Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน - บทที่ 2082 ความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 2082 ความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่
“ท่านผู้นํา!”
“ท่านผู้น่า!”
ฟางตี้เฉิงเดินไปที่มุมเปลี่ยวแห่งหนึ่งในค่ายพักแรมและพบกับขอทานสองสามคนบุตรแห่งมนุษยชาติทั้งสิบนํากองทัพขนาดใหญ่ออกมาสํารวจโลกภาพวาดสัตว์อสูรคําราม
ระหว่างการเดินทางพวกเขาสร้างค่ายพักแรมที่มั่นคงและมีการจัดส่งเสบียงอาหารที่เพียงพอแก่กองทัพ
รวย!”
ฟางตี้เฉิงติดตามมาอย่างลับๆพร้อมกับสมาชิกพรรคกระยาจก
“สถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง?”ฟางตี้เฉิงถาม
“พี่น้องของเราติดตามกองทัพผู้บุกเบิกไปอย่างใกล้ชิด”
“ท่านผู้นํา สถานการณ์ค่อนข้างดีเราสามารถรวบรวมซากสัตว์อสูรจํานวนมากพวกเรากําลัง
“เรามีความขัดแย้งกับพ่อค้าและยามบางคนด้วยเหตุผลนี้”
ฟางตี้เฉิงขมวดคิ้ว“มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือไม่?”
พรรคกระยาจกเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว สมาชิกพรรคไม่ได้มีเพียงวิญญาณขนทานเท่านั้นแต่ยังรวมถึงขอทานพื้นเมืองที่แท้จริงของเมืองจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์
เมื่อได้ยินจํานวนผู้ได้รับบาดเจ็บล้มตายฟางตี้เฉิงขมวดคิ้วแน่น
‘แม้พรรคกระยาจกจะเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วแต่วิญญาณขอทานมีพลังการต่อสู้นํามากพวกเขาเสียเปรียบหากต้องเผชิญหน้ากับพ่อค้าหรือยามมีเพียงการรวมตัวและสร้างข้อได้เปรียบด้านจํานวนเท่านั้นที่พวกเขาจะไม่ประสบความสูญเสียฟางตี้เฉิงลอบถอนหายใจพรรคกระยาจกดูเหมือนใหญ่โตแต่มันไม่แข็งแกร่งมากนัก
ฟางตี้เฉิงมายังค่ายพักแรมที่สิบแต่บุตรแห่งมนุษยชาติทั้งสิบเดินทางต่อแล้วและกําลังสร้างค่ายพักแรมที่สิบสอง
‘ตอนนี้ข้าสามารถพึ่งพาเพียงคลื่นสัตว์อสูรเท่านั้นยิ่งเราเดินทางลึกเข้าไปในโลกภาพวาด
สัตว์อสูรค่ารามมากเท่าใดสัตว์อสูรก็ยิ่งแข็งแกร่งมากเท่านั้น ความหวังของฟางตี้เฉิงคือคลื่นสัตว์อสูรเอาชนะบุตรแห่งมนุษยชาติทั้งสิบ
มันจะดีที่สุดหากบุตรแห่งมนุษยชาติได้รับบาดเจ็บล้มตาย หากเป็นเช่นนั้นฟางตี้เฉิงจะมีโอกาสรังแกพวกเขา
