Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน - บทที่ 2096 วูจี้เลือกมรดก
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 2096 วูจี้เลือกมรดก
ภาคใต้ ฐานทัพใหญ่ตระกูลว
“เร็ว นําดอกไม้จักรพรรดิขาวมาให้ข้า!”ผู้อมตะระดับหกวูเจิ้นจู ตะโกนด้วยความกังวล
นางกําลังควบคุมค่ายกลวิญญาณอมตะและไม่สามารถเบี่ยงเบนความสนใจโชคดีที่ผู้ใช้วิญญาณระดับห้าคอยช่วยเหลือนางอยู่ด้านข้างเมื่อได้รับค่าสั่งพวกเขารีบหางานทันที
ดอกไม้จักรพรรดิขาวเป็นทรัพยากรอมตะระดับหกมันถูกโยนเข้าไปในค่ายกลวิญญาณอมตะนี่เป็นค่ายกลวิญญาณอมตะที่มีชื่อเสียงของตระกูลวู มันเรียกว่าค่ายกลตกสิ่งมีชีวิตในทะเลแห่งความตาย เดิมทีมันเป็นของผู้อมตะระดับแปดแห่งทะเลตะวันออกแต่คนผู้นี้ถูกสังหารโดยผู้อมตะตระกูลวูที่ภาคใต้ขณะที่ค่ายกลตกสิ่งมีชีวิตในทะเลแห่งความตายถูกยึดครองค่ายกลนี้เคยเป็นค่ายกลวิญญาณอมตะสายรักษาระดับแปดแกนกลางดั่งเดิมของมันเป็น
วิญญาณอมตะระดับแปดแต่วิญญาณอมตะระดับแปดของผู้อมตะระดับแปดแห่งทะเลตะวันออกผู้นั้นถูกระเบิดท่าลายทั้งหมด
ตระกูลวูต้องใช้เวลานับร้อยปีเพื่อหลอมรวมวิญญาณอมตะระดับเจ็ดและสามารถสร้างค่ายกลตกสิ่งมีชีวิตในทะเลแห่งความตายระดับเจ็ด
วูจี้และคนอื่นๆที่เสียชีวิตบนภูเขาอี้เทียนฟื้นคืนชีพขึ้นมาด้วยพลังอํานาจของค่ายกลนี้เมื่อค่ายกลหยุดทํางาน วูจี้ก็ตื่นขึ้นด้วยใบหน้าซีดขาว
“ดูเหมือนข้าจะฟื้นคืนชีพอีกครั้ง!”วูจี้เผยรอยยิ้มนางต้องการลุกขึ้นแต่ร่างกายของนาง
อ่อนแอเกินไป นางล้มเหลวหลังจากพยายามสามครั้ง
“เจ้าควรพักผ่อนบ้างวูจี้นี่เป็นครั้งที่ห้าของเดือนนี้”วูเจิ้นจูเข้าไปหาวูจี้ขณะที่นางขมวดคิ้วลึกวูจี้เผยรอยยิ้มเฉยเมย“ไม่ใช่ว่าเรามีค่ายกลนี้งั้นหรือ?แม้ข้าจะตายข้าก็สามารถฟื้นคืนชีพ”วูเจิ้นจูเย้ยหยัน “วูจี้เจ้ารู้หรือไม่ว่าตนเองเกือบเสียชีวิตจริงๆเจ้าสามารถฟื้นคืนชีพเนื่องจากค่ายกลตกสิ่งมีชีวิตจากทะเลแห่งความตายแต่วิธีนี้มีผลน้อยลงเรื่อยๆสําหรับผู้ที่ใช้งานมันอย่างต่อเนื่องเจ้ากําลังเล่นกับชีวิตของตนเอง!เจ้ามีอนาคตที่สดใสเหตุใดเจ้าจึงไม่แยแสชีวิตของตนเองหากยังเป็นเช่นนี้ต่อไปเจ้าจะตายจริงๆ!”
วูจี้ขมวดคิ้วแต่ดวงตาของนางยังสดใส “ข้าคือคนที่ตายไปแล้ว ข้ายังต้องกลัวความตายอีกงั้นหรือ?เพราะข้าเคยตายมาก่อน ตอนนี้ข้าจึงรู้สึกถึงคุณค่าของชีวิตมากขึ้น”
วูเจิ้นจูกลอกตา “เจ้าได้รับมรดกที่แท้จริงของเฉิงเทียนจากกงรี่เทียนมาแล้วเหตุใดเจ้ายังไล่ล่าเขาอย่างไม่หยุดยั้ง?เจ้าไม่ล่าถอยและรับการโจมตีของทุกคนเพื่อสิ่งใด?”
