Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน - บทที่ 2039 เทือกเขาวายุวิปโยค
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 2039 เทือกเขาวายุวิปโยค
“มันยาก” ฟางหยวนถอนหายใจ
แทบจะในเวลาเดียวกันที่เทพปีศาจจิตวิญญาณเริ่มโจมตีวังมังกรอีกครั้ง
เทพปีศาจจิตวิญญาณตะโกนเสียงเย็น “ฟางหยวนเจ้าช่างน่าผิดหวังนักเจ้าจะซ่อนตัวอกนานเท่าใดข้าจะบอกความจริงกับเจ้าเทพธิดาจ๋อเว่ยอนุมานตําแหน่งของเจ้าเรียบร้อยแล้ว!”
“ฝากความหวังไว้กับการหลอกลวง นี่คือวิถีของคนอ่อนแอ วิญญาณทารกอมตะอยู่กับคนเช่นเจ้าช่างสูญเปล่านัก!”
“ออกมาต่อสู้กับข้า ในกรณีนี้แม้เจ้าจะตาย คนทั้งโลกก็จะไม่พูดว่าเจ้าขี้ขลาดหวาดกลัวผู้แข็งแกร่งและรังแกคนอ่อนแอ
“บัดซบ!” อู่ส่วยกัดฟันแน่นเมื่อความหวังของเขาพังทลายลง
ฟางหยวนก่นเสียงเย็น เขาไม่ตอบ จากมุมมองของเขา ชื่อเสียงไม่มีความสําคัญสิ่งที่เขาสนใจคือเทพธิดาจ๋อเว่ยประสบความสําเร็จในการอนุมานตําแหน่งของเขาจริงๆหรือมันเป็นเพียงการหลอกล่อของเทพปีศาจจิตวิญญาณ
บรรพชนทะเลปราณจากมาแล้ว ดังนั้นฟางหยวนจึงไม่รู้สถานการณ์ที่นั่น
“กระทั่งตอนนี้เทพธิดาจื่อเว่ยก็ยังอนุมานอยู่เราไม่สามารถลืมความเป็นไปได้อื่นบางทีนางอาจกําลังแสดงละครเพื่อถ่วงเวลาวังสวรรค์และถ้ําสวรรค์นิรันดรแต่ลอบส่งผลลัพธ์ให้กับเทพปีศาจจิตวิญญาณเท่านั้น”ฟางหยวนถอนหายใจก่อนจะปัดค่าถามนี้ทิ้งไปอย่างรวดเร็ว
เขาไม่มีทางเลือกนอกจากต้องลงมือกระทําการบางอย่าง
ฟางหยวนนําอสูรปีแรกกําเนิดหลายตัวออกมาจากมิติช่องว่างจักรพรรดิ
กองทัพอสูรูปีแรกกําเนิดพุ่งออกจากวังมังกร บางตัวพยายามทําลายวังวนแสงสีดาบางตัวพุ่งเข้าโจมตีเทพปีศาจจิตวิญญาณ
“ไร้ประโยชน์!” เทพปีศาจจิตวิญญาณส่งควันสีดําออกจากร่างและปกคลุมพื้นที่รอบๆเอาไว้ทั้งหมด
เขาชี้นิ้วออกไป ควันสีด่ากลายเป็นโซ่ควันพันธนาการอสูรปีแรกกาเนิด
อสรปีแรกกําเนิดพยายามดิ้นรนต่อต้านแต่หลังจากไม่นานพวกมันก็ไม่สามารถขยับเขยือน
“กลอุบายเล็กๆน้อยๆเหล่านี้ช่างน่าผิดหวังนัก ฟางหยวน” เทพปีศาจจิตวิญญาณเย้ยหยันและบินขึ้นไปด้านบนของวังวนแสงสีดํา
คฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปดวังมังกรดูเหมือนของเล่นที่ไร้อันตราย
อู่ส่วยกัดฟันแน่นและกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะหมอกชวนฝัน
เทพปีศาจจิตวิญญาณหัวเราะก่อนจะคายกลุ่มก้อนดวงวิญญาณออกมาจากปาก
ดวงวิญญาณพุ่งเข้าสู่ร่างของอสูรปีแรกก่าเนิด
พวกมันถูกปล่อยออกจากพันธนาการก่อนจะพุ่งเข้าหาวังมังกรอย่างบ้าคลั่ง
อสูรปีแรกกําเนิดกระโจนเข้าสู่หมอกชวนฝันโดยตรง
อู่ส่วยรู้สึกสิ้นหวัง หมอกชวนฝันกลายเป็นไร้ประโยชน์เทพปีศาจจิตวิญญาณสามารถควบคุมสถานการณ์ได้อย่างสมบูรณ์
ท่าไม้ตายบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณที่เทพปีศาจจิตวิญญาณใช้ออกมาในช่วงเวลานี้ล้วนเป็นสิ่งที่ฟางหยวนและอู่ส่วยไม่เคยเห็นมาก่อน
อาจกล่าวได้ว่ารากฐานของผู้อมตะระดับเก้ายากที่จะหยั่งถึง
ห่างออกไปบนท้องฟ้า ค่ายกลวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของเทพธิดาจื่อเว่ยยังทํางานอย่างต่อเนื่อง
เทพธิดาจอเว่ยควบคุมค่ายกลอยู่ที่จุดศูนย์กลางของมันนางแสดงให้ทุกคนเห็นว่านางกําลังทํางานอย่างหนัก
คฤหาสน์วิญญาณอมตะของวังสวรรค์และถ่สวรรค์นิรันดรลอยอยู่รอบๆค่ายกลวิญญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา
ฉินติงหลิงมองมันอย่างเงียบๆ ก่อนหน้านี้นางได้รับข่าวว่าผู้อมตะสองสามคนที่อยู่ในวังสวรรค์ประสบความสําเร็จในการปราบปรามจางเฉิง
จางเฉิงถูกโจมตีโดยท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งพลังปราณของเทพอมตะแรกกําเนิดพลังการต่อสู้ของมันลดลงอย่างมาก เมื่อไม่
ได้รับความช่วยเหลือจากฟางหยวน มันจึงถูกกําหราบ โดยผู้อมตะของวังสวรรค์ในที่สุด
เพียงจุดนี้ก็สามารถมองเห็นความกังวลของฟางหยวนได้อย่างชัดเจนเขาละทิ้งจางเฉิงนี่แสดงให้เห็นว่าเขาอยู่ในสภาพที่อ่อนแอมาก
ข้อเท็จจริงนี้ทําให้เจตนาสังหารของฉินติงหลิงที่มีต่อฟางหยวนพุ่งสูงขึ้นไปอีก
นี่เป็นโอกาสที่หาได้ยากและไม่สามารถสูญเสีย
หลังจากปราบปรามติ์จางเฉิง ผู้อมตะที่อยู่ในวังสวรรค์เริ่มซ่อมแซมถ้ําสวรรค์ของพวกเขาอย่างเร่งด่วนในที่สุดวิกฤตของวังสวรรค์ก็คลี่คลายลง
สิ่งนี้ทําให้ฉินติงหลิงสามารถถอนหายใจด้วยความโล่งอกแต่นางยังกังวลเรื่องอื่น
“บรรพชนทะเลปราณพึ่งจากไป ด้วยความเร็วและทิศทางของวังมังกร มันควรจะไปถึงช่องเขาล่าไส้แล้ว”ฉินติงหลิงคิดกับตนเอง
วังมังกรบินเข้าสู่ภาคกลาง นี่ทําให้ทั้งสวรรค์กังวลว่ามันจะก่อให้เกิดความสูญเสียครั้งใหญ่
ช่องเขาลําไส้อยู่ทางทิศเหนือของเทือกเขาวายุวิปโยค มันอยู่ภายใต้การปกครองของนิกายวิหารสวรรค์สีดํา