‘ข้าไม่สามารถทําสิ่งใดกับเรื่องนี้พลังการต่อสู้ของข้าต่ำเกินไปสิ่งเดียวที่ข้าสามารถใช้ได้คือพรรคกระยาจกบุตรแห่งมนุษยชาติทั้งสิบล้วนเป็นผู้ใช้วิญญาณบนเส้นทางมนุษย์และมีพลังวิญญาณ พวกเขาสามารถใช้วิธีบนเส้นทางมนุษย์ได้ชั่วระยะเวลาหนึ่งแต่ข้าใช้พลังงานอมตะของเฉินซานซึ่งคล้ายกับพลังวิญญาณที่ไร้ขีดจํากัด ดังนั้นข้าจึงสามารถใช้วิญญาณขอทานเหล่านี้ได้ตลอดเวลา
ขณะที่ฟางตี้เฉิงคิดถึงจุดนี้เขารู้สึกหน้ามืดอย่างกะทันหันความรู้สึกอ่อนล้าแพร่กระจายไปทั่วร่างของเขา
ฟางตี้เฉิงรีบหยิบวิญญาณเจตจํานงมนุษย์ออกมาสูดดม
เจตจํานงมนุษย์ถูกดูดซับเข้าไปในร่างกายของเขาและผสานเข้ากับเจตจํานงของเขา
ร่างของฟางตี้เฉิงถูกสร้างขึ้นจากวิญญาณขอทานไม่มีดวงวิญญาณและมีเพียงเจตจํานงเจตจํานงเป็นเรื่องยากที่จะดํารงอยู่และมีค่าใช้จ่ายเมื่อมันคิด
โชคดีที่โลกภาพวาดของเมืองจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์มีวิญญาณเจตจํานงมนุษย์
วิญญาณเจตจํานงมนุษย์จะผลิตเจตจํานงของมนุษย์ขึ้นมาซึ่งสามารถเปลี่ยนรูปแบบเป็น
เจตจํานงชนิดใดก็ได้ ด้วยความช่วยเหลือนี้เจตจํานงของฟางตี้เฉิงจึงสามารถดํารงอยู่ต่อไปในเวลานี้ณส่วนลึกของโลกภาพวาดสัตว์อสูรค่ารามเจตจํานงที่เหมือนมนุษย์ที่แท้จริงลอยอยู่กลางอากาศ
เขาสวมชุดคลุมสีเขียวเขาดูอ่อนโยนและมีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้า เขาก็คือเจตจํานงของเทพ
อมตะบัวสวรรค์!
ด้านล่างเขาเหมาลี่ชิวกําลังนอนอยู่บนพื้นมันถูกมัดด้วยพลังงานไร้รูปลักษณ์และไม่สามารถขยับเขยื้อน
ไม่เพียงเท่านั้นแต่พลังงานลึกลับยังดึงร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าออกมาจากร่างของมัน
อย่างต่อเนื่อง
“สุนัขบัวสวรรค์ ปล่อยข้าและมาสู้กับข้าหากมีความกล้า!” เหมาลี่ชิวตะโกน
เจตจํานงของเทพอมตะบัวสวรรค์ส่ายศีรษะ “เหมาลี่ชิว เจ้ายังไม่ยอมแพ้อีกงั้นหรือ? เจ้าอยู่ ในสถานการณ์ที่สิ้นหวัง เว้นเพียงเทพอมตะตะวันเดือดจะฟื้นคืนชีพและมาช่วยเจ้า มิฉะนั้นความ ตายของเจ้าก็เป็นสิ่งที่แน่นอน”
“เจ้าก็รู้ว่าไม่มีความหวังสําหรับสิ่งนั้นโอกาสรอดเดียวของเจ้าคือการยอมจํานน”
เจตจํานงของเทพอมตะบัวสวรรค์โน้มน้าวด้วยรอยยิ้ม
อย่างไรก็ตามเหมาลี่ชิวกลับคํารามด้วยความโกรธ“ข้าไม่มีวันยอมจํานน! เจ้าสามารถนําพลังงานแห่งเต๋าทั้งหมดของข้าไป!