วูจี้หัวเราะเสียงดัง“นี่คือวิธีแสดงคุณค่าชีวิตของข้าหลังจากตายไปครั้งหนึ่งข้าทบทวนชีวิตของตนเองและคิดว่าผู้คนควรใช้ชีวิตอยู่อย่างไรทุกคนมีคําตอบของตัวเองและนี่คือค่าตอบของ
ข้า อายุขัยไม่สําคัญเท่ากับการกระทําในช่วงเวลาที่ยังมีชีวิตอยู่”
“แม้ข้าจะไม่ใช่ผู้อมตะแต่ข้ารู้สถานการณ์ของพวกท่านท่านหญิงเจิ้นจู เหตุใดพวกท่านถึงคิดว่าผู้ใช้วิญญาณทุกคนจะต้องการเป็นผู้อมตะ?ผู้อมตะต้องเผชิญหน้ากับภัยพิบัติมันคือการรนหาที่ตาย มีผู้อมตะกี่คนที่เสียชีวิตจากภัยพิบัติพวกเขารู้ว่ามันอันตรายแต่พวกเขายังเผชิญหน้ากับมันอย่างต่อเนื่องเพราะเหตุใด?ไม่ใช่ว่ามันเป็นเพราะพวกเข้าต้องการสร้างคุณค่าให้กับชีวิตของตนเองงั้นหรือ?”
“ในยุคที่ยิ่งใหญ่ หากข้าไม่มุ่งมั่นและกล้าหาญชีวิตที่สองที่ได้รับมาจะกลายเป็นไร้ค่าข้าวูจี้ต้องการเป็นผู้อมตะข้าอยากเห็นสิ่งต่างๆในจุดที่สูงขึ้นไปนี่คือความหมายของชีวิตข้า!”
หลังจากได้ยินคํากล่าวของวูจี้ การแสดงออกของวูเจิ้นจูกลายเป็นซับซ้อน
นางคาดหวังในตัววูจี้ ดังนั้นนางจึงต้องการให้คําแนะนํากับฝ่ายหลัง แต่นางกลับล้มเหลวในการโน้มน้าว
“ตั้งแต่เจ้าตัดสินใจแล้ว ข้าก็จะไม่กล่าวสิ่งใดอีก” วูเจิ้นจูถอนหายใจ
วูจี้โค้งคํานับ “ท่านหญิงเจิ้นจูผู้ใต้บังคับบัญชาจะจดจําความห่วงใยของท่านเอาไว้”เมื่อนางกล่าวจบประโยคผู้อมตะอีกคนก็ปรากฏตัวขึ้น“ฮ่าฮ่าฮ่าวูจี้ข้าได้ยินคํากล่าวของเจ้าแล้วสมกับเป็นเมล็ดพันธุ์อมตะอันดับหนึ่งของตระกูลวูเจ้าไม่ได้ทําให้ชื่อเสียงของเราเสียหาย”“วูเจิ้นผิงเจ้ามาที่นี่เพื่อ…” วูเจิ้นจูถามแต่นางคาดเดาคําตอบไว้แล้ว
วูเจิ้นผิงพยักหน้าให้วูเจิ้นจูก่อนจะมองไปที่วูจี้“ข้าคือผู้อาวุโสสูงสุดของตระกูลวูที่จะมาให้คําชี้แนะแก่เจ้าวูจี้การบ่มเพาะและรากฐานของเจ้าเพียงพอแล้วข้าได้รับมอบหมายให้มาดูแลเจ้าในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ”
วูจี้สูดหายใจลึกนางป้องหมัดและทําความเคารพนี่เป็นสิ่งที่นางรอคอยมานาน
วูเจิ้นผิงกล่าวอย่างเคร่งขรึม “วูจี้ เจ้าเป็นผู้นําตระกูลวูมานานหลายปีเจ้ารู้ความลับมากมายของผู้อมตะในระดับอมตะตระกูลวูของเราเชี่ยวชาญเส้นทางแห่งวายุมากที่สุดมันเป็นเหตุผลที่เราสามารถยืนอยู่บนจุดสูงสุดของภาคใต้มาตลอด”
“เจ้าสามารถเลือกบ่มเพาะเส้นทางสายอื่นเช่นกัน เรามีมรดกทุกเส้นทางอยู่ในคลังสมบัติแต่ข้ามีคําแนะนําสําหรับเจ้า”
วูเจิ้นผิงชื่นชมวูจี้และต้องการให้ค่าแนะนํานางมากขึ้นวูจี้ตอบ“ผู้อาวุโสโปรดชี้แนะ”
วูเจิ้นผิงกล่าวต่อ“แทนที่จะเลือกเส้นทางเจ้าควรพิจารณาเลือกจากมรดกที่แท้จริงมากกว่าตระกูลวูของเรามีมรดกที่แท้จริงบนเส้นทางแห่งวายุมากที่สุดผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่งของเรา