ฉินติงหลิงส่งคําสั่งไปยังนิกายวิหารสวรรค์สีดําเรียบร้อยแล้ว นางบอกให้พวกเขานําคฤหาสน์วิญญาณอมตะเดินทางไปยังช่องเขาล่าไส้หากมีโอกาส พวกเขาสามารถโจมตีหากศัตรูแข็งแกร่งเกินไปพวกเขาสามารถละทิ้งช่องเขาลําไส้และรักษาความแข็งแกร่งของตนเอง
หลังจากได้รับคําสั่งจากวังสวรรค์ นิกายวิหารสวรรค์สีดําเร่งระดมกําลังและดําเนินการทันที
แต่หลังจากรอคอยมาเป็นเวลานาน พวกเขาก็ยังไม่เห็นวังมังกรหรือเทพปีศาจจิตวิญญาณ
ฉินติงหลิงไม่รู้ว่าเทพปีศาจจิตวิญญาณหยุดวังมังกรไว้กลางทาง พวกเขายังอยู่บนท้องฟ้าเหนือเทือกเขาวายวิปโยค
เทือกเขาวายุวิปโยคกว้างใหญ่มาก มันทอดตัวยาวออกไปหลายแสนลี้ อย่างไรก็ตามเปรียบเทียบกับเทือกเขาอื่นมันค่อนข้างแห้งแล้งดังนั้นแม้ที่นี่จะเป็นอาณาเขตของนิกายวิหารสวรรค์ดําพวกเขาก็ไม่สนใจมันมากนัก
เทือเขาวายุวิปโยคสร้างทรัพยากรบนเส้นทางแห่งวายุในอดีตผู้อมตะของนิกายเมฆาวายุเคยมาฝึกตนอยู่ที่นี่เพียงลําพังและสามารถก้าวเข้าสู่ระดับแปดคนผู้นี้คือเฒ่าไปเฟิงน่าเสียดายที่ชีวิตของเขาเต็มไปด้วยความยากลําบากเขาถูกจับโดยอู่ส่วยและตกเป็นทาสของวังมังกร ในการต่อสู้ที่ดเดือดก่อนหน้านี้เฒ่าไปเฟิงเสียชีวิตไปแล้ว
เขาไม่ใช่คนเดียวแต่แม่ทัพมังกรทั้งหมดต่างเสียชีวิตในการต่อสู้ครั้งนี้ กระทั่งทาสที่แข็งแกร่งที่สุดเช่นตี้จางเฉิงยังถูกวังสวรรค์ก่าหราบ
บนยอดเขาแห่งหนึ่งของเทือกเขาวายุวิปโยค
เด็กเลี้ยงแกะหลายคนกําาลังทะเลาะกัน
เด็กหนุ่มผู้หนึ่งถูกรังแกเขาเป็นคนที่อ่อนแอและผอมบางที่สุด เขาถอยกลับไปหลายก้าวท่ามกลางการโต้เถียง
“หวังเซียวเอ๋อ ภูเขาลูกนี้เป็นของพวกเรา ไม่มีที่สําหรับเจ้า!”
“รีบไป ไปให้พ้นสายตาของเรา”
เด็กหลายคนในชุดหนังสัตว์กล่าวด้วยท่าทางชั่วร้าย
เสื้อผ้าของหวังเซียวเอ๋อถูกตัดเย็บจากเศษผ้าหลายชิ้น นั่นทําให้เขาดูเหมือนขอทาน
เขาขัดขึ้นอย่างอ่อนแรง “แต่แกะของข้าต้องการอาหาร หากข้าไม่ให้อาหารพวกมัน ลุงกับป้าจะทุบตีข้า”
กลุ่มเด็กที่ชั่วร้ายหัวเราะเสียงดัง คนที่แข็งแกร่งที่สุดผลักหวังเซียวเอ๋อลงบนพื้น
“ไปภูเขาลูกอื่น มีหญ้าอยู่ที่นั่น อย่ามาแย่งหญ้าของข้า มิฉะนั้นข้าจะหักขาของเจ้า!”คนหนุ่มกล้ามโตข่มขู่
หวังเซียวเอ๋อพยายามลุกขึ้น เขาไม่ได้ขัดขืน เขาเพียงต้อนฝูงแกะของเขาและจากไปอย่างเงียบๆ
