึ่งพาค่ายกลวิญญาณอมตะ นอกจากนั้นยิ่ง เรามีวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งพลังปราณมากเท่าใด เราก็สามารถประหยัดเวลาได้มากเท่านั้น”
ฉินติงหลิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “ไม่ใช่ว่าเราจัดตั้งค่ายกลวิญญาณอมตะ เรียบร้อยแล้วเช่นนั้นหรือ?”
ฟางหยวนส่ายศีรษะ “ไม่ ค่ายกลนั้นเป็นเพียงการขยายพลังอํานาจของท่า ไม้ตายบนเส้นทางแห่งพลังปราณของข้า วิธีการที่แท้จริงในการกําจัดผลไม้ปราณยังคงเป็นท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งพลังปราณที่ข้าจะใช้”
ฉินติงหลิงพยักหน้าเมื่อได้ยินเรื่องนี้ คําอธิบายของเขาสมเหตุสมผล
นางเผยรอยยิ้มและนําวิญญาณอมตะระดับแปดบนเส้นทางแห่งพลังปราณ
ออกมา “วังสวรรค์ไม่ขาดแคลนวิญญาณอมตะ เพื่อแก้ปัญหาของผลไม้ปราณ วัง สวรรค์ยินดีใช้ทรัพยากรบนเส้นทางแห่งพลังปราณทั้งหมดของเรา บรรพชนโปรดพิจารณาวิญญาณอมตะดวงนี้”
ฟางหยวนมองมัน
“อย่าบอกว่านี่คือ…วิญญาณอมตะปราณมนุษย์?” รูม่านตาของฟางหยวนหด เล็กลง การแสดงออกของเขาเปลี่ยนแปลงไป
ฉิงติงหลิงส่งวิญญาณอมตะปราณมนุษย์ให้กับฟางหยวนโดยไม่ลังเล
ฟางหยวนรับมันไว้ “วิญญาณที่ดี วิญญาณดวงนี้เกี่ยวข้องกับเส้นทางมนุษย์ มันสามารถพัฒนาได้ในอนาคต!”
ฉินติงหลิงยิ้มและนําวิญญาณอมตะดวงที่สองออกมามอบให้ฟางหยวนมันคือวิญญาณอมตะปราณพิภพ
มือซ้ายของฟางหยวนถือวิญญาณอมตะปราณมนุษย์ขณะที่มือขวาถือ วิญญาณอมตะปราณพิภพ เขามองพวกมันด้วยความสนใจ “วิเศษมาก วิเศษมาก”
“และนี่คือวิญญาณอมตะปราณสวรรค์” ฉินติงหลิงกล่าวและส่งวิญญาณอมตะดวงที่สามให้กับฟางหยวน
ฟางหยวนแสดงออกอย่างเคร่งขรึม “วิญญาณอมตะปราณสวรรค์เกี่ยวข้องกับ เส้นทางสวรรค์ กล่าวตามตรง วิธีที่ข้าสร้างขึ้นเพื่อจัดการผลไม้ปราณประสบความสําเร็จหลังจากข้าเข้าใจร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางสวรรค์หากข้ามีวิญญาณอมตะดวงนี้ ข้าจะประสบความสําเร็จเร็วกว่านี้มาก”
“ท่ามกลางเส้นทางการบ่มเพาะมากมาย เส้นทางมนุษย์และเส้นทางสวรรค์ เป็นสิ่งพิเศษที่สุด บรรพชน ท่านมาถึงจุดสูงสุดบนเส้นทางแห่งพลังปราณแล้วท่านสามารถเลียนแบบเส้นทางสายอื่นได้อย่างง่ายดายและสามารถทําความเข้าใจความหมายที่แท้จริงของเส้นทางต่างๆ” ฉินติงหลิงยกย่องก่อนจะเปลี่ยนประเด็น “วิญญาณอมตะทั้งสามดวงนี้เป็นแกนกลางของท่าไม้ตายอมตะดูดกลืน พลังปราณทั้งสาม พวกมันเป็นสมบัติล้ําค่าของวังสวรรค์ มีเพียงสมาชิกของวังสวรรค์เท่านั้นที่สามารถครอบครองพวกมัน”
ฉินติงหลิงบอกเป็นนัยว่าบรรพชนทะเลปราณจะได้รับวิญญาณอมตะเหล่านี้หากเขาเข้าร่วมกับวังสวรรค์