ท่านวูหยงก็บ่มเพาะบนเส้นทางแห่งวายุ เขาบ่มเพาะด้วยมรดกที่แท้จริงบนเส้นทางแห่วายุที่แข็งแกร่งที่สุดของตระกูลวู อย่างไรก็ตามตระกูลของเรามีผู้บ่มเพาะบนเส้นทางแห่งวายุจํานวนมาก การแข่งขันค่อนข้างสูงข้าไม่แนะนําให้เจ้าเลือกเส้นทางสายนี้” “ตอนนี้ตระกูลวูมีมรดกที่แท้จริงสามมรดกที่แม้แต่พวกเราเหล่าผู้อมตะยังปรารถนามันเป็นเพียงว่าพวกเราไม่สามารถเปลี่ยนเส้นทางการบ่มเพาะได้โดยง่ายการเปลี่ยนแปลงมีค่าใช้จ่ายสูง เกินไป ในช่วงเวลาปกติเราอาจมีโอกาสทําเช่นนั้นแต่ในยุคที่ยิ่งใหญ่ ความวุ่นวายปะทุขึ้นทุกหน ทุกแห่งมันเป็นโอกาสทองสําหรับรุ่นน้องเช่นเจ้า”
วูเจิ้นจูเห็นด้วยและรู้สึกมีความสุข“นี่หมายความผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่งนํามรดกที่แท้จริงทั้งสามนี้ออกมาเพื่อหล่อเลี้ยงทายาทตระกูลวูของเราจริงๆงั้นหรือ?”
“ถูกต้อง ท่านวูหยงมองการณ์ไกลและมีความเอื้ออาทรทุกคนในตระกูลวูชื่นชมท่านเป็นอย่างมาก”วูเจิ้นผิงยกย่องวูหยงจากใจจริง เขาบอกกับวูจี้ว่า“มรดกที่แท้จริงทั้งสามล้ำค่ามากแม้แต่ผู้อมตะยังต้องการข้าจะบอกดูจงเลือกอย่างชาญฉลาด”
“มรดกที่แท้จริงแรกคือมรดกที่แท้จริงจักรพรรดิศพเขาเป็นผู้อมตะระดับแปดของภาคใต้ที่เปลี่ยนตัวเองเป็นผีดิบเมื่อายุขัยของเขาใกล้สิ้นสุดจักรพรรดิศพเป็นปีศาจอมตะที่ดุร้ายเขาสร้างปัญหามากมายให้กับกองกําลังฝ่ายธรรมะเขาเสียชีวิตระหว่างการต่อสู้ ร่างกายของเขาหลอมรวมกับภูเขาและทําให้มันกลายเป็นแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่”
“ย้อนกลับไปกองกําลังพันธมิตรผีดิบของภาคใต้ต้องการเป็นเจ้าของภูเขาลูกนี้และเสนอราคา
สูงมากเพื่อซื้อมันจากพวกเราแต่เราปฏิเสธตอนนี้ดูเหมือนการตัดสินใจของเราจะถูกต้องกองกําลังพันธมิตรผีดิบเป็นส่วนหนึ่งของนิกายเงาแต่นั่นไม่ใช่ปัญหาสําหรับเราในเวลานี้สิ่งสําคัญ
คือการมาถึงของยุคที่ยิ่งใหญ่ทําให้มรดกที่แท้จริงของจักรพรรดิศพอวี่ติงเทียนปรากฏขึ้น”
“นี่เป็นมรดกที่แท้จริงระดับแปดบนเส้นทางแห่งทาส วูจี้ หากเจ้าเลือกมันตระกูลวูจะเลี้ยงดูเจ้าอย่างดีผู้อมตะบนเส้นทางแห่งทาสสามารถต่อสู้กับกองทัพใหญ่ด้วยตนเองปัญหาคือผู้บ่มเพาะบนเส้นทางสายนี้ต้องการทรัพยากรจํานวนมากแต่ตระกูลวูสามารถช่วยเจ้าในเรื่องนี้ข้อเสียเพียงหนึ่งเดียวของเส้นทางสายนี้คือมรดกอมตะมีอยู่น้อยมาก”
วูจี้คิดอยู่ชั่วครู่ก่อนจะส่ายศีรษะ “เส้นทางแห่งทาสไม่เหมาะกับข้า วิญญาณอมตะเป็นเรื่องยากที่จะหลอมรวม ข้าไม่ชํานาญด้านการหลอมรวมเช่นกันแม้ข้าจะได้รับความช่วยเหลือจากตระกูลแต่มันยังยากเกินไปข้าจะไม่เลือกสิ่งนี้”