หวังเซียวเอ๋อเดินข้ามแม่น้ำและเส้นทางภูเขาที่สูงชัน ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยรอยฟกช้ํามีเพียงฝูงแกะเท่านั้นที่ไม่พบปัญหาในการเดินทาง
ในที่สุดหวังเซียวเอ๋อก็พบทุ่งหญ้าผืนเล็กๆแห่งหนึ่ง ฝูงแกะที่เหนื่อยล้าจากการเดินทางรีบวิ่งเข้าไปกินอาหารของพวกมัน
หวังเซียวเอ่อล้มตัวนอนลงบนพื้นและมองฝูงแกะแย่งกันกินอาหาร เขาถอนหายใจกับตนเอง“ช่วงนี้ลมภูเขารุนแรงขึ้นเรื่อยๆทุ่งหญ้าก็เหลือน้อยลงนั่นเป็นเหตุผลที่พวกเขาไล่ข้าออกมา”
ทุ่งหญ้าเล็กๆไม่เพียงพอสําหรับฝูงแกะทั้งหมด บางตัวกินอิ่มแต่บางตัวยังหิวโหย
หวังเซียวเอ๋อส่ายศีรษะ หากเขาต้องการเลี้ยงแกะทั้งหมด เขาต้องเดินทางต่อแต่นั่นจะทําให้เขาเสียเวลาและพลังงานอย่างมาก
“โอ้ เจ้าแกะ อย่างน้อยพวกเจ้าก็ได้กินอาหาร เพื่อเลี้ยงดูพวกเจ้า ข้าจะกลับถึงบ้านช้าและถูกลุงกับป้าทุบตีข้าจะต้องกินอาหารเน่าเสียที่เหลืออยู่”
แม้ภาคกลางจะมีทรัพยากรมากที่สุดในห้าภูมิภาค แต่มนุษย์ส่วนใหญ่ยังมีชีวิตที่ยากล่าบากเป็นเรื่องปกติที่พวกเขาจะอดอาหาร
ทันใดนั้นเสียงสายหนึ่งก็ดังขึ้น
หวังเซียวเอ๋อเงยหน้าขึ้นด้วยความประหลาดใจ
หลังจากนั้นเขาก็ต้องอ้าปากค้างเมื่อเห็นดาวตกร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้าที่สดใส
ดาวตกเริ่มขยายใหญ่ขึ้นในมุมมองสายตาของเขา สายลมกรรโชกแรง อุณหภูมิพุ่งสูงขึ้น
หวังเซียวเอ๋อตกตะลึง ร่างกายของเขาแข็งค้างแกะที่อยู่รอบๆรู้สึกถึงอันตรายพวกมันเริ่มส่งเสียงกรีดร้องและวิ่งไปรอบๆ
ไม่เพียงแค่ฝูงแกะแต่สัตว์ป่าบนภูเขาต่างตะเกียกตะกายหลบหนี ภูเขาที่เคยเงียบสงบกลายเป็นโกลาหล
เมื่อดาวตกใกล้เข้ามา หวังเซียวเอ๋อก็มองเห็นมันได้ชัดเจนขึ้น
ปรากฏว่ามันคือสัตว์ร้ายที่มีร่างกายเท่าภูเขา
สัตว์ร้ายพุ่งชนภูเขาที่หวังเซียวเอ่ออาศัยอยู่
ภูเขาพังทลายลง แผ่นดินสันสะเทือน ฝุ่นควันลอยคละคลุ้งไปทั่ว
หมูบ้านบนภูเขาถูกทําลายล้างทันที
กลุ่มเด็กที่ไล่หวังเซียวเอ๋อออกมาก่อนหน้านี้ถูกลบออกไปทั้งหมด
“ข้ากําลังจะตายงั้นหรือ?”หวังเซียวเอ๋อนั่งหมอบอยู่บนพื้นด้วยความหวาดกลัว
ท่ามกลางกลุ่มฝุ่นควันเศษหินจํานวนนับไม่ถ้วนถูกลมพัดพามา
หนึ่งในนั้นพุ่งปะทะหน้าผากของหวังเซียวเอ๋อ
ก่อนที่เขาจะหมดสติเขาเต็มไปด้วยความสับสนเหตุใดสัตว์ร้ายร่างกายใหญ่โตจึงตกลงมาจากท้องฟ้า?