หลังจากได้ยินเรื่องนี้ ฟางหยวนแสดงออกด้วยความลังเลแต่ลอบยิ้มอยู่ภายใน
นี่เป็นเพียงการแสดง
หากเขาบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งพลังปราณจริงๆ วิญญาณอมตะทั้งสามดวง อาจมีเสน่ห์ดึงดูดใจอย่างไม่น่าเชื่อ ฟางหยวนเคยลองใช้วิญญาณอมตะดวงอื่นเป็นแกนกลางของท่าไม้ตายอมตะดูดกลืนพลังปราณทั้งสามมาแล้ว แต่พวกมัน ไม่สามารถทดแทน แม้เขาจะสามารถใช้ท่าไม้ตายดังกล่าว แต่พลังอํานาจของ มันจะลดลงอย่างมาก
ดังนั้นแม้ฟางหยวนจะได้รับมรดกที่แท้จริงของเทพอมตะแรกกําเนิดแต่มันกลับไม่มีประโยชน์มากนัก
นอกจากนี้บรรพชนทะเลปราณก็เป็นเพียงหนึ่งในร่างปลอมของฟางหยวนเท่านั้น ขณะที่เขาไม่ขาดแคลนวิญญาณอมตะระดับแปด ในความเป็นจริงเขา กระทั่งมีมากเกินไป
ในสายตาของฟางหยวน มีเพียงวิญญาณอมตะระดับเก้าเท่านั้นที่สามารถ ดึงดูดความสนใจของเขา
แต่วิญญาณอมตะระดับเก้าหายากเกินไป
เดิมทีเขามีวิญญาณสติปัญญา แต่มันเป็นการจัดเตรียมของเทพอมตะตะวันเดือด เขาต้องสละมันในสงครามชะตากรรม
ฉินติงหลิงให้บรรพชนทะเลปราณยืมวิญญาณอมตะทั้งสามดวง นอกจากนี้ นางยังใช้วิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งพลังปราณอีกหลายดวงเพื่อจัดตั้งค่ายกลวิญญาณอมตะ
ด้วยความช่วยเหลือทั้งหมด ค่ายกลวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งพลังปราณ จึงถูกจัดตั้งขึ้นอย่างสมบูรณ์ภายในเวลาไม่กี่วัน
ฟางหยวนและผู้อมตะวังสวรรค์เริ่มควบคุมค่ายกลวิญญาณอมตะ
ผู้ควบคุมค่ายกลหลักคือฟางหยวนโดยธรรมชาติ
ค่ายกลย่อยอื่นๆอยู่ภายใต้การดูแลของผู้อมตะวังสวรรค์ พวกเขาช่วยบรรพ ชนทะเลปราณขณะเดียวกันก็คอยเฝ้าดูแลสอดส่องการกระทําของเขา
บรรพชนทะเลปราณเป็นคนนอก แม้พวกเขาจะมีข้อตกลงพันธมิตร แต่เขา ไม่ใช่สมาชิกที่แท้จริงของวังสวรรค์ แล้ววังสวรรค์จะไม่ป้องกันเขาได้อย่างไร
ในความเป็นจริงนอกจากผู้อมตะวังสวรรค์ยังมีวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่ง พลังปราณที่ฉินติงหลิงให้ยืม หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด วังสวรรค์สามารถนํา พวกมันกลับคืนและทําให้บรรพชนทะเลปราณสูญเสียการควบคุมค่ายกลทั้งหมด
การจัดตั้งค่ายกลวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งพลังปราณนี้อยู่ภายใต้การเฝ้ามองของผู้อมตะวังสวรรค์ แม้พวกเขาจะมีความสําเร็จบนเส้นทางแห่งพลัง ปราณไม่มาก แต่พวกเขายังมีความรู้ทั่วไป มันยากที่จะหลอกลวงพวกเขานอกจากนี้ฟางหยวนก็ไม่ได้ปิดบังสิ่งใด
ค่ายกลวิญญาณอมตะไม่มีปัญหา
“วิญญาณอมตะปราณพิภพ ไป!” ฟางหยวนใช้วิญญาณอมตะปราณพิภพเป็นดวงแรก
วิญญาณอมตะปราณพิภพบินไปอยู่ใต้ผลไม้ปราณ
“บึม!”