“ตกลง งั้นมาดูมรดกต่อไป”วูเจิ้นผิงกล่าวต่อ“มรดกที่แท้จริงนี้เป็นมรดกบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณมันมีต้นกําเนิดมาจากเทพปีศาจจิตวิญญาณ”
“มรดกที่แท้จริงนี้เรียกว่าวิหควิญญาณเจ็ดเศียรมันเป็นวิธีสร้างอสูรวิญญาณวิหควิญญาณเจ็ดเศียรเมื่อวิหควิญญาณเจ็ดเศียรถือกําเนิดขึ้นแล้วมันแทบเป็นไปไม่ได้ที่จะถูกสังหารแม้พวกมันจะได้รับบาดเจ็บสาหัส ตราบเท่าที่พวกมันยังมีชีวิตอยู่พวกมันก็ยังสามารถฟื้นคืนขึ้นได้ในระยะเวลาอันสั้นแม้มรดกนี้จะขาดวิญญาณอมตะแต่เรายังสามารถใช้อสูรวิญญาณเพื่อทดแทนเส้นทางสายนี้ง่ายในการบ่มเพาะ”
วูจี้ส่ายศีรษะอีกครั้ง “แม้อสูรวิญญาณจะแข็งแกร่งแต่ข้าไม่ชอบมัน ข้าต้องการบ่มเพาะร่างกายของตนเองการเลี้ยงอสูรวิญญาณเหมือนกับการเป็นพี่เลี้ยงมันไม่เหมาะสมกับข้า”วูเจิ้นผิงขมวดคิ้วเล็กน้อย “การเลือกมรดกที่แท้จริงไม่ใช่เรื่องเด็กเล็กวูจี้เจ้าต้องพิจารณาให้
ดีก่อนตัดสินใจ”
“ถูกต้อง” วูเจิ้นจูพยักหน้าเช่นกัน “ไม่ว่าจะเป็นมรดกที่แท้จริงจักรพรรดิศพหรือมรดกที่แท้จริงวิหควิญญาณเจ็ดเศียรพวกมันต่างเป็นมรดกที่หาได้ยากวูจี้เจ้าต้องคว้าโอกาสที่ดีนี้เอาไว้”จี้รู้สึกไม่สบายใจ“ผู้อาวุโสขอบคุณสําหรับคําแนะนําข้าอยากรู้ว่ามรดกที่แท้จริงที่สามคือสิ่งใด?”
วูเจิ้นผิงตอบ“มรดกที่แท้จริงที่สามคือมรดกที่แท้จริงเฉิงเทียนที่เจ้านํากลับมาคนที่ทิ้งมรดกนี้ไว้เบื้องหลังมีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์เขาคือกงเฉิงเทียน”
“กงเฉิงเทียนมีวิญญาณอมตะเคลื่อนพลังปราณนี่เป็นวิญญาณอมตะลําดับที่สี่ในรายการวิญญาณที่ลึกลับที่สุดของโลกใบนี้แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเนื่องจากการปรากฏตัวของฟางหยวนทําให้วิญญาณกาลเวลาได้รับการยอมรับจากสาธารณชนและถูกยกอันดับขึ้นขณะที่อันดับของวิญญาณอมตะเคลื่อนพลังปราณตกลงมา”
เมื่อกล่าวถึงฟางหยวน วูเจิ้นผิงและวูเจิ้นจูต่างแสดงออกด้วยความรู้สึกซับซ้อน
วูจี้สามารถสัมผัสได้ถึงลมหายใจที่กระสับกระส่ายเล็กน้อยของพวกเขา
ฟางหยวนเคยปลอมตัวเป็นวูอี้ไห่แทรกซึมเข้ามาในตระกูลวู กระทั่งวูหยงยังถูกหลอกแต่ตอน
นี้ตระกูลวูไม่มีคุณสมบัติที่จะแก้แค้นเขาอีกต่อไป
วูเจิ้นผิงกลับมาที่หัวข้อหลัก “กงเฉิงเทียนเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งพลังปราณเขาเชี่ยวชาญด้านการเคลื่อนไหวท่าไม้ตายอมตะเคลื่อนพลังปราณที่เขาสร้างขึ้นในสมัยนั้นทําให้เขามีชื่อเสียง หากเจ้าได้รับมรดกนี้เจ้าจะสามารถเดินทางท่องเที่ยวไปทุกหนทุกแห่งโดยปราศจากอุปสรรค”
“มรดกที่แท้จริงนี้ถูกนํากลับมาโดยเจ้า อาจกล่าวได้ว่ามันเป็นโชคชะตาของเจ้าแต่วิญญาณอมตะของมรดกนี้ยังอยู่ในมือของกงรี่เทียน