เจตจํานงของเทพอมตะบัวสวรรค์รู้สึกประหลาดใจ
ในเวลาต่อมาเหมาลี่ชิวก็ยกเลิกการป้องกันทั้งหมดนอกจากนั้นมันยังให้ความร่วมมือและ
ปล่อยให้อีกฝ่ายดึงร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าออกจากร่างของมัน
ท่ามกลางแสงอันเจิดจ้า ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าจํานวนนับไม่ถ้วนกระจายไปทั่วโลกภาพวาดสัตว์อสูรคําราม
ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋ากลายเป็นฝูงสัตว์อสูรทุกรูปแบบ
“โอ้ ไม่” การแสดงออกของเทพอมตะบัวสวรรค์เปลี่ยนแปลงไป เขาไม่คาดคิดว่าเหมาลี่ชิวจะกระทําการหุนหันเช่นนี้
มันถูกขังไว้ในโลกภาพวาดแต่มันยังมีความแข็งแกร่งพอที่จะต่อต้าน หากมันใช้กําลังทั้งหมดปกป้องตนเองมันยังสามารถมีชีวิตอยู่ได้อีกนานดังนั้นเจตจํานงของเทพอมตะบัวสวรรค์จึงต้องเกลี้ยกล่อมให้มันยอมจํานน
สําหรับเหมาลี่ชิว วิธีที่สมเหตุสมผลที่สุดคือปล่อยให้โลกภาพวาดอ่อนแอลงทีละเล็กทีละน้อยขณะที่มันอดทนมีชีวิตอยู่ให้นานที่สุดเช่นเดียวกับสิ่งที่ปีศาจอมตะฉีเจียกําลังทําอยู่
ปีศาจอมตะฉีเจียถูกขังไว้ในโลกภาพปราณคลั่งและไม่สามารถปลดปล่อยตนเองแต่เขายังตั้งความหวังไว้กับอนาคต
อย่างไรก็ตามเหมาลี่ชิวไม่ได้ทําตามตรรกะนี้ นี่ขัดต่อแผนการของเทพอมตะบัวสวรรค์คลื่นสัตว์อสูรขนาดใหญ่ที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนก่อตัวขึ้นและพุ่งเข้าหากองทัพของบุตรแห่งมนุษยชาติทั้งสิบอย่างบ้าคลั่ง
การแสดงออกของบุตรแห่งมนุษยชาติทั้งสิบเปลี่ยนแปลงไปเมื่อพวกเขาเห็นคลื่นสัตว์อสูร“ถอย! คลื่นสัตว์อสูรครั้งนี้รุนแรงเกินไป!”
“แม้เราจะใช้กําลังทั้งหมดแต่เรายังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกมัน!”
“ถอยเร็ว! เราต้องรักษาความแข็งแกร่งเอาไว้!”
บุตรแห่งมนุษยชาติทั้งสิบล้วนเป็นตัวตนชั้นสูง พวกเขาสามารถตัดสินใจได้อย่างเหมาะสมและเลือกที่จะล่าถอยโดยไม่ลังเล
แต่การถอยกลับไม่ใช่เรื่องง่าย คลื่นสัตว์อสูรเหมือนคลื่นยักษ์ที่คุกคามโลกทั้งใบกองทัพผู้
บุกเบิกถูกโจมตีจากทุกทิศทาง
บุตรแห่งมนุษยชาติทั้งสิบต่อสู้ในศึกนองเลือด
เมื่อเวลาผ่านไปพวกเขาก็สามารถเปิดเส้นทางและกลับไปยังค่ายพักแรมที่สิบเอ็ดกองทัพของพวกเขาเหลืออยู่เพียงครึ่งเดียว พวกเขาประสบความสูญเสียครั้งใหญ่
คลื่นสัตว์อสูรยังพุ่งไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง
ค่ายพักแรมมีแนวป้องกันหนาแน่นแต่มันกลับส่งสัญญาณของการพังทลายอย่างรวดเร็ว
“สวรรค์ ดูเหมือนเราจะทําให้สัตว์อสูรเหล่านี้โกรธ”
“คลื่นสัตว์อสูรครั้งนี้ดุร้ายเกินไ แม้เราจะรวมคลื่นสัตว์อสูรก่อนหน้านี้ทั้งหมดพวกมันก็ยังไม่ถึงหนึ่งในสิบของครั้งนี้”
“ถอยเร็ว!”