ทันใดนั้นเสียงระเบิดก็ดังขึ้น พื้นดินที่อยู่ด้านล่างผลไม้ปราณเกิดการสั่นสะเทือนอย่างต่อเนื่อง
ฟางหยวนเริ่มรวบรวมปราณพิภพ ผู้อมตะของวังสวรรค์ลงมือเช่นกัน บางคนช่วยรวบรวมปราณพิภพ บางคนควบคุมค่ายกลย่อยอื่นๆ
ขณะที่ฟางหยวนกําลังยุ่งอยู่กับค่ายกลวิญญาณอมตะ ลึกลงไปใต้ดินขอวัง
สวรรค์ ร่างใหญ่โตของชิงโจวราวกับรูปปั้นตั้งอยู่ที่นี่
“ครืน…”
เป็นเพียงเวลานี้ที่รอยแตกร้าวของพื้นดินปรากฏขึ้น แต่นักพเนจรหัวใจสีชาติไม่ตกใจ เขาเร่งดําเนินการเพื่อรักษาเสถียรภาพของสถานการณ์ทันที
“เกิดสิ่งใดขึ้น?” ชิงโจวกล่าวแต่มันเป็นเสียงของเทพธิดาเก้าวิญญาณ
เทพธิดาเก้าวิญญาณแทรกซึมอยู่ในร่างกายของชิงโจวและพยายามปรับแต่งวิญญาณความเกลียดชัง
“ดูเหมือนบรรพชนทะเลปราณจะเริ่มใช้ค่ายกลวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่ง พลังปราณแล้ว เขาใช้วิญญาณอมตะปราณพิภพเป็นรากฐาน สิ่งนี้จะส่งผลกระ ทบต่อเส้นโลหิตปฐพี เราอยู่ใกล้มาก ดังนั้นเราจึงได้รับอิทธิพลจากมัน” นัก พเนจรหัวใจสีชาติกล่าว “ก่อนหน้านี้เจ้าอยู่ในช่วงเวลาสําคัญ ดังนั้นข้าจึงไม่ได้ บอกเจ้า แต่ไม่จําเป็นต้องกังวล สิ่งนี้จะไม่ขัดขวางแผนการของเรา”
“อืม” เทพธิดาเก้าวิญญาณหยุดวิตกและกล่าวต่อ “เช่นนั้นเราก็รีบจัดการ ภารกิจของเรากันเถอะ หากเราสามารถปรับแต่งวิญญาณความเกลียดชังได้ สําเร็จพร้อมกับการกําจัดผลไม้ปราณ วังสวรรค์จะมีเรื่องน่ายินดีมากขึ้น”
วันต่อมา บรรพชนทะเลปราณก็เริ่มใช้วิธีการของเขาเพื่อกําจัดผลไม้ปราณแต่ผลไม้ปราณของวังสวรรค์ใหญ่โตเกินไป พวกเขาต้องใช้เวลาพอสมควรในการกําจัดมันออกไปทั้งหมด
หลายวันผ่านไป ผลไม้ปราณถูกกําจัดออกไปมากกว่าสิบส่วน
ฉินติงหลิงรีบไปหาบรรพชนทะเลปราณและแสดงออกอย่างเคร่งขรึม “บรรพชน สถานการณ์ในทะเลตะวันออกเปลี่ยนไป มันไม่ดีนัก
บรรพชนทะเลปราณแสดงออกด้วยความตกใจ “เกิดสิ่งใดขึ้น?”
“อู๋ส่วยนํากองกําลังพันธมิตรสองสวรรค์บุกโจมตีกองกําลังของทะเลตะวัน ออกอย่างกะทันหัน เนื่องจากมันเป็นการโจมตีอย่างกะทันหัน ความสูญเสียจึงค่อนข้างรุนแรง” ฉินติงหลิงกล่าว
“ข่าวที่ข้ามาที่นี่ควรถูกเก็บเป็นความลับ เรื่องนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร? อู๋ช่วยรู้ได้ อย่างไร?” การแสดงออกของบรรพชนทะเลปราณเปลี่ยนแปลงไป น้ําเสียงของเขาแสดงให้เห็นถึงความวิตกกังวล
“บรรพชน ท่านต้องการกลับไปช่วยทะเลตะวันออกหรือไม่?” ฉินติงหลิงจงใจถาม
บรรพชนทะเลปราณขมวดคิ้ว “เป็นเช่นนั้น แต่ข้าไม่สามารถหยุดตอนนี้ มันอาจเกิดปัญหา”
ฉินติงหลิงป้องหมัดขึ้น “บรรพชนโปรดพิจารณาภาพรวม! ไม่มีผู้ใดคาดคิดว่า อู๋ส่วยจะบุกโจมตี แต่หากท่านกลับไปตอนนี้ มันจะเป็นสิ่งที่อู๋ส่วยอยากเห็น หลัง จากกําจัดผลไม้ปราณ เราจะปลอดภัย เมื่อเวลานั้นมาถึง ท่านสามารถนําผู้อมตะ ของวังสวรรค์ของเราไปยังทะเลตะวันออกเพื่อตอบโต้ ท่านสามารถกล่าวว่าท่าน มาขอกําลังเสริมจากวังสวรรค์แต่อู๋ส่วยกักขังท่านไว้ชั่วคราว ด้วยการร่วมมือของ เรา เราจะกําจัดอู๋ส่วยและกองกําลังพันธมิตรสองสวรค์ได้อย่างแน่นอน นั่นคือวิธีที่จะได้รับชัยชนะที่แท้จริง!”
บรรพชนทะเลปราณไม่พูดแต่มองฉินติงหลิงอย่างลึกซึ้ง
หลังจากนั้นเขาก็เปิดปากกล่าวด้วยน้ําเสียงเคร่งขรึม “อู๋ส่วยโจมตีเต็มกําลัง เขาต้องเตรียมพร้อมสําหรับสิ่งนี้ล่วงหน้า วังสวรรค์รู้แผนการของพวกเขามาก่อนหรือไม่?”
“ไม่อย่างแน่นอน” ฉินติงหลิงส่ายศีรษะและแสดงออกด้วยทัศนคติที่หนักแน่น
บรรพชนทะเลปราณก่นเสียงเย็นก่อนจะถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ “ลืมมันไปเถอะ ข้าจะอยู่ที่นี่และจัดการผลไม้ปราณ แต่ในช่วงเวลานี้ข้าต้องการให้วัง สวรรค์ส่งคนไปช่วยทะเลตะวันออก!”