บุตรแห่งมนุษยชาติทั้งสิบถอยกลับไปยังค่ายพักแรมที่สิบ
ฟางตี้เฉิงจากไปก่อนหน้านี้แล้ว
เขาได้รับข้อมูลและเข้าใจสถานการณ์เป็นอย่างดีเขารู้ว่าค่ายพักแรมที่สิบจะถูกทําลายอย่างแน่นอน
แม้เขาจะต้องการหาโอกาสตอบโต้ แต่เขายังต้องคํานึงถึงความปลอดภัยของตนเองในความเป็นจริงเพียงพรรคกระยาจกยังไม่เพียงพอหากเขาต้องการแก้แค้นค่ายพักแรมที่สิบพังทลายลงในที่สุดขณะที่คลื่นสัตว์อสูรก้าวข้ามมันไป
บุตรแห่งมนุษยชาติทั้งสิบต้องล่าถอยอย่างต่อเนื่อง แม้คลื่นสัตว์อสูรจะพบความสูญเสียเช่นกันแต่ความสูญเสียของพวกมันไร้นัยสําคัญอย่างสิ้นเชิง
สุดท้ายคลื่นสัตว์อสูรก็ขับไล่มนุษย์ทุกคนออกไปจากโลกภาพวาดสัตว์อสูรคํารามค่ายพักแรมที่ถูกสร้างขึ้นด้วยความอุตสาหะถูกทําลายล้างโดยไม่เหลือแม้แต่ค่ายเดียวกองทัพของบุตรแห่งมนุษย์ชาติเหลืออยู่ไม่ถึงสิบส่วนคนที่รอดชีวิตล้วนอยู่ในสภาพที่น่าอนาถทุกคนต่างตกใจและหวาดกลัว
ประตูเมืองแห่งหนึ่งปิดตัวลงยามแสดงออกอย่างเคร่งขรึมคลื่นสัตว์อสูรเคลื่อนที่มาถึงหน้าเมืองแล้วคลื่นสัตว์อสูรไม่หยุดและเริ่มโจมตีเมือง
การต่อสู้กินเวลาสามวันสามคืนเมืองแห่งนี้กําลังจะพ่ายแพ้หลายครั้งที่สัตว์อสูรปีนขึ้นกําแพงเมืองและแกะสลักเส้นทางเลือดไปยังตัวเมืองชั้นในและทําให้ผู้คนได้รับบาดเจ็บล้มตายเป็นจํานวนมาก
“ทหารถั่วศักดิ์สิทธิ์ช่วยพวกเรา!”
ในช่วงเวลาสําคัญทหารถั่วศักดิ์สิทธิ์จํานวนมากก็ปรากฏตัวขึ้นและเอาชนะคลื่นสัตว์อสูร
“นี่คือท่าไม้ตายของวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์หลังจากพวกเราสังหารผู้อมตะทหารถั่วศักดิ์สิทธิ์กลายเป็นฝ่ายของเรา”
บุตรแห่งมนุษยชาติทั้งสิบตกตะลึงยินดีและเสียใจ
การสูญเสียครั้งนี้รุนแรงเกินไปมันทําให้รากฐานที่พวกเขาสะสมมาเกือบหายไปทั้งหมดเรื่องที่โชคดีเพียงหนึ่งเดียวคือบุตรแห่งมนุษยชาติทั้งสิบยังรอดชีวิตฟางตี้เฉิงออกจากเมืองแห่งนี้และไปยังพื้นที่อื่นแล้ว
การสูญเสียของพรรคกระยาจกไม่ใช่เล็กน้อยเช่นกัน
บุตรแห่งมนุษยชาติประสบความพ่ายแพ้และความสูญเสียครั้งใหญ่แต่ฟางตี้เฉิงยังไม่มีโอกาศโจมตีพวกเขา
คลื่นสัตว์อสูรหายไปสัตว์อสูรกระจัดกระจายไปทุกหนทุกแห่งนี่ทําให้ความยากของโลกภาพวาดสัตว์อสูรคํารามเพิ่มสูงขึ้นเป็นอย่างมาก
“ข้าไม่คิดว่าโลกภาพวาดสัตว์อสูรคํารามจะอันตรายถึงเพียงนี้ พิจารณาจากเรื่องนี้โลกภาพ