ฉินติงหลิงถอนหายใจเช่นกัน “พวกเราจะทําให้ดีที่สุด”
บรรพชนทะเลปราณกัดฟันกล่าว “หลังจากกําจัดผลไม้ปราณ ข้าจะกลับไป
ช่วยพวกเขา แต่การควบคุมค่ายกลวิญญาณอมตะอย่างไม่หยุดยั้งในช่วงนี้จะทําให้พลังการต่อสู้ของข้าลดลง ข้าต้องการให้วังสวรรค์มอบวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งพลังปราณทั้งสามดวงให้ข้าเพื่อฆ่าศัตรู”
การแสดงออกของฉินติงหลิงเปลี่ยนแปลงไป แม้บรรพชนทะเลปราณจะกล่าว ด้วยถ้อยคําที่สุภาพ แต่รางวัลที่เขาขอไร้สาระเกินไป มันเกินขีดจํากัดของนาง ฉินติงหลิงปฏิเสธ “วิญญาณอมตะทั้งสามดวงนี้เป้นสมบัติของวังสวรรค์ เรา สามารถมอบให้สมาชิก…”
แต่ก่อนที่นางจะกล่าวจบประโยค บรรพชนทะเลปราณกลับกล่าวขัดจังหวะ “ผู้อมตะของทะเลตะวันออกล้วนเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของข้า!”
ฉินติงหลิงยังส่ายศีรษะ “เราจะจดจําการเสียสละของบรรพชนทะเลปราณเอาไว้ แต่กระทั่งข้าจะเป็นผู้นําของวังสวรรค์ แต่ข้าก็ไม่สามารถมอบวิญญาณอมตะ ระดับแปดทั้งสามดวงให้ท่าน อย่างมากที่สุดเราก็สามารถมอบวิญญาณอมตะให้ ท่านเพียงดวงเดียวเท่านั้น”
“วิญญาณอมตะเพียงดวงเดียวจะเปรียบเทียบกับผู้คนมากมายได้อย่างไร?”
บรรพชนทะเลปราณเริ่มแสดงความโกรธออกมา
“บึม!”
ขณะที่ทั้งสองกําลังเจรจา เสียงระเบิดกลับดังขึ้นจากท้องฟ้า
คฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปดหลังหนึ่งบุกเข้ามาในวังสวรรค์โดยตรง
ผู้อมตะของวังสวรรค์ตกตะลึง
มันคือวังมังกร!
“นี่เป็นไปได้อย่างไร?” ฉินติงหลิงไม่สามารถเสียเวลาทะเลาะกับบรรพชน
ทะเลปราณอีกต่อไป นางรีบบินออกจากค่ายกลวิญญาณอมตะเพื่อเผชิญหน้ากับศัตรูทันที
ประตูของวังมังกรเปิดออก อู๋ส่วยส่งเสียงออกมาจากบังลังก์มังกร “ฉินติงหลิง เราพบกันอีกครั้ง”
“อู๋ส่วย เหตุใดเจ้าจึงอยู่ที่นี่?” ฉินติงหลิงตะโกนถาม
อู๋ส่วยเผยรอยยิ้มเย็นชาขณะที่เขาเตะศีรษะที่อยู่ใกล้เท้าของเขา
ศีรษะกลิ้งออกไปจากวังมังกร ดวงตาของคนผู้นี้ยังเบิกกว้าง มันคือศีรษะของราชาหมาป่าราตรีสวรรค์!
“จิ้งจอกเฒ่าทะเลปราณสามารถกําจัดผลไม้ปราณ วังสวรรค์ของเจ้าต้องการปกปิดข้อมูลนี้และกําจัดภัยคุกคามอย่างลับๆ อ่าฮ่า ช่างน่าคิดถึงนัก ข้ามาที่นี่ เพื่อทําลายวังสวรรค์ของเจ้าและฆ่าตาแก่ทะเลปราณ มาดูกันว่าผู้ใดจะสามารถหยุดข้า!”
อู๋ส่วยยืนขึ้นและโบกมือ “ฆ่า!”
ในเวลาต่อมา กองทัพผู้อมตะก็บินออกจากวังมังกรและโจมตีวังสวรรค์อย่างดุเดือด