ฟางตี้เฉิงบอกข้อมูลที่พรรคกระยาจกรวบรวมได้ให้แก่เฉินซานไม่ว่าจะเป็นการสูญเสียของวาดอีกแห่งควรจะมีความยากใกล้เคียงกัน” เฉินซางแลกเปลี่ยนข้อมูลกับฟางตี้เฉิงบุตรแห่งมนุษยชาติทั้งสิบหรือผลงานของเย่ฟานและหงอี้
ในทางตรงข้ามเฉินซานบอกฟางตี้เฉิงเกี่ยวกับการค้นพบครั้งใหญ่ของเขา
เฉินซานเป็นคนที่สํารวจโลกภาพวาดสัตว์อสูรคารามได้ลึกที่สุด เขาเห็นฉากการเกิดขึ้นของคลื่นสัตว์อสูรครั้งนี้
“มันใช้ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าเหมือนการระบายสีเส้นทางแห่งภาพวาดช่างลึกลับนักแต่หากเป็นเช่นนั้น…”ฟางตี้เฉิงวิเคราะห์“ดูเหมือนโลกภาพวาดสัตว์อสูรคํารามกําลังปราบปราม ศัตรูที่ยิ่งใหญ่ของวังสวรรค์อยู่ในส่วนลึกของมันการต่อสู้ระหว่างคลื่นสัตว์อสูรกับกองทัพมนุษย์เป็นวิธีการที่จะทําให้ศัตรูอ่อนแอลงและสามารถกําหราบได้ง่ายขึ้น”
เฉินซานเห็นด้วย“ข้าสงสัยว่าผู้ใดที่ถูกขังไว้ภายใน?อย่างน้อยเขาก็ต้องเป็นผู้อมตะระดับแปดศัตรูของศัตรูก็คือมิตรเราอาจมีโอกาสสร้างความร่วมมือ”
“การสูญเสียของกองทัพมนุษย์ในครั้งนี้รุนแรงมากมีผู้รอดชีวิตเพียงหนึ่งในสิบ พวกเขาไม่ สามารถส่งกองทัพออกไปสํารวจได้ในระยะเวลาสั้นๆเราควรใช้โอกาสนี้เดินทางไปยังส่วนลึกของภาพวาดหรือไม่?” ฟางตี้เฉิงกล่าวก่อนจะส่ายศีรษะ“ไม่สัตว์อสูรเหล่านั้นไม่สนใจผู้ใดทั้งสิ้น”
เฉินซานพยักหน้า “ช่องว่างระหว่างผู้อมตะกับผู้ใช้วิญญาณมีไม่มากนักในโลกภาพวาดดูเหมือนเราจะทําได้เพียงรอให้กองทัพผู้บุกเบิกรวมตัวอีกครั้งเราจะใช้โอกาสนั้นลอบเข้าไปในส่วนลึกของมัน
ขณะที่การต่อสู้ครั้งใหญ่ในโลกภาพวาดยุติลง ฟางหยวนลอบเดินทางไปยังถ้ำสวรรค์คุณธรรงของเผ่ามนุษย์เห็ด
วิญญาณบัวสมบัติสวรรค์ประสบความสําเร็จในการก้าวเข้าสู่ระดับแปดขณะที่ฟางหยวน
สามารถสร้างท่าไม้ตายผสมจํานวนมาก
ในช่วงเวลาที่ผ่านมาบรรพชนทะเลปราณติดต่อวังสวรรค์หลายครั้งเพื่อขอกําลังเสริมในการบุกโจมตีเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์ วังสวรรค์ตกลงแต่กลับไม่นําเนินการใดๆ
ทัศนคติดังกล่าวทําให้ฟางหยวนตระหนักถึงความรุนแรงของสถานการณ์ประตูถ้ำสวรรค์คุณธรรมเปิดออก ลั่วเว่ยหยินออกมาต้อนรับและนําฟางหยวนเข้าไปด้วยตนเอง
ฟางหยวนเปิดปากถามทันทีเมื่อพวกเขานั่งลงบนเก้าอี้ “เทพปีศาจจิตวิญญาณยังมีชีวิตอยู่หรือไม่?”